Skip to main content

1

ฤดูหนาวไม่ได้มาเยือนอย่างเงียบเชียบอีกแล้ว
มันแสดงตัวตน ชัดเจน ผ่านอากาศ ต้นไม้ใบหญ้า รอยน้ำค้าง ประทับตรงนั้นตรงนี้  แม้กระทั่งบนขนตาของเธอ  หญิงวัยกลางคนที่ตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปตลาด กลับมาพร้อมกับข้าวของในมือที่มากจนจักรยานแทบเสียหลัก เธอจอดรถไว้ข้างๆ รั้ว หิ้วของ วางลง และยกมือเช็ดน้ำค้างบนขนตา

2

“หนาวมากไหม”
เธอเอ่ยถามอย่างอาทร ฉันพยักหน้า อดคิดถึงแม่จริงๆ ของตัวเองไม่ได้

ฉันคงต้องใช้เวลาเป็นวันๆ หากจะคิดถึงฤดูหนาวและการอยู่ร่วมกัน  แค่คิดถึงการซุกตัวใน “ผ้าห่มขี้งา” ร่วมกับแม่ แค่นั้นก็เป็นสุขแล้ว

หน้าหนาวพ่อจะให้ฉันนอนตรงกลาง เพื่อให้อุ่นมากพอ  ส่วนแม่วุ่นวายกับการอุดเศษผ้าตามช่องโหว่ของไม้แผ่นหรือหน้าต่างกระดาษ จากนั้นหากหนาวจนนอนไม่หลับ แม่จะ “อ่อม” ฉันเอาไว้ คือหนีบให้หัวซุกอยู่ตรงรักแร้ เอาผ้าคลุม แล้วห้ามดิ้น พลางปลอบใจว่า รีบๆ นอน จะได้ตื่นเช้ามากินข้าวหลามเผา

ก่อนนอน แม่ไม่ลืมที่จะแช่ข้าวใหม่เอาไว้ในกระบอกไม้ไผ่ บ้านเรามีเป็นกอๆ จะเอากี่อันก็ได้

3

“กินอาหารเช้ากันก่อนนะลูก”
แม่คนที่สองเรียกเรา สองสามีภรรยาในวัย 50 ปีกว่า ช่วยกันทำข้าวหนุกงา เขาเลือกข้าวใหม่ที่เพิ่งได้มา เราได้กินก่อนถึงฤดูการทำบุญข้าวใหม่  ข้าวหนุกงาจึงนุ่ม เหนียว ย่อยง่าย ไม่เหมือนข้าวเก่าค้างปี ส่วนงานั้นเก็บมาจากสวนของญาติ ตากเอง ตำเอง คลุกเกลือนิดหน่อย หอมอุ่นลึกเข้าไปถึงข้างใน กัดเข้าไปคำแรกท่ามกลางแววตาปนเปื้อนรอยยิ้มไม่คิดปกปิด  ฉันแทบจะกลืนกินเข้าไปคนเดียวทั้งไห ถ้าไม่อายว่าเพิ่งมาเป็นลูกเขาได้ไม่นาน

4

“นี่เป็นอาหารต้านโรค”
เธอว่า ทั้งที่เพิ่งกินข้าวหนุกงาไปหมาดๆ  เขาเตรียมสำรับประกอบด้วยผักนึ่งที่กำลังร้อนระอุ มีฟักทองผลใหญ่ที่เก็บมาจากสวน ลูกมันโตมาก สีส้มแบบแสงตะวันยังสู้ไม่ได้ รสชาติทั้งหวานทั้งนุ่ม กินกับน้ำพริกน้ำผัก นอกจากนั้นยังมีมะระขี้นก มะเขือพวง มะเขือสีเขียว ถั่วฝักยาว และถั่วแปบ ทั้งหมดนึ่งสุกใหม่ๆ ตามมาด้วย แกงกระด้าง เป็นการเอาหมูมาหั่นใส่พริกไทยกับเกลือ ใส่น้ำ เคี่ยวแล้วตั้งทิ้งไว้ พอแข็งตัวแล้วเหมือนเยลลี่ เธอบอกว่าร่างกายจะได้อุ่น กินทั้งหมดพร้อมกันไปกับปลาย่างอีก 2 ตัว

5

“ไปเลือกตั้งกันได้แล้วนะลูก”
เธอเอ่ยเตือน พร้อมเหลือบดูเวลา ในเมืองที่ทุกอย่างดำเนินไปอย่างช้าๆ เอื่อยเฉื่อย แต่สำหรับเธอการทำตามหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญ

คนเป็นพ่อเดินมากระซิบถามว่าจะเลือกพรรคไหน ฉันหัวเราะเบาๆ บอกออกไป เขาหัวเราะบ้าง แล้วบอกว่าการเห็นต่างกันไม่ใช่ปัญหา ส่วนเขาตั้งใจจะเลือกอีกพรรค แน่นอน เขามีเหตุผลของเขา โดยรวมแล้วภายในบ้าน เราต่างเลือกไม่เหมือนกัน

คนเป็นแม่ตะโกนบอกให้เอาเสื้อกันหนาวไปด้วย พลางถามว่า จะเอาหมวกด้วยไหม ทั้งที่ศูนย์เลือกตั้งเดินข้ามถนนไปก็ถึงแล้ว ฉันมองออกไปข้างหน้า แสงแดดอุ่นเริ่มมาเยือนแล้ว เสื้อและหมวกคงไม่จำเป็น ฉันเดินตามคนบ้านนี้ไปเลือกตั้ง หยิบกล้อง วางกล้อง คิดว่าจะมีอะไรให้ถ่ายเก็บไว้ไหม แต่ก็อย่าดีกว่า ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นความลับเสียบ้าง

“เราไม่ขายเสียงก็พอแล้ว” เธอดูภาคภูมิใจกับคำพูดนั้น

6

ทุกอย่างผ่านไปหมดแล้ว
การเลือกตั้ง กินข้าว เยี่ยมญาติ และอวยพรปีใหม่ ผู้ใหญ่สองคนเอาใบไม้จุ่มน้ำมนต์พรมให้บนหัว ฉันยกมือไหว้ พนมมืออย่างตั้งใจ

ที่เหลือจากนี้ คนเป็นแม่ตั้งใจทำกับข้าวอีกรอบ คืออาหารที่จะห่อกลับเข้าเมือง ประกอบด้วยตัวหนอนรถด่วน คั่วด้วยเกลือและน้ำ ยำผักใส่สมุนไพร ปลาย่าง น้ำหนัง ห่อนึ่งซึ่งใส่ตับไก่เยอะเป็นพิเศษ และวัตถุดิบประกอบอาหารอีกมากมาย คนเป็นพ่อบอกว่า ในเมืองหาซื้อได้หมด แต่สิ่งที่หาซื้อไม่ได้คือความปลอดภัยและความใส่ใจทำแบบนี้ ฉันซาบซึ้งเสียจนพูดไม่ออก

จริงอย่างเขาพูด ทุกวินาทีของเขามีความสุขกับการได้ดูแลคนในครอบครัว ฉันทักท้วงว่าทำอาหารมากไปหรือเปล่า เขารีบโบกไม้โบกมือ บอกว่ามื้อเย็นจะได้ไม่ต้องทำแล้ว นั่งรอลุ้นผลเลือกตั้งก็พอ “บ้านเมืองน่าเป็นห่วง” แต่เราอย่าทำตัวให้น่าเป็นห่วง เขาว่า

7

ก่อนจะกลับบ้าน ชายชราซึ่งเป็นพ่อจริงๆ ของฉัน ส่งกระดาษมาให้สองแผ่น

ในนั้นเขียนเอาไว้ว่า “รับสมัครผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ เพื่อรักษาฟรี” พร้อมไถ่ถามอาการพี่สาวด้วย แววตาแสนห่วงใย ฉันบอกว่าเขาดีขึ้นแล้ว พ่อดูจะไม่วางใจ “หน้าหนาวคนมักจะเป็นหนัก” พ่อรำพึง แล้วสอดจดหมายพร้อมบทกวีที่เขียนไว้ให้ลูกใส่มือ  อ่านแล้วทั้งยิ้มทั้งน้ำตาซึม

พอสาย แดดเริ่มอุ่นขึ้น เสื้อกันหนาว ผ้าพันคอ และหมวก ไม่จำเป็นอีกแล้ว หรือแม้กระทั่งชาร้อนๆ ก็ไม่นึกอยากกินอีก ขนมยังเหลืออีกมากมาย ฉันทยอยเก็บใส่ถุงและตู้กับข้าว หลังจากนั้น ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จากอุ่น เป็นร้อน ความห่วงใยมากมายคล้ายยังแสดงออกไม่หมด ชายชราถอนหายใจ เขาคงรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเกินไป เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับไปอีกแล้ว

“รอรัฐบาลล้ม แล้วมาเลือกตั้งอีกสินะ ถึงได้มา” เขาแซว ฉันหัวเราะ เขาก็พูดเกินไป เราไม่ได้ห่างเกินกันขนาดนั้นสักหน่อย
“ยังไม่ได้อวดปลาที่เลี้ยงไว้เลยนะ จะอวดว่ามันตายไป 80 ตัว เพราะพ่อให้มันกินข้าวเหนียวแห้ง”
“อ้าว!”

แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไร เอาปลาที่ตายมาผ่าดูไส้แล้ว เต็มไปด้วยข้าวที่ไม่ย่อย จากนี้ไปเขาจะให้แต่อาหารย่อยง่าย  “ปลาก็เหมือนคน นึกว่ามันจะกินอะไรแปลกๆ ได้” เขาว่าแล้วหัวเราะกับตัวเอง

ฉันยกมือน้อยๆ ไหว้งามๆ ก่อนจะล่ำลาทุกคน แววตาที่มองตามทำให้หลั่งน้ำตาอยู่ในใจลึกๆ ไม่มีใครเห็นมันหรอก เช่นเดียวกับประโยคที่อยากบอกว่า  

ฉันไม่ได้มาเพราะเลือกตั้งหรอก ฉันมาเพราะอยากเจอพวกเขาต่างหากเล่า.

 

01

 

 

2

 

 

3

 

 

4

 

 

5

 

 

6

 

 

7

 

 

8

 

 

9

 

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ได้กินเห็ดถอบหรือยังลูก"คำถามแรกจากหญิงวัยใกล้ชราซึ่งเอื้อนเอ่ยแข่งกับเสียงฝนตกเปาะแปะอยู่นอกชานเรือน เธอเป็นแม่คนที่สองของฉัน ที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนแม่แท้ๆ กวักมือเรียกให้ไปช่วยดาขันโตก แม้ฉันจะทำท่าแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไปเยือนบ้านเกิดวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออาหารการกินสำรับเตรียมไว้เพียบพร้อม ฉันนึกถึงคำของแม่แท้ๆ ที่บอกว่าถ้าผู้ใหญ่ชวนทานข้าว ก็อย่าได้ทำให้เขาเสียใจ
วาดวลี
  1."ผมชอบรถคันนั้นจริงๆ"เพื่อนชายวัย 33 ปีของฉันบอก หลังจากนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ภาพเวบไซต์แห่งหนึ่งปรากฏภาพรถคันเล็กๆ สีขาวทั้งคัน เป็นรถเฟี๊ยสที่ฉันจำปี พ.ศ.และรุ่นไม่ได้ รู้แต่ว่ามันน่าจะมีอายุเกือบเท่าๆ เขาด้วยซ้ำ
วาดวลี
  ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไปและปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา
วาดวลี
"บนท้องฟ้านั้นมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง"  ฉันไม่รู้ว่าจำประโยคนี้มาจากไหน  แล้วก็มีคนเคยเห็นด้วยอย่างปักใจว่าบางทีท้องฟ้าก็โกหกเราได้  สีฟ้าแบบนี้ไม่ควรจะมีฝน  ประกายสีส้มจากดวงตะวันแบบนั้น  มองเผินๆ  คล้ายเตือนว่าพายุจะมา  แต่สุดท้ายก็เหลือแค่อากาศร้อนอบอ้าว
วาดวลี
 
วาดวลี
   ๑.หัวเราะกับความแยบยลของชีวิตที่บางครั้งตกหลุมพรางความหยาบกระด้างเมื่อรู้สึกได้กับความละเอียดอ่อนก็เห็นค่าจนไม่อยากจะสูญเสีย
วาดวลี
 ฉันนั่งมองกลีบดอกไม้สีชมพูที่หน้าตาเหมือนๆ กัน ผ่านทางกระจกรถ ขณะคิดในใจว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันรักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เดือนที่อากาศเย็นแสนทรมานจะค่อยๆ คลายตัวลงเป็นเย็นสบายกำลังดี ดอกไม้สีเหลือง สีขาว สีส้ม และสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มต้น เรียงรายตลอดถนน แสงแดดเช้าและบ่ายนั้นสวยงาม เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่โปร่งใส มีก้อนเมฆสีขาวฟูฟ่องลอยไปมาแต่ความเป็นจริงเวลานี้คือวิทยุกำลังประกาศซ้ำๆ เรื่องมลภาวะเป็นพิษเพราะหมอกควัน และเน้นย้ำให้เราป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
วาดวลี
ชายชรายิ้มหวานให้ฉัน ทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยิ้มบนริมฝีปากเบี้ยวๆ หนังตากระตุก ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นว่าเป็นยิ้มที่แสนหวานกว่าใครๆ ทีเดียว และเชื่อว่าเป็นยิ้มแรกของวันนี้ก่อนหน้านี้หลายนาที เขาพาตาช้ำๆ ย่างก้าวมาอย่างเซๆ ออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตอนที่เจอกันฉันยกมือไหว้ สวมกอดเขาหลวมๆ พาเขาไปนั่งลงตรงระเบียง เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการไม่หายดีนัก เขาเล่าว่าวันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน นึ่งข้าวทิ้งไว้แล้วก็มาบริหารร่างกาย จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ แล้วจบท้ายที่การบริหารอีกรอบ แต่อยู่ๆ แขนขาซีกหนึ่งก็ไม่มีแรง เบานุ่นเหมือนสำลี…
วาดวลี
“จะทำอะไรบ้างคะน้อง...” พี่ช่างผมคนใหม่ยิ้มกริ่ม เมื่อต้อนรับลูกค้าอย่างฉันแล้วพาไปนอนบนเปลสระผมในบ่ายแก่ๆ ของวันหยุด ฉันยิ้มให้เขา หยุดคิดในใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปเบาๆ ว่า “ช่วยตัดเล็มปลายผมแค่นั้นก็พอค่ะ” “แล้วสระกับไดร์ด้วยไหม” ฉันพยักหน้า เธอตอบรับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว จากนั้นก็โน้มศีรษะฉันให้ลงพอดีกับอ่าง เปิดน้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบราดรดลงไปบนศีรษะ เธอจับเส้นผมฉันเบาๆ อย่างเกรงใจ แล้วกระซิบมาข้างๆ หู “ถ้าแรงไปก็บอกนะ พี่มักจะเผลอตัว ถ้าไม่ให้นวดหัวก็บอกได้”
วาดวลี
"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน
วาดวลี
ในฐานะที่ต้นพืชต้นนี้ถูกฉันเรียกว่าเป็น “ถั่ววิเศษ” หากมันพูดได้ มันคงสงสัยในตัวฉันว่า จะคอยจับจ้องมันไปถึงไหน ทั้งเช้าทั้งเย็น นอกจากวนเวียนรดน้ำแล้วก็ยังแอบถ่ายรูป สังเกตสังกา พาเพื่อนมาชมแปลงถั่ว เฝ้าจับจ้องแมลงตัวน้อยนิดที่บินมาเกาะ มากัดกิน พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กิ่งใบของมันเสียหายก่อนเวลาอันสมควร ถั่ววิเศษอาจกำลังสอนฉันว่า อย่าคาดหวังในตัวมันมากเกินไปกระมัง ในแปลงผักแปลงเดียว เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านลงไปนั้น กำลังเติบโตได้อย่างแตกต่างกัน บางต้น อวบอิ่ม สีเขียวสด ยืดลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เซนติเมตรได้ ขยายใบเล็กๆ นั้นกลายเป็นใบกว้าง เติบใหญ่อย่างมีสุขภาพดี
วาดวลี
  ปีนี้ฉันได้ของขวัญปีใหม่เป็นเมล็ดถั่วมันเป็นเมล็ดแห้งๆ ที่นอนเรียงตัวอยู่ในฝักสีน้ำตาล ห่อมาในถุงพลาสติกใช้แล้วยับยู่ยี่ คนที่ยื่นให้บอกฉันว่าด้วยแววตาล้อเลียนว่า "มันเป็นถั่ววิเศษ"