Skip to main content

ห้างตันตราภัณฑ์
เป็นร้านขายของที่ดังที่สุดของเชียงใหม่ขณะนั้น ใครซื้อสินค้าจากร้านนี้ถือว่าคุณภาพเยี่ยมแต่ราคาค่อนข้างแพง สินค้าขายมีนานาชนิด เช่น เสื้อกันหนาว เสื้อ กางเกง รองเท้า น้ำหอม เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา แว่นตา ของเล่นเด็ก ฯลฯ

พวกเราเดินกันไปจนสุดถนนท่าแพ มองข้ามถนนไปตรงหน้า จะเห็นประตูท่าแพ พวกเรานักเที่ยววัยรุ่นผู้ชอบเที่ยวแบบประหยัด เลี้ยวซ้ายตามกันไปเป็นพรวน เดินไปไม่กี่ก้าวจะถึงโรงหนังสุริวงค์ พาเหรดเข้าไปในโรงหนัง กระจายกันดูหนังแผ่นตามแผงที่ติดรูป โดยมีกระจกปิดอีกชั้น เป็นภาพโปรแกรมหนังที่ฉายในวันนี้ และโปรแกรมต่อไป เป็นทั้งภาษาไทยและอังกฤษ เป็นรูปสีขนาดใหญ่ดูเพลินตาเพลินอารมณ์ โรงหนังนี้จะฉายหนังฝรั่งเป็นส่วนใหญ่ ในยุคต่อมากระแสหนังไทยเริ่มแรง จึงมีหนังไทยมาฉายบ้าง เท่าที่จำได้เช่น เล็บครุฑ
(ลือชัย นฤนาท แสดงนำ ได้ตุ๊กตาทองจากเรื่องนี้) เรือนแพ (ไชยา สุริยัน แสดงนำ ได้ตุ๊กตาทองจากเรื่องนี้) จ้าวนักเลง (มิตร ชัยบัญชา แสดงนำ) หนังฝรั่งที่ดัง เช่น คลีโอพัตรา เบนเฮอร์ บัญญัติสิบประการ ฯลฯ

 

 

จากนั้นเราสะกิดกันเดินลึกเข้าไป ชมหนังสือร้าน “สุริวงค์บุ๊กเซนเตอร์” ที่ทันสมัยที่สุดของเชียงใหม่ มีหนังสือนานาชนิด วางในตู้โชว์ วางบนตู้กระจกอย่างสวยงาม ดูกันจนอิ่มแต่ไม่มีเงินซื้อ เดินออกร้านเลียบซ้ายไปทางเดินที่กว้าง 1 เมตร ผ่านประตูเข้าโรงหนังสุริวงค์ส่วนที่เป็นชั้นล่าง เดินไปราว 30 เมตรจะทะลุไปหน้าโรงหนังสุริยาที่อยู่ซ้ายมือ ที่นั่งในโรงหนังเบาะเป็นฟองน้ำ นั่งนุ่ม ศีรษะพิงพนักสบาย ผ้าม่านจอสีสวย แอร์เย็น ระบบเสียงทุ้ม เสียงเครื่องบินเสียงรถถังกระหึ่มก้อง โรงหนังนี้จะฉายเฉพาะหนังฝรั่ง ที่พอจำได้ เช่น วันเผด็จศึก ขุมทองเมคเคนน่า (แสดงนำโดย เกรกอรี่ เป็ก โอมา ชารีพ) เพลงเอกประกอบภาพยนตร์เพราะมาก เป็นนักร้องผิวดำตาบอด จำชื่อไม่ได้ ผมดูเรื่องนี้สองรอบ อีกเรื่องที่ดังสุดเหมือนกัน ผู้มีความรักต้องดูคือ LOVE STORY (อารีย์ แมกกรอร์ แสดงนำ) จำได้ไหมที่นางเอกเป็นโรคทันสมัยในยุคนั้นคือโรค “ลูคลีเมีย” เป็นโรคที่เม็ดเลือดขาวกินเม็ดเลือดแดง นางเอกไม่มีทางรอดต้องตายสถานเดียว ฯลฯ

กลับออกมา เดินย้อนมาทางเดิม เกาะกลุ่มกันข้ามถนนตรงหน้าโรงหนังสุริวงค์ ไปนั่งเล่นม้าหินอ่อนในสวนหน้าโรงหนัง ม้านั่งหินอ่อนวางไว้เป็นจุดๆ กระจายไปตามมุมต่างๆ สวนนี้อยู่ข้างกำแพงที่ทอดไปสู่ประตูท่าแพ จะมีเทพธิดาจำแลงแต่งตัวสวย นั่งซุ่มเงียบๆ เราต้องสังเกตให้ดี ถ้าเรานึกว่าเป็นผู้หญิงตัวจริงเสียงจริง เข้าไปทักทายอาจจะได้ยินเสียงแหลมปนห้าว ที่พยายามบีบให้เล็กตอบกลับมา พวกเรายังเด็กเกินที่จะไปยุ่งกับพวกเธอ อย่างมากได้แต่กระซิบกระซาบปนเสียงหัวเราะเบาๆ กับพวกเดียวกันว่า เธอเป็นเพศเดียวกับเรา พวกเราไม่มีใครดูถูกหรือล้อเลียนพวกเธอเลย

ตรงมุมสวนด้านทิศเหนือ มีหอนาฬิกาตั้งอยู่ ถ้า
2 ทุ่มหรือ 6 โมงเย็น จะได้ยินเสียงบอกเวลา แล้วเพลงชาติจึงดังขึ้น พวกเรายืนตรงกันทุกคน ในสวนนั้นส่วนใหญ่ยืนตรง จะมีบ้างบางคนยังเดินไปมา บางทีก็เป็นเด็กๆบ้าง พอนั่งหายเหนื่อยและสมควรแก่เวลา พวกเราพากันเดินออกจากสวนเพื่อกลับบ้าน ถ้าดึกมากจะราว 3 ทุ่มเศษ รถราบนถนนท่าแพเริ่มเบาบางลงแทบจะว่าง เราพากันเดินข้ามถนนหน้าโรงหนังสุริวงค์ เลี้ยวซ้ายเดินลัดเลาะมาถึงมุมถนน มองข้ามถนนท่าแพไปฝั่งตรงกันข้าม จะเห็นถนนอีกสายที่ได้แสงสว่างจากหลอดไฟเสาไฟฟ้าเล็กน้อย ทอดยาวไกลออกไปราว 100 เมตร ถนนนี้ยาวไปตัดกับถนนช้างม่อยตรงสี่แยก หากข้ามสี่แยก เดินตรงไปตามถนนข้างหน้า จะเข้าสู่หมู่บ้านช้างม่อย หมู่บ้านนี้มีหลายหลังมีอาชีพตีมีด ทำขนมจีน เดินลุยไปจนสุดถนน จะมีซอยลาดลงไป

เดินต่อไปอีกราว
15 เมตรจะพบน้ำแม่ข่า หน้าแล้งน้ำจะไหลเป็นร่องเล็กๆ สามารถกระโดดข้ามไปได้สบาย เดินไปร้องเพลงไปก็จะถึงบ้านผม เป็นทางกลับบ้านที่เป็นเส้นตรงและระยะที่สั้นที่สุด แต่เราไม่มาทางนี้ เพราะเมื่อมองออกไป นานๆจะมีคนเดินเพียง 1-2 คนมันเปลี่ยวและน่ากลัว เรามากันหลายคนยังไม่กล้าเดิน บอกไม่ถูกว่ากลัวอะไรบนถนนสายนี้ ผู้ร้ายจะจี้ชิงทรัพย์เราก็คงไม่มีอะไรจะให้ เราจึงย้อนกลับบ้านมาตามถนนท่าแพ ผ่านโรงหนังศรีวิศาล ข้ามสะพานแม่ข่า มุมสะพานฝั่งตรงข้ามด้านทิศเหนือ จะเป็นร้านผัดไทย คนขายเป็นแม่ลูก แม่รูปร่างท้วมแต่งตัวเรียบร้อย ลูกสาวคงเพิ่งเรียนจบมัธยม ช่วยแม่ขายก๋วยเตี๋ยวผัดไทย แม่ใช้ตะหลิวสอดใต้เส้นก๋วยเตี๋ยวที่กองพูนในกระทะ พลิกกลับไปมา แสงไฟจากหลอดกลม ช่วยให้มองเห็นไอร้อนลอยคลุ้งขึ้นจากกระทะ มีลูกค้าผู้หญิงยืนกอดอกรอคอยหน้าร้านหลายคน สองแม่ลูกไม่เห็นพูดอะไรกันมาก แม่ผัดปรุงลูกห่อขาย นี่เป็นหน้าที่ประจำตัว ผมผ่านมาครั้งใด ต้องมองดูอย่างสนใจทุกที นานๆจึงจะไปซื้อสักครั้ง เพราะไม่ชอบกินผัดไทยเท่าใดนัก

พวกเรานักเที่ยวผู้สมถะเดินมาจนถึงสี่แยกอุปคุต เลี้ยวซ้ายมาตามถนนวิชยานนท์ มีรถเข็นขายน้ำเต้าหู้จอดขายเป็นระยะ เห็นมียามนั่งเฝ้าอยู่หน้าร้านขายของหลายร้าน พวกเราเดินไปคุยกันไปมันเพลินดี จนมาถึงสี่แยกศรีนครพิงค์ พวกเราพากันข้ามถนนอย่างสบายมาอีกฝั่งหนึ่ง รถราหายไปจากถนนราชวงค์เกือบหมด เดินข้ามมาปั๊บก็เห็นร้านข้าวต้มกุ๊ยและก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเจ้าประจำของผมอยู่ตรงหน้า

วันหนึ่งผมเคยปั่นรถจักรยานมาซื้อก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่ร้านนี้ ขณะจอดรถยืนรอ เห็นป้ายหนังเจมส์บอน
007 ติดเหนือประตูโรงหนังศรีนครพิงค์ เป็นตอนแรกชื่อ ดร.โน ฌอน คอนเนอรี่ แสดงนำ (..2505) น่าแปลกหวย 3 ตัวออก 007 ร้านนี้เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น อยู่ตรงมุมถนนช้างม่อยกับถนนราชวงค์พอดิบพอดี ชั้นบนเป็นโรงแรมราชวงค์ มองเข้าไปที่เคาน์เตอร์ จะเห็นเถ้าแก่ตัวใหญ่ตัดผมสั้น สวมเสื้อคอกลมสีขาว ส่งภาษาจีนปนไทยเป็นระยะ บอกลูกจ้างทำงานให้รวดเร็วและคอยบริการลูกค้าที่มานั่งกินเข้าต้ม ลูกจ้างที่รับผิดชอบฝ่ายเสิร์ฟอาหาร ยกถาดอาหารที่สั่งไปให้ลูกค้าถึงที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว ตาของแกจะกวาดไปมาตามโต๊ะกลมภายในร้าน ฝ่ายเมียรูปร่างเพรียวยืนหน้าเคาน์เตอร์ บางทีก็เดินไปบริการลูกค้า บ้างก็ยืนกำกับเด็กเสิร์ฟอยู่ห่างๆ เธอขยับปากครั้งใดจะเห็นฟันทองวะวับเสมอ ยุคนั้นใครใส่ฟันทอง จะมีการพูดกันว่า รวย เท่ เด็กๆยังเลียนแบบ โดยใช้กระดาษห่อบุหรี่ในซองด้านในสีขาววาว ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆนำมาติดฟัน เป็นฟันเงิน แล้วทำเป็นยิ้มอวดฟันเล่นกับเด็กด้วยกัน.

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันนี้ เป็นวันแรกของการเป็นครู ผมเตรียมตัวสอนมาเต็มที่ สอนหลายวิชา บอกก่อนว่าเป็นโรงเรียนเอกชนอยู่ใกล้สถานีรถไฟเชียงใหม่ เปิดสอนเด็กเล็กจนถึงมัธยมปีที่สาม ครูที่สอนส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว มีคนแก่คนหนึ่งเป็นฝ่ายการเงิน ครูใหญ่เป็นผู้หญิง เป็นเจ้าของโรงเรียน ไม่สอนแต่อยู่ฝ่ายขายอาหารของโรงเรียน ผมสอน 29 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ว่างเพียง 1 ชั่วโมง ปรกติครูท่านอื่นสอน 24-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นั่นคือผมสอนมากกว่าท่านอื่น 5 ชั่วโมง ก็ช่วยสอนวิชาเบาๆ ให้พี่ๆ ที่สอนประจำชั้น เช่น พลศึกษาวาดเขียน ร้องเพลง...เป็นมุมหนึ่งในหลายมุมของชีวิตครูเอกชน วันแรก ผมสอน 6 ชั่วโมงเต็ม เป็นหนุ่มร่างกายแข็งแรง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คืนนี้ ขึ้น 15 ค่ำ ยังหัวค่ำ พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงนวลอ่อนโยนกระจ่างทั่วทุ่ง แสงเย็นตายังครอบคลุมวิหารวัดทุ่งลมเย็นบรรยากาศในวัดช่างสงบ สงัด ลมทุ่งพัดกระทบต้นไม้ในวัด ใบของมันสะบัดตัวรับดังซู่ซ่าเป็นพักๆ  ความวุ่นวายสับสนเร่าร้อนทั้งมวลของคนเหมือนหมดสิ้นยามย่างเท้าเข้าวัดสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์  พระสงฆ์องค์เจ้าคงจำวัดกันหมดทั้งสามรูป แต่ยังมีอีกคนหนึ่ง จิตใจยังเร่าร้อนเคร่งเครียดแม้จะเหนื่อยจากงานสลากภัตของวัด ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับได้  ใครๆเรียกเขาว่า "ลุงคำ" แกเฝ้านึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้วัดทุ่งลมเย็นมีพระ 2 รูป เณร 1 รูปเวลาพระรับนิมนต์ไม่มีใครดูแลวัดเกรงขโมยจะมาลักทรัพย์สิน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คนเหนือ หรือชาวเหนือเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกคนกรุงเทพฯซึ่งพูดภาษากลางว่า “คนไทย” ในกลุ่ม “คนเมือง” มักมีวจีที่เกี่ยวโยงการเป็นคนท้องถิ่นเดียวกันว่า “หมู่เฮาคนเมือง” ย้อนหลังไปราว50ปี แม้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งยังแสดงความเป็นตัวตนโดยใช้ชื่อว่าหนังสือพิมพ์ “คนเมือง” สอดคล้องกับข้อความในหนังสือ “ฅนเมืองอู้คำเมือง” ในหน้าที่ 1โดยคุณบุญคิดวัชรศาสตร์ได้เขียนเอาไว้ว่า ...ในอดีตอาณาจักรล้านนามีการปกครองตนเองมีภาษาพูด และภาษาหนังสือใช้เป็นของตนเองมาก่อนและนิยมชมชอบเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกภาษาพูดว่า “คำเมือง” และเรียกภาษาหนังสือว่า “ตัวหนังสือเมือง” และล้านนาประกอบด้วย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แม่เกิดลูก ออกมาหลายตัว ขนสีต่างๆ กัน ส่วนใหญ่ตัวอ้วนขนฟู แม่นอนตะแคงในกรง ลูกตัวอื่นคลานต้วมเตี้ยมเข้าไปกินนมแม่เร็วกว่า เจ้าตัวผอมเล็ก ลำตัวมันยังไม่นิ่งนัก เพราะขายังไหวขณะเดิน ด้วยยังไม่แข็งแรงพอ เจ้าตัวผอมเล็กต้องรอให้บางตัวอิ่ม แล้วคลานออกมา มันจึงคลานเข้าไปกินได้ นมแม่อุ่นหวาน เต้านมนุ่มตึงเต็มปากของมัน มันถูกแม่อุ้มด้วยปากมากินนมบ่อยๆ ลูกตัวใดคลานไปไกล แม่หมาจะใช้ปากคาบเบาๆ ตรงหนังบริเวณคอ นำมาไว้ในกรงเสมอ ทุกวันเมื่อบรรดาลูกๆกินนมอิ่ม มันก็นอนกอดก่ายกันหลับไปมองดูเหมือนเด็กเล็กๆ น่าเอ็นดู เจ้าของกรง และบ้านเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตอนเช้า เวลานายผู้ชายเดินลงบันได…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เด็กชายสันทัด นั่งยองๆ บนกำแพงวัด ตาจ้องเขม็งที่ร่างชายคนหนึ่ง ซึ่งนอนคว่ำ ไม่สวมเสื้อบนพื้นศาลาวัด บนเสื่อผืนหนึ่ง คางวางบนหมอนเก่าคร่ำมือประสานรองรับคาง วันนี้เป็นวันที่ 15 เมษายน เป็นวันพญาวันคนทางเหนือนิยมสักยันต์กันในวันนี้ เพราะเชื่อกันว่า ทำพิธีทางไสยศาสตร์ในวันนี้จะเข้มขลังนัก ภิกษุรูปหนึ่ง นั่งคุกเข่าข้างชายผู้นั้น ยกเหล็กแหลมเล็งไปยังกลางหลัง แล้วก็แทงจึกลงไป เหล็กกระทบเนื้อไปเรื่อยๆ ปากท่านก็ขมุบขมิบว่าคาถาประกอบ ชายที่นอนคว่ำ หน้าตาปรกติ ไม่แสดงอาการเจ็บปวด ชายฉกรรจ์อีก 4-5 คน ถอดเสื้อรอคิวสัก เขาจ้องดูชายคนแรกอย่างสนใจ ทุกคนกระตือรือร้นอยากสัก ไม่มีใครแสดงอาการหวาดหวั่น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กรมศิลปากรประกาศผลศิลปิน ผู้ได้รับรางวัล “เพชรในเพลง” ประจำปี 2551 เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พ.ศ. 2551 (29 ก.ค.) รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้ประพันธ์เพลงดีเด่นในอดีต ประเภทเพลงไทยสากล ได้แก่ “เพลงเรือนแพ” ผู้ประพันธ์นายชาลี อินทรวิจิตร เพลง “เรือนแพ” เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เรือนแพ” สร้างเมื่อ พ.ศ.2504 เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ สุริวงศ์ เชียงใหม่ โรงภาพยนตร์นี้ เดิมอยู่ตรงข้ามกับประตูท่าแพ ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว ผมได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ขณะเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นภาพยนตร์ที่แสดงถึง ความรักของเพื่อนสามคน ประกอบด้วย ไชยา สุริยัน แสดงเป็น นักมวย ส.อาสนะจินดา แสดงเป็น ตำรวจ จินฟง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดวงอาทิตย์ ค่อยโผล่พ้นขอบดอยที่อยู่ไกลลิบช้าๆ หมอกเมฆปรากฏจางๆ ช่วยกรองแสง ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์ เป็นทรงกลมสีแดงอ่อน เป็นเช้าที่สวยงาม บ้านไม้หลังเก่าสีโอ๊ก ปลูกบนเนินดิน ที่สูงกว่าถนนหน้าบ้าน และสูงกว่าทุ่งกว้างที่ด้านหน้าบ้านเล็กน้อย มีเก้าอี้โยกเป็นหวาย ที่ระเบียงด้านข้างบ้าน ซึ่งมีบันไดทอดสู่พื้นด้านหน้า มองเห็นทุ่งกว้าง ปรากฏตอข้าวสีเหลืองกระจายทั่วผืนนา ทุ่งกว้างนี้ ปูลาดไปจนถึงถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ข้ามถนนเป็นทุ่งนาอีกเช่นกัน มองไกลออกไปอีกนิด เป็นหย่อมต้นไม้สีน้ำเงินปนดำ สูงขึ้นไปอีก จะเห็นแนวดอยสลับซับซ้อน ลมเย็นจากทุ่งโล่ง ทะยอยพัดมาระเรื่อย สู่บ้านของผม บ้านคนเมือง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พ่อคงไม่รักผมเพราะพ่อตีผมบ่อยๆ บางครั้งหนักๆ ไม่เคยกอด ไม่เคยเล่นกับผม แวบหนึ่ง...ผมอยากออกบ้านไปให้พ้น...แกเพียงพูดว่า“เมื่อแกมีลูก แกจะรู้เอง” วันนี้ผมมีลูกชายวัย 3 ขวบ 1 คน กำลังซนตอนเย็นวันหนึ่ง แกกินยาป้องกันหนูและแมลง ที่มีรูปแบนเป็นวงกลม แหว่งไปนิดหนึ่ง ผมบอกแกให้อ้าปาก คายออกมาให้หมด แกอ้าปาก ถ่มน้ำลาย ผมยังไม่หมดกังวล บอกให้แม่บ้านเอาเงินมาให้ผมเร็ว จะพาลูกไปโรงพยาบาล ผมคว้าเสื้อมาสวม กลัดกระดุม 2 เม็ด ไม่ตรงรูของมัน ชายเสื้อข้างหนึ่งสั้น ข้างหนึ่งยาว อุ้มลูกวิ่งลงบันได เกือบลื่นล้ม วิ่งออกประตูบ้าน สู่ถนนใหญ่โรงพยาบาลใหญ่ที่สุด เป็นโรงพยาบาลที่ผมมุ่งไปหา โบกรถสี่ล้อรับจ้าง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ระยะนี้ กลางคืนนอนกรนตื่นง่ายตื่นนอนตอนเช้า มีอาการไม่ดี คล้ายหลับไม่อิ่ม เหมือนจะเป็นไข้เล็กน้อย ผมอยากนอนต่ออีกสักงีบ ขอสัก 20-30 นาทีน่าจะดีคิดถึงระยะทางจากบ้านถึงที่ทำงานแล้วท้อใจ จากบ้านอำเภอแม่แตงถึงอำเภอฝาง ที่ทำงานราว 111 กิโลเมตร พาหนะเป็นรถกระบะ พวงมาลัยธรรมดาปวดบ่าเอวไม่น้อยเลย สังขารผ่านวัยหนุ่มมาแล้ว อาการดังกล่าวเป็นบ่อยๆบางครั้งต้องโทรลาปรึกษาภรรยาแล้วไปหาหมอตรวจรักษาดีกว่า ไปคลินิกที่โรงพยาบาลมหาราชเร็วดี ยาดี แม้จะแพงก็ยอมเล่าอาการให้หมอฟังหมอให้ยามากินและนัดดูอาการราวเดือนครึ่ง ได้ไปหาหมอ หมอสอบถามผลการรักษา แล้วให้ยามารับกิน ทำอย่างนี้หลายครั้งแต่ละครั้งให้ไปเจาะเลือด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในวัยเด็ก ราวชั้นประถมศึกษา ผมยังจำได้ เมื่อมืดค่ำ ที่บ้านจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกหลังคาเรือนก็เช่นกัน แม่บอกให้เอาการบ้านมาทำ ถ้าวิชาเดียวก็เสร็จเร็วหน่อย ถ้าสองวิชาก็ดึกหน่อย ดึกนั้นคงราวสองทุ่มเศษ ผมวางสมุดลงบนโต๊ะเล็กๆ นั่งขัดสมาธิบนเสื่อ แม่นั่งข้างหน้า แม่สอนจริงจัง มีตึงมีผ่อน มีเทคนิคในการสอน ขู่บ้างปลอบบ้าง คำพูดที่พูดประจำก็คือ “คัดไทย ช่องไฟต้องพอดี หัวทอทหารต้องกลมอย่าให้บอด” “ห้าคูณเจ็ดเป็นเท่าไร สามสิบห้าหรือสามสิบหก” ตอนจบแม่ให้ท่องสูตรคูณ ถ้าท่องได้ให้ไปนอน ท่องไม่ได้เอาให้ได้ ตาผมชักลืมไม่ขึ้น แม่ใช้ไม้ตีปับตรงแขน “ท่องไม่ได้ไม่ต้องนอน” แม่สำทับเสียงเข้ม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
โลกหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วเท่าเดิม เข็มนาฬิกากระดิกตัวด้วยความเร็วปกติ ผู้มีความทุกข์ ความผิดหวัง พิเคราะห์เวลาเหมือนเชื่องช้า เนิ่นนาน ผู้มีสุขสมหวัง มีเสียงหัวเราะกลับพูดว่า เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เวลาเป็นของมีค่า ในเวลาเพียง 1 นาที มีคนเกิดคนตายเท่าไร มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดทุกมุมโลกมากมาย เมื่อเวลามีค่า เราก็สมควรทำอะไร ให้ตัวเอง ให้สังคม ให้ผู้คนรอบข้าง และควรดำเนินชีวิตอย่างไร ให้ชีวิตมีค่าเหมือนเวลา น่าจะเป็นเช่นนั้น ผมอ่านหนังสือหลายเล่ม ฟังผู้รู้หลายท่าน ใช้เวลาใคร่ครวญ เพื่อให้ความคิดตกผลึกว่า คนดีคือคนอย่างไร คนดีที่สุดต้องทำอะไร ได้ข้อสรุปว่า คนดีที่สุด คือคนที่คิด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ทุกคนคงเคยไปหาหมอ อาจเป็นหมอคลินิกหรือหมอโรงพยาบาล เมื่อยื่นบัตรคนไข้ผ่านฝ่ายคัดกรองแล้ว ท่านก็ต้องไปยังห้องที่รักษาพยาบาลเฉพาะโรค นั่งรอคิวพยาบาลเรียก ถ้าเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนจะเร็วมาก แต่ก็ต้องจ่ายเงินมากเช่นกัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐต้องทำใจ จ่ายเงินน้อยแต่คนมาก คงต้องเสียสละเวลาให้ 1 วัน บางทีอาจครึ่งวัน คนไข้มากมาย ห้องตรวจทุกห้องคนไข้เต็มหมด คนไข้มากมายกว่าห้างสรรพสินค้า