Skip to main content



พี่วิเศษยืนจดมวย อย่างไม่กระตือรือร้น

ยืนอยู่ด้านทิศ ตะวันออก   หันหน้าเข้าหาศาล   พี่ เอกสิทธิ์ยกมือจดมวยอยู่ทางทิศตะวันตก  ทั้งคู่รูปร่างพอกัน    ทึบตันไม่ ถึงล่ำสัน   พี่เอกสิทธิ์ขาว พี่ วิเศษคล้ำ   ผมยืนอยู่ข้างหลังพี่เอกสิทธิ์   เฉียงออกไปเล็กน้อย   พี่วิเศษไม่ขยับตัวเลย   ยืนนิ่งเฉย   พี่เอกสิทธิ์ตัวแทนผม   ผู้จะแก้ แค้นแทนผม   ดีดเท้าซ้ายเข้าที่ท้องพี่วิเศษดังบึบ   ไม่น่าเชื่อ   พี่วิเศษทรุดตัวลงนั่งยองๆ   มือกุมท้องแล้วไม่ยอมลุก   นั่งนิ่งอยู่อย่าง นั้น   พี่เอกสิทธิ์ผ่านการต่อสู้มาไม่น้อย   คงเข้าใจความรู้สึกของคู่ต่อสู้   แก เดินเข้าไปยืนห่างสัก 1 ก้าวอย่างผู้เจนการต่อสู้   ควักยาหม่องตลับเล็กๆให้พี่วิเศษ   พี่วิเศษรับไปแล้วควักทาท้อง   พี่เอกสิทธิ์ ยื่นมือไปหา   พี่วิเศษยื่นมือมาจับ   ผู้ชนะดึงมือคู่ต่อสู้ลุกขึ้น   วาจาลูก ผู้ชายหลุดจากปากนักชกตัวแทนผม

 


“ไม่มีอะไรกันแล้วนะ !”

พี่เอกสิทธิ์บอก ด้วยหน้าตาปรกติ   เรียบนิ่ง   จับมือกันคู่หนึ่ง   แล้วพี่เอกสิทธิ์ก็ก้าว เดินห่างออกไป   ผมรีบวิ่งตาม   ไม่ มีใครหันมาดูพี่วิเศษอีกต่อไป   นับจากนั้นมา   พี่วิเศษไม่เคยพูดไม่ดีกับผม   และ ก็ไม่มีการแก้แค้นคืนจากพี่วิเศษ   ทุกอย่างจบลงและ เงียบหายไป   เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน   ภาพวันนั้นยังเหมือนภาพยนตร์ที่พร้อมจะย้อนหลังให้ผมเห็น   ทุกครั้งที่ระลึกถึง
 
วันโรงเรียนปิด
ผมจะมานั่งดู ผู้ใหญ่เล่นหมากฮอสกันที่ร้านนายพูน   นายพูนพูดภาษา กลางเป็นหลัก   มีคำเมืองปนบ้าง   แก จะนุ่งกางเกงขายาวสีน้ำเงิน   สวมเสื้อกล้าม   สวมแว่นหวีผมเรียบแปล้   ท่าทาง ที่เห็นประจำ   แกจะนั่งม้านั่งเตี้ยซ่อมรถ จักรยานยนต์   เห็นแกลองสตาร์ทรถ   ลอง เครื่องหลังซ่อมเสียงดังแผดก้อง ควันพุ่งออกจากท่อ ด้านข้างคลุ้ง   ม้วนตัวไปข้างหลังสู่ท้องถนน   แล้วเลือนหายไปในอากาศ   ถ้าว่าง จากงานซ่อมรถ   แกจึงมานั่งเล่นหมากฮอส   ผมดูแล้วฝีมือแกไม่น่ากลัว   แก มักพูดข่มขวัญคู่ต่อสู้เสมอ   ชาวสามล้อปั่นรู้ใจ   ใครสู้กับแกต้องผ่อนฝีมือให้   ถ้า แกชนะจะยิ้มอารมณ์ดี   คุยไม่หยุดทีเดียว    ผู้ที่เป็นคู่ต่อกรกับนายพูนประจำ   เป็น แขกเงินกู้   ผมดกดำ   รูปร่างหนาทึบ    
 

หลังไปเก็บเงินกู้ รายวัน   แกจะแวะจอดรถจักรยานยนต์ที่ร้านนายพูน   พูดคุยทักทายกัน   หากมีสามล้อ อยู่แถวนั้น   พวกสามล้อจะทำหน้าที่พูดแหย่ทั้งคู่ ให้สู้กัน   ส่วนใหญ่จะเชียร์นายพูน   ยกยอนายพูนมากมาย   แม้ยังมีงานซ่อมรถ ค้างอยู่   นายพูดก็จะพักไว้ก่อน ใช้ ผ้าเช็ดมือที่เปื้อนน้ำมันออก   มานั่งโขลกหมากฮอส กับคู่ต่อสู้ขาประจำ   ถ้านายพูนเดินพลาดแกจะโดนกินฟรี   แกจะขอ เดินคืนตาเดิม   ไม่เดินหมากตัวนั้น   กระดานหนึ่งแกทำหลายครั้งแขกเงินกู้ก็ยอม ถ้า มากครั้งแขกเงินกู้ชักเดือดเหมือนกัน จะรีบกินหมาก นายพูนอย่างฉับพลัน ยืดหมากนายพูนไว้   วางข้างกระดาน  แขกเงินกู้หัวเราะชอบใจ  จับหมากที่กินของคู่ต่อสู้   ซึ่งวางนอกกระดานด้านข้างตน  เขกกับกระดานเป็นจังหวะทั้งสองมือ   พร้อมกับร้องเพลงแขกประกอบ  หัวเราะกิ๊กเสียงลึกในคอ  สามล้อที่นั่งดูหัวเราะชอบใจ แต่ไม่กล้า หัวเราะนาน  กลัวนายพูดไม่พอใจ  นายพูนจะยกนิ้วมือสากมีรอยน้ำมันกุมขมับขวา  พูดบ่นงึมงำ เล่นกันสัก 2-3 กระดาน ถ้านายพูนแพ้จะพาลเลิกเล่นง่ายๆ   หน้าแกจะเหงาเศร้าทีเดียว   กลับไปซ่อมรถในร้านตามเดิม.

 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    นอสตราดามุส (ค.ศ. 1502-1566) เป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อสายยิว เรียนจบปริญญาตรีคะแนนดีเยี่ยม จึงโดดเรียนปริญญาเอกจนจบสาขาแพทย์ ได้ทำนายไว้ว่า  “ ...วันเวลาแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของการสิ้นยุคเก่าและการมาถึงของยุคใหม่...กำลังจะเข้ามาปรากฏแก่สังคมโลกมนุษย์อยู่แล้ว ซึ่งคาดตามตรรกะจะเกิดขึ้นในช่วงระหว่าง 23 ปีข้างหน้านี้ คือระหว่างปี ค.ศ. 2000 ถึง ค.ศ.2023...” (หนังสือนอสตราดามุส โดย ศ.เจริญ วรรธนะสิน หน้า 363)  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผมปลดกระเป๋าหนังสะพายบ่า เปิดกระเป๋าหยิบเอกสารปึกใหญ่ออกมา ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ดูท่านยิ้มเหมือนพึงพอใจ ชี้ไปที่เอกสารฉบับหนึ่งแล้วบอกว่า นั่นเป็นชื่อของท่านที่เขียนเรื่องนั้น ผมหัวเราะแก้เขินที่จุดไต้ตำตอ ถือโอกาสย้ำถาม “ ท่านชื่อคุณอดิศร ฟุ้งขจรหรือครับ ? ขอโทษผมไม่ทราบจริงๆครับ.” เราทั้งคู่หัวเราะและยิ้มให้กัน เราเริ่มคุ้นเคยกันในเวลาอันสั้น คงจะจริงนะ ที่ว่าการพบกันครั้งแรกเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง หากอัธยาศัยต้องกัน หรือที่พูดกันว่า ถูกชะตากัน ยิ่งคุยยิ่งสนุก มิตรภาพงอกงามรวดเร็ว…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  24 พฤษภาคม 2554
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เพลงที่ 11 ลืมไม่ได้เด็ดขาด ชื่อเพลง “ศรัทธา” ขับร้องโดยคุณโป่ง ปฐมพงษ์ สมบัติพิบูลย์ นักร้องนำวง หิน เหล็ก ไฟ ก่อนเปลี่ยนเป็นวง The Son ทราบว่าเพลงของวงนี้ เขาแต่งเนื้อร้องทำนองเองหมด คุณโป่งเป็นนักร้องร็อคระดับต้นแบบ หรือ Idol ของใครอีกมากมายที่เดินตามในถนนสายดนตรี เสียงมีพลัง มีความหนักแน่น เป็นเพลงประเภทให้กำลังใจต่อสู้ ให้มุมมองชีวิต ให้ความคิด เนื้อเพลงบางท่อนกลายเป็นวลีฮิตติดปากไปแล้ว เนื้อเพลงบางตอน              …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      ผมฟังคุณศิริพรกล่าวเนื่องในวันเกิด ของผู้ชราหลายคนในวันนี้ ฟังแล้วจับใจไม่น้อย “ ...ถึงแม้บ้านวัยทองนิเวศน์ จะมีอาหารการกิน มีเครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้สอย แต่ที่ขาดเป็นด้านจิตใจ แม้จะไม่สามารถทดแทนครอบครัวเดิมของท่านได้ก็ตาม จะพยายามเติมเต็มส่วนที่ขาด ตามที่สามารถทำได้...” เมื่อพิธีกรงานวันเกิดกล่าวต่อจนจบแล้ว 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ใกล้เที่ยงในโรงอาหารมีคนพลุกพล่าน พินิจดูเป็นเด็กหนุ่มสาว อาจเป็นระดับอาชีวะ หรือมหาวิทยาลัยราวปี 1 , 2 มีโต๊ะยาววางถ้วยจานแก้วน้ำ หน้าโรงอาหาร มีเจ้าหน้าที่บริการ 2 คน ผมเดินไม่รู้ไม่ชี้มองหาเจ้าหน้าที่บ้านวัยทองนิเวศน์
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมเดินออกจากสำนักงาน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผมบอกให้ลูกจอดรถ ที่ถนนทอดสู่ตัวอาคารสำนักงาน บอกให้แกพาแม่ไปเยี่ยมยายที่บ้านปง ที่อยู่ห่างจากที่นี่ราว 3 กิโลเมตรเศษ ประมาณ 11 โมงให้กลับมารับพ่อ ผมเดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ในตัวอาคาร พบเจ้าหน้าที่หญิง เป็นคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน เธอยกมือไหว้เมื่อเห็นหน้าผม เธอมีบ้านพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านสันมหาพน หมู่บ้านนี้อยู่ตรงข้ามกับโรงเรียนสันมหาพนวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ฟากถนนทิศตะวันตก โรงเรียนนี้อยู่ห่างที่ว่าอำเภอไปทางทิศใต้ไม่ถึง 100 เมตร ผมเคยสอนโรงเรียนนี้นาน 12 ปี ผมบอกเธอว่า …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  วันนี้ขับรถกระบะสีเขียว รุ่น พ.ศ. 2537 ออกจากบ้านทุ่งแป้ง อำเภอสันป่าตองราว 8.00 น.เศษ มีจุดหมายปลายทางที่บ้านวัยทองนิเวศน์ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ คนนั่งซ้ายมือเป็นขาประจำ มีหน้าที่นั่งคุยเป็นเพื่อนไม่ให้คนขับรถง่วง บางเวลาก็นั่งเฝ้ารถกรณีผมเข้าห้องสมุดที่ต่างๆ คอยซื้ออาหารกลางวัน เครื่องดื่มบำรุงคนขับรถ เป็นฝ่ายสวัสดิการ บางทีทำเกินหน้าที่ กลายเป็นฝ่ายก่อความสงบภายในรถ สร้างความเครียดแก่คนขับแทนการผ่อนคลาย สาเหตุจากให้เฝ้ารถนานๆ เมื่อผมกลับจากค้นคว้าในห้องสมุดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ปีนี้ พ.ศ.2554 จะยังมีกิจกรรมดำหัวผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่ ? หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น “ไทยนิวส์” ฉบับวันศุกร์ที่ 1 เมษายน 2554 ได้ลงข่าวหน้า 1 ว่า “ จัดดำหัวผู้ว่าฯสานประเพณี เปลี่ยนชื่องานใหม่ สระเกล้าฯป้อเมือง .” โดยมีเนื้อหาข่าวบางตอนดังนี้ครับ “เมื่อ 30 มีนาคม 2554 นายวรการ ยศยิ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เผยว่า เพื่อให้การจัดกิจกรรมนี้เป็นการแสดงออกถึงความเป็นวัฒนธรรมประเพณีปีใหม่เมืองล้านนาของจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อกิจกรรมเป็นงาน สระเกล้าดำหัวป้อเมืองเจียงใหม่ …