Skip to main content


ปี พ.ศ. 2500

ผมอายุได้ 11 ปี เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน
ครูหล้า  เรียกชื่อเป็นทางการว่า โรงเรียนสุวรรณศิลป์   โรงเรียนนี้ต้องเข้าซอยไปราว 30 เมตร   โรงเรียนติดกับน้ำแม่ข่า  โดยมีถนนช้างม่อยตัดใหม่ตัดผ่าน  ปากซอยอยู่ตรงข้ามกับโรงหนังศรีนครพิงค์  ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน  ถัดจากโรงหนังนี้ไปทางทิศตะวันออก จะเป็นตลาดนวรัฐ  คนทั่วไปเรียกติดปากว่า  กาดเจ๊กโอ๊ว  ต้องขออภัยเครือญาติของเถ้าแก่โอ๊ว  ที่เรียกคำนำหน้าชื่อว่า  เจ๊ก  เพราะทราบว่าคนจีนไม่ชอบให้ใครเรียกเช่นนั้น  ผมเขียนตามที่ได้ยินเขาเรียกกันทั่วไปจริงๆ  ซึ่งใครๆก็เคารพยกย่องเถ้าแก่ด้วยกันทั้งนั้น  ผู้เขียนก็เช่นกัน  

กาดนวรัฐถูกสร้างขึ้นด้วยเถ้าแก่โอ๊ย  เป็นตึกหลังใหญ่สองชั้น  ตลาดนวรัฐปลูกยาวตามแนวแสงตะวัน  หัวตึกใหญ่ด่านทิศตะวันออก  เป็นร้านทองโอ๊ยจินเฮงในปัจจุบัน  ถัดจากตึกใหญ่ยาวไปทางทิศใต้ เป็นถนนในตลาด   ถัดจากถนนนี้เป็นตึกแถวยาวเหยียด ยาวกว่าตัวตึกที่เป็นตลาดนวรัฐ  ตรงกลางตึกแถว  มีถนนทะลุผ่านไปทางทิศใต้ แล้วโผล่ไปพบถนนช้างม่อย  หากข้ามถนนช้างม่อยไปจะพบตึกแถวสองชั้น  มีทางเดินเข้าสู่กาดหลวง (ตลาดวโรรส)  ส่วนตลาดต้นลำไยนั้น  อยู่ติดน้ำแม่ปิงอยู่ใกล้ๆกาดหลวง  โดยมีถนนวิชยานนท์คั่นกลาง  จะเห็นว่า  กาดหลวง  กาดนวรัฐ  และกาดต้นลำไย อยู่ใกล้ๆกัน  ผู้ซื้อสินค้าจึงเดินไปตลาดทั้งสามแห่งได้สะดวกสบาย ตลาดนวรัฐสร้างเสร็จเปิดให้พ่อค้าแม่ค้าเข้าจับจอง  ระยะแรกไม่เก็บค่าเช่าแผง  ต่อมาจะเก็บค่าเช่าแผงถูกๆ พ่อค้าแม่ค้าเข้าไปจับจองแผงขายกันมากมาย  ชั้นบนเป็นร้านอาหาร  ชั้นล่างเป็นผักเนื้อ ฯลฯ  เถ้าแก่โอ๊วมีหัวหลักแหลมพลิกแพลงด้านการค้า ใช้วิธีการดึงคนเข้าตลาด  เช่น  กลางคืนมีการแสดงงิ้ว  ได้ยินเสียงร้องว๊ากๆๆ  ตะลุงตุ๊งแช่ๆ  กลางวันมีลิเก  ได้ยินเสียงร้องเอื้อนลิเกดังเจื้อยแจ้วจากลำโพง  ประชาชนชมฟรี  มีการฉลองก่อนเปิดตลาดจริงในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2500

การฉลองมีนานนับเป็นเดือน
ทีเดียว กลางวันลิเกแสดง  กลางคืนงิ้ววาดลวดลายบ้าง  มีคนไปเที่ยวตลาดมากมาย ยังจำได้ว่า
ตรงหน้าตลาดแต่อยู่หลังโรงหนังศรีนครพิงค์  มีต้นมะขามใหญ่ต้นหนึ่ง แดดร้อนแสนร้อน  ลิเกแสดงไม่กลัวแดด  ค่าจ้างคงเป็นตัวเลขงามไม่น้อย  พระเอกนางเอกหน้าขาวปากแดง ขนตายาวผมยาวจึงยิ้มอย่างสดชื่นสู้แดดได้ตลอด   น้ำหวานน้ำเย็นขนมขบเคี้ยวขายดิบดี  ใต้ร่มมะขามถูกผู้คนจับจองเหนียวแน่น  ยังไม่พอ  เช้าวันอาทิตย์มีวงดนตรีของธนาคารออมสินภาค 5  มาแสดง   ขณะนั้นดังที่สุดในเชียงใหม่  แสดงให้ชมฟรีบนอาคารชั้นสองตลาดนวรัฐ  จำภาพการแสดงได้ติดตาเพราะผมไปชมเสมอๆ  ดาราตลกประจำวงรูปร่างผอมสูง  สวมแว่นตาดำ   คางยาวแหลม  หัวเถิงพองาม  มีมุกตลกมากมาย  ท่านชื่อคุณชุบ  ธรรพนันท์  นักร้องหญิงตาสวยไว้ผมปีกนก  เป็นทรงที่นิยมของผู้หญิงสมัยนั้น  คือหวีผมด้านหน้าผากไปหลัง  หวีแสกด้านหนึ่ง  ด้านข้างทั้งสองข้างดัดเป็นลอนระต้นคอ  นักร้องท่านนี้เป็นขวัญใจของผู้ชมทั้งหญิงชาย ชื่อคุณศรีพรรณ อุปพันธ์  ท่าทางท่านนิ่งๆเรียบร้อย  ยิ้มเล็กน้อย  นักร้องชายมาดนิ่มชื่อคุณเมตตา  วงศ์ธานี  ท่านนี้ผมเคยเห็นหน้าท่านบ่อยๆ  เป็นวัยเดียวกับลูกป้าผม  ซึ่งต่อมาทำงานที่ธนาคารออมสิน  อีกท่านหนึ่งเป็นนักแต่งเพลงประจำวง ใครที่อายุ 40 ปีขึ้นไปคงรู้จัก  ท่านชื่อ  สนิท .ศ ครับ

การฉลองตลาดนวรัฐ

ยืดยาวเป็นเดือนๆ  พอครบเดือนก็ขยายเวลาอีก เหตุการณ์ดำเนินไปราบรื่นปรกติ  จนกระทั่งคืนวันที่  12  สิงหาคม  2500  เถ้าแก่โอ๊วได้ขึ้นไปชมการแสดงงิ้วที่ชั้นบนของตลาด  บุตรภรรยาขึ้นไปด้วย  ชมสักครู่หนึ่งจึงได้กลับลงมา  เมื่อมาถึงร้านคนรู้จักกัน  เจ้าของร้านได้เชิญเถ้าแก่โอ๊วเข้ามานั่งคุยกัน โดยทั้งสองนั่งเก้าอี้ริมทางเท้า  ส่วนอีกสองคนนั่งด้านใน  ร้านนี้เป็นห้องหนึ่งของตึกแถว  เป็นคูหาที่หก  ตึกแถวนี้อยู่ข้างตลาดนวรัฐด้านทิศใต้ โดยมีถนนในตลาดคั่นกลาง  คนร้ายที่อยู่ชั้นสองของตลาดได้โยนระเบิดลงมา  ครู่เดียวเท่านั้นมันก็ระเบิดขึ้น เสียงระเบิดดังกึกก้องไปหมด  มีคนบาดเจ็บสี่คน  เถ้าแก่โอ๊วหนักกว่าคนอื่น เสียชีวิตคาที่  ส่วนคนอื่นบาดเจ็บสาหัส  ทางการได้ส่งตำรวจมาสืบสวนคดี  แต่ยังไม่อาจระบุได้ว่า ใครคือผู้ร้ายตัวจริง ใครคือผู้จ้างวาน   และยังมีกระแสข่าวหนึ่งระบุว่า  คนร้ายตัวจริงถูกฆ่าปิดปาก  มีการฆ่าตัดตอนไม่น้อยกว่า 4 คน  นับเป็นคดีสะเทือนขวัญ  เป็นคดีที่ดำมืด  ยังมีคำถามที่ต้องการคำตอบหลายประการ...หลังเกิดเหตุผ่านไป  ผมได้ขึ้นไปชั้นสองของตลาดนวรัฐ  ไปยืนตำแหน่งที่คาดว่าคนร้ายโยนระเบิดลงไป  ที่คูหาข้างล่างของตึกแถวอีกฟากถนน  ประตูห้องเป็นประตูเหล็กเลื่อนไปมาซ้ายขวา  ตำแหน่งที่ยืนดูเป็นตำแหน่งที่ใกล้มาก  สามารถโยนระเบิดลงไปอย่างแม่นยำ  ไม่มีใครสนใจใคร  คนทั่วไปต่างมัวดูงิ้วด้านในอาคาร  เมื่อเรื่องค่อยเงียบลง  ผมเคยเดินไปดูคูหาตึกแถวที่ถูกระเบิด  มองลอดช่องว่างประตูเหล็กเข้าไป  เห็นพื้นซีเมนต์เป็นหลุม  บางแห่งพื้นแตกสะเก็ด  ผนังห้องมีรอยถูกระเบิด.

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
วันนี้ เป็นวันแรกของการเป็นครู ผมเตรียมตัวสอนมาเต็มที่ สอนหลายวิชา บอกก่อนว่าเป็นโรงเรียนเอกชนอยู่ใกล้สถานีรถไฟเชียงใหม่ เปิดสอนเด็กเล็กจนถึงมัธยมปีที่สาม ครูที่สอนส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาว มีคนแก่คนหนึ่งเป็นฝ่ายการเงิน ครูใหญ่เป็นผู้หญิง เป็นเจ้าของโรงเรียน ไม่สอนแต่อยู่ฝ่ายขายอาหารของโรงเรียน ผมสอน 29 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ว่างเพียง 1 ชั่วโมง ปรกติครูท่านอื่นสอน 24-25 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ นั่นคือผมสอนมากกว่าท่านอื่น 5 ชั่วโมง ก็ช่วยสอนวิชาเบาๆ ให้พี่ๆ ที่สอนประจำชั้น เช่น พลศึกษาวาดเขียน ร้องเพลง...เป็นมุมหนึ่งในหลายมุมของชีวิตครูเอกชน วันแรก ผมสอน 6 ชั่วโมงเต็ม เป็นหนุ่มร่างกายแข็งแรง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คืนนี้ ขึ้น 15 ค่ำ ยังหัวค่ำ พระจันทร์เต็มดวงสาดแสงนวลอ่อนโยนกระจ่างทั่วทุ่ง แสงเย็นตายังครอบคลุมวิหารวัดทุ่งลมเย็นบรรยากาศในวัดช่างสงบ สงัด ลมทุ่งพัดกระทบต้นไม้ในวัด ใบของมันสะบัดตัวรับดังซู่ซ่าเป็นพักๆ  ความวุ่นวายสับสนเร่าร้อนทั้งมวลของคนเหมือนหมดสิ้นยามย่างเท้าเข้าวัดสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์  พระสงฆ์องค์เจ้าคงจำวัดกันหมดทั้งสามรูป แต่ยังมีอีกคนหนึ่ง จิตใจยังเร่าร้อนเคร่งเครียดแม้จะเหนื่อยจากงานสลากภัตของวัด ก็ไม่อาจข่มตาให้หลับได้  ใครๆเรียกเขาว่า "ลุงคำ" แกเฝ้านึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้านี้วัดทุ่งลมเย็นมีพระ 2 รูป เณร 1 รูปเวลาพระรับนิมนต์ไม่มีใครดูแลวัดเกรงขโมยจะมาลักทรัพย์สิน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
คนเหนือ หรือชาวเหนือเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกคนกรุงเทพฯซึ่งพูดภาษากลางว่า “คนไทย” ในกลุ่ม “คนเมือง” มักมีวจีที่เกี่ยวโยงการเป็นคนท้องถิ่นเดียวกันว่า “หมู่เฮาคนเมือง” ย้อนหลังไปราว50ปี แม้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งยังแสดงความเป็นตัวตนโดยใช้ชื่อว่าหนังสือพิมพ์ “คนเมือง” สอดคล้องกับข้อความในหนังสือ “ฅนเมืองอู้คำเมือง” ในหน้าที่ 1โดยคุณบุญคิดวัชรศาสตร์ได้เขียนเอาไว้ว่า ...ในอดีตอาณาจักรล้านนามีการปกครองตนเองมีภาษาพูด และภาษาหนังสือใช้เป็นของตนเองมาก่อนและนิยมชมชอบเรียกตนเองว่า “คนเมือง” เรียกภาษาพูดว่า “คำเมือง” และเรียกภาษาหนังสือว่า “ตัวหนังสือเมือง” และล้านนาประกอบด้วย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
แม่เกิดลูก ออกมาหลายตัว ขนสีต่างๆ กัน ส่วนใหญ่ตัวอ้วนขนฟู แม่นอนตะแคงในกรง ลูกตัวอื่นคลานต้วมเตี้ยมเข้าไปกินนมแม่เร็วกว่า เจ้าตัวผอมเล็ก ลำตัวมันยังไม่นิ่งนัก เพราะขายังไหวขณะเดิน ด้วยยังไม่แข็งแรงพอ เจ้าตัวผอมเล็กต้องรอให้บางตัวอิ่ม แล้วคลานออกมา มันจึงคลานเข้าไปกินได้ นมแม่อุ่นหวาน เต้านมนุ่มตึงเต็มปากของมัน มันถูกแม่อุ้มด้วยปากมากินนมบ่อยๆ ลูกตัวใดคลานไปไกล แม่หมาจะใช้ปากคาบเบาๆ ตรงหนังบริเวณคอ นำมาไว้ในกรงเสมอ ทุกวันเมื่อบรรดาลูกๆกินนมอิ่ม มันก็นอนกอดก่ายกันหลับไปมองดูเหมือนเด็กเล็กๆ น่าเอ็นดู เจ้าของกรง และบ้านเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ตอนเช้า เวลานายผู้ชายเดินลงบันได…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เด็กชายสันทัด นั่งยองๆ บนกำแพงวัด ตาจ้องเขม็งที่ร่างชายคนหนึ่ง ซึ่งนอนคว่ำ ไม่สวมเสื้อบนพื้นศาลาวัด บนเสื่อผืนหนึ่ง คางวางบนหมอนเก่าคร่ำมือประสานรองรับคาง วันนี้เป็นวันที่ 15 เมษายน เป็นวันพญาวันคนทางเหนือนิยมสักยันต์กันในวันนี้ เพราะเชื่อกันว่า ทำพิธีทางไสยศาสตร์ในวันนี้จะเข้มขลังนัก ภิกษุรูปหนึ่ง นั่งคุกเข่าข้างชายผู้นั้น ยกเหล็กแหลมเล็งไปยังกลางหลัง แล้วก็แทงจึกลงไป เหล็กกระทบเนื้อไปเรื่อยๆ ปากท่านก็ขมุบขมิบว่าคาถาประกอบ ชายที่นอนคว่ำ หน้าตาปรกติ ไม่แสดงอาการเจ็บปวด ชายฉกรรจ์อีก 4-5 คน ถอดเสื้อรอคิวสัก เขาจ้องดูชายคนแรกอย่างสนใจ ทุกคนกระตือรือร้นอยากสัก ไม่มีใครแสดงอาการหวาดหวั่น…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กรมศิลปากรประกาศผลศิลปิน ผู้ได้รับรางวัล “เพชรในเพลง” ประจำปี 2551 เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พ.ศ. 2551 (29 ก.ค.) รางวัลเชิดชูเกียรติ ผู้ประพันธ์เพลงดีเด่นในอดีต ประเภทเพลงไทยสากล ได้แก่ “เพลงเรือนแพ” ผู้ประพันธ์นายชาลี อินทรวิจิตร เพลง “เรือนแพ” เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง “เรือนแพ” สร้างเมื่อ พ.ศ.2504 เข้าฉายที่โรงภาพยนตร์ สุริวงศ์ เชียงใหม่ โรงภาพยนตร์นี้ เดิมอยู่ตรงข้ามกับประตูท่าแพ ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว ผมได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ขณะเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นภาพยนตร์ที่แสดงถึง ความรักของเพื่อนสามคน ประกอบด้วย ไชยา สุริยัน แสดงเป็น นักมวย ส.อาสนะจินดา แสดงเป็น ตำรวจ จินฟง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ดวงอาทิตย์ ค่อยโผล่พ้นขอบดอยที่อยู่ไกลลิบช้าๆ หมอกเมฆปรากฏจางๆ ช่วยกรองแสง ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์ เป็นทรงกลมสีแดงอ่อน เป็นเช้าที่สวยงาม บ้านไม้หลังเก่าสีโอ๊ก ปลูกบนเนินดิน ที่สูงกว่าถนนหน้าบ้าน และสูงกว่าทุ่งกว้างที่ด้านหน้าบ้านเล็กน้อย มีเก้าอี้โยกเป็นหวาย ที่ระเบียงด้านข้างบ้าน ซึ่งมีบันไดทอดสู่พื้นด้านหน้า มองเห็นทุ่งกว้าง ปรากฏตอข้าวสีเหลืองกระจายทั่วผืนนา ทุ่งกว้างนี้ ปูลาดไปจนถึงถนนสายเชียงใหม่-ฮอด ข้ามถนนเป็นทุ่งนาอีกเช่นกัน มองไกลออกไปอีกนิด เป็นหย่อมต้นไม้สีน้ำเงินปนดำ สูงขึ้นไปอีก จะเห็นแนวดอยสลับซับซ้อน ลมเย็นจากทุ่งโล่ง ทะยอยพัดมาระเรื่อย สู่บ้านของผม บ้านคนเมือง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
พ่อคงไม่รักผมเพราะพ่อตีผมบ่อยๆ บางครั้งหนักๆ ไม่เคยกอด ไม่เคยเล่นกับผม แวบหนึ่ง...ผมอยากออกบ้านไปให้พ้น...แกเพียงพูดว่า“เมื่อแกมีลูก แกจะรู้เอง” วันนี้ผมมีลูกชายวัย 3 ขวบ 1 คน กำลังซนตอนเย็นวันหนึ่ง แกกินยาป้องกันหนูและแมลง ที่มีรูปแบนเป็นวงกลม แหว่งไปนิดหนึ่ง ผมบอกแกให้อ้าปาก คายออกมาให้หมด แกอ้าปาก ถ่มน้ำลาย ผมยังไม่หมดกังวล บอกให้แม่บ้านเอาเงินมาให้ผมเร็ว จะพาลูกไปโรงพยาบาล ผมคว้าเสื้อมาสวม กลัดกระดุม 2 เม็ด ไม่ตรงรูของมัน ชายเสื้อข้างหนึ่งสั้น ข้างหนึ่งยาว อุ้มลูกวิ่งลงบันได เกือบลื่นล้ม วิ่งออกประตูบ้าน สู่ถนนใหญ่โรงพยาบาลใหญ่ที่สุด เป็นโรงพยาบาลที่ผมมุ่งไปหา โบกรถสี่ล้อรับจ้าง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ระยะนี้ กลางคืนนอนกรนตื่นง่ายตื่นนอนตอนเช้า มีอาการไม่ดี คล้ายหลับไม่อิ่ม เหมือนจะเป็นไข้เล็กน้อย ผมอยากนอนต่ออีกสักงีบ ขอสัก 20-30 นาทีน่าจะดีคิดถึงระยะทางจากบ้านถึงที่ทำงานแล้วท้อใจ จากบ้านอำเภอแม่แตงถึงอำเภอฝาง ที่ทำงานราว 111 กิโลเมตร พาหนะเป็นรถกระบะ พวงมาลัยธรรมดาปวดบ่าเอวไม่น้อยเลย สังขารผ่านวัยหนุ่มมาแล้ว อาการดังกล่าวเป็นบ่อยๆบางครั้งต้องโทรลาปรึกษาภรรยาแล้วไปหาหมอตรวจรักษาดีกว่า ไปคลินิกที่โรงพยาบาลมหาราชเร็วดี ยาดี แม้จะแพงก็ยอมเล่าอาการให้หมอฟังหมอให้ยามากินและนัดดูอาการราวเดือนครึ่ง ได้ไปหาหมอ หมอสอบถามผลการรักษา แล้วให้ยามารับกิน ทำอย่างนี้หลายครั้งแต่ละครั้งให้ไปเจาะเลือด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ในวัยเด็ก ราวชั้นประถมศึกษา ผมยังจำได้ เมื่อมืดค่ำ ที่บ้านจะจุดตะเกียงน้ำมันก๊าดทุกหลังคาเรือนก็เช่นกัน แม่บอกให้เอาการบ้านมาทำ ถ้าวิชาเดียวก็เสร็จเร็วหน่อย ถ้าสองวิชาก็ดึกหน่อย ดึกนั้นคงราวสองทุ่มเศษ ผมวางสมุดลงบนโต๊ะเล็กๆ นั่งขัดสมาธิบนเสื่อ แม่นั่งข้างหน้า แม่สอนจริงจัง มีตึงมีผ่อน มีเทคนิคในการสอน ขู่บ้างปลอบบ้าง คำพูดที่พูดประจำก็คือ “คัดไทย ช่องไฟต้องพอดี หัวทอทหารต้องกลมอย่าให้บอด” “ห้าคูณเจ็ดเป็นเท่าไร สามสิบห้าหรือสามสิบหก” ตอนจบแม่ให้ท่องสูตรคูณ ถ้าท่องได้ให้ไปนอน ท่องไม่ได้เอาให้ได้ ตาผมชักลืมไม่ขึ้น แม่ใช้ไม้ตีปับตรงแขน “ท่องไม่ได้ไม่ต้องนอน” แม่สำทับเสียงเข้ม
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
โลกหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วเท่าเดิม เข็มนาฬิกากระดิกตัวด้วยความเร็วปกติ ผู้มีความทุกข์ ความผิดหวัง พิเคราะห์เวลาเหมือนเชื่องช้า เนิ่นนาน ผู้มีสุขสมหวัง มีเสียงหัวเราะกลับพูดว่า เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เวลาเป็นของมีค่า ในเวลาเพียง 1 นาที มีคนเกิดคนตายเท่าไร มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดทุกมุมโลกมากมาย เมื่อเวลามีค่า เราก็สมควรทำอะไร ให้ตัวเอง ให้สังคม ให้ผู้คนรอบข้าง และควรดำเนินชีวิตอย่างไร ให้ชีวิตมีค่าเหมือนเวลา น่าจะเป็นเช่นนั้น ผมอ่านหนังสือหลายเล่ม ฟังผู้รู้หลายท่าน ใช้เวลาใคร่ครวญ เพื่อให้ความคิดตกผลึกว่า คนดีคือคนอย่างไร คนดีที่สุดต้องทำอะไร ได้ข้อสรุปว่า คนดีที่สุด คือคนที่คิด…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ทุกคนคงเคยไปหาหมอ อาจเป็นหมอคลินิกหรือหมอโรงพยาบาล เมื่อยื่นบัตรคนไข้ผ่านฝ่ายคัดกรองแล้ว ท่านก็ต้องไปยังห้องที่รักษาพยาบาลเฉพาะโรค นั่งรอคิวพยาบาลเรียก ถ้าเป็นคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนจะเร็วมาก แต่ก็ต้องจ่ายเงินมากเช่นกัน ถ้าเป็นโรงพยาบาลของรัฐต้องทำใจ จ่ายเงินน้อยแต่คนมาก คงต้องเสียสละเวลาให้ 1 วัน บางทีอาจครึ่งวัน คนไข้มากมาย ห้องตรวจทุกห้องคนไข้เต็มหมด คนไข้มากมายกว่าห้างสรรพสินค้า