Skip to main content

สุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินแห่งชาติ ปี พ.ศ.2554

บางคน
เราควรกล่าวถึง เขียนถึง ระลึกถึง ด้วยมีความรู้ มีความสามารถ มีหลักการในการทำงาน น่า
ยกย่องศรัทธา เป้าหมายการทำงานสูงกว่ากำไรขาดทุน ที่แสดงเป็นตัวเลข แต่ทำงานเพื่อคุณธรรมความดีงามและสังคม เสียสละความสุขส่วนตนเพื่อส่วนรวม เช่น ป๋วย อึ๊งภากรณ์ , สืบ
นาคะเสถียร , ขบวนการเสรีไทย , วีรชนเดือนตุลาคม พ.ศ.2519 , คณะราษฎร์ 2575 ฯลฯ

บางท่าน
เราต้องกล่าวถึง เขียนถึง ระลึกถึง ด้วยประจักษ์ในผลงานที่มีคุณประโยชน์ต่อชาติ ต่อบ้านเมืองมากมาย เช่น พระนเรศวรมหาราช(พ.ศ.2133-2148) กู้อิสรภาพครั้งที่ 1 , พระเจ้าตากสินมหาราช
( พ.ศ. 2311-2325) กู้อิสรภาพครั้งที่ 2 , พ่อขุนรามคำแหงมหาราช(ประดิษฐ์อักษรไทย พ.ศ.1826) , พระเจ้ามังรายมหาราช(สร้างนครเชียงใหม่ พ.ศ. 1839) ฯลฯ

บางคน
เราอยากกล่าวถึง เขียนถึง นึกถึง มันเป็นความรู้สึกละเอียดอ่อนในใจ มันวนเวียนล่องลอยในลมหายใจ เราสื่อถึงเขาด้วยจิตวิญญาณที่ไม่อาจจับต้อง ทำไม่เล่า ? เพราะเขาแหล่านั้น ทำงานในอาชีพของตนอย่างสุดกำลังและซื่อตรงเนินนานปีเดือน ทำเพราะอยากทำ ยังไม่พอทำเพื่อเผื่อแผ่ถึงผู้อื่น ส่งเสริมสนับสนุนผู้อื่น ได้เดินสู่ความสำเร็จ ทั้งชื่อเสียงการยอมรับ ไม่มีการกีดขวาง ท่านผู้หนึ่งนั้นคือ “ อาจารย์สุชาติ สวัสดิ์ศรี.” ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์(เรื่องสั้นและกวีนิพนธ์) ปี พ.ศ. 2554 มีผลงานเป็นที่ยอมรับในวงการนักเขียน ยังไม่พอท่านเป็นบรรณาธิการนิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือนชื่อ “ ช่อการะเกด” ท่านเป็นหัวเรือใหญ่ในการส่งเสริมวงการนักเขียน โดยให้นักเขียนมือใหม่ ส่งเรื่องสั้นไปให้ท่านได้พิจารณาอ่าน หากเรื่องใดผ่านการพิจารณา จะได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารช่อการะเกด โดยได้ค่าเรื่องพอสมควร นิตยสารฉบับนี้เปรียบเสมือนเวที ให้นักเขียนหน้าใหม่ ได้ทดสอบฝีมือ เพื่อผ่านไปเป็นนักเขียนที่ดี และสู่การเป็นนักเขียนอาชีพต่อไป นิตยสาร “ช่อการะเกด” ราคาเฉลี่ยเล่มละ 200 กว่าบาทขึ้นไป เชื่อหรือไม่ ? ทำงานไม่มุ่งหวังความสำเร็จด้านธุรกิจการค้า ไม่มุ่งกำไร ดังนั้นไม่ประสบความสำเร็จด้านยอดการขาย ต้องล้มลุกคลุกคลาน ล้มแล้วลุก แข็งใจกัดฟันขณะเลือดกบปากสู้ต่อไป ต้องปิดกิจการหลายครั้งครา เพราะสู้ไม่ไหวแล้ว ต้องหยุดการผลิตอีกครั้งหนึ่ง หนังสือช่อการะเกดออกจำหน่ายฉบับสุดท้ายเดือน มกราคม-มีนาคม พ.ศ. 2554 เป็นฉบับที่ 55

ผมได้เขียนเรื่องสั้น
ชื่อ “ ไฟไหม้กาดหลวง” ไปให้อาจารย์สุชาติได้พิจารณาอ่าน ท่านอาจารย์ได้อ่านแล้ว ให้เรื่องของผมผ่าน ได้รับการพิมพ์ลงในหนังสือ “ช่อการะเกด”ฉบับที่ 55 ซึ่งเป็นฉบับสุดท้าย ผมดีใจมาก...เป็นกำลังใจมหาศาล เหมือนคนเดินเปะปะในความมืด ได้พบแสงสว่างและทิศทาง...อีกส่วนหนึ่งก็เสียดายหนังสือดีๆฉบับหนึ่ง ที่มุ่งส่งเสริมผู้คนที่รักการขีดเขียน ต้องปิดตัวเองลง เหมือนหนังดีมักไม่ได้เงิน ส่วนกล่องรางวัลใดๆยังไม่อาจคาดเดาได้ ผมเชื่อนะ..อาจารย์ได้ก้าวผ่านเรื่องรางวัลใดๆไปแล้ว การได้ทำงานที่มีคุณประโยชน์มีคุณค่าต่อส่วนรวม เป็นสิ่งมีคุณค่าสูงสุดสำหรับความเป็นมนุษย์ ผู้อื่นได้มองเห็นความดีงามนี้แล้ว คณะกรรมการจึงได้พิจารณาตัดสินให้ท่าน เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ. 2554 ได้รับเงินตอบแทนเดือนละ 20,000 บาท และสามารถเบิกเงินสวัสดิการเพื่อการรักษาพยาบาลได้ตามระเบียบราชการ กรณีเสียชีวิต จะมีค่าช่วยเหลืองานศพ 15,000 บาท...ขออนุญาตปรบมือให้ด้วยความเคารพและศรัทธา ยกย่องยามผู้นั้นยังมีลมหายใจดีกว่าสร้างอนุสาวรีย์เมื่อเขาตายไปแล้ว ท่านคือนักเขียนชั้นครูและนักสร้างนักเขียนใหม่รุ่นต่อไป ขอขอบคุณจริงๆครับ ขออาจารย์ได้มีสุขภาพดีแข็งแรง มีความสุขกายใจทั้งครอบครัว ขอพนมมือให้ “สิงห์สนามหลวง” ครับผม.

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมฟังเธอไปด้วย จดบันทึกส่วนที่สำคัญๆไปด้วย เนื้อหาบางอย่างใช้สมองจำไว้ เธอซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวชื่อ นางอุไร บุญหมั้น อายุ 45 ปี ไม่น่าเชื่อ ดูหน้าตาเหมือนอายุประมาณ 30 กว่าปีเศษเล็กน้อย ผิวขาวปนเหลือง รวบผมยาวไว้ข้างหลัง บรรยากาศเริ่มเป็นกันเอง คงเพราะเราเป็นคนเหนือหรือคนเมืองด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า ในเวลานี้หมู่บ้านมี 159 หลัง มีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา 50 หลัง ผู้สร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินในหมู่บ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนจะมีรถบรรทุกมาส่งให้ เมื่อผมเห็นว่าได้ข้อมูลมากพอตามต้องการแล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและกล่าวลา ไม่ลืมซื้อน้ำต้นราคาใบละ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขับรถจากอำเภอสันป่าตอง มุ่งไปเชียงใหม่ ด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วขนาดนี้ถ้าพูดกับพวกตีนผีหรือวัยรุ่นทั้งหลาย จะถูกปรามาสอย่างรุนแรงว่า ไม่ควรเรียกว่าความเร็วเลยลุง น่าจะเรียกว่า การเคลื่อนที่คลานไปแบบเต่าพันปีมากกว่า ก็ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นความจริง ผมขับรถชิดเลนซ้ายแบบสบายอารมณ์ พอมาถึงทางแยกหางดง-สะเมิง ผมหยุดรถเพราะติดไฟแดง มองไปข้างหน้า เฉียงไปทางซ้ายมืออย่างไม่ตั้งใจ เห็นน้ำต้น (คนโท) ใบใหญ่สีน้ำตาล ตั้งโดดเด่นตรงข้างซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านเหมืองกุง ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ ใครเป็นผู้สร้างแล้วสร้างทำไม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  หากใคร ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออก ของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ เมื่อกราบเสร็จยืนขึ้น มองเฉียงไปทางซ้ายมือผ่านถนนไป จะเห็นวัดร้าง ที่เหลือให้เห็นเพียงเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดร้างนี้เดิมชื่อ “วัดสะดือเมือง” หรือ “วัดอินทขีล” สถานที่นี้ในปัจจุบันคือ หอประชุมติโลกราช ติดๆกันจะเป็นร้านข้าวมันไก่ลือชื่อของเชียงใหม่ วัดร้างนี้เดิมเป็นที่ตั้งของ “เสาอินทขีล” หรือ “สะดือเมือง”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย สนามฟุตบอลของโรงเรียนได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เสมอๆ เช่น การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน การจัดงานวันปิยมหาราช จัดงานฤดูหนาวในอดีต ก่อนย้ายไปจัดที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนของเชียงใหม่ และที่กรุงเทพฯ ก็มีการจัดแข่งขันฟุตบอลประชาชน แบ่งทีมเป็นถ้วย ก, ข, ค และ ฯลฯ ถ้วย ก. นั้นผู้เล่นมีฝีเท้าจัดระดับทีมชาติ ที่กระจายไปเล่นในทีมต่างๆ จำได้ว่ายุคนั้น ทีมทหารอากาศดังมาก เป็นแชมป์ถ้วย ก.หลายปีติดต่อกัน ที่เชียงใหม่ ก็จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนที่สนามโรงเรียนยุพราชฯ เช่นกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีการศึกษา   2528ทางกระทรวงศึกษาธิการ   มีนโยบายจะส่งเสริมพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน   จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์   และจัดสรรให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ   ในรุ่นแรกจะมอบให้แก่โรงเรียนนำร่องก่อน   ปีต่อไปจึงจะทยอยมอบให้   จนครบทุกโรงเรียน   โดยมีจุดมุ่งหมายให้โรงเรียนนำพระพุทธรูป   ไปประดิษฐานข้างๆเสาธง   เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า   ครบทั้ง  3  สถาบัน  คือชาติ  ศาสนา   พระมหากษัตริย์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 อีกคืนหนึ่งผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เป็นการป้องกันวัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อรถจักรยานยนต์ คันแรกในชีวิตถูกโจรจี้ไป แจ้งตำรวจแล้ว อีกทางก็รอเวลาไปไถ่รถตามที่เจ้าโจรตัวแสบบอก ขณะจะขับขี่รถหนีไป ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผมต้องวิ่งวุ่นติดตามข่าวสาร ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครถาม พอบ่อยๆเข้าผมชักหมดแรงจะเล่า บางคนบอกว่า ลองไปดูที่กาดงัว อำเภอสันป่าตอง เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขายรถจักรยานที่ใหญ่มาก ผมได้รู้จักชื่อกาดงัวของอำเภอสันป่าตองครานั้น มันเป็นกาดซึ่งมีลักษณะอย่างไร ขนาดใหญ่โตแค่ไหน รถลักขโมยนำมาขายได้หรือ เดินทางไปไม่ถูก รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี เพื่อนที่สนิทไม่มีรถยนต์เช่นกัน ปล่อยเวลาผ่านไปแบบไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ในปี พ.ศ. 2507 ผมเรียนชั้นสูงสุดของมัธยมต้น ในโรงเรียนชายประจำจังหวัด ครูบางท่านและนักเรียนชั้นนี้ ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดงานฤดูหนาวเชียงใหม่ ให้ทำหน้าที่ขายบัตรหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูงาน รวมทั้งเวทีนางงามด้วย คณะครูผู้รับผิดชอบ ได้คัดเลือกนักเรียนไปช่วยงานนี้ ผมได้รับคัดเลือกเก็บบัตรที่ประตูงาน ต้องแต่งตัวลูกเสือ มี 2 ผลัด ผลัดกลางวันกับผลัดกลางคืน ทุกคนทำงานสลับผลัดกันทุกวัน เรียนหนังสือตอนเช้า ตอนบ่ายรีบกลับบ้าน แต่งชุดลูกเสือปั่นจักรยานไปทำงาน พอดีพ่อซื้อนาฬิกาข้อมือให้เรือนหนึ่งยี่ห้อโอริส เป็นเรือนแรกในชีวิต จำได้ว่าเห่อนาฬิกามาก เก็บบัตรไปดูนาฬิกาไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมและเพื่อนๆเดินเลียบมาตามรางรถไฟ ผ่านเวทีวงดนตรี "สุรพล สมบัติเจริญ" ได้ยินนักร้องลูกวง ออกมาร้องเพลง อวดลูกคอแบบฉบับลูกทุ่งเต็มที่ ผมกับเพื่อนเดินไปยังสถานีรถไฟเล็กในงาน ซื้อบัตรขึ้นไปนั่งกับเพื่อน ผู้คนมากจริงๆ มีผู้ปกครองและเด็กเล็กมากกว่ากลุ่มอื่น รางรถไฟถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลม ล้อมรอบอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล หัวรถไฟค่อยๆลากขบวนไปช้าๆ ชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน นั่งเบียดกัน คงช่วยให้คลายหนาวจากอากาศได้บ้าง รถไฟแล่นมาครึ่งรอบ มันค่อยแล่นเข้าถ้ำ ซึ่งสร้างจำลองขึ้นมา ถ้ำมืดสนิท มีเฉพาะไฟหน้ารถ ในถ้ำบางคนแอบมาปัสสาวะ รถไฟวิ่งเขาไป ถ่ายยังไม่เสร็จก็ต้องรีบก้มหัวซ่อนหน้า…