Skip to main content

"มีลูกแมวเพิ่งออกลูกตั้งหลายตัวแน่ะ"
"มันอยู่ตรงไหนคะ"
"นั่นไง หลบอยู่หลังป้ายหาเสียงน่ะ"

คนบอกชี้นิ้วไปยังบริเวณริมรั้วที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ฉันอดไม่ได้ ที่จะจำใจมองไปยังป้ายโฆษณาหาเสียงขนาดใหญ่ สูงท่วมหัวตั้งโด่เด่อยู่เพียงอันเดียวในหมู่บ้าน  ป้ายอันนั้นทำด้วยไม้อัดเรียงต่อกัน แปะทับเข้าไปด้วยไวนิลพิมพ์ภาพ 4 สีสดใส ใบหน้าผุดผ่อง ขาวนวลและริมฝีปากแดงระเรื่อ ดูมีอำนาจวาสนาและความรู้ แต่ในเมื่อไม่มีป้ายหาเสียงของใครอื่นมาเทียบเคียงอีกเลย ฉันจึงคิดเล่นๆว่า  ดูท่าทางเขาไม่ใช่ผู้ลงสมัครระดับธรรมดา และบ้านหลังนั้นที่มีรถหาเสียงหลายๆ คันทยอยกันมาจอดชุมนุม ก็คงไม่ธรรมดาเช่นกัน

ลำโพงขนาดใหญ่ทำหน้าที่กระจายเสียงโฆษณาดังอย่างไม่เกรงใจใคร สลับกับบทเพลงยอดฮิต ที่ฟังแล้วเหมือนหมู่บ้านมีงานวัดหรืองานบุญ เปิดอยู่ราวๆ เกือบ 10 เพลง ถึงค่อยเข้าเรื่อง มีเพลงหลากสไตล์หลายแนวมาก เช้าวันนั้น เขาเปิดเพลง “เสียสาวที่สวนหอม” และ “ปอยหลวงวังสะแกง” ที่มีคนเผลอร้องตามตอนขับรถผ่าน

ผู้คนคับคั่งทำให้ฉันและเพื่อนถอยออกไปก่อน รวมทั้งคุณลุงอีกคนที่เดินๆ หยุดๆ อยู่บริเวณนั้น
“มันหายไปหมดละ คงตื่นคน”

เป็นธรรมดาที่แมวหวงลูกจะคาบอพยพไปหาที่อาศัยอื่น ซอกเล็กๆ ริมรั้วแห่งนั้น เคยมีกล่องกระดาษกองสุมไว้ และเศษไม้เก่าๆ น่าจะเป็นที่กบดานอันอบอุ่นให้มันอย่างดี แต่เมื่อมีการเลือกตั้ง เจ้าของบ้านปฏิวัติด้วยการทำความสะอาด ทำบ้านให้น่าอยู่น่ามอง นอกจากเก็บขยะไปทิ้งหมดแล้ว เขายังทำการตัดหญ้า รื้อยอดเครือตำลึงออกไปทิ้ง และเอาขวดน้ำมาตั้งไว้หน้าป้ายหาเสียงเพื่อป้องกันไม่ให้หมามาฉี่ใส่

ฤดูกาลคัดเลือก คัดสรร ไม่เหมือนกับฤดูฝนฤดูหนาวธรรมดาสำหรับหมู่บ้านที่ฉันอยู่ มันสร้างบรรยากาศบางอย่างที่ต่างไปจากวันธรรมดา ไม่ว่าจะเสียงตามสายเช้าเย็นที่ย้ำให้ออกไปใช้สิทธิ บนถนนที่ร้อนระอุแต่มีคนเดินไปมาพร้อมเอกสารในมือ เศษกระดาษที่กลายเป็นขยะมีมากขึ้น และบทสนทนาที่เข้มข้นพร้อมคำถามที่ว่า อะไรคือ สว. แล้วที่พ่อหลวงบอกว่าไม่ไปเลือกตั้งผิดกฎหมายนั้นจริงหรือไม่? คำถามเหล่านี้ปะปนอยู่ในร้านเหล้าเล็กๆ ที่คักคักระดับมากเกินปกติ ก่อนจะมีการหยุดขายเหล้าอีก 3 วันข้างหน้า

ขณะเดียวกันมันก็มาเร็วและไปเร็วอย่างเหลือเชื่อ
โลกอันสงบกลับมาอีกครั้ง การเลือกตั้งผ่านไปแล้ว บนถนนปลอดคนแปลกหน้า เสียงตะโกนทักทายกันเป็นไปตามปกติ กระดาษบนกระดานเลือกตั้งหน้าหมู่บ้านปลิวไสวเบาๆ ตามแรงลม อย่างเงียบเชียบ

แล้วแมวตัวเล็กๆ พวกนั้นก็กลับมา
ฉันเดาว่ามันคงงงนิดหน่อยที่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป แต่มันก็ปรับตัวได้เป็นอย่างดี เลือกที่จะซุกตัวอยู่กับเศษป้ายหาเสียงและกองกระดาษข้างรั้ว ที่ทยอยกลับมาเหมือนเดิม

คุณลุงคนเดิมในชุดเสื้อผ้าเก่าๆ จอดจักรยานข้างรั้ว ตะโกนเข้ามาหาด้วยน้ำเสียงเกรงใจ
“ลุงขอเด็ดยอดตำลึงหน่อยนะ ถ้าไม่เอา”
“ตามสบายค่ะลุง”


ฉันตอบแค่นี้ แล้วพิจารณาต้นหญ้า ดอกไม้ ตำลึงและเถาวัลย์ที่พันกันอยู่หน้าบ้านตัวเอง ที่ซึ่งเพื่อนบ้านเอ่ยแซวว่าไม่ยอมเด็ดหรือตัดให้น่ามองน่าอยู่ เดี๋ยวคนเขาจะคิดว่าเป็นบ้านร้าง

ฉันได้แต่อมยิ้ม ด้วยไม่รู้จะบอกลูกแมวพวกนั้นได้อย่างไรว่า ถ้าข้ามถนนมาได้ ฉันยังมีมุมให้หลบภัยอยู่หลังบ้าน ส่วนดอกหญ้าพวกนั้นฉันชอบเป็นการส่วนตัว และยอดตำลึง ฉันก็คิดอยู่นานแล้วว่า มันงามมากพอที่จะแบ่งให้กับคนอื่นๆ อีกหลายมื้อ

และคงเพียงพอที่จะให้คุณลุงอิ่มแบบปลอดสารพิษในมื้อนี้ เพราะ “วันข้างหน้าที่ดีกว่า” หลังการเลือกตั้งนั้น ยังดูห่างไกลเหลือเกินนัก ระหว่างทางของการรอคอย บางทีสิ่งที่เราทำได้ นอกจากการไปเลือกตั้ง ก็อาจเป็นได้เพียงการดูแลชีวิตริมรั้วของเราให้ดีมากเท่าที่จะทำได้...เท่านั้น.

 

20080312 ชีวิตหลังรั้ว (1)

20080312 ชีวิตหลังรั้ว (2)

20080312 ชีวิตหลังรั้ว (3)

20080312 ชีวิตหลังรั้ว (4)

20080312 ชีวิตหลังรั้ว (5)

20080312 ชีวิตหลังรั้ว (6)

 

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ได้กินเห็ดถอบหรือยังลูก"คำถามแรกจากหญิงวัยใกล้ชราซึ่งเอื้อนเอ่ยแข่งกับเสียงฝนตกเปาะแปะอยู่นอกชานเรือน เธอเป็นแม่คนที่สองของฉัน ที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนแม่แท้ๆ กวักมือเรียกให้ไปช่วยดาขันโตก แม้ฉันจะทำท่าแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไปเยือนบ้านเกิดวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออาหารการกินสำรับเตรียมไว้เพียบพร้อม ฉันนึกถึงคำของแม่แท้ๆ ที่บอกว่าถ้าผู้ใหญ่ชวนทานข้าว ก็อย่าได้ทำให้เขาเสียใจ
วาดวลี
  1."ผมชอบรถคันนั้นจริงๆ"เพื่อนชายวัย 33 ปีของฉันบอก หลังจากนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ภาพเวบไซต์แห่งหนึ่งปรากฏภาพรถคันเล็กๆ สีขาวทั้งคัน เป็นรถเฟี๊ยสที่ฉันจำปี พ.ศ.และรุ่นไม่ได้ รู้แต่ว่ามันน่าจะมีอายุเกือบเท่าๆ เขาด้วยซ้ำ
วาดวลี
  ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไปและปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา
วาดวลี
"บนท้องฟ้านั้นมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง"  ฉันไม่รู้ว่าจำประโยคนี้มาจากไหน  แล้วก็มีคนเคยเห็นด้วยอย่างปักใจว่าบางทีท้องฟ้าก็โกหกเราได้  สีฟ้าแบบนี้ไม่ควรจะมีฝน  ประกายสีส้มจากดวงตะวันแบบนั้น  มองเผินๆ  คล้ายเตือนว่าพายุจะมา  แต่สุดท้ายก็เหลือแค่อากาศร้อนอบอ้าว
วาดวลี
 
วาดวลี
   ๑.หัวเราะกับความแยบยลของชีวิตที่บางครั้งตกหลุมพรางความหยาบกระด้างเมื่อรู้สึกได้กับความละเอียดอ่อนก็เห็นค่าจนไม่อยากจะสูญเสีย
วาดวลี
 ฉันนั่งมองกลีบดอกไม้สีชมพูที่หน้าตาเหมือนๆ กัน ผ่านทางกระจกรถ ขณะคิดในใจว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันรักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เดือนที่อากาศเย็นแสนทรมานจะค่อยๆ คลายตัวลงเป็นเย็นสบายกำลังดี ดอกไม้สีเหลือง สีขาว สีส้ม และสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มต้น เรียงรายตลอดถนน แสงแดดเช้าและบ่ายนั้นสวยงาม เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่โปร่งใส มีก้อนเมฆสีขาวฟูฟ่องลอยไปมาแต่ความเป็นจริงเวลานี้คือวิทยุกำลังประกาศซ้ำๆ เรื่องมลภาวะเป็นพิษเพราะหมอกควัน และเน้นย้ำให้เราป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
วาดวลี
ชายชรายิ้มหวานให้ฉัน ทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยิ้มบนริมฝีปากเบี้ยวๆ หนังตากระตุก ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นว่าเป็นยิ้มที่แสนหวานกว่าใครๆ ทีเดียว และเชื่อว่าเป็นยิ้มแรกของวันนี้ก่อนหน้านี้หลายนาที เขาพาตาช้ำๆ ย่างก้าวมาอย่างเซๆ ออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตอนที่เจอกันฉันยกมือไหว้ สวมกอดเขาหลวมๆ พาเขาไปนั่งลงตรงระเบียง เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการไม่หายดีนัก เขาเล่าว่าวันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน นึ่งข้าวทิ้งไว้แล้วก็มาบริหารร่างกาย จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ แล้วจบท้ายที่การบริหารอีกรอบ แต่อยู่ๆ แขนขาซีกหนึ่งก็ไม่มีแรง เบานุ่นเหมือนสำลี…
วาดวลี
“จะทำอะไรบ้างคะน้อง...” พี่ช่างผมคนใหม่ยิ้มกริ่ม เมื่อต้อนรับลูกค้าอย่างฉันแล้วพาไปนอนบนเปลสระผมในบ่ายแก่ๆ ของวันหยุด ฉันยิ้มให้เขา หยุดคิดในใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปเบาๆ ว่า “ช่วยตัดเล็มปลายผมแค่นั้นก็พอค่ะ” “แล้วสระกับไดร์ด้วยไหม” ฉันพยักหน้า เธอตอบรับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว จากนั้นก็โน้มศีรษะฉันให้ลงพอดีกับอ่าง เปิดน้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบราดรดลงไปบนศีรษะ เธอจับเส้นผมฉันเบาๆ อย่างเกรงใจ แล้วกระซิบมาข้างๆ หู “ถ้าแรงไปก็บอกนะ พี่มักจะเผลอตัว ถ้าไม่ให้นวดหัวก็บอกได้”
วาดวลี
"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน
วาดวลี
ในฐานะที่ต้นพืชต้นนี้ถูกฉันเรียกว่าเป็น “ถั่ววิเศษ” หากมันพูดได้ มันคงสงสัยในตัวฉันว่า จะคอยจับจ้องมันไปถึงไหน ทั้งเช้าทั้งเย็น นอกจากวนเวียนรดน้ำแล้วก็ยังแอบถ่ายรูป สังเกตสังกา พาเพื่อนมาชมแปลงถั่ว เฝ้าจับจ้องแมลงตัวน้อยนิดที่บินมาเกาะ มากัดกิน พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กิ่งใบของมันเสียหายก่อนเวลาอันสมควร ถั่ววิเศษอาจกำลังสอนฉันว่า อย่าคาดหวังในตัวมันมากเกินไปกระมัง ในแปลงผักแปลงเดียว เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านลงไปนั้น กำลังเติบโตได้อย่างแตกต่างกัน บางต้น อวบอิ่ม สีเขียวสด ยืดลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เซนติเมตรได้ ขยายใบเล็กๆ นั้นกลายเป็นใบกว้าง เติบใหญ่อย่างมีสุขภาพดี
วาดวลี
  ปีนี้ฉันได้ของขวัญปีใหม่เป็นเมล็ดถั่วมันเป็นเมล็ดแห้งๆ ที่นอนเรียงตัวอยู่ในฝักสีน้ำตาล ห่อมาในถุงพลาสติกใช้แล้วยับยู่ยี่ คนที่ยื่นให้บอกฉันว่าด้วยแววตาล้อเลียนว่า "มันเป็นถั่ววิเศษ"