"ภาพประกอบจากมติชนออนไลน์"
ผมเกิดคำถามขึ้นมาว่า
การเลือก คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวคุณทักษิณ เข้ามาเป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย และมีสิทธิ์ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแห่งประเทศไทย ถ้าหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ซึ่งตอนนี้ทั้งโพลและสื่อการเมืองที่น่าเชื่อถือได้ ต่างก็ออกมาชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมพรรคเพื่อไทยนำหน้าพรรคประชาธิปัตย์คู่แข่งอย่างท่วมท้น และแทบจะฟันธงได้เลยว่า ชัยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นของพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
คำถามที่เกิดขึ้นกับผมก็คือ
ก่อนที่คุณทักษิณรวมทั้งฝ่ายมันสมองของพรรคเพื่อไทย จะเลือกคุณยิ่งลักษณ์ เข้ามาเป็นปาร์ตี้ลิสต์หมายเลข 1 ของพรรค และประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการหาเสียง ผมสงสัยว่าทั้งคุณทักษิณและฝ่ายมันสมองของพรรคเพื่อไทย จะรู้และคาดการณ์ล่วงหน้ากันไว้หรือเปล่าว่า เมื่อนำคุณยิ่งลักษณ์เข้ามาเป็นหมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย จะต้องถูกต่อต้านด้วยการขุดคุ้ยความผิดกรณีให้การเท็จคดีซุกหุ้นของคุณทักษิณ
ซึ่งก็ปรากฏออกมาทันที
ในนามของ “เครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอรัปชั่นทักษิณ” ที่ชี้เป้าแสดงความผิดของคุณยิ่งลักษณ์อย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมีท่าน อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ์ และ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เป็นแกนนำเครือข่าย และรายการ “คลายปม” จากทีวีช่อง 11 ของ ท่านอาจารย์เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ให้รายละเอียดในการแฉความผิดของคุณยิ่งลักษณ์ เพื่อบอกแก่สังคมว่า ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้ง มีสิทธิ์ที่จะตั้งรัฐบาล แต่คุณยิ่งลักษณ์ ไม่มีสิทธิที่จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยอย่างเด็ดขาด เพราะมีความผิดกรณีนี้อยู่ นั่นเอง
ยิ่งเมื่อคืนวันที่ 12 มิ.ย. 54 ที่เพิ่งผ่านไป
รายการของท่านอาจารย์ถึงกับเอาเช็คเงินสดของคุณยิ่งลักษณ์ที่เซ็นโอนเงินให้คุณทักษิณ ซึ่งเป็นหลักฐานการทำความผิดของคุณยิ่งลักษณ์ มาโคลส - ภาพให้เห็น โดยพยายามชี้ให้ผู้ชมทางบ้านเห็นลายเซ็นของคุณยิ่งลักษณ์ในเช็คแทบทุกใบ พร้อมกับเคลียร์ปัญหาให้กับอาจารย์แก้วสรรที่เอาเรื่องของคุณยิ่งลักษณ์มาประกาศแก่สังคมในช่วงเวลาหาเสียงนี้ด้วยว่า เป็นเพราะว่า ณ บัดนี้คุณยิ่งลักษณ์มิใช่คนธรรมดาๆเหมือนแต่ก่อน แต่ได้เปลี่ยนสถานภาพจากบุคคลธรรมดาแบบเราๆท่านๆมาเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว ดังนั้น การกระทำเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม และเป็นประโยชน์แก่สังคม
แถมยังชี้ให้เราเข้าใจด้วยว่า นี่ไม่ใช่การรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เพราะในยุคที่ถือกันว่า ผู้หญิงกับผู้ชายมีสิทธิและเสรีภาพเท่าเทียมกัน คุณยิ่งลักษณ์จะมาใช้เรื่องเพศมาต่อสู้หรือเรียกร้องความเห็นใจจากสังคมในยุคนี้ไม่ได้อีกแล้ว ประมาณว่า ผิดก็ต้องได้รับผลจากความผิดเท่าเทียมกับผู้ชายนั่นเอง...
ครับ
ถ้าคุณทักษิณและพรรคเพื่อไทย ไม่ได้คาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ เพราะไม่มีสติปัญญาพอที่จะคิดรู้และคาดการณ์ล่วงหน้าว่า เขาจะเตะสกัด (ตามสำนวนของสื่อหนังสือพิมพ์) คุณยิ่งลักษณ์แบบนี้ ผมไม่มีความสงสัยใดๆ...
แต่ผมไม่เชื่อว่าเขาไม่รู้ ผมเชื่อว่าเขารู้ดี แต่รู้แล้วทำไมเขาจึงทำเช่นนี้ ผมคิดว่า เขาน่าจะมีคำตอบอยู่ในมือแล้ว และเตรียมตัวรับสถานการณ์กันไว้แล้ว ในวันที่คุณยิ่งลักษณ์ถูกกระชากลงจากโอกาสการเป็นผู้นำของพรรครัฐบาล และจะดำเนินการต่อไปอย่างไร จากบทเรียนอันเจ็บปวดที่คุณสมัคร สุนทรเวช และคุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯจากพรรคเพื่อไทยได้รับมา ถ้าหากไม่ถูกทางกองทัพเข้ามาหักดิบ...
เพราะเพียงแค่
แผนการการหาเสียง ที่กำหนดให้คุณยิ่งลักษณ์เล่นบทสตรีผู้สุภาพอ่อนน้อม ประนีประนอมกับทุกฝ่าย และไม่ขุดคุ้ยโจมตีใคร... มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้พรรคคู่กรณีที่เอาแต่ขุดคุ้ยและโจมตีคุณยิ่งลักษณ์ ยิ่งแลดูเป็นพวกผู้ร้ายที่ป่าเถื่อนและล้าหลัง (ทั้งๆที่พูดด้วยเหตุผล ข้อเท็จจริง หลักฐาน และหลักการที่น่าเชื่อถือ) ต่อการรับรู้ของคนทั่วๆไปมากยิ่งขึ้นเท่านั้น ก็เป็นการตลาดที่เหนือกว่ากันหลายชั้นอยู่แล้ว
และโดยเฉพาะ
การเอาเช็คเงินสดของคุณยิ่งลักษณ์ที่เซ็นให้คุณทักษิณ ที่เป็นหลักฐานการทำความผิดของคุณยิ่งลักษณ์มาเปิดโปงให้คนดูทีวีทั้งประเทศ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ผมว่าการจงใจทำลายคุณยิ่งลักษณ์ด้วยวิธีการนี้ เป็นผลเสียแก่ผู้กระทำมากกว่า ถึงแม้ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะทำความผิดจริง มีความผิดจริง ก็ไม่น่าจะทำกับเธอถึงขนาดนี้
เพราะถ้าคุณยิ่งลักษณ์
เธอทำความผิดจริง มีความผิดจริง เธอก็คงหนีไม่พ้นความผิด และไม่มีสิทธิ์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ดังเช่น กรณีคุณสมัครถูกปลดออกกลางอากาศเพราะไปรับจ้างสอนทำกับข้าวออกทีวี ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาเรื่องนี้ของเธอมาเปิดโปงทางทีวีให้คนดูทั้งประเทศ ถึงขนาดโคลสให้เห็นลายเซ็นของเธอ และพยายามชี้ให้คนดู เพื่อให้คนเชื่อให้จงได้ว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีสิทธิ์ใช้ความเป็นเพศหญิงมาต่อสู้ในทางการเมืองคนนี้ (ตามทัศนะของท่านอาจารย์ที่ยกเอาเรื่องความเสมอภาคทางเพศมาอ้างเป็นตรรกะ...) เป็นคนที่ทำความผิดจริง มีความผิดจริง
เพราะแลดูแล้ว
เป็นการกระทำที่มีเจตนาจงใจฆ่า...กันมากเกินไป
จึงแลดูไม่เป็นธรรมชาติ
และเป็นภาพที่ไม่สง่างามเลยครับ
ท่านอาจารย์ที่เคารพ.
หมายเหตุ ; เรื่องการเมืองนี่ นอกจากการอ่านข่าวคราวจากสื่อต่างๆ ให้พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ผมตั้งใจว่าจะไม่เขียนเรื่องการเมืองแล้ว โดยเฉพาะในเชิงออกความเห็นหรือวิพากษ์วิจารณ์ เพราะมันสลับซับซ้อน ยากที่จะเข้าใจ ยากที่ตามทัน ยากที่จะรู้...ว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความลวง เขียนไปก็ยากที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้อ่าน ด้วยสาเหตุดังนี้แล
แต่ไปๆมาๆก็มีประเด็นที่ทำให้ผมอดเขียนไม่ได้ ดังที่ท่านได้อ่านนั่นแหละครับ ท่านผู้ใดอ่านแล้ว มีความคิดเห็นอย่างไร เชิญเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกันตามสบายได้เลยนะครับ แม้แต่ความคิดที่เห็นต่างจากมุมมองของผม ผมก็ยินดีรับฟังด้วยความเคารพ.
13 มิถุนายน 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์นามนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน และยังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการสื่อมวลชนภาคเหนือตอนบน ในฐานะนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอาวุโสของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักเขามานาน ก่อนที่เขาจะเป็นนักหนังสือพิมพ์เสียอีกนั่นคือ รู้จักเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเอวบางร่างน้อย จากดินแดนแห่งขุนเขาและม่านหมอกอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางจากบ้านเกิดหน้าที่ว่าการอำเภอ ไปบวชเรียนเป็นเณรอยู่ที่วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท ต.บางจาก อ.พระโขนง กรุงเทพฯ ภายใต้ร่มเงาพุทธธรรมของท่านอาจารย์วิริยังค์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติชื่อเสียงโด่งดัง สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อคนสองคนหรือผู้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสังคมใดสังคมหนึ่ง ที่เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ได้เกิดความขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด ๆ ก็แล้วแต่ แล้วต่อมา ความขัดแย้งนี้ได้ลุกลามถึงขั้น โกรธ เกลียด และแตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย แล้วต่างฝ่ายต่างก็ตั้งหน้าตั้งตา ดุด่า ใส่ร้ายป้ายสี ทะเลาะวิวาทกัน เพื่อเอาชนะคะคานกัน เพื่อทำลายกันให้พินาศไปข้างหนึ่งเมื่อปรากฏการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้เกิดขึ้น แทนการยุยงส่งเสริม หรือเข้าไปร่วมถือหางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่างที่พวกเรามักจะเป็นกันเพราะมีอคติ รักหรือว่าชอบ-คนนั้นพวกนั้น ผิด ถูก ชั่ว ดี อย่างไร ก็ขอเข้าข้างกันเอาไว้ก่อนแต่เรื่องนี้…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ภาพจาก http://gotoknow.org/file/i_am_mana/DSC04644.1.jpg คุณที่รักผมลงมือเขียนต้นฉบับนี้ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 ซึ่งนับจากวันนี้ไปอีก 3-4 วันก็จะถึงวันเลือกตั้ง แต่จนป่านนี้ ผมซึ่งเป็นประชาชนคนหนึ่งของประเทศที่มีสิทธิไปลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัคร ส.ส.ในเขต 2 อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ยังนึกไม่ออกเลยว่าควรจะใช้สิทธิอันชอบธรรมนี้ไปเลือกใครหรือพรรคใด หรือว่า...ควรจะโนโหวต คือไม่เลือกใครเลยเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากเป็นเพราะว่า ผมเป็นคนที่หน่อมแน้มในเรื่องการเมืองจริง ๆ จึงไม่สามารถวิเคราะห์และตัดสินด้วยตัวเองได้อย่างเชื่อมั่น ว่าใครหรือพรรคการเมืองใดเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมเป็นคนที่วิตกกังวลกับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมวิตกว่าตัวผมผอมไป วิตกว่าผมจะร่วงจนหมดศีรษะ กลัวไปว่าแต่งงานแล้วจะหาเงินเลี้ยงครอบครัวได้ไม่พอ กลัวว่าจะเป็นพ่อที่ดีของลูก ๆ ไม่ได้ และเพราะเหตุที่ตัวผมเองมีชีวิตไม่ค่อยเป็นสุขนัก ผมจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาพพจน์ของตัวเองที่ปรากฏต่อคนอื่นเพราะความวิตกกังวล ทำให้ผมเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ผมทำงานไม่ไหวอีกต่อไปต้องหยุดงานอยู่กับบ้าน ผมวิตกกังวลมากเกินไปจนเลยขีดขั้นจำกัด คล้ายกับหม้อน้ำเดือดที่ปราศจากวาล์วปิดกั้น จนทำให้ผมต้องเป็นโรคประสาทอย่างหนัก ผมไม่สามารถพูดกับใครได้เลย แม้แต่กับคนในครอบครัวของผมเอง ผมควบคุมความคิดของตัวเองไม่อยู่ และรู้สึกหวาดกลัวไปหมด…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
โอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปไกลลิบลับไม่กลับมาจากไปแล้วหนา...วนิดา คนดีคนดีของคนยากของแผ่นดินยุคทมิฬ รัฐ บรรษัท ทำบัดสีถืออำนาจอยุติธรรมคอยย่ำยีขยำขยี้คนจนปล้นทรัพยากรสารพัดในนามของความผิดที่เขาคิดมากล่าวหามาถอดถอนเพื่อขับไล่ไสส่งจากดงดอนจากสิงขร จากน้ำฟ้า ป่าบรรพชนด้วยกฎหมายที่เขาตราขึ้นมาเองใช้เป็นเหตุยำเยงทุกแห่งหนที่มาดหมายครอบครองเป็นของตนขับไล่คนเหมือนหมูหมาเหมือนกาไก่เธอจึงเกิดขึ้นมาเพื่อต่อสู้อยุติธรรมแด่ผู้ที่ยากไร้ทั้งชีวิตอุทิศทั้งกายใจควรกราบไหว้ควรเชิดชู ควรบูชาโอ้ นางฟ้าของคนยากจากไปแล้วดั่งดวงแก้วตกต้องแผ่นผาจากไปแล้วคุณคนดี วนิดาต่อแต่นี้น้ำตา...…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
- สวัสดีครับ- สวัสดีค่ะ- ต้องการพูดกับใครไม่ทราบครับ- ดิฉันต้องการพูดกับ คุณแดนทิวา คนที่เป็นนักเขียนบทกวีค่ะ- ผมกำลังพูดกับคุณอยู่พอดีครับ- โอ๋ ดีจังเลย- เอ...ผมรู้สึกว่า ผมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงนี้ทางโทรศัพท์มาก่อนเลยนะ - ถูกต้องค่ะ- ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณกับผมเคยเป็นคนรู้จักกันมาก่อนหรือเปล่านะ- คุณไม่รู้จักดิฉันหรอกคะ แต่ดิฉันบังเอิญรู้จักคุณจากหนังสือรวมบทกวีเล่มหนึ่งของคุณ ที่ดิฉันได้มาจากร้านขายหนังสือเก่าแห่งหนึ่ง พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ของคุณค่ะ- (หัวเราะ) แค่นี้เองหรือครับที่คุณรู้จักผม- ค่ะ แค่นี้เองค่ะ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คนที่ผ่านโลกและชีวิตมาอย่างโชกโชนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า เป็นคนที่เข้าใจมนุษย์ พวกเขามักจะมีคำตอบที่เกี่ยวกับชีวิตอย่างง่าย ๆ สั้น ๆ แต่ลึกซึ้ง ชนิดที่เราฟังแล้ว...บางทีถึงกับสะอึก และต้องจดจำไปจนชั่วชีวิต เพราะมันเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยพลังทะลุทะลวงไปถึงก้นบึ้งของหัวใจวันหนึ่งนานมาแล้วผมขับมอเตอร์ไซค์ออกจากบ้านเข้าเมือง ไปส่งคุณแพรจารุ พูดคุยเรื่องงานกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งมีบ้านอยู่ในซอยที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขณะคุณแพรและอาจารย์เลี่ยงไปคุยกันอีกมุมหนึ่งในห้องรับแขก ผมก็นั่งดูหนังจาก ยูบีซี ที่ท่านอาจารย์เปิดค้างไว้ รู้สึกว่าจะเป็นหนังจากยุโรป เรื่องอะไร…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
หลังจากที่ จรัล มโนเพ็ชร ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาได้จากไป เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2544 ตราบจนกระทั่งถึงวันนี้เป็นเวลา 6 ปีเต็ม ๆ ผมคิดว่านอกจากบทเพลงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวามากมายหลายชุด ที่เขาทิ้งไว้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่า ที่ทำให้เราคิดถึงถึงเขา ยามได้ยินบทเพลงของเขา ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว ยังมีสถานที่และผู้คนที่เคยเกี่ยวข้องผูกพันกับชีวิตของเขา บางสถานที่บางบุคคล ที่ทำให้เราคิดถึงเขา ยามได้ไปเยือนสถานที่แห่งนั้น และได้พบใครบางคนดังกล่าว เช่นร้านอาหาร สายหมอกกับดอกไม้ที่ตั้งอยู่ริมถนนเชียงใหม่ 700 ปี หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ มีใครต่อใครมากมายหลายคนบอกผมเป็นเสียงเดียวกันว่า…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ทำไมนะคนเราจึงมักมองเห็นแต่ความผิดพลาดของคนอื่นและชอบกล่าวคำประณามตัดสินลงโทษเขาราวกับว่าตัวเองไม่เคยทำความผิดบาปใด ๆครั้งหนึ่งเมื่อองค์พระคริสต์ทรงเสด็จประทับสอนฝูงชนอยู่ ณ มหาวิหารของกษัตริย์ซาโลมอนราชโอรสของกษัตริย์ดาวิด ผู้ที่มีความชอบเฉพาะพระเจ้าพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริซายซึ่งต่อต้านคำสอนของพระองค์ด้วยความเชื่อที่ต่างกันว่า-พระเจ้าของเขาคือการแก้เเค้นตามคำสอนดั้งเดิมของโมเสสณ…
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมมีความเชื่อว่าคนที่เป็นนักปฏิบัติธรรมตามหลักธรรมคำสอนทางพุทธศาสนาบ้านเรา ถ้าหากไม่หลงไปปฏิบัติผิดที่ผิดทาง ท่านคงจะรู้กันดีทุกคนนะครับ ว่าเป้าหมายสูงสุดในการปฏิบัติธรรม คือการปฏิบัติเพื่อลดละและปล่อยวาง ความยึดมั่นถือมั่นว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นตัวของเรา – เป็นของของเรา ซึ่งทางพุทธบ้านเราถือว่าเป็นต้นตอรากเหง้าของความทุกข์ทางใจทั้งหลายทั้งปวงส่วนจะเป็นทุกข์มากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับใจของเรา ที่เข้าไปยึดเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นตัวกำหนด พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเข้าไปยึดถือมากก็ย่อมเป็นทุกข์มาก ถ้าเข้าไปยึดถือน้อยก็เป็นทุกข์น้อยนั่นเองครับนี่เป็นเรื่องที่เป็นนามธรรมที่เข้าใจได้ยาก…