Skip to main content

วันนี้เหมือนทุกวัน

ยามเช้า  ท้องฟ้ารูปโดมอันไพศาลหม่นมัวเหมือนกระจกฝ้า  เห็นดวงอาทิตย์เป็นวงกลมแดงดังแว่นขนมสีแดงเรื่อ  แปะไว้บนหมอกควันขาว  กลางคืนเล่า  มองไม่เห็นดวงดาว 7 คืนติดต่อกัน  ปีนี้ผู้ใหญ่บ้านหน้าเหมือนบ่าววี  นักร้องชายชาวใต้  ประกาศเสียงตามสายเหมือนทุกปี  และแจ้งย้ำในที่ประชุมตัวแทนชาวบ้านทุกหลังคาเรือนเสียงขึงขัง  ใครเผาขยะ  ใครทิ้งลงน้ำแม่ขาน  จะปรับ 2,000 บาทจริงๆ  สองฝั่งน้ำแม่ขานประกอบด้วยบ้านทุ่งแป้ง 90 หลังคาเรือน  อีกฝั่งบ้านสบอาว 60 หลังคาเรือน  ผู้ใหญ่ทั้งสองรับนโยบายมาจากเทศบาลตำบลบ้านกลาง  พูดกับชาวบ้านในทิศทางเดียวกัน  ชาวบ้านทั้งสองฝั่งน้ำแม่ขาน  ใครกล้าเผาขยะกล้าทิ้งขยะลงแม่น้ำ  ผู้ใหญ่ก็กล้าจับกล้าปรับเช่นกัน

                                                            

รุ่งเช้าอีกวัน

ผมเห็นควันไฟลอยอ้อยอิ่งเป็นก้อนในตำแหน่งก่อไผ่ริมน้ำแม่ขาน  ใกล้คอสะพานข้ามแม่น้ำ  ประสาทผมชักตื่นตัว  ใครหวากล้าลองดีผู้ใหญ่บ้าน  คิดในใจว่าเอาเข้าจริง  คงไม่มีใครกล้าจับหรอก  พลันควันไฟสีเทาที่เห็นหายไปจากสายตา  อืม !...คงไม่มีใครกล้าเผาจริงๆ  ถ้าเป็นอย่างนี้ตลอดก็ดี  ทุกคนในหย่อมบ้านจะได้หายใจปลอดโปร่ง  ไม่ต้องแสบตาอีกต่อไป

 

เช้า 4 เมษายน  2555

มีเจ้าหน้าที่เทศบาลบ้านกลางนำป้ายมาปักริมตลิ่งน้ำแม่ขาน   ประกาศห้ามทิ้งขยะลงแม่น้ำ  ห้ามเผาขยะ  ใครฝ่าฝืนปรับ 2,000 บาท  ผมปั่นรถถีบผ่านไปเห็นป้าย  ต้องหยุดกล่าวชมเชยเจ้าหน้าที่

เทศบาล  นี่เป็นครั้งแรกที่ปักป้ายรณรงค์ห้ามเผาห้ามทิ้งขยะ  คงจะเป็นนิมิตที่ดีในปีนี้  ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เป็นโทษต่อคนในหมู่บ้าน  ชุมชน  จะได้หมดไปเสียที  น่าเบื่อนะที่จะต้องผจญปัญหาเก่าซ้ำซากทุกปี

 

ฝนตกหนักลมแรง

ในคืนที่ 6-7 เมษายน 2555  นานราวครึ่งชั่วโมง  คืนวันที่ 6 เมษายนลมแรงนำหน้ามาก่อนแล้วฝนจึงตกในเวลาตี 2  ส่วนคืนที่ 7 เมษายน นั้น  มีทั้งลมฝนเช่นกันในเวลา 18.30 น.  ขณะผมกำลังกินข้าวมื้อเย็น  กินข้าวไม่อร่อยเลย  กลัวลมจะพัดบ้านเสียหาย  ลมรุนแรงขึ้นทุกปี  สภาพแวดล้อมของโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก  บางวันตอนเช้าหนาว  กลางคืนร้อนจนขาพับเปียกเหนียว  ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศจึงนอนหลับลงได้  พอเช้าวันที่ 8 เมษายน 2555  เห็นท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเย็นตา  เมฆขาวลอยม้วนตัวเป็นเกลียวมหึมาเบื้องตะวันออก  หญ้าเขียวขึ้นเต็มทุ่งนาเนื้อที่ 5 ไร่หน้าบ้าน

น้ำฝนนี่มันดีจริงๆ   เหล่าต้นไม้สารพัดมันชอบนัก  นกเอี้ยงฝูงหนึ่งราว 30 ตัว  ส่งเสียงเซ็งแซ่บนต้นโพธิ์ใหญ่มุมวัดทุ่งแป้ง  พร้อมกันส่งเสียงกันเหมือนวงนักร้องประสานเสียงขนาดย่อม  ร้องแบบไม่เกรงใจใครๆ  ไม่หวั่นแม้กระสุนจากพรานมือฉมังประจำหมู่บ้าน  ไกลออกไป  นกกาเหว่าส่งเสียงดังก้องท้องฟ้าจากยอดไม้สูง  บอกก่อนนะนกกาเหว่าเหมือนกาแต่ตัวเล็กกว่า  ตาแดง  มันร้อง กาเว้า  กาเว้า.  เสียงมันดังมาก  ถ้าประชันเสียงตัวต่อตัว  นกกาเหว่าเสียงดังที่สุด  ร้องได้ตลอดวันไม่มีเสียงตกเสียงแหบรับประกัน  ยังไม่พอ  ในสวนลำไยเนื้อที่ 11 ไร่ข้างทุ่งนาหน้าบ้าน  นกชนิดหนึ่ง  น้าปันบอกว่าชื่อ นกป้อเฮย(พ่อเฮ๊ย )  มันส่งเสียงร้องดังว่า  ป้อเฮย  ป้อเฮ้ย (พ่อเฮ๊ย  พ่อเฮ๊ย)  เสียงร้องเบากว่านกกาเหว่าหน่อยหนึ่ง  มันชอบเกาะที่ยอดไม้สูงๆ  มองเห็นตัวขนาดหัวนิ้วโป้ง  สีเหลืองจางปอนๆ  นกเขาคู่เสียงทุ่มเศร้าเบาๆแว่วมา  หมาวัด 10 กว่าตัว  วิ่งไล่ตามกันสู่ทุ่งนาหญ้าเขียวเรียบอย่างสบายอารมณ์  หมาวัดกลุ่มนี้มีทั้งรุ่นใหญ่  กลาง  และรุ่นเด็กๆที่เพิ่งหย่านม  ถนนหน้าบ้านริมทุ่ง  พลันปรากฏนักดื่มสุราก่อนอาหารเช้า 3 ราย   ทยอยปั่นรถถีบไปร้านแม่นาขายของชำและสุราที่หัวบ้าน  ยังมีรอบกลางวันและเย็นอีกที่จะตามมา  เขาเหล่านี้หยุดปุบปับแบบหักดิบไม่ได้  หากหยุดแบบฉับพลันจะมีอาการผิดปรกติอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอ  ลูกเมียแสนระอาเขาเหล่านี้  แต่แม่นาวัย 72 ปี  ไม่เคยต่อว่าลูกค้าชั้นดีให้ระคายหู  พอจอดรถเดินเข้าร้าน  แม่นาเอ่ยทักเสียงนุ่มนวล  ปากระบายรอยยิ้ม  พร้อมกับมือคว้าคอขวดเหล้า  เตรียมเทน้ำอมฤตลงสู่แก้วตามจำนวนเงินที่วางบนตั่ง

 

เช้านี้

ควันเผาขยะหน้าวัดยังลอยคลุ้งขึ้น  แล้วกระจายแผ่แนวราบรอบทิศทาง  ลมเริ่มพัดพาเข้าสู่บ้านเรือน  ที่ปลูกข้างวัดและหลังวัดกว่า 90 หลังคา  มันลอยผ่านบ้านผม  แสบตาและหายใจขัด  ต้องปิดหน้าต่าง  เปิดพัดลมไล่ควันออกประตูด้านหลัง  ขยะกองนี้แหละคาใจผม  มีการเผาทุกเช้า  ไม่ได้ยินเสียงใครต่อว่าติติง  เผาติดต่อกัน 3 วัน  ผมยังไม่ได้ข่าวว่า  ผู้ใหญ่บ้านทำอะไร  แก้ไขประการใด  ผมจะรอดูต่อไป  แม้ในใจเชื่อว่า  ขยะกองนี้จะทำการเผาต่อไป.

 

                                        ………………………………

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ขออภัย ผมปัสสาวะบ่อย หลายครั้งต่อวัน บางครั้งกลั้นไม่อยู่ อยากฉี่เต็มที ต้องรีบปลดปล่อยอย่างเร่งด่วน บางครั้งอยากฉี่โดยไม่เลือกที่เลือกเวลา   ร่างกายเราควบคุมมันไม่ได้เสียแล้ว กำลังคุยกันหลายคนเสียด้วย ต้องรีบขอตัวเข้าห้องน้ำ   บางทีก่อนออกบ้านได้ไปทำธุระในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ขับรถยนต์เข้าเชียงใหม่   เวลาผ่านไปไม่เท่าไร อยากไปห้องน้ำอีกแล้ว โธ่ๆ...เป็นไปได้    เป็นบ่อยเข้า ผิดปรกติแน่นอน จึงเดินทางไปพบหมอที่โรงพยาบาลสวนดอก(โรงพยาบาลมหาราช)    
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
      13 ตุลาคม 2553
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    ผมวิ่งขึ้นบันไดบ้าน มือขวาถือรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล ถึงบนบ้านวางกระเป๋าหนังสือเรียนชั้น ป.3 ข้างเสา วางรองเท้าที่ว่างข้างบันได นั่งถอดถุงเท้าที่ชุ่มเหงื่อวางผึ่งบนรองเท้า กวาดตามองหาย่า ได้ยินเสียงในห้องครัว ส่งเสียงเรียกย่า ย่าเดินถือถ้วยใส่ขนมมาให้เหมือนทุกวัน ผมเดินสูดขี้มูกไปหา ยกชายเสื้อกล้ามเช็ดเหงื่อแถวหน้าผากและหัว แมวสีดำขาขาวเหมือนสวมถุงเท้าวิ่งมาพันแข้งขา ผมหยุดก้มดูส่งเสียงไล่ตะเพิด 1 ครั้งมันยังคลอเคลีย 2 ครั้ง มันยังคงร้องเหมียวๆ ระหว่างขา ผมรับถ้วยขนมเดินกลับมาหามุมเหมาะๆ จะกินขนมให้อร่อยลิ้น …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    วัดประทานพรนั้น จะอยู่แถวย่านโรงแรมเชียงใหม่ภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ ซู่จิ้งบอกตำแหน่งวัดที่คาดว่าผมจะตามไปหาของสำคัญมักติดตามกันยากจริงๆ เหมือนตามหาขุมทรัพย์สุดขอบฟ้าในภาพยนตร์ฝรั่ง ผมเดินหน้าเยิ้มเหงื่อ หลังชุ่มเปียกกลับมาหาภรรยา ที่กำลังคีบก๋วยเตี๋ยวสูตรไทยใหญ่เข้าปากสบายอารมณ์ ดูเธอไม่สนใจคำตอบผมเท่าไร ผมชักไม่มั่นใจการตามหาอิฐสำคัญจะสมหวัง...ใครก็ได้ช่วยตามหาให้หน่อยเถอะ อยากเห็นนักรูปร่างลักษณะจะเป็นอย่างไร  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  26 สิงหาคม 2553 ได้ไปหาคุณวิจิตร ไชยวัณณ์ อดีตนักหนังสือพิมพ์คนเมือง โดยผมขับรถไปหาคุณลุงวิจิตรที่บ้านห้วยน้ำขาว ตำบลบ้านยางคราม อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ บ้านนี้อยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์พระพิฆเนศวร์ไปอีกราว 5 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นเรือนไม้ใต้ถุนโล่ง อยู่ด้านซ้ายมือ ตรงข้ามสนามกีฬาพอดี คุณลุงอายุ 86 ปีแล้ว ท่านบอกผมด้วยสีหน้าปรกติว่า ลุงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย อีก 3 ปีจะตาย  พอจบคำพู  ผมค่อยผ่อนลมหายใจยาว ไม่น่าเชื่อคนที่รู้ว่าตนเองกำลังใกล้ตายจะมีทีท่าปรกติ  บอกเรื่องร้ายแรงเหมือนเรื่องปรกติธรรมดา…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ร้านหนังสือที่แปลกตา  ไม่เคยพบที่ไหนมาก่อน   เป็นห้องสี่เหลี่ยม   บนโต๊ะกลางห้องมีหนังสือวางเรียงราย  ด้านข้างที่ติดหน้าร้านนั้น มีหนังสือวางบ้างตั้งบ้าง   ด้านนี้เห็นมีหนังสือของคุณ รงค์ วงษ์สวรรค์   วางทักทายแฟนหนังสือหลายเล่ม   หนังสืออื่นๆเช่น ราหูอมจันทร์   สวนนักเขียน   รวมทั้งกลุ่มหนังสือใต้ดิน   ในตู้หลายใบ   ที่วางห่างเป็นระยะ   เป็นหนังสือชั้นดีทั้งระดับต่างประเทศ ที่แปลแล้ว และหนังสือในประเทศ เขียนโดยนักเขียนมีชื่อเสียง…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
   
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
    เดินทางจากบ้าน อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่   ขับรถกระบะสีเขียวเข้าเมืองเชียงใหม่   อายุใช้งานย่างเข้าปีที่ 16 แล้ว ถ้าเป็นคนก็เริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาว   อยากเปลี่ยนใหม่เหมือนกัน   แต่ไม่มีเงินพอซื้อ   ภรรยานั่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ   บอกก่อนว่า   เธอไม่ได้มาคุมประพฤติอะไรทั้งสิ้น ผมขับรถมักง่วงเป็นประจำ   ต้องมีคนคอยกระตุ้น   ให้ประสาทต่างๆตื่นตัวเสมอ   กินกาแฟพอช่วยได้บ้าง  ถ้ากินประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง   กลับทำให้ใจเต้นแรง กระสับกระส่าย…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  ผู้ซื้อขายลำไยบางราย มีทีมงานเก็บลำไย  เป็นต้นว่า  ครูกำพลนำชาวเขาเผ่ามูเซอร์จากอำเภอไชยปราการมาเก็บลำไย โดยเช่าบ้านที่หัวบ้านทุ่งแป้งให้พักอาศัย มูเซอร์มาด้วยกัน 5 ครอบครัว สองคู่มีลูกเล็กตามมาด้วย  ยังไม่พอลูกในท้องอีกคน  อีกสามคู่อยู่ในวัยหนุ่มสาว  ยังไม่มีลูก  การแต่งตัว ทรงผม เหมือนวัยรุ่นเชียงใหม่  ขับขี่จักรยานยนต์โฉบไปมารวดเร็ว ถ้าครูกำพลเหมาซื้อลำไยแห่งใด กลุ่มนี้จะไปรับจ้างเก็บลำไย  หากครูกำพลยังไม่มีงาน อนุญาตให้ไปรับจ้างเก็บลำไยรายอื่นได้   ผู้ซื้อเหมาสวนลำไย  จะจ่ายค่าขึ้นเก็บลำไย …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
กาแฟห้องเช่า ร้านประจำของผมปิดร้านได้ 4 วันแล้ว ไม่เคยปิดนานเท่านี้ หรือจะพาไปภรรยาไปเกิดลูก เพราะเห็นเธอท้องใหญ่เบ้อเริ่ม สวมชุดคลุมท้องด้วย ผัดหน้าตาผุดผ่อง หรือปิดร้านไปงานศพในหมู่บ้าน หรือจะมาเปิดร้านสายเป็นบางวัน เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ผมคาดคะเนไปหลายทิศทาง  เหมือนตำรวจตั้งประเด็นกรณีเกิดอาชญากรรม  ผมขับรถยนต์เก่าอายุใช้งาน 16 ปีช้าๆ  แล่นมาตามถนนข้างตลาดต้นแหน  ตลาดนี้จะขายของตอนเย็น ลูกค้าอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น  บ้านต้นแหนน้อย บ้านต้นแหนหลวง  บ้านสันป่าสัก บ้านทุ่งแป้ง  ตาผมมองเฉียงไปยังห้องแถวเช่าชั้นเดียวขวามือ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ข้อความที่ได้รับ คล้ายที่ลงในหนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ ฉบับวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม 2553 ดังนี้ ข้าวไม่ต้องหุงพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวพัฒนา   โดยศูนย์วิจัยข้าวเชียงใหม่   จากข้าว 4 พันธุ์คือ   ข้าวดอกมะลิ 105   กข 39   ข้าวหลวงสันป่าตอง   และขาหนี่   เพื่อความสะดวกในการเตรียม   ให้เป็นอาหารพร้อมสำหรับบริโภค   โดยใช้อุปกรณ์การหุงน้อยชิ้นและประหยัดพลังงานในการทำให้สุก   ภายใต้กระบวนการแปรรูป   ให้เป็นข้าวที่นึ่งที่ทำให้สุกด้วยไอน้ำ   ลดความชื้น   และนำไปสีเป็นข้าวสาร …