Skip to main content

ถนอมรัก  เดือนเต็มดวง

 

 

 

 

น่าชื่นใจ

ที่เราเกิดเชียงใหม่ ดินแดนแห่งต้นแม่น้ำปิง แต่จะชื่นใจและภูมิใจยิ่งกว่า หากเราเกิดมาแล้วรักแม่น้ำปิง รักแล้วดูแลรักษาน้ำให้สะอาด ไม่ให้คนอีกกลุ่มรุกล้ำทำลายโดยวิธีการต่างๆ โบราณกาลนั้น เราจะสร้างบ้านแปงเมืองตามแนวริมแม่น้ำ อาศัยแม่น้ำในการดำรงชีพ ไว้อาบไว้ใช้ เดินทางและขนส่งสินค้า อาจเป็นกฎหรือหลักเหตุและผลง่ายๆ คนทำลายน้ำทำลายป่า ทำลายสิ่งแวดล้อม ผลตามมาจะย้อนทำลายคน ลูกหลาน บ้านเรือน นี่คือหลักของอริยสัจ 4 ที่พระพุทธองค์ค้นพบ เป็นหลักของผลย่อมมาจากเหตุ

วันนี้

เราจึงต้องย้อนกาลเวลา เพื่อรับรู้ความเป็นมาของแม่น้ำปิง อันเป็นรากเหง้าส่วนหนึ่งของลูกหลานลูกแม่ระมิงค์รุ่นต่อรุ่น...หลัง พ.ศ.1 หรือมากกว่า 2,500  ปีมาแล้ว มีชนเผ่าพื้นเมืองตั้งมั่นบริเวณน้ำแม่กวง ในที่ราบลุ่มน้ำแม่ปิงเขต จ.ลำพูน ยังไม่มีหลักฐานบอกได้ว่า คนพวกนี้เป็นบรรพชนชาวลุ่มน้ำปิง ที่จะเติบโตเป็นรัฐหริภุญชัย รัฐเชียงใหม่ รัฐล้านนา ต่อไป ตำนานและนิทานที่แต่งขึ้นสมัยหลังๆ เรียกชื่อบรรพชนชาวล้านนาพวกนี้ว่า เมงคบุตร แปลว่า ลูกหลานเชื้อสายของ เมง คือรามัญหรือมอญ และเรียกชื่อดินแดนในยุคนี้ว่า  มิคสังครนคร และสมันตรประเทศ

อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม อธิบายว่า

“กลุ่มชนที่เจริญพวกแรกในที่ราบลุ่มเชียงใหม่คือ พวกเมงคบุตร ซึ่งตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณที่ราบเชิงดอย

สุเทพ ใกล้กับลำน้ำแม่ขาน อันเป็นสาขาแม่น้ำปิง ลักษณะสังคมของชนพื้นเมืองนี้เป็น แบบเผ่า(Tribal Society) แต่ว่าแบ่งเป็นหลายตระกูล(Totemic Groups)...”

บริเวณที่ราบลุ่มเชียงใหม่

มีประชาชนอาศัยอยู่หลายเผ่า แต่ที่สำคัญได้แก่พวก เมง(มอญหรือรามัญ)และพวก ลัวะ(ลวะหรือละว้า)

เม็งและลัวะเป็นชาติพันธุ์ดั้งเดิมในที่ราบลุ่มน้ำปิง ตำนานจามเทวีวงศ์เรียกชาติพันธุ์เม็งว่า เมงคบุตร

อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม วิเคราะห์ว่า กลุ่มเมงคบุตร เป็นกลุ่มชนพื้นเมืองที่เจริญเป็นพวกแรกในแถบที่ราบเชียงใหม่ มีลักษณะสังคมชนเผ่า แบ่งออกเป็นหลายตระกูล แต่ละตระกูลใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์ของตน ลักษณะการตั้งถิ่นฐานของชาติพันธ์เม็ง มักกระจายตัวอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำปิง จึงพบคำเก่าแก่ในภาษาเม็งเรียกแม่น้ำปิงว่า “แม่ระมิง.”(มาจากคำว่า รเมญ ในภาษามอญโบราณและกร่อนมาเหลือ เมญ หรือ เม็ง ในภาษาล้านนา) หรือแม่น้ำเม็ง หมายถึงแม่น้ำที่ชาวเม็งอาศัยอยู่ แต่เม็งมีประชากรน้อยกว่าลัวะ

ต่อมามีชาวต่างถิ่นที่รับวัฒนธรรมอินเดีย คือฤาษีวาสุเทพอพยพเข้ามา ได้แต่งงานกับหญิงพื้นเมืองที่นับถือเนื้อเป็นสัญลักษณ์ ฤาษีวาสุเทพกลายเป็นผู้นำชาวพื้นเมืองเหล่านี้ทั้งหมด ต่อมาจึงได้สร้างบ้านเมืองขึ้นให้ลูกหลานปกครอง(หนังสือ “จังหวัดเชียงใหม่มาจากไหน.” โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ)

มีข้อมูลที่น่าสนใจ

“ บริเวณที่ราบลุ่มเชียงใหม่(Chiang Mai Valley)  เป็นที่อุดมสมบูรณ์ เป็นศูนย์กลางของสังคมและวัฒนธรรมแต่อดีต มีชื่อเรียกกันตามความสำคัญของลำน้ำปิงที่ไหลหล่อเลี้ยงพื้นที่ราบนี้ว่า พิงครัฐ...”

 อีกตอนหนึ่งว่า

“...ลงเรือมาตามแม่น้ำพิงค์ 7 เดือน จึงบรรลุถึงเมืองนี้ ท่านวาสุเทพและท่านสุกกทนต์พร้อมด้วยชาวเมืองทั้งปวงได้อัญเชิญพระนางจัมมเทวีนั้นนั่งบนกองทองคำ แล้วอภิเษก อาศัยเหตุที่พระนางนั่งบนกองทองคำอภิเษก นครนั่นจึงชื่อว่า หริปุญชัย สืบมาจนถึงวันนี้.”(หนังสือ  “เชียงใหม่มาจากไหน.” โดยสุจิตต์ วงษ์เทศ)

เชื่อมเรื่องราวต่ออีกว่า

พระเจ้ามังรายพระชนม์ได้ 23 ปี ทรงสร้างเมืองเชียงราย เมื่อ พ.ศ.1806...ต่อจากนั้นทรงสร้างกุสนคร เมื่อ พ.ศ. 1817(เข้าใจว่าคือเมืองฝาง)...พระเจ้าเมืองรายมีพระชนม์มายุ 53 ปี พ.ศ.1836 ได้เข้ายึดหริปุญชัยจากพระเจ้าญีบาได้สำเร็จ จากนั้นพระองค์ทรงสร้างนครเชียงใหม่ปี พ.ศ.1839 ในท้องที่ภูเขาอุจฉุคิรี(ดอยสุเทพ)กับแม่น้ำพิงค์( หนังสือ ชินกาลมาลีปกรณ์ หน้า 93-94)

มีคำว่า “แคว้นพิงค์.”

ปรากฏในสมัยพระเจ้ามังรายครองเมืองเชียงใหม่ และมีคำว่า “นครพิงค์.” ปรากฏในสมัยเจ้าครามซึ่งเป็นพระราชบุตรของพระเจ้ามังรายครองเมืองเชียงใหม่ (หนังสือ ชินกาลมาลีปกรณ์ หน้า 94-95)

มีคำสำคัญคือ พิงค หรือ พิงค์ เป็นชื่อเรียกทั้งเมืองและแม่น้ำ  และคำนี้ยังปรากฏในชื่อเมืองที่พญามังรายมหาราช พ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพญางำเมือง ขนานนามเมืองใหม่นี้ว่า “ นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่.”

สรุปได้ว่า

แม่น้ำที่ราบลุ่มนี้เดิมชื่อ แม่น้ำระมิงค์ ต่อมาเปลี่ยนเป็น แม่น้ำพิงค์ แล้วแปรเปลี่ยนเป็นแม่น้ำปิงในปัจจุบัน จะมีลำดับการเปลี่ยนแปลงอย่างไรนั้น ยังค้นหาหลักฐานเชื่อมต่อที่น่าเชื่อถือไม่ได้ คงต้องค้นคว้าแสวงหาจากหลักฐาน ปราชญ์  ผู้รู้ ต่อไป.

 

                                                ....................................................................

บล็อกของ ถนอมรัก เดือนเต็มดวง

ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ผมฟังเธอไปด้วย จดบันทึกส่วนที่สำคัญๆไปด้วย เนื้อหาบางอย่างใช้สมองจำไว้ เธอซึ่งเป็นผู้เล่าเรื่องราวชื่อ นางอุไร บุญหมั้น อายุ 45 ปี ไม่น่าเชื่อ ดูหน้าตาเหมือนอายุประมาณ 30 กว่าปีเศษเล็กน้อย ผิวขาวปนเหลือง รวบผมยาวไว้ข้างหลัง บรรยากาศเริ่มเป็นกันเอง คงเพราะเราเป็นคนเหนือหรือคนเมืองด้วยกัน เธอเล่าต่อว่า ในเวลานี้หมู่บ้านมี 159 หลัง มีอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผา 50 หลัง ผู้สร้างผลงานเครื่องปั้นดินเผานี้อยู่ในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ ดินที่ใช้ปั้นเป็นดินในหมู่บ้านส่วนหนึ่ง อีกส่วนจะมีรถบรรทุกมาส่งให้ เมื่อผมเห็นว่าได้ข้อมูลมากพอตามต้องการแล้ว ผมก็กล่าวขอบคุณและกล่าวลา ไม่ลืมซื้อน้ำต้นราคาใบละ…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ขับรถจากอำเภอสันป่าตอง มุ่งไปเชียงใหม่ ด้วยความเร็ว 60-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วขนาดนี้ถ้าพูดกับพวกตีนผีหรือวัยรุ่นทั้งหลาย จะถูกปรามาสอย่างรุนแรงว่า ไม่ควรเรียกว่าความเร็วเลยลุง น่าจะเรียกว่า การเคลื่อนที่คลานไปแบบเต่าพันปีมากกว่า ก็ไม่รู้สึกอะไร มันเป็นความจริง ผมขับรถชิดเลนซ้ายแบบสบายอารมณ์ พอมาถึงทางแยกหางดง-สะเมิง ผมหยุดรถเพราะติดไฟแดง มองไปข้างหน้า เฉียงไปทางซ้ายมืออย่างไม่ตั้งใจ เห็นน้ำต้น (คนโท) ใบใหญ่สีน้ำตาล ตั้งโดดเด่นตรงข้างซุ้มประตูเข้าหมู่บ้านเหมืองกุง ทำไมมันใหญ่โตปานนี้ ใครเป็นผู้สร้างแล้วสร้างทำไม…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  หากใคร ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ได้มีโอกาสไปสักการะอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งตั้งอยู่ด้านตะวันออก ของหอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ เมื่อกราบเสร็จยืนขึ้น มองเฉียงไปทางซ้ายมือผ่านถนนไป จะเห็นวัดร้าง ที่เหลือให้เห็นเพียงเจดีย์และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ วัดร้างนี้เดิมชื่อ “วัดสะดือเมือง” หรือ “วัดอินทขีล” สถานที่นี้ในปัจจุบันคือ หอประชุมติโลกราช ติดๆกันจะเป็นร้านข้าวมันไก่ลือชื่อของเชียงใหม่ วัดร้างนี้เดิมเป็นที่ตั้งของ “เสาอินทขีล” หรือ “สะดือเมือง”
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 เมื่อตอนที่ผมเรียนชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย สนามฟุตบอลของโรงเรียนได้ใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่เสมอๆ เช่น การแข่งขันกีฬากรีฑานักเรียน การจัดงานวันปิยมหาราช จัดงานฤดูหนาวในอดีต ก่อนย้ายไปจัดที่สนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่ จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนของเชียงใหม่ และที่กรุงเทพฯ ก็มีการจัดแข่งขันฟุตบอลประชาชน แบ่งทีมเป็นถ้วย ก, ข, ค และ ฯลฯ ถ้วย ก. นั้นผู้เล่นมีฝีเท้าจัดระดับทีมชาติ ที่กระจายไปเล่นในทีมต่างๆ จำได้ว่ายุคนั้น ทีมทหารอากาศดังมาก เป็นแชมป์ถ้วย ก.หลายปีติดต่อกัน ที่เชียงใหม่ ก็จัดการแข่งขันฟุตบอลประชาชนที่สนามโรงเรียนยุพราชฯ เช่นกัน…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ปีการศึกษา   2528ทางกระทรวงศึกษาธิการ   มีนโยบายจะส่งเสริมพระพุทธศาสนาแก่นักเรียน   จึงได้จัดสร้างพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์   และจัดสรรให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศ   ในรุ่นแรกจะมอบให้แก่โรงเรียนนำร่องก่อน   ปีต่อไปจึงจะทยอยมอบให้   จนครบทุกโรงเรียน   โดยมีจุดมุ่งหมายให้โรงเรียนนำพระพุทธรูป   ไปประดิษฐานข้างๆเสาธง   เพื่อให้นักเรียนทำกิจกรรมหน้าเสาธงในตอนเช้า   ครบทั้ง  3  สถาบัน  คือชาติ  ศาสนา   พระมหากษัตริย์  …
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 อีกคืนหนึ่งผมไปเที่ยวงานฤดูหนาวกับเพื่อนเช่นเคย คราวนี้ชวนกันเข้าชมบ้านผีสิง กลัวก็กลัว อยากดูก็อยากดู ลำโพงหน้าบ้านผีสิง เปิดเทปได้ยินเสียงพระสวดพึมพำ ฟังดูขลังนัก สวดไปสักพัก ได้ยินเสียงหมาหอน เสียงโหยหวน เย็นลึก เหมือนดังมาจากป่าทึบที่มืดน่าสะพรึงกลัว มันวังเวง สั่นคลอนอารมณ์เหลือประมาณ ผู้เข้าชมส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายหญิง ที่พากันมาเป็นกลุ่ม กลุ่มผมเดินผ่านประตูเข้าไป ข้างในค่อนข้างมืด มีไฟจากข้างทางเดินสว่างเป็นระยะ ให้พอมองเห็นทางได้บ้าง เราเดินเบียดกันแบบกล้าๆกลัวๆ เดินเข้าไปได้ 2-3 ก้าว มีผีจำแลงโผล่หน้าพรวดออกมา พวกเราตกใจขยับตัวถอยหนี เพื่อนผมเป็นนักมวยต่อยเปรี้ยงสวนออกไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
  เป็นการป้องกันวัวควายตกลงมาขณะรถวิ่ง พื้นที่ส่วนนี้ประมาณ 3 ไร่ ใกล้กันนั้นมีสุ่มไก่วางเต็มลานดิน บางคนอุ้มไก่ บางสุ่มมีไก่ขังไว้ ที่นี่เป็นตลาดไก่ชน มีหลายราคาแล้วแต่จะตกลงกัน เมื่อชมจนพอใจก็เดินขึ้นทางทิศเหนือแล้วเลี้ยวขวา จะพบสถานที่ขายรถจักรยานยนต์ จอดเต็มพื้นที่ราดคอนกรีต หลังคาสูง ประมาณสี่คูหา ที่ติดกันเป็นร้านขายรถจักรยานอีก 1 คูหา มีคนสนใจมากพอๆกับรถที่จอดรอซื้อขาย
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
เมื่อรถจักรยานยนต์ คันแรกในชีวิตถูกโจรจี้ไป แจ้งตำรวจแล้ว อีกทางก็รอเวลาไปไถ่รถตามที่เจ้าโจรตัวแสบบอก ขณะจะขับขี่รถหนีไป ทุกอย่างยังเงียบสงบ ผมต้องวิ่งวุ่นติดตามข่าวสาร ต้องเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หากมีใครถาม พอบ่อยๆเข้าผมชักหมดแรงจะเล่า บางคนบอกว่า ลองไปดูที่กาดงัว อำเภอสันป่าตอง เพราะที่นั่นเป็นแหล่งขายรถจักรยานที่ใหญ่มาก ผมได้รู้จักชื่อกาดงัวของอำเภอสันป่าตองครานั้น มันเป็นกาดซึ่งมีลักษณะอย่างไร ขนาดใหญ่โตแค่ไหน รถลักขโมยนำมาขายได้หรือ เดินทางไปไม่ถูก รถยนต์ส่วนตัวก็ไม่มี เพื่อนที่สนิทไม่มีรถยนต์เช่นกัน ปล่อยเวลาผ่านไปแบบไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้ได้…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ในปี พ.ศ. 2507 ผมเรียนชั้นสูงสุดของมัธยมต้น ในโรงเรียนชายประจำจังหวัด ครูบางท่านและนักเรียนชั้นนี้ ได้รับมอบหมายจากฝ่ายจัดงานฤดูหนาวเชียงใหม่ ให้ทำหน้าที่ขายบัตรหน้างาน เป็นเจ้าหน้าที่เก็บบัตรผ่านประตูงาน รวมทั้งเวทีนางงามด้วย คณะครูผู้รับผิดชอบ ได้คัดเลือกนักเรียนไปช่วยงานนี้ ผมได้รับคัดเลือกเก็บบัตรที่ประตูงาน ต้องแต่งตัวลูกเสือ มี 2 ผลัด ผลัดกลางวันกับผลัดกลางคืน ทุกคนทำงานสลับผลัดกันทุกวัน เรียนหนังสือตอนเช้า ตอนบ่ายรีบกลับบ้าน แต่งชุดลูกเสือปั่นจักรยานไปทำงาน พอดีพ่อซื้อนาฬิกาข้อมือให้เรือนหนึ่งยี่ห้อโอริส เป็นเรือนแรกในชีวิต จำได้ว่าเห่อนาฬิกามาก เก็บบัตรไปดูนาฬิกาไป…
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
 ผมและเพื่อนๆเดินเลียบมาตามรางรถไฟ ผ่านเวทีวงดนตรี "สุรพล สมบัติเจริญ" ได้ยินนักร้องลูกวง ออกมาร้องเพลง อวดลูกคอแบบฉบับลูกทุ่งเต็มที่ ผมกับเพื่อนเดินไปยังสถานีรถไฟเล็กในงาน ซื้อบัตรขึ้นไปนั่งกับเพื่อน ผู้คนมากจริงๆ มีผู้ปกครองและเด็กเล็กมากกว่ากลุ่มอื่น รางรถไฟถูกสร้างขึ้นเป็นวงกลม ล้อมรอบอัฒจันทร์และสนามฟุตบอล หัวรถไฟค่อยๆลากขบวนไปช้าๆ ชายหญิงที่เป็นคู่รักกัน นั่งเบียดกัน คงช่วยให้คลายหนาวจากอากาศได้บ้าง รถไฟแล่นมาครึ่งรอบ มันค่อยแล่นเข้าถ้ำ ซึ่งสร้างจำลองขึ้นมา ถ้ำมืดสนิท มีเฉพาะไฟหน้ารถ ในถ้ำบางคนแอบมาปัสสาวะ รถไฟวิ่งเขาไป ถ่ายยังไม่เสร็จก็ต้องรีบก้มหัวซ่อนหน้า…