Skip to main content


"ภาพผู้เขียน โดย ตุ๊ - ช่ออัญชัน กันทะปินตา ที่ยิปซีบาร์"

ในกาลครั้งหนึ่ง
มีภิกษุรูปหนึ่งพบอุปสรรคในการทำสมาธิ เมื่อไหร่ก็ตามที่พยายามเข้าสมาธิจะมี แมลงมุมยักษ์ปรากฏขึ้น ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้
 
เมื่อจนปัญญา ภิกษุรูปนั้นจึงขอให้อาจารย์ช่วย อาจารย์จึงสอนว่า ในการทำสมาธิครั้งต่อไปให้เตรียมพู่กันไว้ข้างตัวด้วย ถ้าเจ้าแมลงมุมยักษ์ปรากฏตัวขึ้นมาอีก ให้เอาพู่กันเขียนเป็นวงกลมไว้ที่ท้องของมัน
 
ภิกษุได้พยายามตามที่อาจารย์สอน แต่ก็เป็นเหมือนเดิม เจ้าแมลงมุมยักษ์ได้กลับมาอีก ท่านจึงปฏิบัติตามแผนการโดยเขียนวงกลมที่ท้องเจ้าสัตว์ประหลาด ทันทีที่ทำเช่นนั้น แมลงมุมก็หายไป ภิกษุจึงสามารถทำสมาธิต่อด้วยความสงบ
 
เมื่อออกจากสมาธิ สิ่งแรกที่ท่านเห็นคือ วงกลมสีดำขนาดใหญ่ที่พุงของท่านเอง สัตว์ที่ร้ายกาจที่สุดคือตัวของท่านเอง ตามที่อาจารย์ได้คาดหมายไว้
 
สิ่งสำคัญประการหนึ่ง
ในการเข้าใจอย่างถ่องแท้ในลัทธิเต๋าก็คือ ปัญหามากมายที่เราเผชิญในชีวิตล้วนมาจากจิตของเราเอง มากกว่าจะมาจากโลกภายนอก ปราชญ์จึงสอนว่า การแก้ปัญหาชนิดนั้นเราจำเป็นต้องหยุดกล่าวโทษอำนาจภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้ และให้พิจารณาอย่างจริงจังที่ตัวเราเอง แล้วเราจะสามารถเริ่มต้นปรับความคิดที่ระดับพื้นฐาน และเริ่มต้นทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงจริงในทุกสิ่งทุกอย่าง
 
เรื่องจริงทำนองเดียวกันนี้
เคยเกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลที่มอนเทอเรย์ ปาร์ค ในขณะที่การแข่งขันกำลังดำเนินอยู่ ได้มีผู้ชมหลายคนเกิดป่วยกะทันหันด้วยโรคอาหารเป็นพิษ แพทย์ผู้วินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยทุกคนล้วนดื่มเครื่องดื่มจากเครื่องจำหน่ายแบบอัตโนมัติของทางสนาม ดังนั้น ในขั้นแรกจึงสันนิษฐานว่า สาเหตุของการป่วยอาจมาจากเครื่องจำหน่ายแบบอัตโนมัติของทางสนาม
 
ดังนั้น
ในขั้นแรกจึงสันนิษฐานว่า สาเหตุของการป่วยอาจมาจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติ เพื่อเป็นการป้องกัน จึงให้โฆษกสนามประกาศให้ผู้ชมทราบ
 
ทันใดนั้น
ความโกลาหลก็บังเกิดขึ้น ผู้คนส่วนมากที่ดื่มเครื่องดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติต่างพากันอาเจียนออกมา บ้างก็เป็นลม ต้องนำส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆนั้น
 
ต่อมา แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยต่อ และทราบว่าปัญหาแรกเริ่มมิได้เกิดจากเครื่องดึ่มที่ได้จากเครื่องจำหน่ายชนิดหยอดเหรียญของสนาม เมื่อผู้ป่วยที่ทางโรงพยาบาลรับตัวไว้รักษาชุดที่สองได้ทราบข่าวนี้ พวกเขาก็หายป่วยทันที อาการทั้งหมดหายไปเป็นปลิดทิ้ง
 
จากเรื่องจริงนี้
เราจะเห็นได้ว่า ความเชื่อมีผลอย่างแรงกล้าต่อโลกทางวัตถุ ในกรณีนี้คือ ร่างกายของแฟนฟุตบอล ความเจ็บปวดของเขาไม่เป็นความจริงเลย เพราะมีสาเหตุมาจากจินตนาการ ถ้าหากแพทย์ยังคงเชื่อต่อไปว่าเครื่องดื่มเป็นสาเหตุ และไม่มีใครพบความจริง พวกเขาเหล่านั้นมิต้องป่วยต่อไปหรือ
 
บางทีเรื่องนี้ อาจให้บทเรียนแก่เราในเรื่องพลังจิต มันเป็นพลังที่ทุกคนมีอยู่แล้ว แต่ได้ใช้ประโยชน์น้อยมาก มันสามารถเป็นเหตุทำร้ายเราและทำให้เกิดทุกข์ หรือช่วยแก้ปัญหาให้เรา ขึ้นอยู่กับการตระหนักรู้ในความจริงนี้ และขึ้นอยู่กับว่า เราจะตัดสินใจทำอะไรกับมัน
 
ลองใช้บทเรียนนี้ตรวจสอบดูการดำเนินชีวิตของเรา ปัญหาของเราเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้จริงหรือ หรือมันเป็นเพียงแค่...เป็นไปในลักษณะนั้น การที่ปัญหาเหล่านี้มาสู่ชีวิตเรา เนื่องจากเราทำอะไรลงไป หรือเนื่องจากเราหลีกเลี่ยงที่จะทำอะไร เรามีพลังพร้อมที่จะแก้ไขใหม่ เราได้ควบคุมมันอยู่แล้วโดยที่ไม่รู้ตัวหรือไม่
 
นิทานเรื่องนี้สอนว่า
จงดูที่ตัวเราให้ละเอียดถี่ถ้วน.
 
หมายเหตุ ; ผมชอบ เต๋า ที่อธิบายจากนิทานเซ็นเรื่องนี้ ตรงที่ คุณเกรียงไกร เจริญโท ผู้เขียนในเชิงวิเคราะห์เรื่องนี้ชี้ให้เราเห็นว่า คนเรามีพลังทางจิตอยู่ในตัวเองทุกคน และพลังนี้มีผลต่อชีวิตจิตใจอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตจิตใจของเราทั้งในด้านบวกและด้านลบ โดยมีกลไกที่ชื่อว่าความเชื่อเป็นเป็นผู้กำกับให้เรามีอันเป็นไป ดังนั้น ก่อนที่เราจะเชื่ออะไรสักอย่าง การตรวจสอบความเชื่อของตัวเองที่ได้เชื่อ เพราะอะไรก็แล้วแต่ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะมันอาจทำให้เราป่วยหรือเป็นบ้า ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นอะไรเลย เพียงแต่จินตนาการ หรือคิดปรุงแต่งเอาเอง ตามเหตุปัจจัยที่ไม่เป็นจริง เท่านั้นเอง
 
ฤดูเลือกตั้งกำลังใกล้เข้ามา เราได้แต่ภาวนาขออย่าให้เกิดการรัฐประหารที่ทำให้เราต้องอกหักกันซ้ำๆซากๆ โดยส่วนตัวผม ใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรีก็โอ.เค.ทั้งนั้น ขอเพียงแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ โดยผ่านขบวนการเลือกตั้ง จะซื้อเสียงหรือไม่ซื้อเสียงผมไม่ติดใจ  
 
เพราะถึงอย่างไรรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเข้ามาด้วยวิธีการใด ไม่ว่าจะชั่วช้าโกงกินกันอย่างไร ประชาชนก็ยังมีสิทธิตรวจสอบ เดินขบวนต่อต้านขับไล่กันได้ (นี่คือข้อดีที่สุดในโลกของระบอบประชาธิปไตย) แต่รัฐบาลเผด็จการ ก็อย่างที่เรารู้ๆกันจนจะอ้วกนั่นแหละครับ เพียงแค่คุณคิดต่าง หรือแค่ชุมนุมกันสี่ห้าคน ถ้าเขาเกิดไม่ชอบใจ เขาก็หาเรื่องเอาปืนมาจ่อหัวคุณเข้าคุกได้แล้ว
 
อย่าคิดอะไรให้มากไปเลยครับ ผู้รู้ท่านหนึ่งบอกผมว่า บ้านเมืองเรา มีทางเลือกให้อยู่ 3 ทางเท่านั้น นั่นคือรัฐบาลที่เลวน้อยที่สุด กับรัฐบาลแต่งตั้ง และรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร และเราต่างก็ได้บทสรุปที่ดีที่สุดกันแล้วมิใช่หรือ ว่ารัฐบาลที่ดีที่สุดในโลกของเมืองไทย ก็คือรัฐบาลที่เลวน้อยที่สุดที่มาจากการเลือกตั้งนั่นเอง (ฮา) เพราะถึงอย่างไรๆการเมืองระบอบนี้ก็ยังให้สิทธิและเสรีภาพแก่คนเล็กคนน้อยอย่างเราๆท่านๆมีปากมีเสียงกันได้ สวัสดี.
 
29 เมษายน 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
 
 
 

 

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์นามนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน และยังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการสื่อมวลชนภาคเหนือตอนบน ในฐานะนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอาวุโสของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักเขามานาน ก่อนที่เขาจะเป็นนักหนังสือพิมพ์เสียอีกนั่นคือ รู้จักเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเอวบางร่างน้อย จากดินแดนแห่งขุนเขาและม่านหมอกอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางจากบ้านเกิดหน้าที่ว่าการอำเภอ ไปบวชเรียนเป็นเณรอยู่ที่วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท ต.บางจาก อ.พระโขนง กรุงเทพฯ ภายใต้ร่มเงาพุทธธรรมของท่านอาจารย์วิริยังค์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติชื่อเสียงโด่งดัง สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อคนสองคนหรือผู้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสังคมใดสังคมหนึ่ง ที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ได้เกิดความขัดแย้งกัน  ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็แล้วแต่ แล้วต่อมา ความขัดแย้งนี้ได้ลุกลามถึงขั้น โกรธ เกลียด และแตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย แล้วต่างฝ่ายต่างก็ตั้งหน้าตั้งตา ดุด่า ใส่ร้ายป้ายสี ทะเลาะวิวาทกัน  เพื่อเอาชนะคะคานกัน เพื่อทำลายกันให้พินาศไปข้างหนึ่งเมื่อปรากฏการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้เกิดขึ้น แทนการยุยงส่งเสริม หรือเข้าไปร่วมถือหางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างที่พวกเรามักจะเป็นกันเพราะมีอคติ รักหรือว่าชอบ-คนนั้นพวกนั้น  ผิด ถูก ชั่ว ดี อย่างไร ก็ขอเข้าข้างกันเอาไว้ก่อนแต่เรื่องนี้…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
   
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ภาพจาก http://gotoknow.org/file/i_am_mana/DSC04644.1.jpg คุณที่รักผมลงมือเขียนต้นฉบับนี้ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งนับจากวันนี้ไปอีก 3-4 วันก็จะถึงวันเลือกตั้ง แต่จนป่านนี้ ผมซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งของประเทศที่มีสิทธิไปลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ในเขต 2 อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังนึกไม่ออกเลยว่าควรจะใช้สิทธิอันชอบธรรมนี้ไปเลือกใครหรือพรรคใด หรือว่า...ควรจะโนโหวต คือไม่เลือกใครเลยเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากเป็นเพราะว่า ผมเป็นคนที่หน่อมแน้มในเรื่องการเมืองจริง ๆ  จึงไม่สามารถวิเคราะห์และตัดสินด้วยตัวเองได้อย่างเชื่อมั่น ว่าใครหรือพรรคการเมืองใดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเป็นคนที่วิตกกังวลกับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมวิตกว่าตัวผมผอมไป วิตกว่าผมจะร่วงจนหมดศีรษะ กลัวไปว่าแต่งงานแล้วจะหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ไม่พอ กลัวว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูก ๆ ไม่ได้ และเพราะเหตุที่ตัวผมเองมีชีวิตไม่ค่อยเป็นสุขนัก ผมจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพพจน์ของตัวเองที่ปรากฏต่อคนอื่นเพราะความวิตกกังวล ทำให้ผมเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ผมทำงานไม่ไหวอีกต่อไปต้องหยุดงานอยู่กับบ้าน ผมวิตกกังวลมากเกินไปจนเลยขีดขั้นจำกัด คล้ายกับหม้อน้ำเดือดที่ปราศจากวาล์วปิดกั้น จนทำให้ผมต้องเป็นโรคประสาทอย่างหนัก ผมไม่สามารถพูดกับใครได้เลย แม้แต่กับคนในครอบครัวของผมเอง ผมควบคุมความคิดของตัวเองไม่อยู่ และรู้สึกหวาดกลัวไปหมด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
โอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปไกลลิบลับไม่กลับมาจากไปแล้วหนา...วนิดา คนดีคนดีของคนยากของแผ่นดินยุคทมิฬ รัฐ บรรษัท ทำบัดสีถืออำนาจอยุติธรรมคอยย่ำยีขยำขยี้คนจนปล้นทรัพยากรสารพัดในนามของความผิดที่เขาคิดมากล่าวหามาถอดถอนเพื่อขับไล่ไสส่งจากดงดอนจากสิงขร จากน้ำฟ้า ป่าบรรพชนด้วยกฎหมายที่เขาตราขึ้นมาเองใช้เป็นเหตุยำเยงทุกแห่งหนที่มาดหมายครอบครองเป็นของตนขับไล่คนเหมือนหมูหมาเหมือนกาไก่เธอจึงเกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้อยุติธรรมแด่ผู้ที่ยากไร้ทั้งชีวิตอุทิศทั้งกายใจควรกราบไหว้ควรเชิดชู ควรบูชาโอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปแล้วคุณคนดี วนิดาต่อแต่นี้น้ำตา...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
- สวัสดีครับ- สวัสดีค่ะ- ต้องการพูดกับใครไม่ทราบครับ- ดิฉันต้องการพูดกับ คุณแดนทิวา คนที่เป็นนักเขียนบทกวีค่ะ- ผมกำลังพูดกับคุณอยู่พอดีครับ- โอ๋ ดีจังเลย- เอ...ผมรู้สึกว่า ผมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงนี้ทางโทรศัพท์มาก่อนเลยนะ - ถูกต้องค่ะ- ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณกับผมเคยเป็นคนรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่านะ- คุณไม่รู้จักดิฉันหรอกคะ แต่ดิฉันบังเอิญรู้จักคุณจากหนังสือรวมบทกวีเล่มหนึ่งของคุณ ที่ดิฉันได้มาจากร้านขายหนังสือเก่าแห่งหนึ่ง พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคุณค่ะ- (หัวเราะ) แค่นี้เองหรือครับที่คุณรู้จักผม- ค่ะ แค่นี้เองค่ะ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คนที่ผ่านโลกและชีวิตมาอย่างโชกโชนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า เป็นคนที่เข้าใจมนุษย์ พวกเขามักจะมีคำตอบที่เกี่ยวกับชีวิตอย่างง่าย ๆ สั้น ๆ แต่ลึกซึ้ง ชนิดที่เราฟังแล้ว...บางทีถึงกับสะอึก และต้องจดจำไปจนชั่วชีวิต เพราะมันเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยพลังทะลุทะลวงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจวันหนึ่งนานมาแล้วผมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเข้าเมือง ไปส่งคุณแพรจารุ พูดคุยเรื่องงานกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งมีบ้านอยู่ในซอยที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะคุณแพรและอาจารย์เลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก ผมก็นั่งดูหนังจาก ยูบีซี ที่ท่านอาจารย์เปิดค้างไว้  รู้สึกว่าจะเป็นหนังจากยุโรป เรื่องอะไร…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หลังจากที่ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาได้จากไป เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2544 ตราบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปีเต็ม ๆ ผมคิดว่านอกจากบทเพลงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวามากมายหลายชุด ที่เขาทิ้งไว้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่า ที่ทำให้เราคิดถึงถึงเขา ยามได้ยินบทเพลงของเขา ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว ยังมีสถานที่และผู้คนที่เคยเกี่ยวข้องผูกพันกับชีวิตของเขา บางสถานที่บางบุคคล ที่ทำให้เราคิดถึงเขา ยามได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้น และได้พบใครบางคนดังกล่าว เช่นร้านอาหาร สายหมอกกับดอกไม้ที่ตั้งอยู่ริมถนนเชียงใหม่ 700 ปี หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีใครต่อใครมากมายหลายคนบอกผมเป็นเสียงเดียวกันว่า…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ทำไมนะคนเราจึงมักมองเห็นแต่ความผิดพลาดของคนอื่นและชอบกล่าวคำประณามตัดสินลงโทษเขาราวกับว่าตัวเองไม่เคยทำความผิดบาปใด ๆครั้งหนึ่งเมื่อองค์พระคริสต์ทรงเสด็จประทับสอนฝูงชนอยู่ ณ มหาวิหารของกษัตริย์ซาโลมอนราชโอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ที่มีความชอบเฉพาะพระเจ้าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริซายซึ่งต่อต้านคำสอนของพระองค์ด้วยความเชื่อที่ต่างกันว่า-พระเจ้าของเขาคือการแก้เเค้นตามคำสอนดั้งเดิมของโมเสสณ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมมีความเชื่อว่าคนที่เป็นนักปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนาบ้านเรา ถ้าหากไม่หลงไปปฏิบัติผิดที่ผิดทาง ท่านคงจะรู้กันดีทุกคนนะครับ ว่าเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติเพื่อลดละและปล่อยวาง  ความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นตัวของเรา – เป็นของของเรา ซึ่งทางพุทธบ้านเราถือว่าเป็นต้นตอรากเหง้าของความทุกข์ทางใจทั้งหลายทั้งปวงส่วนจะเป็นทุกข์มากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับใจของเรา ที่เข้าไปยึดเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นตัวกำหนด พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเข้าไปยึดถือมากก็ย่อมเป็นทุกข์มาก ถ้าเข้าไปยึดถือน้อยก็เป็นทุกข์น้อยนั่นเองครับนี่เป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมที่เข้าใจได้ยาก…