Skip to main content

 

คู่แรกซอจบลง  
คณะซอได้หยุดพักครู่หนึ่ง   ผู้ขับซอคู่ที่ 2 ก้าวขึ้นเวที   นั่งเคียงกันหน้าเวที   คะเนอายุอ่อนกว่าคู่แรกแน่นอน   คงราว 30 ปีต้นๆทั้งคู่   เสียงขับซอไม่ต่างจากคู่แรกมากนัก มีความไพเราะ   มีคำสัมผัส ใกล้เคียงคู่แรก   ผู้ขับซอฝ่ายหญิง   รวบผมไว้ด้านหลังเป็นพวงเหนือท้ายทอย   ด้านหน้าหวีผมดำสนิทปาดเฉียง   ซ้ายไปขวา   เป็นทรงผมที่นิยมมากในเวลานี้   จี้หูเป็นห่วงโลหะขาววาวคล้ายเส้นลวด   ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2 นิ้ว มันแกว่งไกวทุกครั้ง ที่เธอหันหน้าไปมาขณะซอโต้ตอบ   บางตอนเธอยืนขึ้น   แสดงอารมณ์หมั่นไส้ฝ่ายชาย   กระโปรงสั้นสีดำเหนือเข่า   เผยให้เห็นน่องอวบสวย   เสื้อสีม่วงแขนสั้นไร้ปก   ขับแขนเพรียวขาว     จัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งทีเดียว   เธอบอกชื่อตามบทซอที่ขับขานว่าชื่อ “ผ่องพรรณ”   ส่วนฝ่ายชายชื่อ “ก้าน”   ผิวคล้ำหน้าทะเล้นสนุกสนาน สวมเสื้อแขนยาวสีขาว   พับที่ต้นแขน   กางเกงขายาวสีเทาปนดำ   สวมถุงเท้าสีดำ  
 
ทั้งคู่ซอสักพักหนึ่ง  
คู่แรกก็ขึ้นมาซอต่อในช่วงเย็น
การขับซอจะเปลี่ยนไปมาระหว่างชายกับหญิง   มีการหยุดซอเป็นช่วงๆ   ขณะหยุดจะมีการพูดโต้ตอบกัน   แทรกตลกแทรกเรื่องเพศ   เป็นการพักเหนื่อยผู้เล่นปี่และซึงไปด้วย   สักพักเสียงปี่เสียงซอจะค่อยๆดังขึ้นอีก   เป็นการรู้กันระหว่างผู้ขับซอกับนักดนตรีว่า   จะมีการขับซอต่อไป   ขณะซอถ้ามีคำซอใดถูกใจคนฟัง   จะได้ยินเสียงดังชอบใจ  “...ฮา...หิ้ว !”   เป็นพักๆ   การขับซอจะใช้เวลานาน   ยิ่งเวลาผ่านไป   รสชาติการซอจะเข้มข้นดุเดือดเร้าอารมณ์คนฟังตามลำดับ   ผู้ซอทั้งชายหญิงจะปล่อยที่เด็ด   ยามตะวันรอนอ่อนแสง   ออกท่าทางเพิ่มสีสันเข้าไปเต็มที่   โต้ตอบคารมกันเหมือนโกรธกันจริงๆ   ข้างล่างเวทีไม่น้อยหน้า   มีผู้ที่ร่ำสุราได้ที่ชกต่อยกัน   ไม่ใช่ใครที่   เพื่อนสนิทสูงวัยที่ยืนเอียงไปเอียงมาใกล้กัน   เพิ่งไปเติมน้ำเมามาด้วยกัน   สาเหตุเพียงพูดขัดกันเล็กน้อย   ลูกหลานทั้งสองฝ่ายรีบแยกตัวพากลับบ้าน   มักจะมีเสมอถ้ามีการซอ   บ้างว่าเป็นของคู่กัน   บ้างว่าเป็นสีสันของงาน   เนาวรัตน์กวาดตาดูคนข้างเคียง   ดูคนรอบๆผามซอ   เห็นลุงแสวงนั่งอมยิ้มข้างกำแพงวัด   เห็นป้าสมนั่งถัดไป   แม่จันทร์สมนั่งสวมแว่น   มองไปยังผู้ขับซออย่างสนใจยิ่ง   ไม่เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน   ที่มักไปไหนด้วยกันอย่างเคย   อ๋อ...เนาวรัตน์รู้แล้ว   แม่สาเพื่อนบ้านคนสนิทวัย 70 กว่า   ที่เคยนั่งฟังซอคราวปอยหลวงฉลองโบสถ์คราก่อน   ได้ลาโลกไปก่อนแล้ว   แม่คำเพื่อนสนิทอีกคน   นอนป่วยเป็นอัมพฤกษ์   ไปไหนไม่ได้  
 
เด็กประถมในหมู่บ้าน 
ทั้งชายหญิงจำนวน 5-6 คน   ปั่นรถถีบผ่านผามซอ   ล้อรถถีบหมุนไปข้างหน้าช้าๆ   เคลื่อนไปตามถนนรอบหมู่บ้านที่เป็นวงกลม   เด็กมัธยม 3-4 คนยืนข้างรถจักรยานยนต์   คุยกันห่างออกไปที่มุมถนน   บางรายยืนคุยโทรศัพท์มือถือ   ยกมือไม้ประกอบเหมือนคู่สนทนาอยู่ตรงหน้า   ผู้ฟังซอเป็นผู้ใหญ่เพศหญิงมากกว่าชาย วัยกลางคนถึงผู้สูงอายุ   ตะวันคล้อยผ่านต้นไม้หน้าวัด   แสงแดดที่ร้อนจัดค่อยถูกบดบังด้วยกอไผ่ริมน้ำแม่ขาน   การขับซอยิ่งเข้มข้นมากขึ้น   คู่ซอมีอะไรงัดออกมาเล่นแบบไว้ลาย   กะให้ผู้ฟังบ้านทุ่งแป้งกล่าวขานถึงนานแสนนาน   ที่สุดการขับซอก็จบลง   แต่ตอนท้ายซึ่งเป็นตอนสำคัญยิ่งของคู่ถ้องมาถึง   เป็นช่วงคู่ซอทั้ง 4 คน   จะนั่งซอออดอ้อนขอรางวัลจากเจ้าภาพ รางวัลที่คณะซอต้องการหมายถึงเงิน   ทั้ง 4 คนจะเปลี่ยนกันขับซอ   ออดอ้อนขอเงินอย่างสุดฝีปาก   ใช้ลูกยอ   ยกย่องให้เกียรติ   เอ่ยชื่อผู้ใหญ่บ้านก่อนเป็นหมายเลข 1 .
 
 

 

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ขออภัย ผมปัสสาวะบ่อย หลายครั้งต่อวัน บางครั้งกลั้นไม่อยู่ อยากฉี่เต็มที ต้องรีบปลดปล่อยอย่างเร่งด่วน บางครั้งอยากฉี่โดยไม่เลือกที่เลือกเวลา   ร่างกายเราควบคุมมันไม่ได้เสียแล้ว กำลังคุยกันหลายคนเสียด้วย ต้องรีบขอตัวเข้าห้องน้ำ   บางทีก่อนออกบ้านได้ไปทำธุระในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ขับรถยนต์เข้าเชียงใหม่   เวลาผ่านไปไม่เท่าไร อยากไปห้องน้ำอีกแล้ว โธ่ๆ...เป็นไปได้    เป็นบ่อยเข้า ผิดปรกติแน่นอน จึงเดินทางไปพบหมอที่โรงพยาบาลสวนดอก(โรงพยาบาลมหาราช)    
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      13 ตุลาคม 2553
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผมวิ่งขึ้นบันไดบ้าน มือขวาถือรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ถึงบนบ้านวางกระเป๋าหนังสือเรียนชั้น ป.3 ข้างเสา วางรองเท้าที่ว่างข้างบันได นั่งถอดถุงเท้าที่ชุ่มเหงื่อวางผึ่งบนรองเท้า กวาดตามองหาย่า ได้ยินเสียงในห้องครัว ส่งเสียงเรียกย่า ย่าเดินถือถ้วยใส่ขนมมาให้เหมือนทุกวัน ผมเดินสูดขี้มูกไปหา ยกชายเสื้อกล้ามเช็ดเหงื่อแถวหน้าผากและหัว แมวสีดำขาขาวเหมือนสวมถุงเท้าวิ่งมาพันแข้งขา ผมหยุดก้มดูส่งเสียงไล่ตะเพิด 1 ครั้งมันยังคลอเคลีย 2 ครั้ง มันยังคงร้องเหมียวๆ ระหว่างขา ผมรับถ้วยขนมเดินกลับมาหามุมเหมาะๆ จะกินขนมให้อร่อยลิ้น …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    วัดประทานพรนั้น จะอยู่แถวย่านโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ ซู่จิ้งบอกตำแหน่งวัดที่คาดว่าผมจะตามไปหาของสำคัญมักติดตามกันยากจริงๆ เหมือนตามหาขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าในภาพยนตร์ฝรั่ง ผมเดินหน้าเยิ้มเหงื่อ หลังชุ่มเปียกกลับมาหาภรรยา ที่กำลังคีบก๋วยเตี๋ยวสูตรไทยใหญ่เข้าปากสบายอารมณ์ ดูเธอไม่สนใจคำตอบผมเท่าไร ผมชักไม่มั่นใจการตามหาอิฐสำคัญจะสมหวัง...ใครก็ได้ช่วยตามหาให้หน่อยเถอะ อยากเห็นนักรูปร่างลักษณะจะเป็นอย่างไร  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  26 สิงหาคม 2553 ได้ไปหาคุณวิจิตร ไชยวัณณ์ อดีตนักหนังสือพิมพ์คนเมือง โดยผมขับรถไปหาคุณลุงวิจิตรที่บ้านห้วยน้ำขาว ตำบลบ้านยางคราม อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ บ้านนี้อยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศวร์ไปอีกราว 5 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นเรือนไม้ใต้ถุนโล่ง อยู่ด้านซ้ายมือ ตรงข้ามสนามกีฬาพอดี คุณลุงอายุ 86 ปีแล้ว ท่านบอกผมด้วยสีหน้าปรกติว่า ลุงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย อีก 3 ปีจะตาย  พอจบคำพู  ผมค่อยผ่อนลมหายใจยาว ไม่น่าเชื่อคนที่รู้ว่าตนเองกำลังใกล้ตายจะมีทีท่าปรกติ  บอกเรื่องร้ายแรงเหมือนเรื่องปรกติธรรมดา…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ร้านหนังสือที่แปลกตา  ไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน   เป็นห้องสี่เหลี่ยม   บนโต๊ะกลางห้องมีหนังสือวางเรียงราย  ด้านข้างที่ติดหน้าร้านนั้น มีหนังสือวางบ้างตั้งบ้าง   ด้านนี้เห็นมีหนังสือของคุณ รงค์ วงษ์สวรรค์   วางทักทายแฟนหนังสือหลายเล่ม   หนังสืออื่นๆเช่น ราหูอมจันทร์   สวนนักเขียน   รวมทั้งกลุ่มหนังสือใต้ดิน   ในตู้หลายใบ   ที่วางห่างเป็นระยะ   เป็นหนังสือชั้นดีทั้งระดับต่างประเทศ ที่แปลแล้ว และหนังสือในประเทศ เขียนโดยนักเขียนมีชื่อเสียง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เดินทางจากบ้าน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่   ขับรถกระบะสีเขียวเข้าเมืองเชียงใหม่   อายุใช้งานย่างเข้าปีที่ 16 แล้ว ถ้าเป็นคนก็เริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว   อยากเปลี่ยนใหม่เหมือนกัน   แต่ไม่มีเงินพอซื้อ   ภรรยานั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ   บอกก่อนว่า   เธอไม่ได้มาคุมประพฤติอะไรทั้งสิ้น ผมขับรถมักง่วงเป็นประจำ   ต้องมีคนคอยกระตุ้น   ให้ประสาทต่างๆตื่นตัวเสมอ   กินกาแฟพอช่วยได้บ้าง  ถ้ากินประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง   กลับทำให้ใจเต้นแรง กระสับกระส่าย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผู้ซื้อขายลำไยบางราย มีทีมงานเก็บลำไย  เป็นต้นว่า  ครูกำพลนำชาวเขาเผ่ามูเซอร์จากอำเภอไชยปราการมาเก็บลำไย โดยเช่าบ้านที่หัวบ้านทุ่งแป้งให้พักอาศัย มูเซอร์มาด้วยกัน 5 ครอบครัว สองคู่มีลูกเล็กตามมาด้วย  ยังไม่พอลูกในท้องอีกคน  อีกสามคู่อยู่ในวัยหนุ่มสาว  ยังไม่มีลูก  การแต่งตัว ทรงผม เหมือนวัยรุ่นเชียงใหม่  ขับขี่จักรยานยนต์โฉบไปมารวดเร็ว ถ้าครูกำพลเหมาซื้อลำไยแห่งใด กลุ่มนี้จะไปรับจ้างเก็บลำไย  หากครูกำพลยังไม่มีงาน อนุญาตให้ไปรับจ้างเก็บลำไยรายอื่นได้   ผู้ซื้อเหมาสวนลำไย  จะจ่ายค่าขึ้นเก็บลำไย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กาแฟห้องเช่า ร้านประจำของผมปิดร้านได้ 4 วันแล้ว ไม่เคยปิดนานเท่านี้ หรือจะพาไปภรรยาไปเกิดลูก เพราะเห็นเธอท้องใหญ่เบ้อเริ่ม สวมชุดคลุมท้องด้วย ผัดหน้าตาผุดผ่อง หรือปิดร้านไปงานศพในหมู่บ้าน หรือจะมาเปิดร้านสายเป็นบางวัน เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ผมคาดคะเนไปหลายทิศทาง  เหมือนตำรวจตั้งประเด็นกรณีเกิดอาชญากรรม  ผมขับรถยนต์เก่าอายุใช้งาน 16 ปีช้าๆ  แล่นมาตามถนนข้างตลาดต้นแหน  ตลาดนี้จะขายของตอนเย็น ลูกค้าอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น  บ้านต้นแหนน้อย บ้านต้นแหนหลวง  บ้านสันป่าสัก บ้านทุ่งแป้ง  ตาผมมองเฉียงไปยังห้องแถวเช่าชั้นเดียวขวามือ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ข้อความที่ได้รับ คล้ายที่ลงในหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2553 ดังนี้ ข้าวไม่ต้องหุงพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวพัฒนา   โดยศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่   จากข้าว 4 พันธุ์คือ   ข้าวดอกมะลิ 105   กข 39   ข้าวหลวงสันป่าตอง   และขาหนี่   เพื่อความสะดวกในการเตรียม   ให้เป็นอาหารพร้อมสำหรับบริโภค   โดยใช้อุปกรณ์การหุงน้อยชิ้นและประหยัดพลังงานในการทำให้สุก   ภายใต้กระบวนการแปรรูป   ให้เป็นข้าวที่นึ่งที่ทำให้สุกด้วยไอน้ำ   ลดความชื้น   และนำไปสีเป็นข้าวสาร …