ศรายุธ ตั้งประเสริฐ

เจ้าหน้าที่ทหารระดมยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาใส่ประชาชนผู้ชุมนุมจากเหตุการณ์ที่
ผู้ชุมนุมออกมาสกัดการเคลื่อนขบวนของทหารที่จะเข้ามาสลายการชุมนุมของ
คนเสื้อแดง เมื่อ10 เมษายน 2553 บริเวณแยกวังแดง-คุรุสภา(เวลากลางวัน)
ผู้ชุมนุมออกมาสกัดการเคลื่อนขบวนของทหารที่จะเข้ามาสลายการชุมนุมของ
คนเสื้อแดง เมื่อ10 เมษายน 2553 บริเวณแยกวังแดง-คุรุสภา(เวลากลางวัน)
ผมรู้สึกสะอิดสะเอียนปนสมเพชเมื่อเห็นนายปริญญา ศิริสารการ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ( กสม.) ออกมาให้ความคิดเห็นแบบอ้ำอึ้งในกรณีการใช้แก๊สน้ำตาต่อผู้ชุมนุมแช่แข็งประเทศไทยขององค์การพิทักษ์สยาม ( อพส.)
ผมไม่เห็นด้วยกับการออกมาแสดงอาการเย้ยหยันสะใจต่อการใช้แก๊สน้ำตาต่อผู้ชุมนุมไม่ว่าฝ่ายใด
คนที่เป็นโรคหอบหืดหรือคนที่เคยประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายในลักษณะเดียวกันมาก่อนคงไม่มีใครส่งเสียงเชียร์แน่ๆ โดยเฉพาะเมื่อเขาได้มีโอกาสได้ทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวของเขาเอง
ความรู้สึกของคนที่หวาดระวังแก๊สน้ำตาที่ถูกหว่านโปรยลงจากเฮลิคอปเตอร์ที่ความรุนแรงของมันสามารถทะลุหลังคาของอาคารได้ ความรู้สึกของคนที่ถูกแก๊สน้ำตาที่ถูกในยิงเข้าใส่ในแนวระนาบ ไม่มีหน่วยงานพยาบาลจากรัฐ มีแต่การช่วยเหลือตามอัตภาพของกันและกัน
สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็คือ การออกมาวิพากษ์การใช้อำนาจสั่งการของรัฐโดยนักสิทธิมนุษยชนอย่างถึงรากชัดถ้อยชัดคำไม่ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงนี้จะเกิดกับผู้ชุมนุมในฝั่งไหน (แต่แน่นอนว่าต้องไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์เพื่อหาเหตุล้มล้างรัฐบาล)
แต่คงจะไม่ใช่ต่อกรณีนี้ เพราะในเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงยิ่งกว่าที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ สังคมไทยไม่เคยได้ยินแม้แต่เสียงกระซิบของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
ที่ผ่านมา.... พวกเขาดูดาย!
ยิ่งไปกว่านั้น ..ในบางคนยังทำหน้าทีเป็นผู้ชี้นำให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมเสื้อแดงเสียเองด้วยซ้ำ
กรณีการใช้แก๊สน้ำตาในที่ชุมนุมของม็อบแช่แข็งประเทศไทย ผมเข้าใจว่า กสม.อาจต้องการที่จะวิพากษ์วิจารณ์มากกว่านี้
แต่พวกเขารู้ตัวดีหมดความชอบธรรมที่จะพูดอีกต่อไปแล้ว
และต่อให้พวกเขาพูดออกมาตรงตามที่ใจคิด ไม่ต้องอ้อมค้อม ก็คงไม่มีค่าอะไรต่างจากเดิม
แต่สิ่งที่เป็นที่น่าเสียดายก็คือ...สังคมไทยคงยังจะต้องดำรงอยู่โดยปราศจากหลักยึดด้านสิทธิมนุษยชนต่อไปและต่อไป...
เนื่องมาจากนักสิทธิมนุษยชนไทย ได้ทำลายหลักการด้านสิทธิมนุษยชนที่พวกเขาพึงยึดถือลงโดยตัวของพวกเขาเองเสียแล้ว
ขณะที่ผู้ชุมนุมไอ หายใจไม่ออก น้ำตาไหลพรากอยู่กลางกลุ่มควันแก๊สน้ำตา นักสิทธิมนุษยชน ก็คงยังมึนงงอยู่ในหมอกควันแห่งมายาคติของพวกเขาเอง

ช่วงค่ำของวันที่10เมษายน2553 ผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องให้ รบ.อภิสิทธิ์ ยุบสภา
บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตยกำลังอยู่ในช่วงชุลมุนขณะที่มีการประทะในบริเวณโดยรอบตั้งแต่ช่วงเช้า
การถูกกดดันโดยกองกำลังทหารและรถหุ้มเกราะในหลายจุดรอบบริเวณที่ชุมนุมแล้วสายตาของพวกเขา
ยังต้องคอยมองเบื้องสูง หวาดระแวงต่อแก๊ซน้ำตาที่ถูกปล่อยทิ้งลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ของทางทหาร

กลุ่มควันของแก๊ซน้ำตาที่ถูกปล่อยทิ้งจากเฮลิคอปเตอร์ของทางทหารลงมายังกลุ่มผู้ชุมนุม
คลุ้งกระจายบริเวณร้านหนังสือริมขอบฟ้า ในช่วงค่ำของวันที่10เมษายน2553 โดยที่ผู้ชุมนุม
มีข้อเรียกร้องเพียงแค่ให้ รบ.อภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่ง ณ บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย
คลุ้งกระจายบริเวณร้านหนังสือริมขอบฟ้า ในช่วงค่ำของวันที่10เมษายน2553 โดยที่ผู้ชุมนุม
มีข้อเรียกร้องเพียงแค่ให้ รบ.อภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่ง ณ บริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย

บริกรในร้านอาหารเมธาวลัยศรแดง เล่าให้ฟัง ถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่ 10เมษายน 2553
เมื่อแก๊สน้ำตาจากเฮลิคอปเตอร์ตกทะลุหลังคาและฝ้าเพดานลงมาภายในร้าน

ร่องรอยความเสียหายจากแก๊ซน้ำตาที่ถูกทิ้งลงมาทะลุหลังคาและฝ้าเพดานลงมาบนพื้นของร้านอาหารเมธาวลัยศรแดง
ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม วันที่ 10เมษายน 2553 (ถ่ายและสัมภาษณ์เมือ่ 12 เมษายน 2553)

ชายเสื้อแดงนิรนาม ยังคงนั่งขวางกองกำลังทหารพร้อมรถหุ้มเกราะในกลุ่มหมอกควันของแก้สน้ำตา
บริเวณแยกวังแดง-คุรุสภาเมื่อวันที่10 เมษายน 2553 (กลางวัน)
บริเวณแยกวังแดง-คุรุสภาเมื่อวันที่10 เมษายน 2553 (กลางวัน)

9 เมษายน 2553 "ที่สถานีบริการภาคพื้นดินไทยคม ลาดหลุมแก้ว"ผู้ชุมนุมเสื้อแดงถูกแก๊สน้ำตาบริเวณจุดประทะ
เมื่อคนเสื้อแดงชุมนุมและเข้ายึดคืนสถานีโทรทัศน์ People Chanel โดยมีหน่วยพยาบาลของคนเสื้อแดงคอยดูแล
เมื่อคนเสื้อแดงชุมนุมและเข้ายึดคืนสถานีโทรทัศน์ People Chanel โดยมีหน่วยพยาบาลของคนเสื้อแดงคอยดูแล

9 เมษายน 2553 "ในสถานีบริการภาคพื้นดินไทยคม ลาดหลุมแก้ว"ผู้หญิงเสื้อแดงถูกแก๊สน้ำตา
เมื่อคนเสื้อแดงชุมนุมและเข้ายึดคืนสถานีโทรทัศน์ People Chanel โดยมีหน่วยพยาบาลของคนเสื้อแดงต้องดูแลกันเอง
เมื่อคนเสื้อแดงชุมนุมและเข้ายึดคืนสถานีโทรทัศน์ People Chanel โดยมีหน่วยพยาบาลของคนเสื้อแดงต้องดูแลกันเอง