Skip to main content


ก่อนนอน

ย่าผมจะเล่านิทานให้ฟังแทบทุกคืน บางครั้งท่านก็คงจะเบื่อที่เล่าเรื่อง “เสือเย็น” ซ้ำๆ กัน แต่ทนเสียงรบเร้าของผมไม่ไหว ก็เรื่องมันสนุกตื่นเต้นนี่ครับ

เรื่อง “เสือเย็น” เกิดขึ้นที่วัดหมื่นสาร ในวัยเด็ก ผมอยากทราบเหมือนกันว่า วัดนี้อยู่ที่ใด มีวัดนี้จริงไหม แต่ไม่สามารถจะค้นหาได้ ด้วยมีข้อจำกัดหลายประการ เมื่อย่าเสีย เรื่อง “เสือเย็น” เริ่มจางไปจากความทรงจำ วัยมากขึ้นก็คิดถึงเรื่องอื่นสารพัด จนกระทั่งผมเกษียณ วันหนึ่งตรงกับวันที่ 3 มกราคม 2552 ผมขับรถผ่านวัดหมื่นสาร ย่านประตูหายยา จังหวัดเชียงใหม่ เห็นมีป้ายชื่อวัด ใต้ป้ายมีรูปปั้นวัวสีขาวตั้งอยู่ ขับรถเข้าไปในวัด พบคุณลุงท่านหนึ่งอายุ 83 ปี คอยต้อนรับแขกที่มาเที่ยววัด ผมจึงถามเรื่อง “เสือเย็น” ได้รับคำบอกว่า เป็นเรื่องเล่าลือกันต่อๆ มา ท่านชี้ให้ดูเจดีย์องค์ใหญ่ เชื่อว่าเป็นที่เก็บกระดูกของพระเย็น ยังไม่ทันได้ถามรายละเอียด ท่านขอตัวไปต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมชมวัด ซึ่งเป็นคนต่างจังหวัด เรื่องราวที่ท่านเล่าให้ฟังเพิ่มความจริงจังกับเรื่องที่ย่าผมเล่า โดยย่าเล่ากล่อมผมก่อนนอนดังนี้


มีวัดร้าง ที่เก่าแก่วัดหนึ่ง บรรยากาศดูวังเวง เงียบเหงา มีเถาวัลย์ไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมไปทั่ว ผู้คนผ่านไปมารู้สึกหวาดกลัว แต่เดิมมีพระเณรหลายรูป แต่พระเณรเหล่านั้นหายไปไม่รู้สาเหตุ เหลือเพียงเจ้าอาวาสแก่ๆ รูปหนึ่งชื่อ “พระเย็น” มีเสียงเล่าลือว่า พระเย็นกลายร่างเป็นเสือได้ในเวลากลางคืน จึงจับพระเณรรูปอื่นกินจนหมด บางกลุ่มก็ยังไม่ปักใจเชื่อ จึงมีผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาใส่บาตรเป็นประจำ วันหนึ่งมีพ่อค้าวัว พาวัวมาพักค้างแรมที่วัดร้างแห่งนี้ กลางดึกได้ยินเสียงวัวตื่นร้องอย่างตกใจเหมือนพบสัตว์ร้าย พวกวัวเตลิดออกจากหลัก วิ่งแตกตื่นไป พ่อค้าวัวตามหาวัวทั้งคืน ที่สุดได้พบวัวของตนนอนตาย 3-4 ตัว รอบๆ วัวที่ตายมีรอยกัด รอยเท้าเสือขนาดใหญ่ พ่อค้าวัวตกใจมาก รุ่งเช้าจึงรีบต้อนวัวออกจากวัดไปอย่างรีบร้อน ด้วยความหวาดกลัว

ข่าวลือไปทั่ว ทำให้ไม่มีใครกล้ามาพักที่วัด ชาวบ้านต่างหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าลงจากบ้านยามค่ำคืน วันหนึ่งมีพ่อค้าวัวมาพัก ด้วยวัวมีอาการอ่อนล้า เนื่องด้วยเดินทางไกล และบางตัวก็บาดเจ็บ พ่อค้าวัวรายนี้พอมีวิชาอาคม เคยได้ยินเรื่องราวของวัดอยู่บ้าง กลางคืนพ่อค้าวัวเดินตรวจดูความเรียบร้อยของฝูงวัว ได้พบภิกษุชรามาทักทาย รู้สึกแปลกใจ พระรูปนี้มาอยู่กลางคืนดึกดื่นได้อย่างไร นึกสงสัย จึงได้นำดินมาปั้นเป็นรูปควายธนู 4 ตัว วางตรงหน้า พอดีได้ยินเสียงวัวร้องเหมือนเห็นสัตว์ร้าย พ่อค้าวัวจึงบริกรรมคาถากำกับ เห็นเสือตัวใหญ่เดินเข้ามาหา พ่อค้าวัวส่งเสียงสั่งควายธนูให้สู้ ทันใดควายธนูก็แปลงตัวเป็นควายตัวใหญ่ กระโจนเข้าต่อสู้กับเสือ เสือสู้ควายไม่ได้ วิ่งหนีเข้าป่า ทิ้งหยดเลือดเป็นทาง พ่อค้าวัวรอจนรุ่งเช้า จึงตรวจดูตามรอยเลือด พบพระรูปหนึ่งนอนมรณภาพ สบงจีวรฉีกขาด จึงรู้ว่าเป็น “พระเย็น” ที่ชาวบ้านหวาดกลัว ต่อมา ชาวบ้านได้ช่วยกันบูรณะวัด แล้วนิมนต์พระมาจำวัด โดยตั้งชื่อว่า “วัดหมื่นสาร”




บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก เดือนเต็มดวง ราวปี พ.ศ.2506พอย่างเข้าเดือนสิงหาคมกลางฤดูฝน ฝนเริ่มตกหนัก 3-4 วันติดต่อกัน ย่าบอกว่าวิทยุข้างบ้านประกาศ มีไต้ฝุ่นเข้าเมืองไทย ฝนจึงตกมากกว่าปรกติ ฝนยามนั้นจะตกปรอยๆซึมไปเกือบตลอดวัน ฟ้ามืดมัวด้วยเมฆฝน ไม่มีการเห็นแสงเดือนแสงตะวันกันเลย แล้วจะมีฝนตกหนักนานเกินครึ่งชั่วโมงเข้ามาสลับเป็นพักๆ เท่าที่จำได้นานเป็นวันก็เคยมี ใครซักผ้าก็ชื้นอับอยู่อย่างนั้น พื้นดินบริเวณบ้านผมเปียกแฉะไปหมด ต้นไม้ใบหญ้าเปียกโชกชุ่มอิ่มน้ำ น้ำฝนที่ตกลงมาส่งผลให้ระดับน้ำในน้ำแม่ปิงสูงขึ้นรวดเร็ว ชาวเชียงใหม่สัญจรไปมาต่างกวาดตาดูน้ำแม่ปิง สายน้ำสายหลักที่ผูกพันชาวนครพิงค์เนิ่นนาน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กรณีมีกลุ่มบุคคลที่ตรงข้ามรัฐบาลคัดค้านขัดขวางธนาคารออมสินปล่อยเงินกู้ให้ ธกส.(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) เพื่อจะได้นำไปจ่ายให้ชาวนา ตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร(19 ก.พ.57)
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง