Skip to main content

 

 

อำเภอเวียงแหง

เป็นอำเภอชายแดน ติดกับพม่าในเขตตำบลเปียงหลวง ประชาชนเป็นชาวจีนและไทยใหญ่(เงี้ยว) อำเภอนี้เล่าลือกันว่า เป็นที่พักยาเสพติด บ้างว่าเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ได้ถูกกวาดล้างครั้งใหญ่ก่อนปี พ.. 2528 อาจารย์ “ศักดิ์รพี” และอาจารย์ “เพชร” เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งสองเป็นข้าราชการบรรจุใหม่ในปี พ.. 2529 ที่โรงเรียนบ้านเวียงแหง และสอนได้ 3 ปีแล้ว ในการประชุมใหญ่ ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านเวียงแหง เพื่อชี้แจงข้อราชการและนโยบายในการทำงาน คณะครูทั้งหมดในอำเภอจำนวน 80 คน ได้เดินทางมาประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่เพิ่งบรรจุ หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอได้กล่าวตอนหนึ่งว่า


“...
ข้าราชการครูนั้น ให้วางตัวให้พอเหมาะพอดี อย่าคลุกคลีสนิทสนมฝ่ายใดมากเกินไป ไม่ว่าทหาร หรือตำรวจ หรือชาวบ้าน มันจะเป็นอันตรายกับตนเอง การประสานงานกับหัวหน้าหน่วยงานอื่นในอำเภอ ผมจะประสานงานเอง ขอให้พวกเราระมัดระวังนะครับ อันตรายอย่างไรผมขอยกตัวอย่าง เช่น อาจารย์กมล ศึกษานิเทศก์อำเภอ นั่งสังสรรค์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในตอนเย็น ชาวบ้านเห็นใครก็เห็น พวกขนยาเสพติดก็เห็น รุ่งขึ้นเกิดพวกนั้นถูกจับ มันก็ต้องคิดว่า อาจารย์กมลเป็นสาย เพียงสงสัย มันก็มาเก็บอาจารย์กมลแล้ว มันไม่เสียเวลามาถามหรอกว่า อาจารย์กมลเป็นสายให้ตำรวจจริงหรือเปล่า ?”


หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอเวียงแหงกล่าวหนักแน่นต่ออีกว่า

...ครูมีหน้าที่สอนนักเรียน ก็ให้ตั้งใจสอนให้เต็มที่ ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น เราอยู่ในพื้นที่ยาเสพติด ต้องระวังให้มาก... ดังนั้นข้าราชการครู ฝ่ายบริหารทางการศึกษาระดับอำเภอ พึงวางตัว ทำตนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่นเดียวกัน หากเราคลุกคลีสนิทสนมกับชาวบ้านมากๆ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนดีคนร้าย ใครเป็นผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทหารตำรวจจะเพ่งเล็งได้ ไม่ว่าเราจะคบจะเลือกฝ่ายใด ผลเสียตกกับเราสถานเดียว...”

 

ข้าราชการครู

ในอำเภอเวียงแหง จะทำการสอนอยู่ในพื้นที่คนละหลายปี ทางราชการอนุญาตให้ครูทุกคนเขียนใบขอย้ายได้ ถ้าสอนในพื้นที่ได้ครบหนึ่งปี การย้ายเหมือนลมหายใจเข้าออกของครูทุกคน พื้นที่เวียงแหงไม่สามารถเดินทางไปกลับในวันเดียวได้สะดวก เดินทางจากบ้านตอนเช้าแล้วทำการสอนตอนกลางวัน เย็นเดินทางกลับ หนทางแสนลำบากทั้งสามฤดู เดินทางกลับบางทีอาจต้องค้างกลางป่า บางทีเดินทางโดยราบรื่น แต่ถึงบ้านก็ดึกดื่น เหน็ดเหนื่อยแบบล้มตัวลงนอนก็หลับปุ๋ย ครูทุกคนจึงต้องหาบ้านเช่าหรือบ้านพักครู ในพื้นที่อำเภอเวียงแหง ต้องนอนค้างเป็นอาทิตย์เป็นเดือนหรือเทอม จึงเดินทางกลับบ้านครั้งหนึ่ง หากได้ย้าย การย้ายจะเป็นสูตรค่อนข้างตายตัว อยู่แม่ฮ่องสอน มักย้ายมาเวียงแหง จากเวียงแหงไปแม่อาย ไปฝาง หรือเชียงดาว จะย้ายโดดข้ามจากเวียงแหงไปสันกำแพงบ้านเกิดนั้นยากมาก เพราะอำเภอสันกำแพง แม่ริม อำเภอเมือง สารภี หางดง ดอยสะเก็ด มักมีคนขอย้ายเข้ามาก ทางราชการบอกว่าเป็นอำเภอปิด หมายถึงไม่มีอัตราว่าง พูดง่ายๆคือคนเต็มพื้นที่ คนที่อายุราชการมากๆจะได้รับการย้ายก่อน บางทีอำเภอเหล่านี้ก็ไม่มีตำแหน่งว่างมากนัก ดังนั้นครูที่อยู่เวียงแหงต้องอยู่หลายๆปี บางทีก็อยู่จนแก่กว่าจะได้ย้าย บางคนว้าเหว่มากทนไม่ไหว ก็แต่งงานมีครอบครัวที่เวียงแหง ให้มันรู้แล้วรู้รอดเสียเลย บ้างก็แต่งงานกับครูด้วยกัน บางรายก็แต่งงานกับคนในพื้นที่ เห็นมีตัวอย่างหลายคู่ทีเดียว เช่น อาจารย์ใหญ่ประพันธ์ อาจารย์ศิลปะชัย...อาจารย์เพชรกับอาจารย์ศักดิ์รพีเขียนขอย้ายทุกปี ปีแรกมีความหวังมาก พอปีต่อมาความหวังลดลงเรื่อยๆตามลำดับปี ขณะนี้แทบปลงตก ใครชวนเขียนใบขอย้าย ทั้งคู่มักเบือนหน้าหนี้พร้อมหายใจยาวหน้าหมองลงทุกที

 

 

ในพื้นที่เวียงแหง

ประชาชนเป็นไทยใหญ่และคนไทย อาชีพทำนาทำสวน มีทหารหลายหน่วย ประจำตามจุดต่างๆทั่วอำเภอ ในตำบลเวียงแหงมีหน่วยทหารตั้งด่านตรวจ 1 จุด ตรงถนนที่เริ่มต้นเข้าหมู่บ้าน อาจารย์ศักดิ์รพีกับอาจารย์เพชรสอนที่โรงเรียนบ้านเวียงแหง ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ในตำบลเวียงแหง ในวันเสาร์วันหนึ่ง ทั้งคู่พากันไปเที่ยวหมู่บ้านในตำบลเปียงหลวงโดยพาหนะรถจักรยานยนต์ ที่ห่างออกไป 18 กิโลเมตร ระหว่างทางเมื่อถึงบ้านม่วงป็อก จะมีด่านตรวจของ ตชด.อีก 1 จุด เปียงหลวงเป็นตำบลที่มีเขตแดนติดกับพม่า เมื่อรถพาทั้งสองวิ่งถึงเปียงหลวงแล้ว ได้จอดรถพักเหนื่อย เห็นทหารพรานกำลังจะเดินแถวผ่านหน้าไป ก็ได้ทักทาย

สวัสดีครับ”


อาจารย์ศักดิ์รพีทักทายด้วยรอยยิ้ม ทหารพรานคนท้ายแถวตอนลึก ชำเลืองหางตาดูนิดหนึ่งแล้วมองตรง มือทั้งสองยังคงถือปืนเอ็ม 16 พาดลำตัว เหมือนไร้ชีวิตไร้ความรู้สึก ดวงตาแข็งกระด้างยากต่อการคาดเดาอารมณ์ รวมทั้งความนึกคิด


ผมสองคนเป็นคนไทย มาเที่ยววันหยุด เป็นครูครับ”

อาจารย์เพชรแข็งใจพูดต่อเหมือนรายงานตัวต่อผู้บังคับบัญชาระดับสูง หลังจากเห็นเพื่อนมีอาการแหยงเพื่อความปลอดภัย


น่ากลัวจัง”

อาจารย์ศักดิ์รพีเพื่อนสนิทพูดเบาๆกับอาจารย์เพชร ทหารพรานเป็นทหารรับจ้าง เดินตรวจในหมู่บ้านตำบลเปียง หลวงตลอดเวลา เดินกันเป็นแถวตอนลึก เว้นระยะห่างระหว่างบุคคลราว 4-5 ก้าว.

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันนี้ เป็นวันแรกของการเป็นครู ผมเตรียมตัวสอนมาเต็มที่ สอนหลายวิชา บอกก่อนว่าเป็นโรงเรียนเอกชนอยู่ใกล้สถานีรถไฟเชียงใหม่ เปิดสอนเด็กเล็กจนถึงมัธยมปีที่สาม ครูที่สอนส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว มีคนแก่คนหนึ่งเป็นฝ่ายการเงิน ครูใหญ่เป็นผู้หญิง เป็นเจ้าของโรงเรียน ไม่สอนแต่อยู่ฝ่ายขายอาหารของโรงเรียน ผมสอน 29 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ว่างเพียง 1 ชั่วโมง ปรกติครูท่านอื่นสอน 24-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นั่นคือผมสอนมากกว่าท่านอื่น 5 ชั่วโมง ก็ช่วยสอนวิชาเบาๆ ให้พี่ๆ ที่สอนประจำชั้น เช่น พลศึกษาวาดเขียน ร้องเพลง...เป็นมุมหนึ่งในหลายมุมของชีวิตครูเอกชน วันแรก ผมสอน 6 ชั่วโมงเต็ม เป็นหนุ่มร่างกายแข็งแรง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คืนนี้ ขึ้น 15 ค่ำ ยังหัวค่ำ พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงนวลอ่อนโยนกระจ่างทั่วทุ่ง แสงเย็นตายังครอบคลุมวิหารวัดทุ่งลมเย็นบรรยากาศในวัดช่างสงบ สงัด ลมทุ่งพัดกระทบต้นไม้ในวัด ใบของมันสะบัดตัวรับดังซู่ซ่าเป็นพักๆ  ความวุ่นวายสับสนเร่าร้อนทั้งมวลของคนเหมือนหมดสิ้นยามย่างเท้าเข้าวัดสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์  พระสงฆ์องค์เจ้าคงจำวัดกันหมดทั้งสามรูป แต่ยังมีอีกคนหนึ่ง จิตใจยังเร่าร้อนเคร่งเครียดแม้จะเหนื่อยจากงานสลากภัตของวัด ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับได้  ใครๆเรียกเขาว่า "ลุงคำ" แกเฝ้านึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้วัดทุ่งลมเย็นมีพระ 2 รูป เณร 1 รูปเวลาพระรับนิมนต์ไม่มีใครดูแลวัดเกรงขโมยจะมาลักทรัพย์สิน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คนเหนือ หรือชาวเหนือเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกคนกรุงเทพฯซึ่งพูดภาษากลางว่า “คนไทย” ในกลุ่ม “คนเมือง” มักมีวจีที่เกี่ยวโยงการเป็นคนท้องถิ่นเดียวกันว่า “หมู่เฮาคนเมือง” ย้อนหลังไปราว50ปี แม้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งยังแสดงความเป็นตัวตนโดยใช้ชื่อว่าหนังสือพิมพ์ “คนเมือง” สอดคล้องกับข้อความในหนังสือ “ฅนเมืองอู้คำเมือง” ในหน้าที่ 1โดยคุณบุญคิดวัชรศาสตร์ได้เขียนเอาไว้ว่า ...ในอดีตอาณาจักรล้านนามีการปกครองตนเองมีภาษาพูด และภาษาหนังสือใช้เป็นของตนเองมาก่อนและนิยมชมชอบเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกภาษาพูดว่า “คำเมือง” และเรียกภาษาหนังสือว่า “ตัวหนังสือเมือง” และล้านนาประกอบด้วย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แม่เกิดลูก ออกมาหลายตัว ขนสีต่างๆ กัน ส่วนใหญ่ตัวอ้วนขนฟู แม่นอนตะแคงในกรง ลูกตัวอื่นคลานต้วมเตี้ยมเข้าไปกินนมแม่เร็วกว่า เจ้าตัวผอมเล็ก ลำตัวมันยังไม่นิ่งนัก เพราะขายังไหวขณะเดิน ด้วยยังไม่แข็งแรงพอ เจ้าตัวผอมเล็กต้องรอให้บางตัวอิ่ม แล้วคลานออกมา มันจึงคลานเข้าไปกินได้ นมแม่อุ่นหวาน เต้านมนุ่มตึงเต็มปากของมัน มันถูกแม่อุ้มด้วยปากมากินนมบ่อยๆ ลูกตัวใดคลานไปไกล แม่หมาจะใช้ปากคาบเบาๆ ตรงหนังบริเวณคอ นำมาไว้ในกรงเสมอ ทุกวันเมื่อบรรดาลูกๆกินนมอิ่ม มันก็นอนกอดก่ายกันหลับไปมองดูเหมือนเด็กเล็กๆ น่าเอ็นดู เจ้าของกรง และบ้านเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตอนเช้า เวลานายผู้ชายเดินลงบันได…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เด็กชายสันทัด นั่งยองๆ บนกำแพงวัด ตาจ้องเขม็งที่ร่างชายคนหนึ่ง ซึ่งนอนคว่ำ ไม่สวมเสื้อบนพื้นศาลาวัด บนเสื่อผืนหนึ่ง คางวางบนหมอนเก่าคร่ำมือประสานรองรับคาง วันนี้เป็นวันที่ 15 เมษายน เป็นวันพญาวันคนทางเหนือนิยมสักยันต์กันในวันนี้ เพราะเชื่อกันว่า ทำพิธีทางไสยศาสตร์ในวันนี้จะเข้มขลังนัก ภิกษุรูปหนึ่ง นั่งคุกเข่าข้างชายผู้นั้น ยกเหล็กแหลมเล็งไปยังกลางหลัง แล้วก็แทงจึกลงไป เหล็กกระทบเนื้อไปเรื่อยๆ ปากท่านก็ขมุบขมิบว่าคาถาประกอบ ชายที่นอนคว่ำ หน้าตาปรกติ ไม่แสดงอาการเจ็บปวด ชายฉกรรจ์อีก 4-5 คน ถอดเสื้อรอคิวสัก เขาจ้องดูชายคนแรกอย่างสนใจ ทุกคนกระตือรือร้นอยากสัก ไม่มีใครแสดงอาการหวาดหวั่น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กรมศิลปากรประกาศผลศิลปิน ผู้ได้รับรางวัล “เพชรในเพลง” ประจำปี 2551 เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พ.ศ. 2551 (29 ก.ค.) รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้ประพันธ์เพลงดีเด่นในอดีต ประเภทเพลงไทยสากล ได้แก่ “เพลงเรือนแพ” ผู้ประพันธ์นายชาลี อินทรวิจิตร เพลง “เรือนแพ” เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เรือนแพ” สร้างเมื่อ พ.ศ.2504 เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ สุริวงศ์ เชียงใหม่ โรงภาพยนตร์นี้ เดิมอยู่ตรงข้ามกับประตูท่าแพ ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว ผมได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ขณะเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นภาพยนตร์ที่แสดงถึง ความรักของเพื่อนสามคน ประกอบด้วย ไชยา สุริยัน แสดงเป็น นักมวย ส.อาสนะจินดา แสดงเป็น ตำรวจ จินฟง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดวงอาทิตย์ ค่อยโผล่พ้นขอบดอยที่อยู่ไกลลิบช้าๆ หมอกเมฆปรากฏจางๆ ช่วยกรองแสง ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์ เป็นทรงกลมสีแดงอ่อน เป็นเช้าที่สวยงาม บ้านไม้หลังเก่าสีโอ๊ก ปลูกบนเนินดิน ที่สูงกว่าถนนหน้าบ้าน และสูงกว่าทุ่งกว้างที่ด้านหน้าบ้านเล็กน้อย มีเก้าอี้โยกเป็นหวาย ที่ระเบียงด้านข้างบ้าน ซึ่งมีบันไดทอดสู่พื้นด้านหน้า มองเห็นทุ่งกว้าง ปรากฏตอข้าวสีเหลืองกระจายทั่วผืนนา ทุ่งกว้างนี้ ปูลาดไปจนถึงถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ข้ามถนนเป็นทุ่งนาอีกเช่นกัน มองไกลออกไปอีกนิด เป็นหย่อมต้นไม้สีน้ำเงินปนดำ สูงขึ้นไปอีก จะเห็นแนวดอยสลับซับซ้อน ลมเย็นจากทุ่งโล่ง ทะยอยพัดมาระเรื่อย สู่บ้านของผม บ้านคนเมือง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พ่อคงไม่รักผมเพราะพ่อตีผมบ่อยๆ บางครั้งหนักๆ ไม่เคยกอด ไม่เคยเล่นกับผม แวบหนึ่ง...ผมอยากออกบ้านไปให้พ้น...แกเพียงพูดว่า“เมื่อแกมีลูก แกจะรู้เอง” วันนี้ผมมีลูกชายวัย 3 ขวบ 1 คน กำลังซนตอนเย็นวันหนึ่ง แกกินยาป้องกันหนูและแมลง ที่มีรูปแบนเป็นวงกลม แหว่งไปนิดหนึ่ง ผมบอกแกให้อ้าปาก คายออกมาให้หมด แกอ้าปาก ถ่มน้ำลาย ผมยังไม่หมดกังวล บอกให้แม่บ้านเอาเงินมาให้ผมเร็ว จะพาลูกไปโรงพยาบาล ผมคว้าเสื้อมาสวม กลัดกระดุม 2 เม็ด ไม่ตรงรูของมัน ชายเสื้อข้างหนึ่งสั้น ข้างหนึ่งยาว อุ้มลูกวิ่งลงบันได เกือบลื่นล้ม วิ่งออกประตูบ้าน สู่ถนนใหญ่โรงพยาบาลใหญ่ที่สุด เป็นโรงพยาบาลที่ผมมุ่งไปหา โบกรถสี่ล้อรับจ้าง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ระยะนี้ กลางคืนนอนกรนตื่นง่ายตื่นนอนตอนเช้า มีอาการไม่ดี คล้ายหลับไม่อิ่ม เหมือนจะเป็นไข้เล็กน้อย ผมอยากนอนต่ออีกสักงีบ ขอสัก 20-30 นาทีน่าจะดีคิดถึงระยะทางจากบ้านถึงที่ทำงานแล้วท้อใจ จากบ้านอำเภอแม่แตงถึงอำเภอฝาง ที่ทำงานราว 111 กิโลเมตร พาหนะเป็นรถกระบะ พวงมาลัยธรรมดาปวดบ่าเอวไม่น้อยเลย สังขารผ่านวัยหนุ่มมาแล้ว อาการดังกล่าวเป็นบ่อยๆบางครั้งต้องโทรลาปรึกษาภรรยาแล้วไปหาหมอตรวจรักษาดีกว่า ไปคลินิกที่โรงพยาบาลมหาราชเร็วดี ยาดี แม้จะแพงก็ยอมเล่าอาการให้หมอฟังหมอให้ยามากินและนัดดูอาการราวเดือนครึ่ง ได้ไปหาหมอ หมอสอบถามผลการรักษา แล้วให้ยามารับกิน ทำอย่างนี้หลายครั้งแต่ละครั้งให้ไปเจาะเลือด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในวัยเด็ก ราวชั้นประถมศึกษา ผมยังจำได้ เมื่อมืดค่ำ ที่บ้านจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกหลังคาเรือนก็เช่นกัน แม่บอกให้เอาการบ้านมาทำ ถ้าวิชาเดียวก็เสร็จเร็วหน่อย ถ้าสองวิชาก็ดึกหน่อย ดึกนั้นคงราวสองทุ่มเศษ ผมวางสมุดลงบนโต๊ะเล็กๆ นั่งขัดสมาธิบนเสื่อ แม่นั่งข้างหน้า แม่สอนจริงจัง มีตึงมีผ่อน มีเทคนิคในการสอน ขู่บ้างปลอบบ้าง คำพูดที่พูดประจำก็คือ “คัดไทย ช่องไฟต้องพอดี หัวทอทหารต้องกลมอย่าให้บอด” “ห้าคูณเจ็ดเป็นเท่าไร สามสิบห้าหรือสามสิบหก” ตอนจบแม่ให้ท่องสูตรคูณ ถ้าท่องได้ให้ไปนอน ท่องไม่ได้เอาให้ได้ ตาผมชักลืมไม่ขึ้น แม่ใช้ไม้ตีปับตรงแขน “ท่องไม่ได้ไม่ต้องนอน” แม่สำทับเสียงเข้ม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
โลกหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วเท่าเดิม เข็มนาฬิกากระดิกตัวด้วยความเร็วปกติ ผู้มีความทุกข์ ความผิดหวัง พิเคราะห์เวลาเหมือนเชื่องช้า เนิ่นนาน ผู้มีสุขสมหวัง มีเสียงหัวเราะกลับพูดว่า เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เวลาเป็นของมีค่า ในเวลาเพียง 1 นาที มีคนเกิดคนตายเท่าไร มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดทุกมุมโลกมากมาย เมื่อเวลามีค่า เราก็สมควรทำอะไร ให้ตัวเอง ให้สังคม ให้ผู้คนรอบข้าง และควรดำเนินชีวิตอย่างไร ให้ชีวิตมีค่าเหมือนเวลา น่าจะเป็นเช่นนั้น ผมอ่านหนังสือหลายเล่ม ฟังผู้รู้หลายท่าน ใช้เวลาใคร่ครวญ เพื่อให้ความคิดตกผลึกว่า คนดีคือคนอย่างไร คนดีที่สุดต้องทำอะไร ได้ข้อสรุปว่า คนดีที่สุด คือคนที่คิด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ทุกคนคงเคยไปหาหมอ อาจเป็นหมอคลินิกหรือหมอโรงพยาบาล เมื่อยื่นบัตรคนไข้ผ่านฝ่ายคัดกรองแล้ว ท่านก็ต้องไปยังห้องที่รักษาพยาบาลเฉพาะโรค นั่งรอคิวพยาบาลเรียก ถ้าเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนจะเร็วมาก แต่ก็ต้องจ่ายเงินมากเช่นกัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐต้องทำใจ จ่ายเงินน้อยแต่คนมาก คงต้องเสียสละเวลาให้ 1 วัน บางทีอาจครึ่งวัน คนไข้มากมาย ห้องตรวจทุกห้องคนไข้เต็มหมด คนไข้มากมายกว่าห้างสรรพสินค้า