Skip to main content

คำถาม : การรู้จักตัวเอง ( self knowledge ) คืออะไร เราสามารถทำให้เกิดขึ้นได้อย่างไร
กฤษณมูรติ : ท่านเห็นระดับของความคิดที่ซ่อนอยู่ในคำถามนี้หรือไม่ ข้าพเจ้าไม่ได้แสดงความไม่นับถือผู้ถาม แต่อยากจะชวนให้พวกเราใส่ใจต่อความคิด ซึ่งถามว่า

เราจะได้มันอย่างไร
เราจะต้องซื้อมันสักเท่าไหร่
ฉันจะต้องทำอะไร
ฉันจะต้องทุ่มเทอะไรบ้าง
ข้าพเจ้าจะต้องมีวินัยและฝึกสมาธิอย่างไรบ้าง
เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้รู้จักตนเอง

ความคิดเช่นนี้
มีลักษณะเป็นแบบเครื่องยนต์กลไก เป็นความคิดแบบครึ่งๆกลางๆ ซึ่งมักจะคิดเสมอว่า ฉันจะต้องทำอย่างนี้เพื่อที่จะได้อย่างนั้น บุคคลที่เรียกตนเองว่าเป็นศาสนิกชน ก็มักจะคิดในลักษณะนี้ด้วยเหมือนกัน

แต่การรู้จักตัวเอง
มิได้เกิดขึ้นด้วยวิธีการเช่นนี้ ท่านไม่สามารถที่จะซื้อและลงทุนเพื่อที่จะได้มันมาจากการกระทำหรือการฝึก การรู้จักตนเองจะเกิดขึ้นเมื่อท่านสังเกตตัวท่านเองในความสัมพันธ์ของท่าน
กับเพื่อนนักเรียนร่วมชั้น
กับครู
กับบุคคลที่อยู่รอบตัวท่าน
มันจะเกิดขึ้น เมื่อท่านสังเกตการกระทำของผู้อื่น กิริยาของเขา ลักษณะการแต่งตัว การพูด การยกย่องชมเชยของเขา และการโต้ตอบของตัวท่านเอง

การรู้จักตัวเองจะเกิดขึ้น  เมื่อท่านสังเกตสิ่งต่างๆซึ่งอยู่ในตัวของท่านและเกี่ยวกับตัวท่าน มองดูตัวของท่านเหมือนกับท่านมองดูตัวเองในกระจก

เมื่อท่านมองดูในกระจก
ท่านจะเห็นตัวท่านเองอย่างที่ท่านเป็น ใช่หรือไม่ ท่านอาจจะเกิดความปรารถนา ที่จะให้ศีรษะของท่านมีลักษณะแตกต่างไปจากที่มันเป็น อาจจะอยากให้มีผมขึ้นอีกเล็กน้อย อยากให้ใบหน้าของท่านน่าเกลียดน้อยลง แต่ความจริงจะอยู่ที่นั่น ปรากฏให้เห็นชัดในกระจก ท่านไม่สามารถจะขจัดมันออกไปได้ด้วยคำพูดกลบเกลื่อนที่ว่า
"ฉันช่างหล่อเหลาน่ารักเหลือเกิน"

ถ้าท่านสามารถ
มองดูกระจกแห่งความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับผู้อื่น เหมือนกับที่ท่านส่องกระจกมองตนเอง ท่านจะพบว่าการรู้จักตนเองนั้น จะไม่มีที่สิ้นสุด มันเหมือนกับการเข้าไปสู่มหาสมุทรอันล้ำลึก
ไม่สามารถหยั่งได้
และไม่มีชายฝั่ง
พวกเราส่วนใหญ่ต้องการไปถึงปลายทางหรือจุดที่สิ้นสุด เราต้องการพูดได้ว่า ฉันได้มาถึงการรู้จักตนเองแล้ว และฉันมีความสุข แต่ภาวการณ์เช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น

แต่เมื่อท่าน
มองดูตัวเองโดยปราศจากการตำหนิเหยียดหยามในสิ่งที่ท่านเห็น ปราศจากการเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ปราศจากความปรารถนาในความสวยงามและดีงามมากกว่าเดิม หากท่านเพียงแต่สังเกตว่าท่านเป็นอย่างไร แล้วดำเนินชีวิตไปอย่างนั้น ท่านก็จะพบว่า ท่านสามารถค้นพบตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง
มันเป็นการเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด
และสิ่งนี้เป็นความลึกลับและความสวยงาม.

หมายเหตุ ; โดยส่วนตัวของผมแล้ว ผมถือว่างานบรรยายของกฤษณมูรติ เป็นเสมือนเพชรน้ำหนึ่งทางจิตวิญญาณ เป็นงานที่อ่านได้ตลอดชีวิต เพราะเป็นงานที่อ่านแล้ว รู้สึกเหมือนได้นั่งสนทนากับ กัลยา ณ มิตร ที่เต็มไปด้วยความรอบรู้ในเรื่องภายในของมนุษย์ ซึ่งเต็มไปด้วยปัญหาที่ไม่รู้จักจบสิ้น ฯลฯ

เพราะไม่ว่าท่านจะพูดถึง ความสัมพันธ์และความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับตัวเอง หรือระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ และมนุษย์กับสังคม ท่านก็จะขุดเอารากเหง้าของปัญหาออกมาตีแผ่ และอธิบายอย่างถึงแก่น - ให้เราครุ่นคิดพิจารณาถามตอบตัวเอง เพื่อเข้าถึงสัจจะด้วยตัวของเราเอง โดยมิได้ชักชวนหรือบังคับให้ใครเชื่อ

เรื่องการรู้จักตัวเอง ( self knowledge ) คืออะไร ที่ผมคัดมาจากรวมเล่ม " แห่งความเข้าใจชีวิตและการศึกษาที่แท้จริง"  ซึ่งแปลโดย โสรีช์ โพธิแก้ว โดยสำนักพิมพ์โกมลคีมทอง ( ตีพิมพ์ครั้งที่ 4 สิงหาคม 2545 ) ที่คุณเพิ่งอ่านจบ คงจะยืนยันความนิยมของผมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะท่านที่ปรารถนาจะรู้จักความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

ครับ แล้วผมคงจะนำงานที่ดีและมีประโยชน์ของกฤษณมูรติมานำเสนออีก โดยเฉพาะประเด็นที่คนทั่วไปสนใจ เช่นเรื่องเกี่ยวกับตัวเราเองในเรื่องนี้ สวัสดีครับ.

21 - 22 มิถุนายน 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตเอย เหตุใดเล่า เจ้าจึงเศร้าโศกเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ ให้กับบางสิ่งที่เจ้าได้สูญเสียมันไป เหมือนนมที่หกออกจากแก้วไปแล้ว...ตกลงบนพื้นดิน วันแล้ววันเล่า ไม่รู้จักจบสิ้น  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
12 เมษายน 2545 วันครบรอบวันเกิด...ที่แสนจะเจ็บปวด ขณะนั่งรถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่กับคู่หู ขับรถผ่านไปทางบ้านพ่อแม่ผู้พัน นายเก่าที่มาหยิบยืมเงินเราแล้วไม่ยอมใช้คืน เมื่อสองสามปีที่แล้ว พอเจอหน้า จอดรถจะเข้าไปถาม นายกลับรีบเดินหนี อนิจจา ! นายเอ๋ยนาย...ดอกไม่ต้องขอเพียงแค่ต้นคืนได้ไหม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  7   ครับ รายละเอียดเรื่องราวของเขา ที่ผมอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน เริ่มปรากฏอยู่ในบันทึกหน้านี้นี่เอง และเมื่อหยิบหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ที่เขาถ่ายสำเนาจากหนังสือนิตยสาร “ชีวิตรัก” มาให้ผม ซึ่งเป็นหน้า คอลัมน์ - ในช่วงที่เขาได้แบกเป้ออกไปตะลอนทัวร์ ช่วยคุณวนัสนันท์ ตามที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ออกมาอ่าน เพื่อทำความรู้จักทั้งคอลัมน์และตัวตนของคุณวนัสนันท์ ที่นำมือแห่งความเมตตาของคุณวรรณและคุณแขคนไทยในต่างประเทศ มาฉุดเขาขึ้นมาตจากขุมนรกอันลึกล้ำดำมืดแห่งหนี้สิน และมือแห่งความเมตตาอีกมากมายที่หลั่งไหลติดตามมา... ผมพบว่าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
6 หลังจากงานศพของพ่อแล้ว เขาก็เริ่มตกเข้าไปอยู่ในวังวน - ของการหมกมุ่นครุ่นคิด...เป็นทุกข์อยู่กับหนี้สินอีก และพยายามต่อสู้กับตัวเองอย่างถึงที่สุด ระหว่างการคิดทำลายตัวเองตามพ่อไป เพื่อหนีความทุกข์ปัญหาอันหนักหนาสาหัส และการพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆนานาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
30 ตุลาคม 2539 วันนี้ นายเรียกข้าราชการตำรวจทั้งโรงพักมาประชุม เพื่อร่ำลาไปรับตำแหน่งใหม่ เห็นพวงมาลัย...ที่นายดาบหัวหน้าสายแต่ละสาย เตรียมมาให้นายแล้ว ได้แต่นึกเสียดาย... ท่านมากอบโกย...แล้วก็ไป
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3. เขากลับกรุงเทพฯไปได้หนึ่งอาทิตย์กว่าๆ ผมก็ได้รับกล่องพัสดุขนาดใหญ่ หนักเกือบสองกิโลกรัมจากเขา เมื่อแกะกล่องออกมา ผมก็พบแฟ้มเก็บต้นฉบับที่เขาถ่ายสำเนามาจากหน้าคอลัมน์ “สะพานบุญ” ที่เขาเคยเขียนในนิตยสาร “ย้อนรอยกรรม”และ จากหน้าคอลัมน์ “ศาลาแรงบุญ” ในนิตยสาร “แรงบุญแรงกรรม” ที่เขาเขียนอยู่ในปัจจุบัน นับรวมกันได้ 60 กว่าเรื่อง หนาประมาณ 200 กว่าหน้ากระดาษ A4 รวมทั้งสำเนาต้นฉบับที่เขาถ่ายจากหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์ จากหนังสือ “ ชีวิตรัก” 15 แผ่น และจากกรอบหน้าคอลัมน์หนังสือพิมพ์รายวันที่เขียนยกย่องชื่นชมเขา 3 - 4 แผ่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 1.  จินตวีร์ เกียงมี หรือที่มีชื่อเต็มยศว่า จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ซึ่งปัจจุบันรับราชการตำรวจ ตำแหน่ง งานธุรการอำนวยการกองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ที่ใครต่อใครต่างรู้จักกันทั่วไปทั้งประเทศ และเลื่องลือไปถึงเมืองนอกเมืองนาในวันนี้ ในฐานะ จ่าตำรวจใจบุญ ที่แบกเป้เที่ยวตะลอนๆ ไปช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก แทบทุกหนทุกแห่งในประเทศ ที่ส่งเสียงร้องทุกข์โอดโอยมาให้เขาได้ยิน ซึ่งเราได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากสื่อต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต ฯลฯ และที.วี.แทบทุกช่องที่นำเรื่องราวของเขา มาบอกเล่าแก่สาธารณะชน  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
 สมัยที่ผมยังทำงานเป็นนักดนตรีประจำร้าน สายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ คู่ชีวิตของคุณจรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะออกมาทำงานเขียนและงานเกี่ยวกับหนังสืออย่างเต็มตัวในทุกวันนี้ ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า ภายในร้านสายหมอกกับดอกไม้ นอกจากเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งภายใน ที่ประกอบด้วย โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นเครื่องไม้ ภาพเขียน รูปปั้น และ ข้าวของเครื่องใช้ ผลงานเพลงของคุณจรัลในตู้โชว์ ตลอดจนรูปภาพของคุณจรัลตามฝาผนังห้องในอิริยาบถต่างๆแล้ว ยังมีกระจกเงาเก่าแก่บานหนึ่ง กว้างประมาณ สองฟุต สูงท่วมหัว ประดับอยู่ตรงมุมห้องโถงด้านขวามือใกล้ๆกับเวทีเล่นดนตรี…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  3 กันยายน 2552 ปีนี้ นอกจากจะเป็นวันรำลึกครบรอบการจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาแล้ว วันนี้ยังมาตรงกับวันจัดงาน " แอ่วสันป่าตอง " ซึ่งเป็นงานของโครงการย้อนยุคอำเภอสันป่าตอง ที่มีเป้าหมายที่จะแนะนำอำเภอสันป่าตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นตัวหลักในการจัดงาน ร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมากมายหลายองค์กร ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ก่อนอาทิตย์ตกในไร่ข้าวโพดสีส้มโชติโชนอยู่อีกครู่ใหญ่แผ่ร่มเงาความเวิ้งว้างกว้างออกไปอีกหนึ่งวันกลืนวันวัยในวันนี้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ฉันเอยฉันทลักษณ์ ยากยิ่งนักจะประดิษฐ์มาคิดเขียน เป็นบทกวีงามวิจิตรสนิทเนียน มิผิดเพี้ยนตามกำหนดแห่งกฎเกณฑ์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิ่งมิตร เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม