ผมกำลังจะชวนใครต่อใคร
เข้ามาคุยเรื่องปัญหาที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาสะสางและแก้ไข จากข้อมูลของนักวิเคราะห์การเมืองท่านหนึ่งที่รวบรวมและชี้แนะเอาไว้ล่วงหน้าแก่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์เอาไว้
ก็พอดี ได้รับเอกสารข่าวการจัดงาน “เวทีสรุปบทเรียนแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ และนำเสนอการดำเนินงาน โครงการป้องกันการติดเชื้อ เอชไอวี โดยส่งเสริมบูรณาการ และการสร้างเครือข่ายการเข้าถึงบริการของกลุ่ม ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย” (CHAMPION / MSM) จาก คุณลำดวน มหาวัน ผู้จัดการ มูลนิธิพัฒนาเครือข่ายเอดส์ (เอดส์เน็ท) สำนักงานภาคเหนือ ที่ยืนหยัดทำงานนี้มาอย่างจริงจังและยาวนาน ผ่าน แพร จารุ มาให้ผมช่วยประชาสัมพันธ์ ผมจึงขอลัดคิวเพื่อช่วยงานสังคมนี้โดยด่วน
ครับ ถึงแม้เรื่องเอดส์ในปัจจุบันแทบจะไม่มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเอดส์ และผู้ติดเชื้อ เอช ไอ วี ได้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย เอดส์ยังคงมีอยู่ ผู้ติดเชื้อเพราะความประมาทและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ยังมีอยู่ เช่นเดียวกับคนตายกันคนแล้วคนเล่าก็ยังมีอยู่อย่างเงียบๆ แต่ไม่ค่อยจะเป็นข่าว เพราะเป็นเรื่องราวที่สื่อกระแสหลักคงจะเลิกให้ความสำคัญกันแล้ว
จากรายละเอียดในข่าว ที่คุณลำดวนฝากมาประชาสัมพันธ์ ทำให้ผมได้ทราบว่าในปัจจุบัน กลุ่มชายรักชาย เป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วง...เพราะเป็นกลุ่มที่มีปัญหาในทางวัฒนธรรมสังคมในเรื่องเพศที่แปลกแยก ทำให้พวกเขาเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ยาก ท่านที่เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย หรือท่านที่เป็นชายรักชาย ควรสนใจเรื่องนี้นะครับ เพราะมันเป็นเรื่องเป็นเรื่องตายของท่านโดยตรงเลยทีเดียว หรือจะไปร่วมงานตามข่าวดังต่อไปนี้ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ตัวท่านเป็นอย่างยิ่ง
ข่าว...
กลุ่มบุคคล และโครงการจาก 30 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งจากกระทรวงสาธารณะสุข และองค์กรภาคประชาชน จำนวน 350 กว่าคน เข้าร่วมเวทีสรุปบทเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอการดำเนินงานโครงการ CHAMPION / MSM
การจัดเวทีครั้งนี้กำหนดให้มีขึ้นในวันที่ 11 ถึง 14 ก.ค. 54 รวม 4 วัน ที่โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว เชียงใหม่
วันที่ 13 ก.ค. 54 เวลา 08.30 - 09.30 น. ได้รับเกียรติจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางนฤมล ปานวัฒน์ เป็นประธานเปิดงาน และกล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วม ณ ห้องแสนตอง โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว เชียงใหม่ (เชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้ารับฟังด้วยครับ)
งานกิจกรรมนี้
จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้การทำงานป้องกัน เอช ไอ วี ในกลุ่มชายที่ทีเพศสัมพันธ์กับชาย (Men who have a Sex with men) โดยมุ่งการบูรณาการการทำงานและสร้างเครือข่ายในการเข้าถึงปริการให้กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ซึ่งปัจจุบัน ยังถูเรียกขานว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง และผู้คนในสังคมเข้าใจผิดว่า เป็นกลุ่มใหญ่ในสังคมที่มีอัตราการติดเชื้อรายใหม่ค่อนข้างสูง และขาดการตระหนักถึงการป้องกันเชื้อ เอช ไอ วี และยังเป็นกลุ่มที่เข้าถึงบริการสาธารณสุขค่อนข้างยาก
ปัญหาต่างๆเหล่านี้
ทำให้เห็นว่า การทำงานที่มุ่งสู่การป้องกันทางการแพทย์อย่างเดียวนั้นไม่ได้ ต้องมีการเชื่อมต่อทางสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการดำรงอยู่ร่วมกัน
เป้าหมายของกิจกรรมดังกล่าว
จัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจแก่กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ซึ่งเป็นพลเมืองกลุ่มหนึ่งของประเทศนี้ ให้หลุดพ้นจากภาพลักษณ์ของการเป็นกลุ่มเสี่ยง ผู้แพร่เชื้อเอดส์ และเพื่อให้คุณค่าของความเป็นเพศที่แตกต่างจากเพศกระแสหลักอย่างเท่าเทียม และไม่ถูกละเมิดสิทธิต่างๆ
โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก
สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย
องค์กร Family Health International (FHI)
องค์กร UNESCO ประเทศไทย
โดยเวทีครั้งนี้ มุ่งที่จะเปิดพื้นที่ให้กับคนทำงานทั้งภาครัฐ ภาคชุมชน และภาคประชาสังคม ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานซึ่งกันและกัน และเป็นเวทีของการเสนอผลงานการทำงานตลอดระยะเวลา 2 ปี เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ต้องการพัฒนาใหม่ๆ ตลอดจนกำหนดแผนงานร่วมกันในอนาคต ระหว่างชุมชนกับรัฐ โดยมีหมายกำหนดงานดังนี้
11 - 12 ก.ค. 54
เป็นเวทีสรุปบทเรียน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานของคนในแต่ละพื้นที่ 5 ประเด็น
1. การทำงานภาคสนาม
2. การทำงานศูนย์เพื่อน
3. การทำงานเรื่องการเข้าถึงบริการ VCT และ STLs (การตรวจเลือดแบบสมัครใจ และการตรวจรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์)
4. การทำงานประเด็นเรื่องเพศ เพศภาวะ เพศวิถี
5. การทำงานด้านประสานงานร่วมมือกับคณะกรรมการเอดส์จังหวัด ฯลฯ
13 - 14 ก.ค. 54 ( เชิญสื่อมวลชนและผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังด้วยครับ)
เป็นเวทีนำเสนอข้อค้นพบจากห้องย่อยสู่เวทีใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากการพูดคุยกันในเวทีย่อย 5 ประเด็นดังกล่าว ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่มาจากชุมชนในแต่ละพื้นที่ของเครือข่ายความหลากหลายทางเพศที่ทำงานร่วมกัน และเชิญสื่อมวลชนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังด้วย
หมายเหตุ ;MSM (Men who have sex with men) คือ กลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย ซึ่งอาจจะเรียกตนเองว่า เกย์ คนรักเพศเดียวกัน หรือรักต่างเพศหรือไม่ก็ได้ หากแต่เคยมีประสบการณ์ที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศชายด้วยกัน
ซึ่งการมีสัมพันธ์กับเพศชายด้วยกันเอง ก็อาจจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาสนับสนุนให้มีโอกาสมีเพศสัมพันธ์ในลักษณะดังกล่าว ในที่นี้ภายใต้การทำงานโครงการนี้จำเพาะไปที่กลุ่ม เกย์ กะเทย หรือ สาวประเภทสอง (Transgender) และ กลุ่มชายขายบริการ (Male Sex worker)
ท่านผู้ใดที่สนใจต้องการรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม เชิญติดต่อ
ลำดวน มหาวัน มูลนิธิพัฒนาเครือข่ายเอดส์ (เอดส์เน็ท) สำนักงานภาคเหนือ
โทร 053 - 222417 มือถือ 089 - 6331638 โทรสาร 053 - 222484
อีเมลล์ noi_mahwan@yahoo.com
ดนัย ลินจงรัตน์ สมาคมฟ้าสีรุ้งหางประเทศไทย มือถือ 085 – 139688
6 กรกฎาคม 2554
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่
บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เมื่อยังมีชีวิต
จงหายใจเข้าไว้ หายใจแรงๆ และหายใจอย่างสดชื่น เพราะภาระหน้าที่ของชีวิตคือการมีชีวิต ชีวิตที่กระปรี้กระเปร่า และถ้าเป็นไปได้ควรต้องรื่นรมย์กับชีวิต บาปอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ (บางทีสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง) คือการปฏิเสธชีวิต
การมีชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น
ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง
ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย
ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ
ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า
ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าขุนเขา
ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์
ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน
ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด
ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปืน
ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น.
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
อิสรภาพ
ฉันต้องการอิสรภาพ
ที่จะได้เห็น ที่จะได้ยิน
ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เป็นที่ทราบกันดีว่า
กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่สร้างความทุกข์สาหัสให้แก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “หมิ่นสถาบัน” มามากมายหลายคน เพราะกฎหมายนี้ถูกตราขึ้นมาอย่างกว้างๆไม่ระบุขอบข่ายความผิดให้ชัดเจน รวมทั้งกระบวนการจับกุม สอบสวน ดำเนินคดี ก็มิได้เป็นไปตามปกติทั่วไป มิหนำซ้ำการตีความบังคับใช้มาตรานี้ ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่สามารถตีความใช้ได้อย่างกว้างขวาง และนักการเมืองมักจะใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงกันข้ามอยู่เสมอ และผู้ต้องคดีนี้นอกจากจะติดคุกติดตะรางแล้ว ยังถูกซ้ำเติมจากสังคมที่จงรักภักดีต่อสถาบันอย่างรุนแรง
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คือแม่น้ำและขุนเขาอันขรึมขลัง
คือพลังคีตกานท์อันหวานไหว
คือหนึ่งจิตวิญญาณล้านนาไทย
คือดอกไม้สวยสะคราญบานนิรันดร์
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ย้อนกลับไปทบทวนดู
คำประกาศหลังจากรับพระราชทานโปรดเกล้าฯของคุณยิ่งลักษณ์ตอนหนึ่งที่กล่าวว่า
“อุปสรรคข้างหน้ายังรอเราอยู่มาก ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่ทั้งหมดมิใช่อุปสรรคขวางกั้นมิให้ทำงาน พร้อมที่จะอุทิศตัวด้วยความทุ่มเท เสียสละอดทน ทำงานแข่งกับเวลา ไม่เกรงต่อความลำบากใดๆ”
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และ เป็นนายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเมืองไทย และเป็นคนที่ 52 ของโลก อย่างสมบูรณ์ โดยได้รับการโหวตเสียงจากที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 296 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง และงดออกเสียง 197 เสียง ก่อนจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 เวลา 18.40 น. ณ บริเวณตึกชั้น 7 ที่ทำงานพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางความยินดีของคนจำนวนมากมาย ที่สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
คราวที่แล้ว
ผมนำเรื่อง “คนดีของคนเมือง และ คนดีของชนบท” ที่แตกต่างกัน จากบทสัมภาษณ์ที่ชื่อว่า “ความคาดหวังและความจริงของประชาธิปไตยแบบไทยๆ” ของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารสารคดี ฉบับเดือนตุลาคม 2543 ผมคิดว่าจะหยุดเพียงแค่นั้น แต่ก็หยุดไม่ได้ เพราะพบว่ายังมีประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านอีกสองประเด็น ที่ยังเป็นเรื่องราวที่ยังดำรงอยู่ในปี 2544 และต่อไปอีกนานเท่าไหร่ ก็คงไม่มีใครรู้ เพราะมันเป็นรื่องของอนาคต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมมักจะได้ยิน
ผู้คนและสื่อต่างๆเกี่ยวกับการเมือง มักจะพูดกันให้ได้ยินอยู่เสมอว่า
“คนชนบทเป็นคนเลือกตั้งรัฐบาล คนเมืองเป็นคนล้ม”
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความจริงมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครให้คำอธิบายที่ฟังดู สมเหตุสมผลและชอบธรรม ให้ฟัง ว่าทำไมคนเมืองที่หมายถึงคนชั้นกลาง จึงไม่ชอบรัฐบาลที่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นคนชนบทในประเทศ และช่วยกันล้มรัฐบาลที่เขาเลือกตามกติกา
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ถึงแม้ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
จะได้รับการรับรองจาก กกต. ให้หลุดพ้นจากข้อหาไปช่วยขบวนแห่ที่เชียงราย ให้พ้นจากข่ายความผิดด้วยมติ 5 ต่อ 0 ท่ามกลางความโล่งอกของใครต่อใครมากมายหลายคน ที่ว่ากันว่า เป็นเพราะโพลเสียงจากประชาชน 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องการคุณยิ่งลักษณ์นายกฯ (รวมทั้ง นปช.) เป็นกระแสกดดัน กกต. หรือเพราะเหตุใดก็ช่างเถิด แต่เราก็สามารถฟันธงกันได้เลยว่า อีกไม่นาน เราจะต้องได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศอย่างแน่นอน
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมไม่แน่ใจว่า
ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คนสวย และกลุ่มมันสมองของพรรคเพื่อไทยจะชูนโยบายประชานิยม เพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำให้กรรมกรผู้ใช้แรงงานจาก 221 บาท เป็น 300 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้จบปริญญาตรีที่เริ่มเข้าบรรจุงานจาก 11,028 บาท เป็น 15,000 บาท
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมกำลังจะชวนใครต่อใคร
เข้ามาคุยเรื่องปัญหาที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาสะสางและแก้ไข จากข้อมูลของนักวิเคราะห์การเมืองท่านหนึ่งที่รวบรวมและชี้แนะเอาไว้ล่วงหน้าแก่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์เอาไว้