Skip to main content

ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าร้านนี้
ผมกินประจำ จะปั่นรถถีบ “ราเล่ห์”
(RALEIGH) สีเขียวคู่ใจมาซื้อกินเสมอมา ซื้อไปกินกับข้าวเหนียวที่บ้านอร่อยมากครับ ไม่ใช่กินแบบประหยัด สาเหตุหนึ่งคงมาจากถูกสอน อะไรๆก็กินกับข้าวเหนียว เราเดินผ่านร้านนี้มาแล้ว แต่เสียงตะหลิวสัมผัสกระทะขณะผัดก๋วยเตี๋ยว ยังดังตามหลังเรามาแล้วห่างหายไป แต่ภาพเส้นราดหน้าขนาดขนาดใหญ่ ที่ถูกจับวางบนแผ่นวัสดุใส่ ซึ่งรองด้วยกระดาษหนังสือชั้นล่างสุด เจ้าตี๋คนผัดฝีมืออันดับหนึ่งของร้าน ใช้กระบวยตักน้ำราดหน้า ที่มีเนื้อหมูชิ้นหวาน คละเคล้าผักคะน้าคลุกน้ำขุ่นข้น ถูกเทราดลงบนเส้น ไออุ่นลอยกรุ่นกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก ต่อมน้ำลายผลิตผลงานอย่างซื่อสัตย์ ผมรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันที

 

บ่ายวันเสาร์
ผมกับเพื่อน
4-5 คน เป็นพลพรรคชุดเดิมที่ไปด้วยกัน วัยเดียวกันบ้านใกล้กัน มีเงินในกระเป๋าเพียงซื้ออาหาร 1 มื้อพร้อมขนมและค่ารถเท่านั้น จะโบกรถสี่ล้อแดงคงไม่ไหว เราจึงพากันเดินไปดักรถเมล์สีเหลืองสาย 3 วิ่งระหว่างสถานีรถไฟ-ห้วยแก้ว ที่คอสะพานนครพิงค์(ขัวใหม่) ฝั่งน้ำปิงด้านที่มีถนนทอดไปสู่ตลาดต้นลำไย ค่ารถคนละ 50 สตางค์ เรานั่งกินลมชมวิวไปตามลีลาของรถ ที่วิ่งไปช้าๆ หยุดรับคนเป็นระยะๆ เหมือนจะบอกว่า จะเร่งรีบไปไหนกัน ชีวิตนี้ยังมีเวลาอีกมากมายยาวนาน เห็นผู้ปกครองพาเด็กๆเล็กๆขึ้นรถ จูงมือจูงแขนประคบประงม อุ้มวางบนตักบ้าง พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงดูอบอุ่น เด็กหญิงทักเปียคู่ กางเกงขาสั้นสีสดใส รองเท้าแบบทันสมัย เสียงเขย่ากระบอกเก็บค่าโดยสารแว่วมาจากกระเป๋ารถเมล์ในชุด กระโปรงเสื้อสี้น้ำทะเล เธอพูดคำเมืองเพราะหู


ไปลงไหนเจ้า ?”
ไปสวนสัตว์ น้องต๊ะใดก้าโดยสาร ?”
คนละ 50 สตางค์เจ้า ?”


รถเมล์สีเหลืองวิ่งมาสักพักก็หมดระยะ รถจอดตรงประตูเข้าสวนสัตว์เชียงใหม่ ผู้ปกครองจูงมือเด็กเล็กทั้งหญิงชายลงรถ กระเป๋าหญิงหน้าตาหมดจดคอยรับเด็กลงตรงบันไดรถ เด็กๆส่งเสียงตื่นเต้นดีใจ พวกเราเด็กโค่งลงหลังสุด เกาะกลุ่มเดินเลียบถนนผ่านทางเข้าสู่สวนสัตว์ ได้ยินเสียงรถเมล์เหลืองคันที่มาส่ง เร่งเครื่องขึ้นถนนราดยางที่โค้งและชันเล็กน้อย เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเนินห่างออกไป คนขับจะไปกลับรถที่ทางแยกข้างบน ซึ่งห่างออกไป 100 กว่าเมตร และจะมาจอดนิ่งข้างทางหน้าประตูสวนสัตว์ รอเวลารถจะออกวิ่งเข้าเมือง เมื่อรถเมล์สาย 3 อีกคันวิ่งมาถึง เราไม่ลืมแวะซื้อข้าวเหนียวริมถนน ไก่ทอดเนื้อทอด น้ำพริก น้ำดื่ม โดยเพื่อนๆจะซื้อไม่ซ้ำกัน

มีป้ายบอกทางไปห้วยแก้วตรงมุมถนนตรงโค้งพอดี พวกเราพากันเดินเรียงเดียว พากันไปตามทางนั้น มีหินผาใหญ่น้อยเป็นระยะ บางตอนเราเดินตามทางแคบ ที่กว้างแค่ฝ่าเท้าเราเหยียบเดิน บางครั้งกระโดดไปตามก้อนหิน พวกเราเริ่มหายใจแรง คุยกันส่งเสียงดังสนุกสนาน พักเดียวก็ถึงแอ่งน้ำ มีน้ำใสไหลผ่านซอกหินรูปร่างต่างๆ ที่มือธรรมชาติบรรจงสร้างสรรค์ หูได้ยินน้ำไหลซ่า บางแห่งไหลผ่านแผ่วแว่วดุจเสียงกระซิบกระซาบ สายน้ำใสไหลซอกซอนคดเคี้ยว บางตอนน้ำไหลรวมกันเป็นแอ่ง นิ่งใสสงบ เหมือนเหน็ดเหนื่อยต่อการเดินทางยาวไกลมิรู้สิ้นสุด มีคนมาเล่นน้ำก่อนพวกเราแล้ว ทั้งเด็กผู้ใหญ่ สาวๆสวยๆ พ่อเริงร่าเล่นน้ำกับลูกๆ แม่นั่งวักน้ำใสเย็นเล่น เท้าเปลือยขาวแช่น้ำสบายอารมณ์ คู่หนุ่มสาวนั่งคุยกันตาเยิ้มหวาน นกบนต้นไม้ขับกล่อมเพลง สูงขึ้นไปฟ้าเป็นสีน้ำเงินสดใส ลมเย็นพัดมารวยริน กลิ่นดอกไม้ป่าผสมผสาน เมื่อเห็นคนสวย อาการทะลึ่งของพวกเราลดลง ทำท่าทางให้เรียบร้อย วางมาดให้เท่โดยมิได้นัดหมาย พวกเราบางคนถอดเสื้อกางเกง นุ่งผ้าขาวม้าเล่นน้ำ บางคนนั่งกอดเขาชมวิว บางคนนอนมองท้องฟ้า แต่สายตาจะวนมาจมกับหน้าใสสวยเสมอ น้ำกระทบหินเป็นละอองฟุ้งในอากาศ บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายกว่าบนรถเมล์และที่บ้าน ผมทนไม่ไหวลงเล่นน้ำบ้าง แสนสดชื่นเย็นสบาย

 


ได้ยินเสียงหัวเราะเย้าแหย่
ของพวกเราและกลุ่มอื่น เสียงหัวเราะกังวานเหมือนโลกนี้ไม่เคยมีความทุกข์ พอเล่นน้ำจนฉ่ำใจ ล้างหน้าสระหัวด้วยสบู่เสร็จเริ่มรู้สึกหิว เราล้อมวง แกะห่อข้าวเหนียว ไก่ยาง เนื้อทอด น้ำพริก แคบหมู มาวางบนพื้นผาที่ราบที่สุดเท่าที่เลือกได้ นั่งกันยองๆ กินข้าวด้วยกันแสนอร่อย ลมพัดต้นไม้ข้างลำห้วยมาเป็นระยะ พาความสดชื่นเย็นสบายมาทั่วบริเวณ แหงนหน้ามองสูงขึ้นไปเหนือโขดผาเหนือยอดไม้ เห็นท้องฟ้าสีน้ำเงินกระจ่างตา มีเมฆขาวดุจสำลีลอยทาทาบ แสงแดดยามบ่ายฉายลอดใบไม้กิ่งไม้ เกิดเงาไหวไปมาในน้ำใส พวกเรากินอาหารได้มากและอร่อยด้วย บางคนอาหารเต็มปากยังไม่หยุดคุย เพื่อนบางคนแกล้งถือขาไก่ไม่ยอมวาง อีกคนทนไม่ไหวแย่งคามือ คนอื่นพากันหัวเราะร่วน เที่ยวกับเพื่อนสนิทมันมีความสุขและสนุกจริงๆ มีแม้ค้าสะพายเปียด
(กระบุง)ใส่มะพร้าวเผามาขาย ลูกมะพร้าวปอกเปลือกเรียบร้อย เห็นเป็นลูกสีขาว หัวมีรอยเผาสีดำ แม่ค้าบอกว่า เป็นมะพร้าวเผา แม่ค้าเพิ่งเผาสดๆใหม่ๆที่ว่างข้างทางเดินที่เราผ่านมา ผมชักสงสัย


เผาตรงไหนนะ ? กันเดินมายังไม่เห็น ?”
เขาเผาตรงข้างโขดหินใหญ่ ตรงที่ว่าง เมื่อเราเดินมาได้สัก 7-8 ก้าว” เพื่อนนักมวยที่รูปร่างเตี้ยสุดบอก
แกมัวแต่มองอะไรสวยๆขาวๆข้างหน้า มันจะเห็นได้ยังไง” เพื่อนอีกคนพูดขึ้นหลังจากกลืนเนื้อทอดลงคอไป


มะพร้าวลูกละ 10 บาท พวกเราล้วงกระเป๋าคลำดูจำนวนเงิน รวมเงินกันซื้อได้ 3 ลูก แม่ค้านั่งยองๆใช้มีดสับตรงหัว ใช้ความชำนาญไม่ให้ใบมีดถูกน้ำมะพร้าว เพราะถ้าถูกจะทำให้น้ำมะพร้าวเปรี้ยวได้.

 

 

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันนี้ เป็นวันแรกของการเป็นครู ผมเตรียมตัวสอนมาเต็มที่ สอนหลายวิชา บอกก่อนว่าเป็นโรงเรียนเอกชนอยู่ใกล้สถานีรถไฟเชียงใหม่ เปิดสอนเด็กเล็กจนถึงมัธยมปีที่สาม ครูที่สอนส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว มีคนแก่คนหนึ่งเป็นฝ่ายการเงิน ครูใหญ่เป็นผู้หญิง เป็นเจ้าของโรงเรียน ไม่สอนแต่อยู่ฝ่ายขายอาหารของโรงเรียน ผมสอน 29 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ว่างเพียง 1 ชั่วโมง ปรกติครูท่านอื่นสอน 24-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นั่นคือผมสอนมากกว่าท่านอื่น 5 ชั่วโมง ก็ช่วยสอนวิชาเบาๆ ให้พี่ๆ ที่สอนประจำชั้น เช่น พลศึกษาวาดเขียน ร้องเพลง...เป็นมุมหนึ่งในหลายมุมของชีวิตครูเอกชน วันแรก ผมสอน 6 ชั่วโมงเต็ม เป็นหนุ่มร่างกายแข็งแรง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คืนนี้ ขึ้น 15 ค่ำ ยังหัวค่ำ พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงนวลอ่อนโยนกระจ่างทั่วทุ่ง แสงเย็นตายังครอบคลุมวิหารวัดทุ่งลมเย็นบรรยากาศในวัดช่างสงบ สงัด ลมทุ่งพัดกระทบต้นไม้ในวัด ใบของมันสะบัดตัวรับดังซู่ซ่าเป็นพักๆ  ความวุ่นวายสับสนเร่าร้อนทั้งมวลของคนเหมือนหมดสิ้นยามย่างเท้าเข้าวัดสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์  พระสงฆ์องค์เจ้าคงจำวัดกันหมดทั้งสามรูป แต่ยังมีอีกคนหนึ่ง จิตใจยังเร่าร้อนเคร่งเครียดแม้จะเหนื่อยจากงานสลากภัตของวัด ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับได้  ใครๆเรียกเขาว่า "ลุงคำ" แกเฝ้านึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้วัดทุ่งลมเย็นมีพระ 2 รูป เณร 1 รูปเวลาพระรับนิมนต์ไม่มีใครดูแลวัดเกรงขโมยจะมาลักทรัพย์สิน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คนเหนือ หรือชาวเหนือเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกคนกรุงเทพฯซึ่งพูดภาษากลางว่า “คนไทย” ในกลุ่ม “คนเมือง” มักมีวจีที่เกี่ยวโยงการเป็นคนท้องถิ่นเดียวกันว่า “หมู่เฮาคนเมือง” ย้อนหลังไปราว50ปี แม้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งยังแสดงความเป็นตัวตนโดยใช้ชื่อว่าหนังสือพิมพ์ “คนเมือง” สอดคล้องกับข้อความในหนังสือ “ฅนเมืองอู้คำเมือง” ในหน้าที่ 1โดยคุณบุญคิดวัชรศาสตร์ได้เขียนเอาไว้ว่า ...ในอดีตอาณาจักรล้านนามีการปกครองตนเองมีภาษาพูด และภาษาหนังสือใช้เป็นของตนเองมาก่อนและนิยมชมชอบเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกภาษาพูดว่า “คำเมือง” และเรียกภาษาหนังสือว่า “ตัวหนังสือเมือง” และล้านนาประกอบด้วย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แม่เกิดลูก ออกมาหลายตัว ขนสีต่างๆ กัน ส่วนใหญ่ตัวอ้วนขนฟู แม่นอนตะแคงในกรง ลูกตัวอื่นคลานต้วมเตี้ยมเข้าไปกินนมแม่เร็วกว่า เจ้าตัวผอมเล็ก ลำตัวมันยังไม่นิ่งนัก เพราะขายังไหวขณะเดิน ด้วยยังไม่แข็งแรงพอ เจ้าตัวผอมเล็กต้องรอให้บางตัวอิ่ม แล้วคลานออกมา มันจึงคลานเข้าไปกินได้ นมแม่อุ่นหวาน เต้านมนุ่มตึงเต็มปากของมัน มันถูกแม่อุ้มด้วยปากมากินนมบ่อยๆ ลูกตัวใดคลานไปไกล แม่หมาจะใช้ปากคาบเบาๆ ตรงหนังบริเวณคอ นำมาไว้ในกรงเสมอ ทุกวันเมื่อบรรดาลูกๆกินนมอิ่ม มันก็นอนกอดก่ายกันหลับไปมองดูเหมือนเด็กเล็กๆ น่าเอ็นดู เจ้าของกรง และบ้านเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตอนเช้า เวลานายผู้ชายเดินลงบันได…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เด็กชายสันทัด นั่งยองๆ บนกำแพงวัด ตาจ้องเขม็งที่ร่างชายคนหนึ่ง ซึ่งนอนคว่ำ ไม่สวมเสื้อบนพื้นศาลาวัด บนเสื่อผืนหนึ่ง คางวางบนหมอนเก่าคร่ำมือประสานรองรับคาง วันนี้เป็นวันที่ 15 เมษายน เป็นวันพญาวันคนทางเหนือนิยมสักยันต์กันในวันนี้ เพราะเชื่อกันว่า ทำพิธีทางไสยศาสตร์ในวันนี้จะเข้มขลังนัก ภิกษุรูปหนึ่ง นั่งคุกเข่าข้างชายผู้นั้น ยกเหล็กแหลมเล็งไปยังกลางหลัง แล้วก็แทงจึกลงไป เหล็กกระทบเนื้อไปเรื่อยๆ ปากท่านก็ขมุบขมิบว่าคาถาประกอบ ชายที่นอนคว่ำ หน้าตาปรกติ ไม่แสดงอาการเจ็บปวด ชายฉกรรจ์อีก 4-5 คน ถอดเสื้อรอคิวสัก เขาจ้องดูชายคนแรกอย่างสนใจ ทุกคนกระตือรือร้นอยากสัก ไม่มีใครแสดงอาการหวาดหวั่น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กรมศิลปากรประกาศผลศิลปิน ผู้ได้รับรางวัล “เพชรในเพลง” ประจำปี 2551 เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พ.ศ. 2551 (29 ก.ค.) รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้ประพันธ์เพลงดีเด่นในอดีต ประเภทเพลงไทยสากล ได้แก่ “เพลงเรือนแพ” ผู้ประพันธ์นายชาลี อินทรวิจิตร เพลง “เรือนแพ” เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เรือนแพ” สร้างเมื่อ พ.ศ.2504 เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ สุริวงศ์ เชียงใหม่ โรงภาพยนตร์นี้ เดิมอยู่ตรงข้ามกับประตูท่าแพ ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว ผมได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ขณะเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นภาพยนตร์ที่แสดงถึง ความรักของเพื่อนสามคน ประกอบด้วย ไชยา สุริยัน แสดงเป็น นักมวย ส.อาสนะจินดา แสดงเป็น ตำรวจ จินฟง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดวงอาทิตย์ ค่อยโผล่พ้นขอบดอยที่อยู่ไกลลิบช้าๆ หมอกเมฆปรากฏจางๆ ช่วยกรองแสง ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์ เป็นทรงกลมสีแดงอ่อน เป็นเช้าที่สวยงาม บ้านไม้หลังเก่าสีโอ๊ก ปลูกบนเนินดิน ที่สูงกว่าถนนหน้าบ้าน และสูงกว่าทุ่งกว้างที่ด้านหน้าบ้านเล็กน้อย มีเก้าอี้โยกเป็นหวาย ที่ระเบียงด้านข้างบ้าน ซึ่งมีบันไดทอดสู่พื้นด้านหน้า มองเห็นทุ่งกว้าง ปรากฏตอข้าวสีเหลืองกระจายทั่วผืนนา ทุ่งกว้างนี้ ปูลาดไปจนถึงถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ข้ามถนนเป็นทุ่งนาอีกเช่นกัน มองไกลออกไปอีกนิด เป็นหย่อมต้นไม้สีน้ำเงินปนดำ สูงขึ้นไปอีก จะเห็นแนวดอยสลับซับซ้อน ลมเย็นจากทุ่งโล่ง ทะยอยพัดมาระเรื่อย สู่บ้านของผม บ้านคนเมือง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พ่อคงไม่รักผมเพราะพ่อตีผมบ่อยๆ บางครั้งหนักๆ ไม่เคยกอด ไม่เคยเล่นกับผม แวบหนึ่ง...ผมอยากออกบ้านไปให้พ้น...แกเพียงพูดว่า“เมื่อแกมีลูก แกจะรู้เอง” วันนี้ผมมีลูกชายวัย 3 ขวบ 1 คน กำลังซนตอนเย็นวันหนึ่ง แกกินยาป้องกันหนูและแมลง ที่มีรูปแบนเป็นวงกลม แหว่งไปนิดหนึ่ง ผมบอกแกให้อ้าปาก คายออกมาให้หมด แกอ้าปาก ถ่มน้ำลาย ผมยังไม่หมดกังวล บอกให้แม่บ้านเอาเงินมาให้ผมเร็ว จะพาลูกไปโรงพยาบาล ผมคว้าเสื้อมาสวม กลัดกระดุม 2 เม็ด ไม่ตรงรูของมัน ชายเสื้อข้างหนึ่งสั้น ข้างหนึ่งยาว อุ้มลูกวิ่งลงบันได เกือบลื่นล้ม วิ่งออกประตูบ้าน สู่ถนนใหญ่โรงพยาบาลใหญ่ที่สุด เป็นโรงพยาบาลที่ผมมุ่งไปหา โบกรถสี่ล้อรับจ้าง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ระยะนี้ กลางคืนนอนกรนตื่นง่ายตื่นนอนตอนเช้า มีอาการไม่ดี คล้ายหลับไม่อิ่ม เหมือนจะเป็นไข้เล็กน้อย ผมอยากนอนต่ออีกสักงีบ ขอสัก 20-30 นาทีน่าจะดีคิดถึงระยะทางจากบ้านถึงที่ทำงานแล้วท้อใจ จากบ้านอำเภอแม่แตงถึงอำเภอฝาง ที่ทำงานราว 111 กิโลเมตร พาหนะเป็นรถกระบะ พวงมาลัยธรรมดาปวดบ่าเอวไม่น้อยเลย สังขารผ่านวัยหนุ่มมาแล้ว อาการดังกล่าวเป็นบ่อยๆบางครั้งต้องโทรลาปรึกษาภรรยาแล้วไปหาหมอตรวจรักษาดีกว่า ไปคลินิกที่โรงพยาบาลมหาราชเร็วดี ยาดี แม้จะแพงก็ยอมเล่าอาการให้หมอฟังหมอให้ยามากินและนัดดูอาการราวเดือนครึ่ง ได้ไปหาหมอ หมอสอบถามผลการรักษา แล้วให้ยามารับกิน ทำอย่างนี้หลายครั้งแต่ละครั้งให้ไปเจาะเลือด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในวัยเด็ก ราวชั้นประถมศึกษา ผมยังจำได้ เมื่อมืดค่ำ ที่บ้านจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกหลังคาเรือนก็เช่นกัน แม่บอกให้เอาการบ้านมาทำ ถ้าวิชาเดียวก็เสร็จเร็วหน่อย ถ้าสองวิชาก็ดึกหน่อย ดึกนั้นคงราวสองทุ่มเศษ ผมวางสมุดลงบนโต๊ะเล็กๆ นั่งขัดสมาธิบนเสื่อ แม่นั่งข้างหน้า แม่สอนจริงจัง มีตึงมีผ่อน มีเทคนิคในการสอน ขู่บ้างปลอบบ้าง คำพูดที่พูดประจำก็คือ “คัดไทย ช่องไฟต้องพอดี หัวทอทหารต้องกลมอย่าให้บอด” “ห้าคูณเจ็ดเป็นเท่าไร สามสิบห้าหรือสามสิบหก” ตอนจบแม่ให้ท่องสูตรคูณ ถ้าท่องได้ให้ไปนอน ท่องไม่ได้เอาให้ได้ ตาผมชักลืมไม่ขึ้น แม่ใช้ไม้ตีปับตรงแขน “ท่องไม่ได้ไม่ต้องนอน” แม่สำทับเสียงเข้ม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
โลกหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วเท่าเดิม เข็มนาฬิกากระดิกตัวด้วยความเร็วปกติ ผู้มีความทุกข์ ความผิดหวัง พิเคราะห์เวลาเหมือนเชื่องช้า เนิ่นนาน ผู้มีสุขสมหวัง มีเสียงหัวเราะกลับพูดว่า เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เวลาเป็นของมีค่า ในเวลาเพียง 1 นาที มีคนเกิดคนตายเท่าไร มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดทุกมุมโลกมากมาย เมื่อเวลามีค่า เราก็สมควรทำอะไร ให้ตัวเอง ให้สังคม ให้ผู้คนรอบข้าง และควรดำเนินชีวิตอย่างไร ให้ชีวิตมีค่าเหมือนเวลา น่าจะเป็นเช่นนั้น ผมอ่านหนังสือหลายเล่ม ฟังผู้รู้หลายท่าน ใช้เวลาใคร่ครวญ เพื่อให้ความคิดตกผลึกว่า คนดีคือคนอย่างไร คนดีที่สุดต้องทำอะไร ได้ข้อสรุปว่า คนดีที่สุด คือคนที่คิด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ทุกคนคงเคยไปหาหมอ อาจเป็นหมอคลินิกหรือหมอโรงพยาบาล เมื่อยื่นบัตรคนไข้ผ่านฝ่ายคัดกรองแล้ว ท่านก็ต้องไปยังห้องที่รักษาพยาบาลเฉพาะโรค นั่งรอคิวพยาบาลเรียก ถ้าเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนจะเร็วมาก แต่ก็ต้องจ่ายเงินมากเช่นกัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐต้องทำใจ จ่ายเงินน้อยแต่คนมาก คงต้องเสียสละเวลาให้ 1 วัน บางทีอาจครึ่งวัน คนไข้มากมาย ห้องตรวจทุกห้องคนไข้เต็มหมด คนไข้มากมายกว่าห้างสรรพสินค้า