Skip to main content

ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์แล้วล่ะ  ที่ฉันไปยืนอยู่ตรงนั้น
แล้วพยายามจะนับดูว่า ดอกทิวลิปที่ก้านอวบ กลีบสวย ในสวนตรงนี้ มีจำนวนกี่สีกันแน่

20080206 ดอกทิวลิปที่ก้านอวบ กลีบสวย

มวลหมู่ไม้มากมาย พืชพันธุ์ทั้งไทยและฝรั่ง ผลิบานแสดงความแข็งแรงต่ออากาศหนาวยามเช้า และแดดจัดยามบ่ายในบริเวณสวนสาธารณะของหาดเชียงราย แม้มันจะไม่ได้เกิดและเติบโตที่นั่น แต่ถูกเพาะปลูกเลี้ยงดูด้วยการทดลอง กระทั่งเมื่อสำเร็จผล ก็ถูกขนย้าย มาลงบนผืนดินชั่วคราวเพื่อแสดงงานดอกไม้

ดอกทิวลิป ลิลลี่ บานชื่อพันธุ์ใหม่ และดอกไม้ชื่อแปลกหูอีกหลายชนิด เบ่งบานอวดสีสันอยู่ไม่ไกลนักจากลำน้ำกกที่พากันไหลอ้อยสร้อย เชื่องช้า

ไม่เพียงแต่ทดสอบความทนทานของดอกไม้ต่ออากาศเท่านั้น แต่การแสดงดอกไม้ยังทดสอบความสามารถของผู้ดูแลสวนอีกด้วย แต่ละโซน มีเจ้าหน้าที่คอยพรมพร่างสายน้ำเบาๆ เพื่อควบคุมความชุ่มชื้น อยู่ตลอดเวลา มีเจ้าหน้าที่แต่งกายเรียบร้อยสวยงาม พูดจากำกับไม่ให้คนเข้าไปแหวกดอกไม้ เอาตัว เอาหน้าไปซุกถ่ายรูป

แม้จะติดป้ายเอาไว้แล้วว่า “ห้ามเข้า” คนก็ยังอยากโน้มกิ่งดอกไม้ให้มาใกล้ตัวที่สุด ยามฉีกปากยิ้มให้กับกล้องดิจิตอล

20080206 ดอกทิวลิป ลิลลี่ บานชื่อพันธุ์ใหม่ และดอกไม้ชื่อแปลกหูอีกหลายชนิด

20080206 ดอกทิวลิป ลิลลี่ บานชื่อพันธุ์ใหม่ และดอกไม้ชื่อแปลกหูอีกหลายชนิด (2)

บรรยากาศในสวนดอกไม้ในฐานะของผู้จัด บางครั้งจึงจำเป็นต้องเลือก ว่าจะดูแลดอกไม้หรือดูแลนักท่องเที่ยวดี ใครเลยจะห้ามไม่ให้คนเอามือไปสัมผัส แตะต้อง หรือกระทั่งดมกลิ่นได้

ฉันเห็นแม่อุ้ยพากันจูงมือมาจัดท่ายืน ท่านั่ง อยู่ข้างแปลงทิวลิป อาจะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต ที่เขาได้ใกล้กับดอกไม้ชนิดนี้ที่สุด เมื่อลูกหลานกดชัตเตอร์ถ่ายภาพแล้ว การทรงตัวที่คลอนแคลนก็ทำเอาล้ม จนเกือบทับดอกไม้

เจ้าหน้าที่รุดเข้าไปประคอง เอ่ยเตือนเบาๆ “อย่าเข้าไปนะคะ” เธอพูดเสียงเพราะในชุดแต่งกายเมืองเหนือ แต่เมื่อแม่อุ้ยฟังไม่ได้ยินเท่าไหร่ เธอก็จึงต้องเอ่ยเสียงดังขึ้น
“สุมาเต๊ะเจ๊า อย่าเข้าไปใกล้เกินไปนะคะ อย่าเด็ด อย่าข้ามรั้วเน้อเจ้า"

20080206 แปลงทิวลิป

20080206 แปลงทิวลิป (2)

ทุกโซนมีเสียงตะเบ็งแข่งกัน กับเสียงประกาศประชาสัมพันธ์อื่นๆ ภายในงาน  ทุกอย่างดูคึกครื้นดี

ฉันมีโอกาสทำหน้าที่เป็นช่างภาพให้กับบางคู่ที่มากันแค่สองคน บางคนก็ถ่ายกับป้ายในงาน บางคนก็ถ่ายกับซุ้มดอกไม้ มีบ้างบางคน ขอถ่ายกับบริเวณที่มีคนเยอะๆ และที่แปลกที่สุดคือ เขาขอให้ถ่ายโดยไม่ให้เห็นว่าที่นี่เป็นที่ไหน นอกจากสวนทิวลิป
“จะได้ไปอวดเพื่อนว่าไปต่างประเทศมา”

ฉันได้แต่อมยิ้ม ดูเหมือนจะเป็นเวลาแห่งความสุข ได้เห็นว่าคนไทยรักต้นไม้ไม่น้อย ดอกไม้ ธรรมชาติ โขดหิน น้ำตกจำลอง ที่ใช้พลังงานจำนวนมาก เพื่อประคองให้เกิดความสุขแด่ผู้มาชมให้มากที่สุด

แม้ตลอดระยะทางกว่าจะมาถึงสวน รถติดอยู่นับชั่วโมง อาหารมีราคาแพง ห้องน้ำไม่มีเพียงพอให้บริการ แต่ส่วนใหญ่ดูจะรู้สึก “คุ้มค่า” สำหรับการมาหลังจากได้ชื่นชมความงาม ของโลกดอกไม้ที่เคยอยู่ห่างออกไปครึ่งโลกจากเมืองแห่งนี้

ไม่แน่ใจว่านั่นสะท้อนว่า  ทุกคนมาเติมเต็มความงามที่ขาดหายไปจากชีวิต หรือเรากำลังแสวงหาโลกใหม่ซึ่งเราไม่เคยได้สัมผัส และคิดว่าน่าจะดีไปกว่าโลกปัจจุบันที่มีอยู่

..........................

20080206 ดอกทิวลิป

เพราะมาถึงวันนี้ ปลายเดือนมกราคม สวนสาธารณะของเชียงใหม่เดินทางมาถึงกำหนดงานดอกไม้ประจำปี อีกครั้ง

ฉันได้ยินเสียงตอบเบาๆ ของใครบางคน ที่ถูกชวนไปร่วมงานว่า
“ไม่ไปหรอก ทีนี่ไม่เห็นมีอะไร เราได้ดูดอกทิวลิปมาแล้ว ดอกไม้อื่นๆ ธรรมดามาก สู้ไม่ได้อีกแล้ว”

..............................

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
“พี่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ใครจะฟ้องร้องเอาอะไร ก็ไม่มีให้เขา มันเสียไปหมดแล้ว” รถโดยสารของความอึดอัดกำลังเคลื่อนขบวน โดยมีเราอยู่ในนั้น ฉัน และเขา “ผู้เช่าบ้าน” และ “ผู้ให้เช่า” ตามภาษาในเอกสารสัญญาของเรา กำลังยืนอยู่ตรงหน้ากัน  ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็น และอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน..........จำได้ว่าเมื่อ 1 ปีก่อน ตอนที่ฉันพบเขาครั้งแรก เขาไขกุญแจรั้วบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีป้ายติดประกาศว่า “ให้เช่า” ด้วยท่าทีอ่อนโยน ดวงตาเป็นประกาย พาฉันเดินเยี่ยมชมอย่างต้อนรับขับสู้ ริมฝีปากนั้นไม่เคยขาดรอยยิ้ม เขาเล่าว่า ทาวเฮาส์หลังนี้ซื้อไว้เมื่อ 10 ปีก่อนเพื่อให้แม่อาศัย…
วาดวลี
----------ภายใต้แสงจันทร์  ที่ริมฝั่งนั้นพี่ยังจำได้ จงกลับคืนมาหารักดังเก่า  ลืมเรื่องร้ายคลายเศร้า เจ้าอย่าทำเมินไฉน พะเยารอเธอ  รอรักด้วยความห่วงใย  จะนานแสนนานเท่าไหร่  ขอให้เธอนั้นกลับมา----------“เพลงแปลกหูดีนะ ร้องเพลงอะไรเหรอ” “เพลงของเมืองที่เรากำลังจะไปนี่ไงล่ะ”คนตอบหักพวงมาลัย ซ้ายที ซ้ายที ขณะรถของเรากำลังไต่อยู่บนเส้นทางคดโค้งโอบล้อมไปด้วยภูเขา ฉันพยายามเอียงตัวเพื่อจะถ่ายรูป ฟ้ายามบ่ายสดใสเหมือนไม่มีเค้าฝน ฟังเพลงนั้นอย่างตั้งใจ “อ๋อ เพลงพะเยารอเธอ ใช่ไหม” ฉันถามอีกครั้งให้แน่ใจ คนร้องพยักหน้าหงึกหงัก ความทรงจำเก่าๆ ของเพลงต้นฉบับล่องลอยมาแต่ไกล…
วาดวลี
ระหว่างทุ่งนาเขียวขจีของฤดูฝน หรือ ถนนดินแดงเต็มไปด้วยผงฝุ่นฤดูแล้ง ยามหนึ่งในอดีตกาล ในความนึกคิดวัยเยาว์จำความได้ว่า ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว ฉันและเพื่อนต่างจ้ำอ้าวออกจากประตูโรงเรียนแทบไม่คิดชีวิต เปล่าหรอก เราไม่ได้เกลียดโรงเรียนขนาดนั้น ไม่ได้เบื่อคุณครู เพียงแต่เราคิดถึงพื้นที่อิสระ ที่เราไม่ต้องใส่ชุดกระโปรงแล้วกลัวเปื้อน มีที่วิ่งเล่น ได้ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ มีขนมกิน  มีคนดูแล และมีหนังสืออ่าน และพื้นที่ที่ว่านั้น ก็คือบ้านของเราเองบ้านของฉันห่างจากโรงเรียนไม่ถึงกิโลเมตร แค่ออกจากบ้านมาสัก 10 ก้าว ก็เห็นเสาธงตั้งโด่เด่ติดกับวัดของหมู่บ้าน ดังนั้น…
วาดวลี
“อีกนานเลยสินะ กว่าจะได้เจอกัน”สุ้มเสียงคนพูดเจือปนความอาวรณ์ ขณะโยนถุงใบเล็กใหญ่ใส่หลังรถกระบะสีขาวเก่าๆ ของเพื่อนผู้มีน้ำใจ เจ้าของรถหยอกเอินในฐานะเพื่อนสนิทว่า“ตอนมามีเสื้อผ้าชุดเดียว ขากลับทำไมมีของเยอะนัก”เขากำลังจะกลับบ้านชายหนุ่มรูปร่างผอมบาง ตัวเล็กๆ ที่รู้จักกันมาได้ปีกว่าแล้ว เขาเล่าว่า สมัยที่มาอยู่เชียงใหม่แรกๆ เพิ่งเรียนจบมัธยมสาม หางานทำในอำเภอไม่ได้ก็ลองเข้าเมืองมาเสี่ยงโชค เวลานั้น กราบลาพ่อแม่ แล้วนั่งรถโดยสารมาด้วยราคา 45 บาท กับระยะทาง 100 กว่ากิโลเมตรมาอาทิตย์แรก ตระเวนขออาศัยยังหอพักเพื่อนที่พอรู้จัก จะอยู่บ้านใครนานก็เกรงใจคนอื่น ตะลอนหางานทำ ตั้งแต่พนักงานขนของ…