Skip to main content


หรือเป็นเพราะว่า
...

เป็นเพราะอำนาจอันลึกลับของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ควบคุมเอกภพนี้เอาไว้


หรือเป็นเพราะว่า...

เป็นเพราะอำนาจของความไม่เที่ยงแท้แน่นอนของชีวิตตามกฎของความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ของไตรลักษณ์

หรือเป็นเพราะว่า...

เป็นเพราะอำนาจชั่วร้ายทางการเมือง ที่ผู้ถืออำนาจ - คอยแต่จะปกป้องอำนาจและผลประโยชน์ให้แก่ตัวเองและพวกพ้องและชนชั้นของตัวเอง จนเป็นเรื่องธรรมดา มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นใดฝ่ายขึ้นไปกุมอำนาจ


หรือเป็นเพราะว่า...

เป็นเพราะอำนาจของกฎหมายและศีลธรรม และจริยธรรมอันดีงาม ที่นำเอาขุมนรกและคุกตะราง คอยมาข่มขู่ข้าให้ยำเกรงอยู่เสมอ จนข้าไม่แน่ใจ ว่าแท้จริงแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของข้า อยากจะทำความดี หรืออยากจะทำความชั่วจนตัวสั่น กันแน่


หรือเป็นเพราะว่า...

เป็นเพราะอำนาจทางวัฒนธรรมสารพัดอย่าง ที่ข้าต้องคอยยอมรับและปฏิบัติตาม เพราะกลัวจะถูกสังคมตำหนิติเตียนและโดดเดี่ยว


หรือเป็นเพราะว่า...

เป็นเพราะอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอยู่เต็มไปหมดแทบทุกมุมเมือง ที่ข้าต้องคอยหวาดหวั่นและคอยกราบไหว้บูชาอยู่ทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่ศาลพระภูมิในบ้านของตัวเอง และยากที่สงสัยและตั้งคำถาม แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แลดูงมงายโง่เขลาและไร้สาระ เพราะมีแต่ความเชื่อที่เป็นความเชื่อที่แตะต้องไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเชื่อในสถาบันที่ถือกันว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่เหนือความผิดและความถูกต้องทั้งปวง


หรือเป็นเพราะว่า...

เป็นเพราะอำนาจจากกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ที่ข้าถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็กจนโต และพยายามปฏิบัติมาจนเบื่อแล้วเบื่ออีก...


ใช่หรือมิใช่

เป็นเพราะอำนาจใดอำนาจหนึ่ง

หรือเป็นเพราะอำนาจทั้งหมดนี้

ที่ทำให้ข้าตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันนี้

แล้วต้องมาพบ

กระเป๋าเงินเก่าๆที่มีแต่ความว่างเปล่าหงิกหงอ - วางอยู่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์

พบข้าวสารไม่พอหุงแบ่งให้หมากินกำมือหนึ่ง - เหลืออยู่ในถุงพลาสติกยับยู่ยี่ในตู้กับข้าว

พบไข่ไก่ขะมุกขะมอมใบหนึ่งและผักกาดเหี่ยวๆจวนจะเน่ามัดหนึ่ง - กองอยู่ในตู้เย็น

พบเข็มชี้เกย์วัดระดับน้ำมันรถเครื่องบนหน้าปัด- ตกลงมาอยู่บนเส้นขีดสีแดง

พบบัตรเชิญไปร่วมงานมงคลทำบุญขึ้นบ้านใหม่ราคาร่วมสิบกว่าล้านบาท

ของเพื่อนร่วมเรียนชั้นมัธยมที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและร่ำรวยมั่งคั่ง

ที่ข้าควรจะมีเงินใส่ซองไปร่วมทำบุญ

และนั่งกินโต๊ะจีนกับเขาในตอนเย็นวันนี้

อย่างน้อยที่สุดไม่ควรต่ำกว่า 500 บาท

จึงจะแลดูเหมาะสมและไม่อับอาย - สังคมแห่งเงินตราและเกียรติยศ

ที่เต็มไปด้วยพ่อค้าและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

วางอยู่บนโต๊ะรับแขกหน้าบ้าน

และพบใบหน้าของน้องสาวใจดี แต่หนี้เก่าก้อนใหญ่ยังใช้เขาไม่หมด

ยังแลดูห่างไกลจากจากความหวังที่จะหยิบยืมใหม่

และที่สุดอย่างถึงที่สุด

พบบัตร ATM กดเงินบอกว่า – ยังไม่มีคำตอบจากสวรรค์

เป็นความอับจน

เป็นความกดดันบีบคั้น

เป็นความขัดแย้งบาดหมาง

ระหว่างความจริงที่เป็นอยู่และความจริงที่ควรจะเป็น

และเป็นความมืดมนของชีวิตอย่างง่ายๆในยามเช้าวันนี้


หรือเป็นเพราะว่า...

แท้จริงแล้ว

เป็นเพราะการกระทำของตัวข้าแต่เพียงผู้เดียวต่างหาก

ที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์ชีวิตที่เลวร้าย

และไม่เป็นที่พึงปรารถนาแก่ตัวเองเช่นนี้

โดยไม่เกี่ยวกับโครงสร้างของอำนาจใดๆในโลกและสังคมนี้

ที่ครอบคลุมและกระทำแก่ตัวข้า

ทำให้ชีวิตข้าถูกไล่ต้อนมาจนมุม

และเย้ยหยันท้าทายให้ข้าหาทางออก

หรือไม่ก็ต้องก้มหน้ายอมจำนน

พ่ายแพ้และอดทน...

ยอมรับสภาพที่ไม่พึงปรารถนา – เพราะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้

ในยามเช้าวันนี้


ใช่

ยามเช้าวันนี้

ยามเช้าที่ชีวิตข้ามีแต่คำถามที่ไร้คำตอบ

และความเชื่อที่สั่นคลอนในการมีชีวิตอยู่

ในโลกที่เต็มไปด้วยอำนาจสารพัดอำนาจครอบงำกำหนด

จนแทบไม่เหลือโอกาสและช่องทางใดๆ

ให้ผู้คนที่ยากจนข้นแค้นที่ถูกบีบคั้นและกดทับ

ได้หลุดรอด

และลืมตาอ้าปาก!


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตเอย เหตุใดเล่า เจ้าจึงเศร้าโศกเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ ให้กับบางสิ่งที่เจ้าได้สูญเสียมันไป เหมือนนมที่หกออกจากแก้วไปแล้ว...ตกลงบนพื้นดิน วันแล้ววันเล่า ไม่รู้จักจบสิ้น  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
12 เมษายน 2545 วันครบรอบวันเกิด...ที่แสนจะเจ็บปวด ขณะนั่งรถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่กับคู่หู ขับรถผ่านไปทางบ้านพ่อแม่ผู้พัน นายเก่าที่มาหยิบยืมเงินเราแล้วไม่ยอมใช้คืน เมื่อสองสามปีที่แล้ว พอเจอหน้า จอดรถจะเข้าไปถาม นายกลับรีบเดินหนี อนิจจา ! นายเอ๋ยนาย...ดอกไม่ต้องขอเพียงแค่ต้นคืนได้ไหม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  7   ครับ รายละเอียดเรื่องราวของเขา ที่ผมอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน เริ่มปรากฏอยู่ในบันทึกหน้านี้นี่เอง และเมื่อหยิบหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ที่เขาถ่ายสำเนาจากหนังสือนิตยสาร “ชีวิตรัก” มาให้ผม ซึ่งเป็นหน้า คอลัมน์ - ในช่วงที่เขาได้แบกเป้ออกไปตะลอนทัวร์ ช่วยคุณวนัสนันท์ ตามที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ออกมาอ่าน เพื่อทำความรู้จักทั้งคอลัมน์และตัวตนของคุณวนัสนันท์ ที่นำมือแห่งความเมตตาของคุณวรรณและคุณแขคนไทยในต่างประเทศ มาฉุดเขาขึ้นมาตจากขุมนรกอันลึกล้ำดำมืดแห่งหนี้สิน และมือแห่งความเมตตาอีกมากมายที่หลั่งไหลติดตามมา... ผมพบว่าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
6 หลังจากงานศพของพ่อแล้ว เขาก็เริ่มตกเข้าไปอยู่ในวังวน - ของการหมกมุ่นครุ่นคิด...เป็นทุกข์อยู่กับหนี้สินอีก และพยายามต่อสู้กับตัวเองอย่างถึงที่สุด ระหว่างการคิดทำลายตัวเองตามพ่อไป เพื่อหนีความทุกข์ปัญหาอันหนักหนาสาหัส และการพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆนานาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
30 ตุลาคม 2539 วันนี้ นายเรียกข้าราชการตำรวจทั้งโรงพักมาประชุม เพื่อร่ำลาไปรับตำแหน่งใหม่ เห็นพวงมาลัย...ที่นายดาบหัวหน้าสายแต่ละสาย เตรียมมาให้นายแล้ว ได้แต่นึกเสียดาย... ท่านมากอบโกย...แล้วก็ไป
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3. เขากลับกรุงเทพฯไปได้หนึ่งอาทิตย์กว่าๆ ผมก็ได้รับกล่องพัสดุขนาดใหญ่ หนักเกือบสองกิโลกรัมจากเขา เมื่อแกะกล่องออกมา ผมก็พบแฟ้มเก็บต้นฉบับที่เขาถ่ายสำเนามาจากหน้าคอลัมน์ “สะพานบุญ” ที่เขาเคยเขียนในนิตยสาร “ย้อนรอยกรรม”และ จากหน้าคอลัมน์ “ศาลาแรงบุญ” ในนิตยสาร “แรงบุญแรงกรรม” ที่เขาเขียนอยู่ในปัจจุบัน นับรวมกันได้ 60 กว่าเรื่อง หนาประมาณ 200 กว่าหน้ากระดาษ A4 รวมทั้งสำเนาต้นฉบับที่เขาถ่ายจากหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์ จากหนังสือ “ ชีวิตรัก” 15 แผ่น และจากกรอบหน้าคอลัมน์หนังสือพิมพ์รายวันที่เขียนยกย่องชื่นชมเขา 3 - 4 แผ่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 1.  จินตวีร์ เกียงมี หรือที่มีชื่อเต็มยศว่า จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ซึ่งปัจจุบันรับราชการตำรวจ ตำแหน่ง งานธุรการอำนวยการกองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ที่ใครต่อใครต่างรู้จักกันทั่วไปทั้งประเทศ และเลื่องลือไปถึงเมืองนอกเมืองนาในวันนี้ ในฐานะ จ่าตำรวจใจบุญ ที่แบกเป้เที่ยวตะลอนๆ ไปช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก แทบทุกหนทุกแห่งในประเทศ ที่ส่งเสียงร้องทุกข์โอดโอยมาให้เขาได้ยิน ซึ่งเราได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากสื่อต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต ฯลฯ และที.วี.แทบทุกช่องที่นำเรื่องราวของเขา มาบอกเล่าแก่สาธารณะชน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 สมัยที่ผมยังทำงานเป็นนักดนตรีประจำร้าน สายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ คู่ชีวิตของคุณจรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะออกมาทำงานเขียนและงานเกี่ยวกับหนังสืออย่างเต็มตัวในทุกวันนี้ ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า ภายในร้านสายหมอกกับดอกไม้ นอกจากเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งภายใน ที่ประกอบด้วย โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นเครื่องไม้ ภาพเขียน รูปปั้น และ ข้าวของเครื่องใช้ ผลงานเพลงของคุณจรัลในตู้โชว์ ตลอดจนรูปภาพของคุณจรัลตามฝาผนังห้องในอิริยาบถต่างๆแล้ว ยังมีกระจกเงาเก่าแก่บานหนึ่ง กว้างประมาณ สองฟุต สูงท่วมหัว ประดับอยู่ตรงมุมห้องโถงด้านขวามือใกล้ๆกับเวทีเล่นดนตรี…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3 กันยายน 2552 ปีนี้ นอกจากจะเป็นวันรำลึกครบรอบการจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาแล้ว วันนี้ยังมาตรงกับวันจัดงาน " แอ่วสันป่าตอง " ซึ่งเป็นงานของโครงการย้อนยุคอำเภอสันป่าตอง ที่มีเป้าหมายที่จะแนะนำอำเภอสันป่าตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นตัวหลักในการจัดงาน ร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมากมายหลายองค์กร ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ก่อนอาทิตย์ตกในไร่ข้าวโพดสีส้มโชติโชนอยู่อีกครู่ใหญ่แผ่ร่มเงาความเวิ้งว้างกว้างออกไปอีกหนึ่งวันกลืนวันวัยในวันนี้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ฉันเอยฉันทลักษณ์ ยากยิ่งนักจะประดิษฐ์มาคิดเขียน เป็นบทกวีงามวิจิตรสนิทเนียน มิผิดเพี้ยนตามกำหนดแห่งกฎเกณฑ์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิ่งมิตร เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม