Skip to main content

 

ตัดผมสั้นเกรียน

ไม่พูดไม่จา มือถือเอ็ม 16 มาดมั่น พร้อมจะปล่อยกระสุนเหล็กออกลำกล้องทุกวินาที ทหารพรานนี้จะมีกำลังทั้งหมดเท่าไร ไม่อาจทราบได้ เวลาพักจะเห็นนอนในเปลญวน ที่ผูกกับต้นไม้ตามป่าริมถนน ในเครื่องแบบที่พร้อมปฏิบัติการทุกวินาทีทีเดียว ทั้งสองคนทราบเพียงว่า กำลังทั้งหมดของทหารพราน ตั้งค่ายบนเนินดอยที่ห่างออกไปจากหมู่บ้านเล็กน้อย นอกจากนั้นก็มีทหารหน่วย ฉก.327(หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจที่ 327) ตั้งหน่วยอยู่ใกล้กับโรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในหมู่บ้าน ในด้านตำรวจภูธร มีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ที่ว่าการอำเภอ ซึ่งอยู่ในตำบลเวียงแหง เป็นกำลังเสริมอีกด้านหนึ่ง

 

เช้าวันนั้น

แสงแดดสาดส่องสว่างไปทั่ว อากาศปลอดโปร่งเหมาะกับการเดินทาง ผู้โดยสารนำกระเป๋ามานั่งรอรถประจำทาง ที่ร้านอาหารเจ๊อิ้ด ทุกคนมีสีหน้าร่าเริงสบายใจที่ฝนไม่ตก เดินทางกลับบ้านจะได้ราบรื่น โรงเรียนปิดยาวหลายวัน ข้าราชการในพื้นที่อำเภอเวียงแหง จะกลับบ้านกันมาก อาจารย์ศักดิ์รพีนั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ อาจารย์เพชรเป็นผู้ขับขี่ เป็นรถจักรยานยนต์ยามาฮา เอ็นดูโร่ วงล้อใหญ่ ดอกยางเป็นบั้งๆ เหมาะสำหรับวิ่งเส้นทางบนดอย ยางชนิดนี้จะจับถนนได้มั่นคง ตัวรถสูงโย่ง เวลาจอด คนที่สูงตั้งแต่ 170 เซนติเมตรขึ้นไป จึงจะวางเท้าบนพื้นได้เต็มฝ่าเท้า รถชนิดนี้เหมาะกับการวิ่งทางมหาวิบาก เป็นโคลนเป็นฝุ่น เป็นร่องหินผาเล็กๆที่น้ำไหลผ่าน คนขับที่ชำนาญภูมิประเทศ จะบังคับรถให้วิ่งตามร่องนี้ ยางรถมีขนาดใหญ่กว่าร่องหิน ยางที่เป็นดอกลึกจะจับพื้นอย่างมั่นคง คนที่นั่งซ้อนครั้งแรกจะกลัวและคิดว่าอันตราย แต่คนขับที่มีประสบการณ์กลับบอกว่า มั่นคงปลอดภัยกว่าทางปรกติเสียอีก รถเริ่มออกวิ่ง อาจารย์ทั้งสองโบกมือทักทายคนรู้จัก อาจารย์เพชรพารถสู่ถนน เส้นทางเวียงแหงกับปากทางแม่จาอำเภอเชียงดาว

 

ท้องฟ้า

มองเห็นเป็นน้ำเงินสดใส มีเมฆเป็นหย่อมลอยเคว้งประดับฟ้า แสงแดดแจ่มใส สาดกระจายตามมถนนและป่าสนข้างทาง เสียงเครื่องยนต์ดังก้องป่าเขา นกป่าไก่ป่าร้องรับธรรมชาติอย่างร่าเริง แวบหนึ่งที่มองไปยอดไม้ข้างทาง อาจารย์ศักดิ์รพีเห็นไก่ป่าตัวลายเกาะยอดไม้ เมื่อเห็นรถมาก็โผบินหลบไป ทั้งสองคนพูดคุยกันบ้าง ปล่อยอารมณ์ไปตามจินตนาการของตน ไม่พ้นคิดถึงบ้าน คิดถึงคนในครอบครัว คิดถึงเพื่อนสนิท การท่องเที่ยวกับคนรู้ใจ รถวิ่งผ่านน้ำแตะมาแล้ว ฝนไม่ตกน้ำตื้น รถจึงวิ่งผ่านสบาย ล้อรถที่ค่อนข้างใหญ่ หมุนทับลงบนน้ำจนแตกเป็นปีกทั้งสองด้าน ล้อมีดอกเป็นบั้งๆหมุนผ่านบนทรายบนกรวดหิน คนทั้งคู่คงเหมือนคาวบอยสองคน นั่งบนหลังม้าสูงใหญ่ กำลังพาม้าคู่ใจเหยาะย่างข้ามธารน้ำไม่ผิด รถจักรยานยนต์พาทั้งสองวิ่งได้สักครู่ กำลังเลี้ยวโค้งถนน ทั้งคู่เจอภาพไม่คาดฝัน ชายคนหนึ่งผิวคล้ำ โพกศีรษะด้วยผ้าขาวม้าลาย เสื้อยาวสีเขียวเก่า ถือเอ็ม 16 ในมือ ร้องเสียงดัง

โย ! โย ! ”

เป็นภาษาไทยใหญ่แปลว่าหยุด ท่าทางมันดูลังเลเล็กน้อย อาจารย์เพชรหยุดรถ ตะแคงรถลง รถกระตุกเครื่องดับ อาจารย์ศักดิ์รพีรับรู้เหตุการณ์อย่างว่องไว ส่วนอาจารย์เพชรผู้ขับขี่ พอลงรถได้ หันหลังกลับวิ่งย้อนไปยังทิศทางไปแม่น้ำแตะ อาจารย์ศักดิ์รพีถอยหลังไป 2-3 ก้าว มือขวาล้วงลงไปในยามที่สะพายบ่า มันพอดีอะไรอย่างนั้น อุ้งมือขวาสัมผัสด้ามปืน .38 เขารีบดึงออกมา พร้อมกับเดินถอยหลัง บอกกับตนเองว่าเป็นรองด้านอาวุธ เลี่ยงหนีไม่ได้เสียแล้วไม่มีทางให้เลือกอื่น แล้วหงายหลังหล่นลงไปในหลุม ที่ใหญ่กว่าตัวเล็กน้อยอย่างบังเอิญ กระสุนเอ็ม 16 ระเบิดสนั่นป่า เสียงดังกึกก้องจนหูอื้อ ลูกกระสุนโปรยปรายเฉียดศีรษะอาจารย์ศักดิ์รพีแบบขนหัวลุกอย่างน่าหวาดเสียว เศษดินเศษหินเล็กๆกระจายฟุ้ง คมกระสุนฉีกใบไม้แห้งบนดินปลิวว่อน ความเป็นความตายใช้เวลาเพียงหายใจสั้นๆเฮือกหนึ่ง พร้อมกับปืนขนาด .38 ลำกล้อง สี่นิ้วในมืออาจารย์หนุ่ม ระเบิดโต้ตอบสามนัดซ้อน มันผลุบหายเข้าป่าข้างทาง อาจารย์ศักดิ์รพี รีบคลานออกหลุมอย่างระมัดระวังเต็มที่ มือขวาถือปืนกระชับแน่น เหลืออีก 3 นัด หากปะทะอีก จะเสียเปรียบมาก มันต้องมามากกว่าหนึ่งคน

ส่วนอาจารย์เพชรวิ่งสุดฝีเท้า ความตกใจทำให้เขาวิ่งเร็วกว่าปรกติ กระโดดข้ามลำน้ำแตะพ้นอย่างเหลือเชื่อ มีแรงเท่าไร รวมพลังไว้ที่สองเท้า ที่สุดมาถึงโรงเรียนบ้านเวียงแหงที่ตนเองสอน พูดละล่ำละลักแทบไม่รู้เรื่อง หน้าอกขยับขึ้นลงเร็วถี่ตามแรงหายใจ เหงื่อโซมหน้าโซมกาย เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ผู้รู้จัก บอกทหารบอกตำรวจ ครูท่านอื่นขับจักยานยนต์ไปบอกอาจารย์ใหญ่ บางคนหาน้ำหาผ้ายาดมมาให้อาจารย์เพชร เมื่ออาจารย์ใหญ่มาถึง ได้รวมพลังคณะครู ชาวบ้านที่เป็นผู้ชาย ขึ้นรถกระบะบ้าง รถยนต์บ้าง มีอาวุธอะไรก็ติดตัวไป เร่งรีบมาที่เกิดเหตุ ในใจร้อนรนนั้นเป็นห่วงอาจารย์ศักดิ์รพีกัน

 

มาถึงที่เกิดเหตุ

เห็นแต่รถจักรยานยนต์ล้ม รอยกระสุนเอ็ม 16 ตรงปากหลุม หยดเลือดบริเวณคนร้ายยืนอยู่ อาจารย์เพชรเล่าเรื่องให้ทหาร ตำรวจ และคณะครูและผู้ที่มาฟังเป็นระยะ ได้ลงความเห็นร่วมกันว่า ให้ออกค้นหาอาจารย์ศักดิ์รพี อย่าเพิ่งสรุปว่าเป็นอย่างไร ทุกคนแยกย้ายกันกระจายค้นหา ต่างกู่ก้องป้องปากเรียกหาอาจารย์ศักดิ์รพี เสียงเรียกหาระงมไปทั้งป่า ป้องปากเรียกชื่อ บอกว่าเป็นใคร เป็นกลุ่มมาช่วยเหลือ หากได้ยินรีบส่งเสียงตอบด้วย สักครู่ได้ยินเสียงกู่ตอบมาจากกอไผ่ ทุกคนส่งสัญญาณบอกทั่วกันว่าพบแล้ว ให้มารวมกัน ทุกคนรีบเข้ามาหาอาจารย์ศักดิ์รพี ที่เดินเข้ามาหา หน้าตายังบอกแววตระหนก อาจารย์ใหญ่ตบบ่าตบไหล่ เพื่อนสนิทเข้ามากอด ต่างสอบถามอาการ สำรวจสภาพร่างกาย อาจารย์ศักดิ์รพีปลอดภัย จึงพากันย้อนกลับที่ว่าการอำเภอ อาจารย์ใหญ่บอกว่า ต้องแจ้งเหตุการณ์ร้ายแรง ให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับโดยด่วนที่สุด... ต่อมาอาจารย์ศักดิ์รพีได้รับคำสั่ง ให้ย้ายไปอำเภอเชียงดาวภายใน 24 ชั่วโมง อาจารย์เพชรสอนที่โรงเรียนบ้านเวียงแหงดังเดิม.

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พอได้จังหวะ ผู้ชายที่ห้อยหัว ก็เหวี่ยงผู้แสดงชายที่จับเขาอยู่ กลับคืนมาหาบาร์เดิมของเขา คนดูบางคนทนไม่ไหวส่งเสียงร้อง เขาจับบาร์ได้ เสียงปรบมือให้กำลังใจดังขึ้น ผู้แสดงที่ห้อยหัว หกตัวขึ้นนั่งบนบาร์พักร่างกายครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ห้อยหัวลงมาอีก แข็งแรงและทรหดมาก ผู้หญิงสาวสวยจับบาร์เหวี่ยงตัวเข้าหาบ้าง ผู้ชมคงเอาใจช่วยมากขึ้น เธอปล่อยมือจากบาร์ พุ่งเข้าหาผู้แสดงที่หัวห้อยรออยู่ มือเกือบถึงแต่ไม่ถึง เธอลอยหล่นลงมา คนดูส่งเสียงฮือ บางคนลุกขึ้น เธอตกลงมาตาข่ายปลอดภัย ตัวลอยเด้งขึ้นสองสามครั้ง ตามแรงดีดของตาข่าย เธอรีบลุกขึ้น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมสอบถามเรื่องราว จากลูกของป้า ซึ่งย้ายมาปลูกบ้านหลังสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2500 เล่าว่า ราวปี พ.ศ. 2503-2504 มีละครสัตว์มาแสดงในงานฤดูหนาวเชียงใหม่ 2 ปีติดต่อกัน ละครสัตว์คณะนี้เป็นชาวภารตะ ละครสัตว์น่าดูและน่าตื่นเต้นมาก หลังคาโรงละครสัตว์เป็นรูปโดมสูง ภายในมีอัฒจันทร์คนดูเรียงรายเป็นวงกลม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ก่อนงานวันแรก มีเครื่องบินโปรยใบปลิว เชิญเที่ยวงานฤดูหนาวเชียงใหม่จากท้องฟ้า ท้องฟ้ายามนั้นเต็มไปด้วยใบปลิวมันค่อยลอยต่ำลงมา พลิกตัวเล่นลมน่าดู ชวนให้ผู้คนคึกคักไม่น้อย ภาพเด็กวิ่งไล่เก็บใบปลิวที่ลอยลงสู่พื้น บางทีเรานั่งอยู่ในบริเวณบ้าน ใบปลิวหล่นกระจายทั่วบ้าน หลังคาบ้านเอย ลานบ้านเอย นั่งมองขึ้นไปดูใบปลิวสีสวย ยังลอยมาสู่มือให้รับอย่างสบายๆ ตอนบ่ายจะได้ยินเสียงคำรามของรถจักรยานยนต์ตามถนน ถนนสายโน้นสายนี้ มุ่งสู่สนามกีฬาที่จัดงานฤดูหนาว
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
สว่างแล้ว ผมค่อยเปิดหน้าต่างห้องนอน ซึ่งอยู่ชั้นล่างของบ้านเช่า ลมเย็นสะอาดพัดเข้ามา ผมรู้สึกสดชื่น ปอดขยายตัวเต็มที่ สูดหายใจเข้าไปเต็มปอด รู้สึกปลอดโปร่งกระปรี้กระเปร่า เป็นลมพัดจากทุ่งนากว้างข้างบ้าน มองเห็นนาข้าวผืนใหญ่ จากทิศใต้หักมุมฉากทอดไปทิศตะวันตก ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นไทยใหญ่ มีบ้างเป็นคนไทย อาชีพก็ทำนาทำสวน ไม่กี่รายมีอาชีพค้าขาย ทางซ้ายมือผมเป็นถนนดิน พุ่งตรงไปทิศใต้ของหมู่บ้านเวียงแหง มีบ้านปลูกเรียงรายไปตามถนน สูงขึ้นไปเป็นดอยซ้อนๆ กัน ยอดดอยสูงสุดเป็นดอยสามหมื่น แนวดอยนี้อ้อมโค้งไปทางซ้ายและขวาเป็นวงกลม หมู่บ้านเวียงแหง เหมือนถูกล้อมด้วยดอยสลับซับซ้อน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ขอมองย้อนหลัง เกี่ยวกับงานฤดูหนาวเชียงใหม่ แล้วค่อยมายืนกอดอก มองภาพที่เห็นในปัจจุบัน งานฤดูหนาวเชียงใหม่ จะจัดระหว่างปลายเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนมกราคม เป็นงานออกร้าน และงานรื่นเริงประจำปีของจังหวัด ถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีของเชียงใหม่ทีเดียว กิจกรรมสำคัญของงานคือ การออกร้านของเอกชนและรัฐ และกิจกรรมการกุศลของกาชาด ในยุคแรกงานนี้ จัดที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จนถึงปี พ.ศ. 2491 คงมองออก พื้นที่หลักในการจัดงาน เป็นสนามฟุตบอลของโรงเรียน ผู้เขียนนึกภาพงานไม่ออก ไล่อายุคงราว 8-9 ขวบ มันเลือนราง เหมือนเห็นภาพตนเอง กำลังยืนซื้อโรตีสายไหมกับพ่อ ตรงใกล้ประตูฟุตบอลด้านทิศใต้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เพื่อนผมเรียนหนังสือรุ่นเดียวกัน อาชีพล่าสุดเป็นข้าราชการครูเหมือนกัน แต่เขาอยู่สายผู้บริหารสถานศึกษา ผมอยู่สายนักวิชาการ อยู่คนละอำเภอ เมื่อแยกย้ายไปเรียนต่อ ไปประกอบอาชีพ เราจึงไม่ได้พบไม่ได้ติดต่อกัน ทราบข่าวอีกครั้ง เสียชีวิตเสียแล้ว จากสาเหตุต้นยางโค่นล้มลงมาทับ ขณะขับรถยนต์มาตามถนนสายเชียงใหม่-สารภี ยังไม่พอ ต่อมาน้องสาวคนสวยแสนดีของเพื่อนเสียชีวิตขณะยืนรอรถโดยสารใต้ต้นยาง ไม่มีวี่แววฝนจะตก ลมพัดมาก่อน ลมอะไรไม่ทราบกระโชกมาอย่างรุนแรงวูบหนึ่ง กิ่งต้นยางหักโครมลงมาบนร่างบอบบาง น้องสาวของเพื่อนเสียชีวิตไปอีกคน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ราวเดือนพฤศจิกายน เป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กับแรม 1 ค่ำ วันแรกลอยกระทงเล็ก วันที่สองลอยกระทงใหญ่ มีบริษัท หน่วยงานต่างๆ ส่งเข้าประกวด งานลอยกระทงก็อาศัยแม่น้ำปิงเป็นสถานที่จัดงาน พอหัวค่ำ หน้าเทศบาลนครเชียงใหม่ พระจันทร์กลมโตกว่าปรกติ ทอแสงสีนวลอ่อนโยน เหนือยอดไม้ด้านทิศตะวันออก แสงสีเหลืองอ่อนอร่ามทั่วฟ้า ยังกระจายไปทั่วลำน้ำและเหนือสะพานนครพิงค์ ในแม่น้ำสว่างไสวด้วยแสงไฟจากเทียนในกระทง ที่ผู้คนมาลอยกระทงพร่างพราวตา ดูละลานตาทั่วแม่ปิง ผิวน้ำสะท้องแสงไฟเหมือนมีไฟใต้น้ำ บอกไฟวี้พุ่งขึ้นท้องฟ้าตลอดเวลา ขีดฟ้าเป็นทางขาว เหมือนสายแพรสีขาวสะอาด บางเบา ของเหล่าบริวารนางฟ้า สะบัดเริงระบำ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมสามคน ธาตรี วิชาญ และผม กินข้าวเดือนที่ร้านอาโกกับเจ๊อิ้ดทุกวัน อาหารมื้อละ 3 อย่าง มีข้าราชการอำเภอเวียงแหง มากินข้าวเดือนเช่นเดียวกันอีกหลายชุด เรากินไปคุยกันไป ฟังโต๊ะอื่นคุยกันแบบไม่ตั้งใจฟังเท่าไร ด้วยเสียงที่คนนั้นพูดดังพอสมควร บางเรื่องทำให้เราตื่นเต้น อยากรู้ ตั้งใจฟังจนเอียงตัวเข้าไปใกล้ แกล้งเคี้ยวอาหารทำไม่สนใจ บางเรื่องก็ธรรมดาทั่วๆไป
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมขับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าสีแดง ซึ่งเป็นรถสำหรับผู้หญิงใช้งาน จากบ้านที่อำเภอแม่แตง เดินทางสู่กิ่งอำเภอเวียงแหง สวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อ เสื้อกางเกงเนื้อหนาราคาถูก สีทึมทึบ หมวก แว่นตา และถุงมือ เป็นอันว่าครบชุดออกเดินทางเวลาบ่ายโมงเศษ กินข้าวที่เชียงดาว แล้วพารถสู่ปากทางบ้านแม่จา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสู่เส้นทางไปกิ่งอำเภอเวียงแหง นำรถจักรยานยนต์ไปครั้งนี้ เพื่อไว้ใช้งานในเรื่องต่างๆ เช่น เยี่ยมโรงเรียน ไปเยี่ยมครูตามบ้านพักหลังเวลาราชการ ครูพักค้างกันตามบ้านพัก เราไปเยี่ยมพูดคุยกับเขา บรรยากาศแบบกันเอง มีอะไรก็นำมารับประทานด้วยกัน พูดคุยกันเรื่องผ่อนคลาย โดยหัวหน้าการของผมนำคณะเราไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมนั่งรถประจำทาง จากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งสู่อำเภอแม่ริม รถวิ่งราว 16 กิโลเมตรก็ถึงอำเภอ ผมลงตรงหน้าสถานีตำรวจภูธรแม่ริม เดินเข้าซอยข้างๆ สถานีตำรวจ มือหิ้วกระเป๋าเดินทาง เพื่อเข้าไปในค่ายดารารัศมี ซึ่งเป็นค่ายของตำรวจตระเวนชายแดน โดยมีจุดมุ่งหมาย จะขอโดยสารไปกับเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ ที่มีราชการไปอำเภอเวียงแหง โดยเราเพียงบอกว่า เป็นข้าราชการทำงานในอำเภอ ทางเจ้าหน้าที่รับทราบก็จะอนุเคราะห์ทุกครั้ง เป็นการช่วยเหลือในวงราชการด้วยกัน ผมเดินไปครู่เดียวก็ถึง เห็นเฮลิคอปเตอร์ลายเขียวน้ำตาลจอดอยู่ลำหนึ่ง ผมชำเลืองดูรอบบริเวณ เห็นมีผู้คนจะขึ้นไปด้วย 3-4 คน กระเป๋าและสัมภาระวางบนพื้นระเกะระกะ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อถึงช่วงสงกรานต์ หน่วยงานที่รับผิดชอบจะปล่อยน้ำ ทำให้ระดับน้ำแม่ปิงสูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้คนตักน้ำแม่ปิงไปรดน้ำได้สะดวก จุดศูนย์กลางเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ที่ขัวเหล็ก (สะพานนวรัฐ) คนจะยืนข้างสะพานทั้งสองข้างเต็มไปหมด กลางขัวเหล็กนั้น คนเดินสวนกันไปมาหนาแน่น ใส่เสื้อม่อฮ่อมเป็นส่วนใหญ่ มือถือขัน กระป๋องน้ำ ปืนฉีดน้ำ บางคนใช้เชือกผูกกระป๋อง หย่อนจากสะพานลงตักน้ำแม่ปิงด้านล่างมารดกัน ด้านล่างของขัวเหล็ก จะเห็นคนนั่งแช่น้ำแม่ปิง สาดน้ำกัน ชายหนุ่มหญิงสาวยืนคุยกันด้วยท่าทีเปี่ยมไมตรีจิต ถ้อยคำพิเศษที่รับรู้เพียงสองคน บางแห่งก็ชกต่อยกันประปราย ที่เล่นน้ำขยายมาถึงถนนหน้าพุทธสถาน ตลอดถนนท่าแพ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมยืนขึ้นก้าวไปข้างหน้า น้ำถึงราวนม เท้าจับทรายไม่อยู่ รู้สึกทรายเคลื่อนตัวลง ตัวผมจมลงไป รู้ทันทีว่าทรายดูดหรือ "ทรายมาน" ใจหายวาบ รีบใช้มือตีน้ำ ผ่อนน้ำหนักที่เท้า บิดตัวถอยหลังอย่างฉับพลัน ใช้เท้ายันพื้นทราย เท้าจับทรายได้แล้ว ถอยเท้าอย่างรวดเร็ว รีบขึ้นหาดทราย ประมาทไม่ได้เลยกับภัยในน้ำ เหลียวดูเพื่อน เขากลับลงเล่นน้ำกันอีก