Skip to main content

001.jpg

๑.
ฤดูมาเร็ว ราวกระพริบตา

รู้สึกดังว่า เพิ่งผ่านเมื่อวาน
ฝนหมาดถนน เพิ่งโดนแดดทัก
ลมหนาวก็พัดมาจุมพิตผ่าน

แม่น้ำสีเหลืองลำเลียงเศษไม้
เผลอมองวูบไหวหัวใจสะท้าน
ฝนพอหรือยัง? หรือคั่งค้างอยู่
รอการพรั่งพรู ไหลมาท่วมบ้าน

 

002.jpg

๒.
ต้นข้าวสีเขียว เคยซีดเซียวยับ

นิ่งงันสดับ กับทางน้ำผ่าน
เจ้าชูช่อใหม่ ในตุลาฤดู
ไม่อาจหยั่งรู้ หรือไม่คิดสะท้าน?

ผีเสื้อกลัวไหม ไอหนาวจะมา
หอบหมอกห่มฟ้า พัดป่าแห้งกร้าน
ควันคลุ้งคลุมเมือง กลายเป็นเรื่องเล่า
ไฟฟอนแผดเผา เราไม่อาจต้าน

 

003.jpg

๓.
ไปหมดแล้วหรือ ที่คือฝันร้าย

ปัดกวาดบ้านใหม่ ไว้รอเพื่อนบ้าน
กลางคืนสงบ รอพบวันพรุ่ง
หวังเห็นสายรุ้ง ลา-วสันต์กาล

รอยฝนกันยา ตุลารำลึก
ลบความคิดนึก เท่าสายฝนผ่าน?
สัญญาลอยลม ชมในอากาศ
ลืมแล้วภาพวาด ในวิมานหวาน

 

004.jpg

๔.
ทุกอย่างต้องเปลี่ยน เธอเพียรวานบอก

ไม่ให้เย้าหยอก กับอดีตกาล
ฉันอดไม่ได้ หัวใจรู้สึก
หวาดกลัวลึกลึก กับฤดูผ่าน

ทุกอย่างช่างเร็ว ราวกระพริบตา
รู้สึกเหมือนว่า จากมาไม่นาน
กับคราบน้ำตา และฟ้าเปลี่ยนสี
ผิดไหมใจที่ มีตะกอนถ่าน

 

005.jpg


กับนาฬิกา และฟ้าเคลื่อนไหล

ช่างไม่ไว้ใจ ในฤดูกาล
บนหนทางก้าว ที่ยาวออกไป
บางอย่างไหวไหว อยู่ในโลกอุดมการณ์

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
“พี่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ใครจะฟ้องร้องเอาอะไร ก็ไม่มีให้เขา มันเสียไปหมดแล้ว” รถโดยสารของความอึดอัดกำลังเคลื่อนขบวน โดยมีเราอยู่ในนั้น ฉัน และเขา “ผู้เช่าบ้าน” และ “ผู้ให้เช่า” ตามภาษาในเอกสารสัญญาของเรา กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากัน  ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็น และอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน..........จำได้ว่าเมื่อ 1 ปีก่อน ตอนที่ฉันพบเขาครั้งแรก เขาไขกุญแจรั้วบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีป้ายติดประกาศว่า “ให้เช่า” ด้วยท่าทีอ่อนโยน ดวงตาเป็นประกาย พาฉันเดินเยี่ยมชมอย่างต้อนรับขับสู้ ริมฝีปากนั้นไม่เคยขาดรอยยิ้ม เขาเล่าว่า ทาวเฮาส์หลังนี้ซื้อไว้เมื่อ 10 ปีก่อนเพื่อให้แม่อาศัย…
วาดวลี
----------ภายใต้แสงจันทร์  ที่ริมฝั่งนั้นพี่ยังจำได้ จงกลับคืนมาหารักดังเก่า  ลืมเรื่องร้ายคลายเศร้า เจ้าอย่าทำเมินไฉน พะเยารอเธอ  รอรักด้วยความห่วงใย  จะนานแสนนานเท่าไหร่  ขอให้เธอนั้นกลับมา----------“เพลงแปลกหูดีนะ ร้องเพลงอะไรเหรอ” “เพลงของเมืองที่เรากำลังจะไปนี่ไงล่ะ”คนตอบหักพวงมาลัย ซ้ายที ซ้ายที ขณะรถของเรากำลังไต่อยู่บนเส้นทางคดโค้งโอบล้อมไปด้วยภูเขา ฉันพยายามเอียงตัวเพื่อจะถ่ายรูป ฟ้ายามบ่ายสดใสเหมือนไม่มีเค้าฝน ฟังเพลงนั้นอย่างตั้งใจ “อ๋อ เพลงพะเยารอเธอ ใช่ไหม” ฉันถามอีกครั้งให้แน่ใจ คนร้องพยักหน้าหงึกหงัก ความทรงจำเก่าๆ ของเพลงต้นฉบับล่องลอยมาแต่ไกล…
วาดวลี
ระหว่างทุ่งนาเขียวขจีของฤดูฝน หรือ ถนนดินแดงเต็มไปด้วยผงฝุ่นฤดูแล้ง ยามหนึ่งในอดีตกาล ในความนึกคิดวัยเยาว์จำความได้ว่า ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันและเพื่อนต่างจ้ำอ้าวออกจากประตูโรงเรียนแทบไม่คิดชีวิต เปล่าหรอก เราไม่ได้เกลียดโรงเรียนขนาดนั้น ไม่ได้เบื่อคุณครู เพียงแต่เราคิดถึงพื้นที่อิสระ ที่เราไม่ต้องใส่ชุดกระโปรงแล้วกลัวเปื้อน มีที่วิ่งเล่น ได้ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ มีขนมกิน  มีคนดูแล และมีหนังสืออ่าน และพื้นที่ที่ว่านั้น ก็คือบ้านของเราเองบ้านของฉันห่างจากโรงเรียนไม่ถึงกิโลเมตร แค่ออกจากบ้านมาสัก 10 ก้าว ก็เห็นเสาธงตั้งโด่เด่ติดกับวัดของหมู่บ้าน ดังนั้น…
วาดวลี
“อีกนานเลยสินะ กว่าจะได้เจอกัน”สุ้มเสียงคนพูดเจือปนความอาวรณ์ ขณะโยนถุงใบเล็กใหญ่ใส่หลังรถกระบะสีขาวเก่าๆ ของเพื่อนผู้มีน้ำใจ เจ้าของรถหยอกเอินในฐานะเพื่อนสนิทว่า“ตอนมามีเสื้อผ้าชุดเดียว ขากลับทำไมมีของเยอะนัก”เขากำลังจะกลับบ้านชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง ตัวเล็กๆ ที่รู้จักกันมาได้ปีกว่าแล้ว เขาเล่าว่า สมัยที่มาอยู่เชียงใหม่แรกๆ เพิ่งเรียนจบมัธยมสาม หางานทำในอำเภอไม่ได้ก็ลองเข้าเมืองมาเสี่ยงโชค เวลานั้น กราบลาพ่อแม่ แล้วนั่งรถโดยสารมาด้วยราคา 45 บาท กับระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตรมาอาทิตย์แรก ตระเวนขออาศัยยังหอพักเพื่อนที่พอรู้จัก จะอยู่บ้านใครนานก็เกรงใจคนอื่น ตะลอนหางานทำ ตั้งแต่พนักงานขนของ…