Skip to main content

 

ตัดผมสั้นเกรียน

ไม่พูดไม่จา มือถือเอ็ม 16 มาดมั่น พร้อมจะปล่อยกระสุนเหล็กออกลำกล้องทุกวินาที ทหารพรานนี้จะมีกำลังทั้งหมดเท่าไร ไม่อาจทราบได้ เวลาพักจะเห็นนอนในเปลญวน ที่ผูกกับต้นไม้ตามป่าริมถนน ในเครื่องแบบที่พร้อมปฏิบัติการทุกวินาทีทีเดียว ทั้งสองคนทราบเพียงว่า กำลังทั้งหมดของทหารพราน ตั้งค่ายบนเนินดอยที่ห่างออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย นอกจากนั้นก็มีทหารหน่วย ฉก.327(หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ 327) ตั้งหน่วยอยู่ใกล้กับโรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ในด้านตำรวจภูธร มีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอ ซึ่งอยู่ในตำบลเวียงแหง เป็นกำลังเสริมอีกด้านหนึ่ง

 

เช้าวันนั้น

แสงแดดสาดส่องสว่างไปทั่ว อากาศปลอดโปร่งเหมาะกับการเดินทาง ผู้โดยสารนำกระเป๋ามานั่งรอรถประจำทาง ที่ร้านอาหารเจ๊อิ้ด ทุกคนมีสีหน้าร่าเริงสบายใจที่ฝนไม่ตก เดินทางกลับบ้านจะได้ราบรื่น โรงเรียนปิดยาวหลายวัน ข้าราชการในพื้นที่อำเภอเวียงแหง จะกลับบ้านกันมาก อาจารย์ศักดิ์รพีนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ อาจารย์เพชรเป็นผู้ขับขี่ เป็นรถจักรยานยนต์ยามาฮา เอ็นดูโร่ วงล้อใหญ่ ดอกยางเป็นบั้งๆ เหมาะสำหรับวิ่งเส้นทางบนดอย ยางชนิดนี้จะจับถนนได้มั่นคง ตัวรถสูงโย่ง เวลาจอด คนที่สูงตั้งแต่ 170 เซนติเมตรขึ้นไป จึงจะวางเท้าบนพื้นได้เต็มฝ่าเท้า รถชนิดนี้เหมาะกับการวิ่งทางมหาวิบาก เป็นโคลนเป็นฝุ่น เป็นร่องหินผาเล็กๆที่น้ำไหลผ่าน คนขับที่ชำนาญภูมิประเทศ จะบังคับรถให้วิ่งตามร่องนี้ ยางรถมีขนาดใหญ่กว่าร่องหิน ยางที่เป็นดอกลึกจะจับพื้นอย่างมั่นคง คนที่นั่งซ้อนครั้งแรกจะกลัวและคิดว่าอันตราย แต่คนขับที่มีประสบการณ์กลับบอกว่า มั่นคงปลอดภัยกว่าทางปรกติเสียอีก รถเริ่มออกวิ่ง อาจารย์ทั้งสองโบกมือทักทายคนรู้จัก อาจารย์เพชรพารถสู่ถนน เส้นทางเวียงแหงกับปากทางแม่จาอำเภอเชียงดาว

 

ท้องฟ้า

มองเห็นเป็นน้ำเงินสดใส มีเมฆเป็นหย่อมลอยเคว้งประดับฟ้า แสงแดดแจ่มใส สาดกระจายตามมถนนและป่าสนข้างทาง เสียงเครื่องยนต์ดังก้องป่าเขา นกป่าไก่ป่าร้องรับธรรมชาติอย่างร่าเริง แวบหนึ่งที่มองไปยอดไม้ข้างทาง อาจารย์ศักดิ์รพีเห็นไก่ป่าตัวลายเกาะยอดไม้ เมื่อเห็นรถมาก็โผบินหลบไป ทั้งสองคนพูดคุยกันบ้าง ปล่อยอารมณ์ไปตามจินตนาการของตน ไม่พ้นคิดถึงบ้าน คิดถึงคนในครอบครัว คิดถึงเพื่อนสนิท การท่องเที่ยวกับคนรู้ใจ รถวิ่งผ่านน้ำแตะมาแล้ว ฝนไม่ตกน้ำตื้น รถจึงวิ่งผ่านสบาย ล้อรถที่ค่อนข้างใหญ่ หมุนทับลงบนน้ำจนแตกเป็นปีกทั้งสองด้าน ล้อมีดอกเป็นบั้งๆหมุนผ่านบนทรายบนกรวดหิน คนทั้งคู่คงเหมือนคาวบอยสองคน นั่งบนหลังม้าสูงใหญ่ กำลังพาม้าคู่ใจเหยาะย่างข้ามธารน้ำไม่ผิด รถจักรยานยนต์พาทั้งสองวิ่งได้สักครู่ กำลังเลี้ยวโค้งถนน ทั้งคู่เจอภาพไม่คาดฝัน ชายคนหนึ่งผิวคล้ำ โพกศีรษะด้วยผ้าขาวม้าลาย เสื้อยาวสีเขียวเก่า ถือเอ็ม 16 ในมือ ร้องเสียงดัง

โย ! โย ! ”

เป็นภาษาไทยใหญ่แปลว่าหยุด ท่าทางมันดูลังเลเล็กน้อย อาจารย์เพชรหยุดรถ ตะแคงรถลง รถกระตุกเครื่องดับ อาจารย์ศักดิ์รพีรับรู้เหตุการณ์อย่างว่องไว ส่วนอาจารย์เพชรผู้ขับขี่ พอลงรถได้ หันหลังกลับวิ่งย้อนไปยังทิศทางไปแม่น้ำแตะ อาจารย์ศักดิ์รพีถอยหลังไป 2-3 ก้าว มือขวาล้วงลงไปในยามที่สะพายบ่า มันพอดีอะไรอย่างนั้น อุ้งมือขวาสัมผัสด้ามปืน .38 เขารีบดึงออกมา พร้อมกับเดินถอยหลัง บอกกับตนเองว่าเป็นรองด้านอาวุธ เลี่ยงหนีไม่ได้เสียแล้วไม่มีทางให้เลือกอื่น แล้วหงายหลังหล่นลงไปในหลุม ที่ใหญ่กว่าตัวเล็กน้อยอย่างบังเอิญ กระสุนเอ็ม 16 ระเบิดสนั่นป่า เสียงดังกึกก้องจนหูอื้อ ลูกกระสุนโปรยปรายเฉียดศีรษะอาจารย์ศักดิ์รพีแบบขนหัวลุกอย่างน่าหวาดเสียว เศษดินเศษหินเล็กๆกระจายฟุ้ง คมกระสุนฉีกใบไม้แห้งบนดินปลิวว่อน ความเป็นความตายใช้เวลาเพียงหายใจสั้นๆเฮือกหนึ่ง พร้อมกับปืนขนาด .38 ลำกล้อง สี่นิ้วในมืออาจารย์หนุ่ม ระเบิดโต้ตอบสามนัดซ้อน มันผลุบหายเข้าป่าข้างทาง อาจารย์ศักดิ์รพี รีบคลานออกหลุมอย่างระมัดระวังเต็มที่ มือขวาถือปืนกระชับแน่น เหลืออีก 3 นัด หากปะทะอีก จะเสียเปรียบมาก มันต้องมามากกว่าหนึ่งคน

ส่วนอาจารย์เพชรวิ่งสุดฝีเท้า ความตกใจทำให้เขาวิ่งเร็วกว่าปรกติ กระโดดข้ามลำน้ำแตะพ้นอย่างเหลือเชื่อ มีแรงเท่าไร รวมพลังไว้ที่สองเท้า ที่สุดมาถึงโรงเรียนบ้านเวียงแหงที่ตนเองสอน พูดละล่ำละลักแทบไม่รู้เรื่อง หน้าอกขยับขึ้นลงเร็วถี่ตามแรงหายใจ เหงื่อโซมหน้าโซมกาย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้รู้จัก บอกทหารบอกตำรวจ ครูท่านอื่นขับจักยานยนต์ไปบอกอาจารย์ใหญ่ บางคนหาน้ำหาผ้ายาดมมาให้อาจารย์เพชร เมื่ออาจารย์ใหญ่มาถึง ได้รวมพลังคณะครู ชาวบ้านที่เป็นผู้ชาย ขึ้นรถกระบะบ้าง รถยนต์บ้าง มีอาวุธอะไรก็ติดตัวไป เร่งรีบมาที่เกิดเหตุ ในใจร้อนรนนั้นเป็นห่วงอาจารย์ศักดิ์รพีกัน

 

มาถึงที่เกิดเหตุ

เห็นแต่รถจักรยานยนต์ล้ม รอยกระสุนเอ็ม 16 ตรงปากหลุม หยดเลือดบริเวณคนร้ายยืนอยู่ อาจารย์เพชรเล่าเรื่องให้ทหาร ตำรวจ และคณะครูและผู้ที่มาฟังเป็นระยะ ได้ลงความเห็นร่วมกันว่า ให้ออกค้นหาอาจารย์ศักดิ์รพี อย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นอย่างไร ทุกคนแยกย้ายกันกระจายค้นหา ต่างกู่ก้องป้องปากเรียกหาอาจารย์ศักดิ์รพี เสียงเรียกหาระงมไปทั้งป่า ป้องปากเรียกชื่อ บอกว่าเป็นใคร เป็นกลุ่มมาช่วยเหลือ หากได้ยินรีบส่งเสียงตอบด้วย สักครู่ได้ยินเสียงกู่ตอบมาจากกอไผ่ ทุกคนส่งสัญญาณบอกทั่วกันว่าพบแล้ว ให้มารวมกัน ทุกคนรีบเข้ามาหาอาจารย์ศักดิ์รพี ที่เดินเข้ามาหา หน้าตายังบอกแววตระหนก อาจารย์ใหญ่ตบบ่าตบไหล่ เพื่อนสนิทเข้ามากอด ต่างสอบถามอาการ สำรวจสภาพร่างกาย อาจารย์ศักดิ์รพีปลอดภัย จึงพากันย้อนกลับที่ว่าการอำเภอ อาจารย์ใหญ่บอกว่า ต้องแจ้งเหตุการณ์ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับโดยด่วนที่สุด... ต่อมาอาจารย์ศักดิ์รพีได้รับคำสั่ง ให้ย้ายไปอำเภอเชียงดาวภายใน 24 ชั่วโมง อาจารย์เพชรสอนที่โรงเรียนบ้านเวียงแหงดังเดิม.

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมฟังเธอไปด้วย จดบันทึกส่วนที่สำคัญๆไปด้วย เนื้อหาบางอย่างใช้สมองจำไว้ เธอซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวชื่อ นางอุไร บุญหมั้น อายุ 45 ปี ไม่น่าเชื่อ ดูหน้าตาเหมือนอายุประมาณ 30 กว่าปีเศษเล็กน้อย ผิวขาวปนเหลือง รวบผมยาวไว้ข้างหลัง บรรยากาศเริ่มเป็นกันเอง คงเพราะเราเป็นคนเหนือหรือคนเมืองด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า ในเวลานี้หมู่บ้านมี 159 หลัง มีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา 50 หลัง ผู้สร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินในหมู่บ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนจะมีรถบรรทุกมาส่งให้ เมื่อผมเห็นว่าได้ข้อมูลมากพอตามต้องการแล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและกล่าวลา ไม่ลืมซื้อน้ำต้นราคาใบละ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขับรถจากอำเภอสันป่าตอง มุ่งไปเชียงใหม่ ด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วขนาดนี้ถ้าพูดกับพวกตีนผีหรือวัยรุ่นทั้งหลาย จะถูกปรามาสอย่างรุนแรงว่า ไม่ควรเรียกว่าความเร็วเลยลุง น่าจะเรียกว่า การเคลื่อนที่คลานไปแบบเต่าพันปีมากกว่า ก็ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นความจริง ผมขับรถชิดเลนซ้ายแบบสบายอารมณ์ พอมาถึงทางแยกหางดง-สะเมิง ผมหยุดรถเพราะติดไฟแดง มองไปข้างหน้า เฉียงไปทางซ้ายมืออย่างไม่ตั้งใจ เห็นน้ำต้น (คนโท) ใบใหญ่สีน้ำตาล ตั้งโดดเด่นตรงข้างซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านเหมืองกุง ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ ใครเป็นผู้สร้างแล้วสร้างทำไม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  หากใคร ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออก ของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ เมื่อกราบเสร็จยืนขึ้น มองเฉียงไปทางซ้ายมือผ่านถนนไป จะเห็นวัดร้าง ที่เหลือให้เห็นเพียงเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดร้างนี้เดิมชื่อ “วัดสะดือเมือง” หรือ “วัดอินทขีล” สถานที่นี้ในปัจจุบันคือ หอประชุมติโลกราช ติดๆกันจะเป็นร้านข้าวมันไก่ลือชื่อของเชียงใหม่ วัดร้างนี้เดิมเป็นที่ตั้งของ “เสาอินทขีล” หรือ “สะดือเมือง”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย สนามฟุตบอลของโรงเรียนได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เสมอๆ เช่น การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน การจัดงานวันปิยมหาราช จัดงานฤดูหนาวในอดีต ก่อนย้ายไปจัดที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนของเชียงใหม่ และที่กรุงเทพฯ ก็มีการจัดแข่งขันฟุตบอลประชาชน แบ่งทีมเป็นถ้วย ก, ข, ค และ ฯลฯ ถ้วย ก. นั้นผู้เล่นมีฝีเท้าจัดระดับทีมชาติ ที่กระจายไปเล่นในทีมต่างๆ จำได้ว่ายุคนั้น ทีมทหารอากาศดังมาก เป็นแชมป์ถ้วย ก.หลายปีติดต่อกัน ที่เชียงใหม่ ก็จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนที่สนามโรงเรียนยุพราชฯ เช่นกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีการศึกษา   2528ทางกระทรวงศึกษาธิการ   มีนโยบายจะส่งเสริมพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน   จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์   และจัดสรรให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ   ในรุ่นแรกจะมอบให้แก่โรงเรียนนำร่องก่อน   ปีต่อไปจึงจะทยอยมอบให้   จนครบทุกโรงเรียน   โดยมีจุดมุ่งหมายให้โรงเรียนนำพระพุทธรูป   ไปประดิษฐานข้างๆเสาธง   เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า   ครบทั้ง  3  สถาบัน  คือชาติ  ศาสนา   พระมหากษัตริย์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 อีกคืนหนึ่งผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เป็นการป้องกันวัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อรถจักรยานยนต์ คันแรกในชีวิตถูกโจรจี้ไป แจ้งตำรวจแล้ว อีกทางก็รอเวลาไปไถ่รถตามที่เจ้าโจรตัวแสบบอก ขณะจะขับขี่รถหนีไป ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผมต้องวิ่งวุ่นติดตามข่าวสาร ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครถาม พอบ่อยๆเข้าผมชักหมดแรงจะเล่า บางคนบอกว่า ลองไปดูที่กาดงัว อำเภอสันป่าตอง เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขายรถจักรยานที่ใหญ่มาก ผมได้รู้จักชื่อกาดงัวของอำเภอสันป่าตองครานั้น มันเป็นกาดซึ่งมีลักษณะอย่างไร ขนาดใหญ่โตแค่ไหน รถลักขโมยนำมาขายได้หรือ เดินทางไปไม่ถูก รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี เพื่อนที่สนิทไม่มีรถยนต์เช่นกัน ปล่อยเวลาผ่านไปแบบไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ในปี พ.ศ. 2507 ผมเรียนชั้นสูงสุดของมัธยมต้น ในโรงเรียนชายประจำจังหวัด ครูบางท่านและนักเรียนชั้นนี้ ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดงานฤดูหนาวเชียงใหม่ ให้ทำหน้าที่ขายบัตรหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูงาน รวมทั้งเวทีนางงามด้วย คณะครูผู้รับผิดชอบ ได้คัดเลือกนักเรียนไปช่วยงานนี้ ผมได้รับคัดเลือกเก็บบัตรที่ประตูงาน ต้องแต่งตัวลูกเสือ มี 2 ผลัด ผลัดกลางวันกับผลัดกลางคืน ทุกคนทำงานสลับผลัดกันทุกวัน เรียนหนังสือตอนเช้า ตอนบ่ายรีบกลับบ้าน แต่งชุดลูกเสือปั่นจักรยานไปทำงาน พอดีพ่อซื้อนาฬิกาข้อมือให้เรือนหนึ่งยี่ห้อโอริส เป็นเรือนแรกในชีวิต จำได้ว่าเห่อนาฬิกามาก เก็บบัตรไปดูนาฬิกาไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมและเพื่อนๆเดินเลียบมาตามรางรถไฟ ผ่านเวทีวงดนตรี "สุรพล สมบัติเจริญ" ได้ยินนักร้องลูกวง ออกมาร้องเพลง อวดลูกคอแบบฉบับลูกทุ่งเต็มที่ ผมกับเพื่อนเดินไปยังสถานีรถไฟเล็กในงาน ซื้อบัตรขึ้นไปนั่งกับเพื่อน ผู้คนมากจริงๆ มีผู้ปกครองและเด็กเล็กมากกว่ากลุ่มอื่น รางรถไฟถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลม ล้อมรอบอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล หัวรถไฟค่อยๆลากขบวนไปช้าๆ ชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน นั่งเบียดกัน คงช่วยให้คลายหนาวจากอากาศได้บ้าง รถไฟแล่นมาครึ่งรอบ มันค่อยแล่นเข้าถ้ำ ซึ่งสร้างจำลองขึ้นมา ถ้ำมืดสนิท มีเฉพาะไฟหน้ารถ ในถ้ำบางคนแอบมาปัสสาวะ รถไฟวิ่งเขาไป ถ่ายยังไม่เสร็จก็ต้องรีบก้มหัวซ่อนหน้า…