Skip to main content

 

จริงหรือ
ที่มีคนมาบอกข้าว่า
เป็นโชคดี ของ ทักษิณ ชินวัตร
ที่มิได้เป็นคนเก่งกล้าสามารถและดีเลิศ
ถึงขีดขั้น - ปราศจากข้อบกพร่องและความผิดพลาด
ให้คนตำหนิติเตียนจับผิดได้
ในช่วงที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี
ดังที่เขาได้ถูกขุดคุ้ยออกมาตีแผ่
ตั้งแต่เรื่องที่เขาถูกกล่าวหาว่าซุกหุ้น ทุจริตในหน้าที่
จนถึงความผิดพลาดของนโยบายปราบปรามยาเสพติด
และความผิดพลาดในการแก้ปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ ที่ตากใบและกรือเซ๊ะ
ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เขา - ต้องหลุดพ้นออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
และต้องลี้ภัยอยู่ต่างแดน
และยังมีชีวิตอยู่
และยังมีโอกาสได้ต่อสู้
นี่คือ...
โชคดี ของ ทักษิณ ชินวัตร
เพราะถ้าเขาเป็นคนเก่งกล้าสามารถและดีเลิศจนไม่มีที่ติ
เขาจะต้องประสบกับเคราะห์กรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้

 
เขาผู้บอกเล่า
ย้ำบอกข้า - ด้วยความคิดและมุมมองที่ข้าไม่เคยรับรู้มาก่อน
นอกจากความคิดและมุมมองเก่าๆซ้ำซากๆเกี่ยวกับ ทักษิณ ชินวัตร
ที่ข้าเคยรับรู้มาจนความรู้สึกตายด้าน - กับวาทกรรมซ้ำๆซากๆทางสังคมที่ผ่านสื่อต่างๆ
ทั้งจากฝ่ายที่รักและเกลียด ทักษิณ ชินวัตร
ที่มักจะดูเกินจริงและต่างกันจนสุดขั้ว
นั่นคือ
ถ้า ทักษิณ ชินวัตร ไม่เป็นเทพเจ้าผู้สูงส่ง
ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องเป็นภูตผีปีศาจร้ายที่น่าเกลียดน่ากลัว
จนแทบจะหาภาพจริง ของ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาไม่พบ
เพราะต่างก็สื่อสารกันออกมาบนพื้นฐานของอคติ
แห่งความรักและความจงเกลียดจงชัง ทักษิณ ชินวัตร
ระหว่างคนที่ต้องการจะปกป้องให้เขาดำรงอยู่
และคนที่ต้องการจะกำจัดเขาให้สิ้นซาก - ออกไปจากสังคมไทย
ที่ Contrast กันอย่างรุนแรง - เหมือนขาวกับดำ
ทำให้ข้อเท็จจริงที่ถูกนำไปขยายทั้งในด้านบวกและด้านลบบิดเบือนไป
แต่กระนั้น - ก็ยังมีผู้คนมากมายเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ทั้งภาพที่เป็นสีขาวและดำที่เกินจริง - แห่งอคติ
 

 
ข้าฟังแล้ว
ได้แต่งุนงงเป็นไก่ตาแตก
จึงถามเขาว่าเป็นเพราะเหตุใด
ถ้า ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนที่เก่งกล้าสามารถและดีเลิศ
จนไม่มีข้อบกพร่องและความผิดพลาดใดๆให้คนจับผิดได้
แล้วเหตุไฉน...
ถ้าเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและหมดจดงดงามถึงเพียงนี้
เขายิ่งกลับจะต้องได้รับเคราะห์กรรม
ยิ่งกว่าที่เขากำลังเผชิญอยู่
 
ผู้เปิดมุมมอง
และความคิดใหม่เกี่ยวกับ ทักษิณ ชินวัตร
หัวเราะและอุปมาอุปมัยให้ข้าฟังว่า
ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะของอดีตนายกรัฐมนตรีในคืนวันที่ผ่านมา
ถ้าหากจะเปรียบเขาเป็นนักมวย
เขาเกือบจะเป็นเสมือนนักมวย - ที่เก่งกล้าสามารถจนไม่มีใครสู้ได้
และซื่อสัตย์ต่อจรรยาอาชีพของตัวเอง
ถึงขนาดยอมตายดีกว่ายอมล้มมวย - หลอกลวงประชาชนคนดู
แต่โชคดีเหลือเกิน...
ที่ ทักษิณ ชินวัตร มิได้เป็นคนเก่งกล้าสามารถ
และเป็นคนที่ดีเลิศจนไม่มีที่ติถึงขนาดนี้
 
ใช่
เขาเป็นคนโชคดี
เพราะเขาเป็นคนมีข้อบกพร่องและความผิดพลาด
เป็นจุดอ่อนและช่องทาง...ให้ขั้วอำนาจคู่ปฏิปักษ์ของเขา
มีโอกาสเข้าไปทำลายระบอบของเขา
ด้วยการเปิดโปงข้อบกพร่องและความผิดพลาดของเขา
โดยสื่อที่ผลิตขึ้นมาเพื่อโจมตีเขา
เพื่อดิสเครดิตเขา...
ก่อนจะเข้าไปยึดอำนาจ
และปลดเขาลงมาจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
( ด้วยความรู้สึก - ที่ผู้ก่อการและสังคมที่สูญเสียผลประโยชน์ให้แก่ระบอบของเขา คงจะบอกแก่กันว่า ชอบธรรมดีแล้วเป็นอย่างยิ่ง )


 
หาไม่เช่นนั้น
เขาคงไม่มีโอกาสได้ถอยร่นออกไปตั้งหลักอยู่ต่างแดน
และโฟนอิน - ฝากรักข้ามขอบฟ้าเข้ามาหามวลชนของเขา
เพื่อขอให้ช่วยลงชื่อกราบทูล - ขอพระราชทานอภัยโทษ
และเขย่าบัลลังก์ที่ไม่ค่อยสง่างามของรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ได้เหมือนเช่นทุกวันนี้หรอก...
เพราะถ้าเขาเป็นคนเก่งกล้าสามารถและดีเลิศ
ถึงขีดขั้น - ไม่มีข้อบกพร่องและความผิดพลาดใดๆให้สังคมที่ไม่ชอบเขา
และขั้วอำนาจคู่ปฏิปักษ์ของเขามองเห็นและจับผิด
และถือเป็นช่องทางและจุดอ่อนทำลายล้างเขาทางการเมือง - และยึดอำนาจ
เขาคงจะถูกกระสุนปืน...เด็ดชีพไปนานแล้ว
เช่นเดียวกับคานธี
มหาบุรุษที่เป็นคนดีเสียจนไม่มีความเลวร้ายใดๆ
เป็นจุดอ่อนและช่องทาง - ให้ใครเข้าไปทำลายพลังอหิงสาอันบริสุทธิ์ของท่านได้
นอกจากการทำลายชีวิตของท่าน...
เพื่อยุติบทบาทที่ทรงพลังของท่าน...
ที่ไม่มีใครอาจต้านทานได้ - เสียเท่านั้น
 
โอ
ข้าฟังแล้วยิ่งมึนงงใหญ่
จึงถามเขาว่า
ทำไมคนดีจึงต้องโชคร้ายอย่างนี้
เขาตอบข้าว่า
การเป็นคนดีนะดีแล้ว
แต่การแสดงการทำความดี - ท่ามกลางสายตาของผู้คนหลากหลายในสังคมนั้น
ไม่ว่าจะเพื่อการเมือง...หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่
เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
นั่นคือ
จงทำดี
อย่าให้เด่นจะเป็นภัย
ไม่มีใคร - เขาอยากเห็นเราเด่นเกิน  
ข้าจึงแย้งเขาในทันทีทันใดว่า
ถ้าเป็นเช่นนั้นคนที่เขาคิดจะทำความดี
คงไม่มีใคร - มีกะจิตกะใจอยากจะทำความดีกันอีกแล้ว
เพราะคิดจะทำความดี...
แล้วยังมีเรื่อง...ต้องมากลัวโน่นกลัวนี่อีก ( เซ็งจริงๆโว้ย เกิดมาเป็นคนนี่... )
 
เขากลับตอบข้าว่า
ช่วยไม่ได้
เพราะโลกของความเป็นจริงมักจะเป็นเช่นนี้
ยิ่งเป็นเรื่องของอำนาจและการเมือง
เราแทบจะเอาหลักทางจริยธรรมและศีลธรรมไปเกี่ยวข้องกับมันไม่ได้เลย
เพราะสาระธาตุแท้ของอำนาจและการเมือง
คือผลประโยชน์ - ที่มนุษย์มักจะช่วงชิงกัน มาทุกยุคทุกสมัย
และทุกวิธีการ - เพื่อให้ได้ผลประโยชน์นั้นมาครอบครองแต่เพียงฝ่ายเดียว
( เรื่องที่จะคิดตกลงแบ่งปันกันคนละครึ่งโดยสันติ เขาว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ในนิทานหลอกเด็ก เท่านั้น )
ส่วนเรื่องจริยธรรมและศีลธรรมมันเป็นเรื่องพื้นฐานการปฏิบัติธรรม
เพื่อให้คนลดละ ความโลภ โกรธ หลง ( ขี้งก ดุร้าย และงมงาย )
เพื่อให้คนมีความรักและเมตตาต่อกันและกัน
เพื่อจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน
เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันโดยสันติสุข - โดยไม่เบียดเบียนและทำร้ายกันและกัน
เพื่อจะได้เข้าถึงธรรมะและบรรลุนิพพาน - ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในทางธรรม
นี่คือเรื่องของศาสนา - มันเป็นสาระตรงกันข้ามกับเรื่องอำนาจและการเมือง ที่เป็นเรื่องของทางโลก
ที่มักจะหยิบยกเอาศาสนาและพระไปเป็นเครื่องมือ  
อย่างนั้นหรือ...
ข้าอุทานออกมาด้วยความงุนงง
 
ใช่
เขาย้ำอย่างหนักแน่น
และพูดกับข้าอย่างเชื่อมั่นว่า
คุณเคยเห็นหมาสองตัว
ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายจนเลือดสาด - เพื่อแย่งก้อนเนื้อกันมั้ย
เคยเห็น
นั่นแหละ - นั่นแหละ เรื่องเดียวกันนั่นแหละ
แต่การต่อสู้แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ - ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์
มันโหดร้ายและสลับซับซ้อนมากกว่าสัตว์หลายร้อยหลายพันเท่า
เพราะมนุษย์มิได้ต้องการครอบครอง - เพียงแค่ก้อนเนื้อเพียงก้อนเดียว เท่านั้น
อย่าคิดอะไรให้มากไปเลย ( กินเหล้ากันดีกว่า... )
สาระที่แท้จริงของการเมืองมันเป็นเช่นนี้แหละ
ไม่ว่าจะเป็นยุคนี้หรือยุคไหน
 
ใช่
นี่คือความคิด
และมุมมองใหม่เกี่ยวกับ ทักษิณ ชินวัตร
ที่เลยเถิดไปถึงเนื้อหาทางการเมือง ศาสนา และสังคม
ที่ข้าได้รับฟังมาจากชายขี้เมาซอมซ่อคนหนึ่ง - ในร้านขายเหล้าราคาถูกข้างถนน
ซึ่งออกจะฟังดูเถื่อนๆ และไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย
( เพราะมีแต่หลักวิชาก๊ง ไม่มีหลักวิชาการใดๆมารับรอง ฮ่า ฮ่า )
แต่ก็เป็นมุมมองที่แปลกใหม่และมีชีวิตชีวาดี
โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ว่า - คนยิ่งเป็นคนดี
และพยายามแสดงการทำความดีในสังคมมากเท่าไหร่
ก็ยิ่งเป็นอันตรายแก่ตัวเองมากเท่านั้น
เป็นเรื่องที่น่าเก็บมาคิดใคร่ครวญมิใช่น้อย
สวัสดี.
 
6 - 7 กรกฎาคม 2552
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์นามนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน และยังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการสื่อมวลชนภาคเหนือตอนบน ในฐานะนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอาวุโสของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักเขามานาน ก่อนที่เขาจะเป็นนักหนังสือพิมพ์เสียอีกนั่นคือ รู้จักเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเอวบางร่างน้อย จากดินแดนแห่งขุนเขาและม่านหมอกอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางจากบ้านเกิดหน้าที่ว่าการอำเภอ ไปบวชเรียนเป็นเณรอยู่ที่วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท ต.บางจาก อ.พระโขนง กรุงเทพฯ ภายใต้ร่มเงาพุทธธรรมของท่านอาจารย์วิริยังค์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติชื่อเสียงโด่งดัง สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อคนสองคนหรือผู้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสังคมใดสังคมหนึ่ง ที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ได้เกิดความขัดแย้งกัน  ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็แล้วแต่ แล้วต่อมา ความขัดแย้งนี้ได้ลุกลามถึงขั้น โกรธ เกลียด และแตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย แล้วต่างฝ่ายต่างก็ตั้งหน้าตั้งตา ดุด่า ใส่ร้ายป้ายสี ทะเลาะวิวาทกัน  เพื่อเอาชนะคะคานกัน เพื่อทำลายกันให้พินาศไปข้างหนึ่งเมื่อปรากฏการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้เกิดขึ้น แทนการยุยงส่งเสริม หรือเข้าไปร่วมถือหางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างที่พวกเรามักจะเป็นกันเพราะมีอคติ รักหรือว่าชอบ-คนนั้นพวกนั้น  ผิด ถูก ชั่ว ดี อย่างไร ก็ขอเข้าข้างกันเอาไว้ก่อนแต่เรื่องนี้…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
   
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ภาพจาก http://gotoknow.org/file/i_am_mana/DSC04644.1.jpg คุณที่รักผมลงมือเขียนต้นฉบับนี้ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งนับจากวันนี้ไปอีก 3-4 วันก็จะถึงวันเลือกตั้ง แต่จนป่านนี้ ผมซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งของประเทศที่มีสิทธิไปลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ในเขต 2 อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังนึกไม่ออกเลยว่าควรจะใช้สิทธิอันชอบธรรมนี้ไปเลือกใครหรือพรรคใด หรือว่า...ควรจะโนโหวต คือไม่เลือกใครเลยเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากเป็นเพราะว่า ผมเป็นคนที่หน่อมแน้มในเรื่องการเมืองจริง ๆ  จึงไม่สามารถวิเคราะห์และตัดสินด้วยตัวเองได้อย่างเชื่อมั่น ว่าใครหรือพรรคการเมืองใดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเป็นคนที่วิตกกังวลกับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมวิตกว่าตัวผมผอมไป วิตกว่าผมจะร่วงจนหมดศีรษะ กลัวไปว่าแต่งงานแล้วจะหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ไม่พอ กลัวว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูก ๆ ไม่ได้ และเพราะเหตุที่ตัวผมเองมีชีวิตไม่ค่อยเป็นสุขนัก ผมจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพพจน์ของตัวเองที่ปรากฏต่อคนอื่นเพราะความวิตกกังวล ทำให้ผมเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ผมทำงานไม่ไหวอีกต่อไปต้องหยุดงานอยู่กับบ้าน ผมวิตกกังวลมากเกินไปจนเลยขีดขั้นจำกัด คล้ายกับหม้อน้ำเดือดที่ปราศจากวาล์วปิดกั้น จนทำให้ผมต้องเป็นโรคประสาทอย่างหนัก ผมไม่สามารถพูดกับใครได้เลย แม้แต่กับคนในครอบครัวของผมเอง ผมควบคุมความคิดของตัวเองไม่อยู่ และรู้สึกหวาดกลัวไปหมด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
โอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปไกลลิบลับไม่กลับมาจากไปแล้วหนา...วนิดา คนดีคนดีของคนยากของแผ่นดินยุคทมิฬ รัฐ บรรษัท ทำบัดสีถืออำนาจอยุติธรรมคอยย่ำยีขยำขยี้คนจนปล้นทรัพยากรสารพัดในนามของความผิดที่เขาคิดมากล่าวหามาถอดถอนเพื่อขับไล่ไสส่งจากดงดอนจากสิงขร จากน้ำฟ้า ป่าบรรพชนด้วยกฎหมายที่เขาตราขึ้นมาเองใช้เป็นเหตุยำเยงทุกแห่งหนที่มาดหมายครอบครองเป็นของตนขับไล่คนเหมือนหมูหมาเหมือนกาไก่เธอจึงเกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้อยุติธรรมแด่ผู้ที่ยากไร้ทั้งชีวิตอุทิศทั้งกายใจควรกราบไหว้ควรเชิดชู ควรบูชาโอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปแล้วคุณคนดี วนิดาต่อแต่นี้น้ำตา...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
- สวัสดีครับ- สวัสดีค่ะ- ต้องการพูดกับใครไม่ทราบครับ- ดิฉันต้องการพูดกับ คุณแดนทิวา คนที่เป็นนักเขียนบทกวีค่ะ- ผมกำลังพูดกับคุณอยู่พอดีครับ- โอ๋ ดีจังเลย- เอ...ผมรู้สึกว่า ผมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงนี้ทางโทรศัพท์มาก่อนเลยนะ - ถูกต้องค่ะ- ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณกับผมเคยเป็นคนรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่านะ- คุณไม่รู้จักดิฉันหรอกคะ แต่ดิฉันบังเอิญรู้จักคุณจากหนังสือรวมบทกวีเล่มหนึ่งของคุณ ที่ดิฉันได้มาจากร้านขายหนังสือเก่าแห่งหนึ่ง พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคุณค่ะ- (หัวเราะ) แค่นี้เองหรือครับที่คุณรู้จักผม- ค่ะ แค่นี้เองค่ะ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คนที่ผ่านโลกและชีวิตมาอย่างโชกโชนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า เป็นคนที่เข้าใจมนุษย์ พวกเขามักจะมีคำตอบที่เกี่ยวกับชีวิตอย่างง่าย ๆ สั้น ๆ แต่ลึกซึ้ง ชนิดที่เราฟังแล้ว...บางทีถึงกับสะอึก และต้องจดจำไปจนชั่วชีวิต เพราะมันเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยพลังทะลุทะลวงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจวันหนึ่งนานมาแล้วผมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเข้าเมือง ไปส่งคุณแพรจารุ พูดคุยเรื่องงานกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งมีบ้านอยู่ในซอยที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะคุณแพรและอาจารย์เลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก ผมก็นั่งดูหนังจาก ยูบีซี ที่ท่านอาจารย์เปิดค้างไว้  รู้สึกว่าจะเป็นหนังจากยุโรป เรื่องอะไร…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หลังจากที่ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาได้จากไป เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2544 ตราบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปีเต็ม ๆ ผมคิดว่านอกจากบทเพลงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวามากมายหลายชุด ที่เขาทิ้งไว้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่า ที่ทำให้เราคิดถึงถึงเขา ยามได้ยินบทเพลงของเขา ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว ยังมีสถานที่และผู้คนที่เคยเกี่ยวข้องผูกพันกับชีวิตของเขา บางสถานที่บางบุคคล ที่ทำให้เราคิดถึงเขา ยามได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้น และได้พบใครบางคนดังกล่าว เช่นร้านอาหาร สายหมอกกับดอกไม้ที่ตั้งอยู่ริมถนนเชียงใหม่ 700 ปี หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีใครต่อใครมากมายหลายคนบอกผมเป็นเสียงเดียวกันว่า…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ทำไมนะคนเราจึงมักมองเห็นแต่ความผิดพลาดของคนอื่นและชอบกล่าวคำประณามตัดสินลงโทษเขาราวกับว่าตัวเองไม่เคยทำความผิดบาปใด ๆครั้งหนึ่งเมื่อองค์พระคริสต์ทรงเสด็จประทับสอนฝูงชนอยู่ ณ มหาวิหารของกษัตริย์ซาโลมอนราชโอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ที่มีความชอบเฉพาะพระเจ้าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริซายซึ่งต่อต้านคำสอนของพระองค์ด้วยความเชื่อที่ต่างกันว่า-พระเจ้าของเขาคือการแก้เเค้นตามคำสอนดั้งเดิมของโมเสสณ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมมีความเชื่อว่าคนที่เป็นนักปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนาบ้านเรา ถ้าหากไม่หลงไปปฏิบัติผิดที่ผิดทาง ท่านคงจะรู้กันดีทุกคนนะครับ ว่าเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติเพื่อลดละและปล่อยวาง  ความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นตัวของเรา – เป็นของของเรา ซึ่งทางพุทธบ้านเราถือว่าเป็นต้นตอรากเหง้าของความทุกข์ทางใจทั้งหลายทั้งปวงส่วนจะเป็นทุกข์มากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับใจของเรา ที่เข้าไปยึดเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นตัวกำหนด พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเข้าไปยึดถือมากก็ย่อมเป็นทุกข์มาก ถ้าเข้าไปยึดถือน้อยก็เป็นทุกข์น้อยนั่นเองครับนี่เป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมที่เข้าใจได้ยาก…