ครับ
จั่วหัวเรื่องข้างบนนี่ คือชื่องานคอนเสิร์ต ของคุณ กฤตน ชัยแก้ว หรือที่เพื่อนฝูงนักดนตรีและแฟนเพลงในเชียงใหม่ให้ฉายากันว่า MAEW.Mp3 ตามชื่อเล่นว่า แมว ที่เขาเดาะเขียนเป็นภาษาอังกฤษให้เท่กันเล่นๆ ส่วนคำว่า Mp3 ที่ต่อท้ายเป็นเครื่องหมายบ่งบอกถึงความสามารถของเขาที่สามารถเล่นกีตาร์และร้องได้แทบทุกแนว ตั้งแต่เพลงไทยสากล เพลงลูกทุ่ง เพลงคำเมือง เพลงเพื่อชีวิต เพลงสากล ฯลฯ ทั้งเก่าและใหม่ ประมาณว่าถ้าเขาเล่นดนตรีประจำอยู่ในร้านไหน ไม่ว่าแขกจะขอเพลงอะไร ยากนักที่จะผิดหวัง
ผมรู้ดี เพราะผมเคยเล่นดนตรีห้องอาหารร่วมกับเขามาก่อน หลายต่อหลายครั้ง ที่แขกขอเพลงที่ผมคิดว่าเขาคงจะเล่นไม่ได้ แต่เขาก็สามารถเล่นได้จนผมทึ่ง และไม่เคยเห็นเขาจนมุมให้ใคร เช่น มีคนมาขอให้เขาเล่นเพลง HOTEL CALIFORNIA ของ The Eagles ที่ผมถือว่าใครมาขอให้ผมเล่นเพลงนี้ ไม่ว่าผมจะถนัดหรือไม่ถนัดในการเล่นเพลงสากล ผมจะถือว่าไอ้หมอนี่หรือยายนี่...ไม่โง่ก็บ้า หรือไม่ก็ตั้งใจจะดิสเครดิตผมให้เสียหน้า เพราะเพลงบ้าบอคอแตกเพลงนี้มีความยาวถึง 43 บรรทัด และต้องเล่นนานเกือบ 15 หรือ 20 กว่านาที แต่เขากลับสามารถเล่นและร้องได้จนจบ เผลอๆยังแถมเพลงอื่นๆของ The Eagles ให้ฟังอีกจนสะใจ ด้วยเหตุนี้แหละครับ เขาจึงได้ฉายาว่า MAEW.Mp3
ถึงแม้เขาจะเล่นดนตรีได้แบบครอบจักรวาล และเล่นได้ดีทุกแนว แต่ที่เขาชอบและถนัดเขาเคยบอกผมว่า ต้องเป็นเพลงร็อคมันๆ ซึ่งผมก็เห็นด้วย จึงไม่นึกแปลกใจ ที่เขาสามารถเล่นและร้อง HOTEL CALIFORNIA คนเดียวเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
สมัยที่เล่นร้านเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ผมจะรู้สึกอบอุ่นมากๆที่มีเขามาร่วมงานด้วย และจะขอคิวเจ้าของร้านเล่นก่อนเขาทุกครั้ง เพราะเวลามีแขกมาขอเพลงที่ผมเล่นไม่ได้ ผมก็จะโยนลูกให้เขารับไป เป็นการเอาตัวรอดแบบง่ายๆ และเขาก็ไม่เคยว่าอะไร เพราะไม่ว่าจะโยนเพลงห่าเหวอะไรที่ผมเล่นไม่ได้...ไปให้เขา เขาก็เสือกเล่นได้หมด (ฮา) ซึ่งถ้าเป็นนักดนตรีคนอื่น ผมคงโดนเตะไปนานแล้ว ถ้ามาเล่นโยนลูกกันง่ายๆแบบนี้
ส่วนคำที่ว่า “ใส่เหล้าเต๊าแจ้ง” เป็นกำเมืองเชียงใหม่ แปลว่า “ดื่มเหล้าตราบจนรุ่งสาง” ถอดใจความทั้งหมดที่เป็นชื่องานคอนเสิร์ตนี้ออกมาเป็นภาษากลางที่สละสลวยเข้าใจง่าย ก็คือ
ฟรีคอนเสิร์ต “ดื่มเหล้าตราบจนรุ่งสาง” กับแมว.เอ็มพี3 นั่นเองแหละครับท่านผู้ชม เอ๊ย ท่านผู้อ่าน
ครับ
งานนี้คุณไม่ต้องซื้อบัตร เพียงแค่เตรียมเงินไปซื้อเครื่องดื่มและอาหาร คุณก็สามารถเดินเข้าไปสัมผัสกับคอนเสิร์ตแมวเอ็มพี3 และนักร้องนักดนตรีรับเชิญที่มีชื่อของเมืองเชียงตั้งแต่รุ่นใหญ่ รุ่นกลาง และรุ่นเล็ก ทั้งแบบวันแมนโชว์และมากันเป็นแบรนด์อย่างคับคั่ง เช่น
ฉลาด โกมลรัตน์ : อ้น ธวัชชัย ชูเหมือน
Chiang Mai Bluegrass ; น้อง ปฏิญญา ตั้งตระกูล
ณัฐฐา พรหมมินท์ : ฮวก สุดสะแนน
เบล สะบัดไชย : แอ๊ด ภาณุทัต
เอก ตะเกียง : ตุ๋ย แบนโจ
Lasa Band : TaKu Band
Music Man ฯลฯ
ณ ที่ร้าน “ยิปซีบาร์” ใกล้ๆกับวงเวียนหน้าพืชสวนโลก ถนนริมคลองชลประทาน ต.แม่เหี๊ยะ อ.เมืองเชียงใหม่ วันที่ 10 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 19.00 - 05.00 น.
ครับ
ถึงแม้ว่าชื่องานคอนเสิร์ตนี้ค่อนข้างดุ และออกจะแสลงใจคนที่เคร่งครัดในจริยธรรม และเสี่ยงต่อการถูกกระทรวงวัฒนธรรม “แบน” แต่ก็จริงใจ ไม่หลอกลวงใคร งานคอนเสิร์ตกินเหล้า...ก็ว่าเป็นงานคอนเสิร์ตกินเหล้า...กันจนเต๊าแจ้งไปเลย (ฮา) ไม่ต้องไปหลอกลวงประชาชน ที่สำคัญ เขามีเป้าหมายที่น่าชมเชย นั่นคือรายได้จากการขายอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมด เพื่อจัดซื้อเครื่องดนตรีให้แก่ สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก จังหวัดเชียงใหม่ที่แมว.Mp3 เขาสอนดนตรีให้แก่เด็กๆที่นี่นั่นเอง แล้วคุณจะใจจืดดำไม่ไปงานนี้ได้ลงคอเชียวหรือ...
งานนี้ ได้รับการสนับสนุนโดย Pepsi ร้าน Oasis กลุ่มโฮม ละครกั๊บไฟ และเครื่องเสียงจาก มิว - มีน สอบถามรายละเอียด จองโต๊ะ เต็นท์ ได้ที่คุณป๋อ อังคาร กล่ำคลัง สถาปนิกมาดเซอร์ เจ้าของ ยิปซีบาร์ 083 - 5824816.
7 มกราคม 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ชีวิตเอย
เหตุใดเล่า
เจ้าจึงเศร้าโศกเสียใจร้องไห้คร่ำครวญ
ให้กับบางสิ่งที่เจ้าได้สูญเสียมันไป
เหมือนนมที่หกออกจากแก้วไปแล้ว...ตกลงบนพื้นดิน
วันแล้ววันเล่า
ไม่รู้จักจบสิ้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
12 เมษายน 2545
วันครบรอบวันเกิด...ที่แสนจะเจ็บปวด ขณะนั่งรถจักรยานยนต์ออกตรวจพื้นที่กับคู่หู ขับรถผ่านไปทางบ้านพ่อแม่ผู้พัน นายเก่าที่มาหยิบยืมเงินเราแล้วไม่ยอมใช้คืน เมื่อสองสามปีที่แล้ว พอเจอหน้า จอดรถจะเข้าไปถาม นายกลับรีบเดินหนี อนิจจา ! นายเอ๋ยนาย...ดอกไม่ต้องขอเพียงแค่ต้นคืนได้ไหม...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
7
ครับ
รายละเอียดเรื่องราวของเขา ที่ผมอยากรู้อยากเห็นเหลือเกิน เริ่มปรากฏอยู่ในบันทึกหน้านี้นี่เอง และเมื่อหยิบหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ที่เขาถ่ายสำเนาจากหนังสือนิตยสาร “ชีวิตรัก” มาให้ผม ซึ่งเป็นหน้า คอลัมน์ - ในช่วงที่เขาได้แบกเป้ออกไปตะลอนทัวร์ ช่วยคุณวนัสนันท์ ตามที่เขาตั้งปณิธานเอาไว้ออกมาอ่าน
เพื่อทำความรู้จักทั้งคอลัมน์และตัวตนของคุณวนัสนันท์ ที่นำมือแห่งความเมตตาของคุณวรรณและคุณแขคนไทยในต่างประเทศ มาฉุดเขาขึ้นมาตจากขุมนรกอันลึกล้ำดำมืดแห่งหนี้สิน และมือแห่งความเมตตาอีกมากมายที่หลั่งไหลติดตามมา...
ผมพบว่าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
6 หลังจากงานศพของพ่อแล้ว เขาก็เริ่มตกเข้าไปอยู่ในวังวน - ของการหมกมุ่นครุ่นคิด...เป็นทุกข์อยู่กับหนี้สินอีก และพยายามต่อสู้กับตัวเองอย่างถึงที่สุด ระหว่างการคิดทำลายตัวเองตามพ่อไป เพื่อหนีความทุกข์ปัญหาอันหนักหนาสาหัส และการพยายามคิดหาเหตุผลต่างๆนานาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป...
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
30 ตุลาคม 2539
วันนี้ นายเรียกข้าราชการตำรวจทั้งโรงพักมาประชุม เพื่อร่ำลาไปรับตำแหน่งใหม่ เห็นพวงมาลัย...ที่นายดาบหัวหน้าสายแต่ละสาย เตรียมมาให้นายแล้ว ได้แต่นึกเสียดาย... ท่านมากอบโกย...แล้วก็ไป
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
3.
เขากลับกรุงเทพฯไปได้หนึ่งอาทิตย์กว่าๆ
ผมก็ได้รับกล่องพัสดุขนาดใหญ่ หนักเกือบสองกิโลกรัมจากเขา เมื่อแกะกล่องออกมา ผมก็พบแฟ้มเก็บต้นฉบับที่เขาถ่ายสำเนามาจากหน้าคอลัมน์ “สะพานบุญ” ที่เขาเคยเขียนในนิตยสาร “ย้อนรอยกรรม”และ จากหน้าคอลัมน์ “ศาลาแรงบุญ” ในนิตยสาร “แรงบุญแรงกรรม” ที่เขาเขียนอยู่ในปัจจุบัน นับรวมกันได้ 60 กว่าเรื่อง หนาประมาณ 200 กว่าหน้ากระดาษ A4 รวมทั้งสำเนาต้นฉบับที่เขาถ่ายจากหน้าคอลัมน์ “ศาลาคลายร้อน” ของคุณวนัสนันท์ จากหนังสือ “ ชีวิตรัก” 15 แผ่น และจากกรอบหน้าคอลัมน์หนังสือพิมพ์รายวันที่เขียนยกย่องชื่นชมเขา 3 - 4 แผ่น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
1.
จินตวีร์ เกียงมี
หรือที่มีชื่อเต็มยศว่า จ.ส.ต.จินตวีร์ เกียงมี ซึ่งปัจจุบันรับราชการตำรวจ ตำแหน่ง งานธุรการอำนวยการกองวิจัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ใครต่อใครต่างรู้จักกันทั่วไปทั้งประเทศ และเลื่องลือไปถึงเมืองนอกเมืองนาในวันนี้ ในฐานะ จ่าตำรวจใจบุญ ที่แบกเป้เที่ยวตะลอนๆ ไปช่วยเหลือคนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก แทบทุกหนทุกแห่งในประเทศ ที่ส่งเสียงร้องทุกข์โอดโอยมาให้เขาได้ยิน ซึ่งเราได้รับรู้เรื่องราวของเขาจากสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร อินเตอร์เน็ต ฯลฯ และที.วี.แทบทุกช่องที่นำเรื่องราวของเขา มาบอกเล่าแก่สาธารณะชน
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
สมัยที่ผมยังทำงานเป็นนักดนตรีประจำร้าน สายหมอกกับดอกไม้ ของคุณอันยา โพธิวัฒน์ คู่ชีวิตของคุณจรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ผู้ล่วงลับไปแล้ว ก่อนจะออกมาทำงานเขียนและงานเกี่ยวกับหนังสืออย่างเต็มตัวในทุกวันนี้ ผมจำได้อย่างแม่นยำว่า ภายในร้านสายหมอกกับดอกไม้ นอกจากเฟอร์นิเจอร์และเครื่องประดับตกแต่งภายใน ที่ประกอบด้วย โต๊ะ เก้าอี้ ที่เป็นเครื่องไม้ ภาพเขียน รูปปั้น และ ข้าวของเครื่องใช้ ผลงานเพลงของคุณจรัลในตู้โชว์ ตลอดจนรูปภาพของคุณจรัลตามฝาผนังห้องในอิริยาบถต่างๆแล้ว ยังมีกระจกเงาเก่าแก่บานหนึ่ง กว้างประมาณ สองฟุต สูงท่วมหัว ประดับอยู่ตรงมุมห้องโถงด้านขวามือใกล้ๆกับเวทีเล่นดนตรี…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
3 กันยายน 2552 ปีนี้
นอกจากจะเป็นวันรำลึกครบรอบการจากไปของ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาแล้ว วันนี้ยังมาตรงกับวันจัดงาน " แอ่วสันป่าตอง " ซึ่งเป็นงานของโครงการย้อนยุคอำเภอสันป่าตอง ที่มีเป้าหมายที่จะแนะนำอำเภอสันป่าตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีสภาวัฒนธรรมอำเภอเป็นตัวหลักในการจัดงาน ร่วมกับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนอีกมากมายหลายองค์กร ฯลฯ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ก่อนอาทิตย์ตกในไร่ข้าวโพดสีส้มโชติโชนอยู่อีกครู่ใหญ่แผ่ร่มเงาความเวิ้งว้างกว้างออกไปอีกหนึ่งวันกลืนวันวัยในวันนี้
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฉันเอยฉันทลักษณ์
ยากยิ่งนักจะประดิษฐ์มาคิดเขียน
เป็นบทกวีงามวิจิตรสนิทเนียน
มิผิดเพี้ยนตามกำหนดแห่งกฎเกณฑ์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
มิ่งมิตร
เธอมีสิทธิ์ที่จะล่องแม่น้ำรื่น
ที่จะบุกดงดำกลางค่ำคืน
ที่จะชื่นใจหลายกับสายลม