Skip to main content

20080328 ภาพประกอบ 1

วิถีในทางโลกและทางธรรม
มันเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามและสวนทางกันแทบทุกกรณี เช่น ในขณะที่ทางโลกสอนให้เรายึดมั่นถือมั่นเอาโน่นเอานี่ แต่ทางธรรมกลับสอนให้เราลดละปล่อยวางทั้งสิ่งที่เป็นวัตถุธรรมและนามธรรม เพื่อจะนำชีวิตไปสู่การหลุดพ้นจากความทุกข์ จากมุมมองของผม ซึ่งเป็นคนที่ยังมีกิเลสค่อนข้างหนาหนัก ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยากแสนยากที่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆท่านๆที่ยังติดข้องอยู่ในโลก จะเดินเข้าไปสู่ทางธรรมได้ ถ้าหากไม่มีเหตุปัจจัยอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดความศรัทธาและแรงบันดาลใจอันใหญ่หลวง ดึงดูดให้เข้าไป

โดยเฉพาะการเดินเข้าไปสู่ทางธรรมในฐานะนักปฏิบัติ เพราะมีแต่เรื่องที่ต้องฝืนใจและฝืนความเคยชินที่เราคุ้นเคยไปแทบทุกอย่าง

เมื่อพระผู้เริ่มฝึกหัดปฏิบัตินั่งวิปัสสนากรรมฐานองค์หนึ่ง
ณ สำนักปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานชื่อดัง และเป็นที่รู้จักกันทั่วไปทั้งประเทศ ได้เกิดความหงุดหงิดและรำคาญเพื่อนพระที่เริ่มมาฝึกหัดปฏิบัติด้วยกัน เพราะไม่เอาใจใส่ในการปฏิบัติ และได้ปรารภกับหลวงพ่อชาในเชิงขอความเห็นว่า
“มีหลายครั้งหลายหน ที่ดูพระหลายรูปที่นี่ไม่ฝึกปฏิบัติ ดูท่านไม่ใส่ใจจะทำหรือขาดสติ เรื่องนี้กวนใจผม”

คำตอบจากหลวงพ่อชา แทนที่จะเป็นคำตอบที่ผมคาดหมายเอาไว้ตามฐานและกรอบการคิดที่เราคุ้นเคยกัน กลับเป็นคำตอบที่ตรงกันข้าม และทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าจนแน่นิ่ง…และหยุดคิดว่า
“มันไม่ถูกต้องที่จะคอยจับตาดูผู้อื่น นี่ไม่ช่วยการฝึกปฏิบัติของท่านเลย ถ้าท่านรำคาญใจก็จงเฝ้าดูความรำคาญในใจของท่าน ถ้าศีลของคนอื่นบกพร่องหรือเขาเหล่านั้นไม่ใช่พระที่ดี ก็ไม่ใช่เรื่องของท่านที่จะไปตัดสิน ท่านจะไม่เกิดปัญญาจากการจับตาดูผู้อื่น ไม่มีใครสามารถปฏิบัติให้ท่านได้ หรือท่านก็ไม่สามารถปฏิบัติให้ผู้อื่นได้ จงมีสติในการปฏิบัติของตัวท่านเอง และนี่คือแนวทางของการปฏิบัติ”

20080328 ภาพประกอบ 2

เช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
ตัดสินใจบวชชี เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2523 เมื่อเกือบสามสิบกว่าปีก่อนโน้น จนกระทั่งเติบโตเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในทุกวันนี้ ในฐานะเจ้าของสำนักเสถียรธรรมสถาน ที่เต็มไปด้วยคุณูปการต่อผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสทางสังคมอย่างใหญ่หลวง เมื่อท่านพระครูภาวนาพิธาน เจ้าอาวาสวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิตร ผู้ทำพิธีบวชให้ ได้ถามว่า
“มาบวชทำไม”
             
อดีตนางแบบสาวสวยชื่อดังของเมืองไทย ผู้กำลังหันหน้าเข้าไปหาทางธรรมในขณะนั้น เพราะเป็นทุกข์และเหน็ดเหนื่อยทางใจจากความสำเร็จในชีวิต แล้วไม่รู้จักคำว่าพอ ทำอย่างหนึ่งสำเร็จ ก็ยังอยากทำสิ่งอื่นต่อไปให้สำเร็จ จนกระทั่งเกิดคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่า เมื่อไหร่จึงจะพอ และเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ชีวิตคืออะไร ได้บอกกับท่านพระครูว่า
“อยากรู้ค่ะว่าชีวิตคืออะไร”

และได้รับคำตอบจากท่านพระครูในทันทีทันใดว่า
“ถ้าคุณอยากรู้ว่าชีวิตคืออะไร คุณต้องหยุด หยุดดูคนอื่น หยุดเพ่งโทษคนอื่น อยากรู้ว่าชีวิตคืออะไรให้ดูที่ตัวเอง”

ครับนี่คือบทแรกในทางธรรมที่ต้องปฏิบัติของแม่ชีศันสนีย์ และคงเป็นบทแรกที่ยากจะปฏิบัติของใครต่อใครอีกหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีอุปนิสัยสันดานชอบเพ่งโทษ ชอบหาเรื่องจับผิด ชอบตำหนิติเตียน ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น คงยากที่จะปฏิบัติ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะเข้าถึงตัวธรรมะ ที่ไม่สามารถจะเข้าถึงได้ด้วยความรู้ ด้วยความเข้าใจ หรือด้วยตรรกะที่เกิดจากการคิดด้วยเหตุด้วยผลใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากการลงมือปฏิบัติเพียงประการเดียวเท่านั้น ทางธรรมจึงไม่ใช่ทางที่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเรา จะเดินเข้าไปได้ง่ายๆ เหมือนเราเดินเซเข้าไปในร้านเหล้าข้างถนน ด้วยประการฉะนี้นี่เอง.

26 มีนาคม 2551
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่

บล็อกของ ถนอม ไชยวงษ์แก้ว

ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    เมื่อยังมีชีวิต จงหายใจเข้าไว้ หายใจแรงๆ และหายใจอย่างสดชื่น เพราะภาระหน้าที่ของชีวิตคือการมีชีวิต ชีวิตที่กระปรี้กระเปร่า และถ้าเป็นไปได้ควรต้องรื่นรมย์กับชีวิต บาปอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ (บางทีสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง) คือการปฏิเสธชีวิต   การมีชีวิต
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น ฉันทำเท่าที่ฉันหวัง ฉันหวังเท่าที่ฉันเห็น ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด ฉันเชื่อหนึ่งมากกว่าร้อย ฉันเชื่อคนมากกว่าลัทธิ ฉันเชื่อดินมากกว่าฟ้า ฉันเชื่อต้นหญ้ามากกว่าขุนเขา ฉันเชื่อสวนหลังบ้านมากกว่าป่าหิมพานต์ ฉันเชื่อวันนี้มากกว่าวันวาน ฉันง่ายฉันงามฉันแจ่มชัด ฉันไม่เชื่ออำนาจรัฐจากกระบอกปืน   ฉันเป็นเท่าที่ฉันเป็น.  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  อิสรภาพ   ฉันต้องการอิสรภาพ ที่จะได้เห็น ที่จะได้ยิน ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  เป็นที่ทราบกันดีว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกฎหมายที่สร้างความทุกข์สาหัสให้แก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า “หมิ่นสถาบัน” มามากมายหลายคน เพราะกฎหมายนี้ถูกตราขึ้นมาอย่างกว้างๆไม่ระบุขอบข่ายความผิดให้ชัดเจน รวมทั้งกระบวนการจับกุม สอบสวน ดำเนินคดี ก็มิได้เป็นไปตามปกติทั่วไป มิหนำซ้ำการตีความบังคับใช้มาตรานี้ ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่สามารถตีความใช้ได้อย่างกว้างขวาง และนักการเมืองมักจะใช้เป็นเครื่องมือในการทำลายฝ่ายตรงกันข้ามอยู่เสมอ และผู้ต้องคดีนี้นอกจากจะติดคุกติดตะรางแล้ว ยังถูกซ้ำเติมจากสังคมที่จงรักภักดีต่อสถาบันอย่างรุนแรง    
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    คือแม่น้ำและขุนเขาอันขรึมขลัง คือพลังคีตกานท์อันหวานไหว คือหนึ่งจิตวิญญาณล้านนาไทย คือดอกไม้สวยสะคราญบานนิรันดร์  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
  ย้อนกลับไปทบทวนดู คำประกาศหลังจากรับพระราชทานโปรดเกล้าฯของคุณยิ่งลักษณ์ตอนหนึ่งที่กล่าวว่า “อุปสรรคข้างหน้ายังรอเราอยู่มาก ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ แต่ทั้งหมดมิใช่อุปสรรคขวางกั้นมิให้ทำงาน พร้อมที่จะอุทิศตัวด้วยความทุ่มเท เสียสละอดทน ทำงานแข่งกับเวลา ไม่เกรงต่อความลำบากใดๆ”
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    แล้ว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หมายเลข 1 ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และ เป็นนายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของเมืองไทย และเป็นคนที่ 52 ของโลก อย่างสมบูรณ์ โดยได้รับการโหวตเสียงจากที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2554 ด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 296 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง และงดออกเสียง 197 เสียง ก่อนจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในวันที่ 8 สิงหาคม 2554 เวลา 18.40 น. ณ บริเวณตึกชั้น 7 ที่ทำงานพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางความยินดีของคนจำนวนมากมาย ที่สนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
    คราวที่แล้ว ผมนำเรื่อง “คนดีของคนเมือง และ คนดีของชนบท” ที่แตกต่างกัน จากบทสัมภาษณ์ที่ชื่อว่า “ความคาดหวังและความจริงของประชาธิปไตยแบบไทยๆ” ของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ซึ่งให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารสารคดี ฉบับเดือนตุลาคม 2543 ผมคิดว่าจะหยุดเพียงแค่นั้น แต่ก็หยุดไม่ได้ เพราะพบว่ายังมีประเด็นที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านอีกสองประเด็น ที่ยังเป็นเรื่องราวที่ยังดำรงอยู่ในปี 2544 และต่อไปอีกนานเท่าไหร่ ก็คงไม่มีใครรู้ เพราะมันเป็นรื่องของอนาคต  
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ผมมักจะได้ยิน ผู้คนและสื่อต่างๆเกี่ยวกับการเมือง มักจะพูดกันให้ได้ยินอยู่เสมอว่า “คนชนบทเป็นคนเลือกตั้งรัฐบาล คนเมืองเป็นคนล้ม” ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความจริงมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีใครให้คำอธิบายที่ฟังดู สมเหตุสมผลและชอบธรรม ให้ฟัง ว่าทำไมคนเมืองที่หมายถึงคนชั้นกลาง จึงไม่ชอบรัฐบาลที่ได้มาจากเสียงส่วนใหญ่ที่เป็นคนชนบทในประเทศ และช่วยกันล้มรัฐบาลที่เขาเลือกตามกติกา 
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ถึงแม้ คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้รับการรับรองจาก กกต. ให้หลุดพ้นจากข้อหาไปช่วยขบวนแห่ที่เชียงราย ให้พ้นจากข่ายความผิดด้วยมติ 5 ต่อ 0 ท่ามกลางความโล่งอกของใครต่อใครมากมายหลายคน ที่ว่ากันว่า เป็นเพราะโพลเสียงจากประชาชน 80 เปอร์เซ็นต์ ต้องการคุณยิ่งลักษณ์นายกฯ (รวมทั้ง นปช.) เป็นกระแสกดดัน กกต. หรือเพราะเหตุใดก็ช่างเถิด แต่เราก็สามารถฟันธงกันได้เลยว่า อีกไม่นาน เราจะต้องได้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศอย่างแน่นอน 
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
      ผมไม่แน่ใจว่า ก่อนที่คุณยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ คนสวย และกลุ่มมันสมองของพรรคเพื่อไทยจะชูนโยบายประชานิยม เพิ่มค่าแรงงานขั้นต่ำให้กรรมกรผู้ใช้แรงงานจาก 221 บาท เป็น 300 บาท และเพิ่มเงินเดือนให้แก่ผู้จบปริญญาตรีที่เริ่มเข้าบรรจุงานจาก 11,028 บาท เป็น 15,000 บาท
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ผมกำลังจะชวนใครต่อใคร เข้ามาคุยเรื่องปัญหาที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาสะสางและแก้ไข จากข้อมูลของนักวิเคราะห์การเมืองท่านหนึ่งที่รวบรวมและชี้แนะเอาไว้ล่วงหน้าแก่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์เอาไว้