Skip to main content

เขาขนทรายกันตรงไหนคะ”

ฉันเอ่ยถามเสียงเบาๆ หากจะให้เดาก็คงเป็นที่วัด แต่วัดในบริเวณนี้มีตั้งหลายแห่ง และก็ไม่ได้อยู่ติดกับแม่น้ำแบบวัดใหญ่ของอีกฝั่งฟากถนน วัดใหญ่นั้น ตีเขตไปเป็นอีกตำบล อีกอำเภอหนึ่ง ซึ่งเดาได้ว่า คนในหมู่บ้านฉัน คงไม่ได้ไปทำบุญกันที่นั่น

 

พี่สาวใจดีข้างบ้าน บอกฉันทุกเรื่อง ในสิ่งที่ฉันสงสัย จะว่าไป มีเพียงครอบครัวเดียวที่ฉันรู้จักมักคุ้น แม้จะย้ายบ้านมาได้หลายเดือนแล้ว คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ ออกไปใช้ชีวิตประจำวันนอกบ้าน เราเจอกันยามค่ำ ก็ยิ้มให้กันไปมา แล้วต่างแยกย้ายกันไป แค่เวลา 2 ทุ่มกว่า ทั้งหมู่บ้านก็เงียบสนิท มีเพียงฉันที่เปิดไฟทำงานจนถึงดึกดื่น


จะสงกรานต์แล้ว ฉันตั้งใจนักหนาว่า จะออกไปทำบุญ ดำเนินตามประเพณีที่สืบกันมา แบบที่เราไม่ค่อยได้ทำ ไปขนทรายที่วัด ปักตุงมงคล ตักบาตร สรงน้ำพระ และการทำความสะอาดบ้านในวันสังขารล่อง ทานแกงขนุนในวันปากปี หรือช่วยบริจาคในการแห่ไม้ค้ำโพธิ์ ส่วนเรื่องการเล่นน้ำนั้นฉันไม่ถนัด เพราะแพ้สิ่งที่มากับน้ำ เคยโดนสาดแล้วก็ผื่นขึ้น ลำบากคนไปด้วย แล้วก็พาลทำให้คนอื่นไม่สนุก

 

ปีนี้ เราก็ออกไปเล่นสงกรานต์กันแถวนี้ก็ได้ เพราะเป็นเขตชุมชน คงจะน่ารัก ไม่เหมือนในเมือง”

คนข้างตัวของฉันชวนไว้ ฉันพยักหน้า จะเป็นไรไป ถ้าจะเปียกบ้าง ภูมิต้านทานร่างกายจะได้ฟื้นฟู อีกอย่าง น้ำแถวนี้ เป็นน้ำบาดาล แบบเดียวกับที่ใช้กิน ใช้อาบ ไม่น่ามีปัญหา ยังไม่ถึงวันสงกรานต์ เด็กๆ เอาน้ำใส่กระป๋องน้อยๆ ไล่สาดกันไปมา เป็นภาพที่น่ารัก เหมือนตอนเด็กๆ ที่ตื่นเต้นกับสงกรานต์ และมีแต่เสียงหัวเราะ


หมายมั่นปั้นมือเอาไว้อย่างนั้น พี่ข้างบ้านเดินมาบอกด้วยแววตาสดใส พร้อมทรงผมใหม่ ขณะที่บ้านของเขากำลังฉลองการซื้อรถกระบะคันใหญ่

 

เขาไปขนทรายมาจากแม่น้ำปิงน้อย”

หือ ที่อยู่ใกล้ชลประทานเหรอคะ”

ฉันทำตาโต คำนวณระยะทางจากน้ำปิงน้อยไปยังวัดของหมู่บ้านแล้ว ไม่ต่ำกว่า 2 กิโลเมตร จำได้ว่าตอนเด็กๆ ฉันขนทรายไม่ต่ำกว่า 5 รอบ เพราะมันไม่พอจะใส่ให้ครบกอง แต่นี่ นับว่าเป็นระยะที่ไกลพอสมควร


อ๋อ ไม่มีใครไปขนตรงโน้นแล้ว เดี๋ยวนี้เขามีรถไปขุดมา แล้วเราก็เอาเงินไปจ่ายเท่านั้นเอง”

อ้อ..”

ฉันรับทราบ จากนั้น พี่คนนี้ก็ชักชวนอย่างเป็นทางการ ถึงงานบุญประเพณีของหมู่บ้านเรา


เดี๋ยวจะมีแห่ขบวนไม้ค้ำโพธิ์นะ ตั้งขบวนตรงหน้าบ้านเราเลย รวมตัวกันแล้วเดินทางไปสมทบกับหมู่อื่น เพื่อไปยังวัด”

เอ่อ ค่ะ...”

ฉันอ้ำอึ้ง สองจิตสองใจระหว่างการเคลียร์งานให้ลงตัว กับการไปร่วมขบวนศรัทธา วันนั้น ฉันได้ยินเสียงพ่อหลวงประกาศ ขบวนจะไม่เป็นขบวน หากไม่มีการร่วมใจ ฉันอมยิ้มให้กับความสามัคคีของที่นี่ คงต้องเร่งทำงานให้เสร็จ ด้วยหวังว่าเผื่อว่าจะได้ทำตัวให้เป็นประโยชน์เสียบ้าง

 

แต่แล้วเมื่อถึงเช้าวันรุ่งขึ้น คนนอนดึกอย่างฉันก็มีอันต้องสะดุ้งตื่น เมื่อยังไม่ 8 โมงเช้าดีนัก แต่เสียงเพลงก็ดังแว่วมา บ้านตรงข้ามจัดแจงทำเวทีเล็กๆ พร้อมติดตั้งลำโพงขนาดใหญ่มหึมา เพลงที่เขาเปิดมีทั้งเพลงลูกทุ่ง สลับกับเพื่อชีวิตในภาคเช้า พอเที่ยงหน่อยก็เดินเครื่องด้วยเพลงจังหวะเร็ว แล้วปิดท้ายด้วยเพลงเทคโนแดนซ์แบบที่ได้ยินกับตามผับ และมันก็ดังมากเสียจนแก้วหูแทบจะระเบิด


หนุ่มสาวมาชุมนุมกัน ใครอยากสาดน้ำก็สาด ถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกง เหล่าผู้ชายโชว์รอยสักเต็มแผ่นหลัง กอดขวดเบียร์ไว้แนบอก ยิ่งนานเข้า คนก็ยิ่งมากขึ้น เสียงโห่ฮิ้วมาเป็นจังหวะ


ฉันเปลี่ยนความคิดที่จะไปร่วมขบวน เขาเริ่มฟ้อนกันแล้ว กล้าๆ กลัวๆ หยิบเงินในซองกระดาษสีขาว ปิดผนึก แล้วย่องแย่งออกมาจากบ้าน ฝ่าวงล้อมเข้าไป ทั้งน้ำ ทั้งดนตรี ทั้งเสียงโห่และอาการมึนเมาของผู้คนทั้งหลาย ฉันยื่นซองให้อย่างเงียบๆ


ร่วมทำบุญค่ะ”

สาธุ” คนรับยิ้มกว้าง ยกมือไหว้ ฉันไหว้กลับแทบไม่ทัน เขายื่นปากกาเคมีสีน้ำเงินให้

เขียนชื่อใส่ไม้ไว้ด้วย”

อ๋อ ค่ะๆ” เปิดหัวปากกาค่อยๆ ลากเส้นเข้าไป จะเขียนอะไรดี ชื่อเราหรือ วาดรูปได้ไหม แล้วทำไมต้องเขียน ความคิดไร้สาระมากมายแล่นอยู่ในสมอง แล้วก็จบด้วยการเขียนชื่อเล่นเอาไว้สั้นๆ


ไม่ออกไปเที่ยวหรือ” เขาถาม ฉันเงี่ยหูฟังเสียงที่ตะโกนแข่งกับเพลง แล้วก็พยักหน้าหงึกหงัก

ค่ะ ก็ว่าจะไป”

ไปหน้าวัดเลย สนุก มันส์มาก เขาต่อน้ำสายยางใหญ่ยักษ์ ม่อล่อกม่อแลก สะใจสุดๆ”

เอ่อ..”

แล้วเดี๋ยวคืนนี้จะมีดนตรี ไปรำวงกัน” หนุ่มวัยรุ่นชวน ไม่มีใครอยากใส่เสื้อเอาเสียเลย เสื้อผ้าคงเปียกกันหมด เขาอาจจะถอดแล้วผึ่งที่ไหนสักแห่ง


ฉันได้แต่ยิ้ม แล้วค่อยๆ ย่องจากมา ผลุบหายเข้าไปในบ้าน คนข้างกายแต่งตัวเสร็จแล้ว เรามองหน้ากัน

หาอะไรกินกันที่เซเว่นไหม” เขาหัวเราะเบาๆ ฉันจึงบอกว่า

เธอลงจากรถแล้ววิ่งไปซื้อนะ เราไม่อยากเปียก...เราเป็นวันนั้นของเดือน”

หา!”


เขาอุทาน แล้วก็หัวเราะเบาๆ

กะว่าจะให้เป็นคนลงไปนะเนี่ย เราน่ะเปียกได้ แต่ไม่ใช่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบคนข้างนอก”

มองหน้ากันไปมา ฟ้าข้างนอกก็ดูสว่างดี เราไม่ได้ไปไหนหรอก ขนทราย สรงน้ำพระ หรือว่าปักตุงมงคล พากันต้มมาม่าต้อนรับวันสงกรานต์ แล้วก็นั่งฟังเสียงเพลงจากลำโพงมหึมาเหล่านั้นจนหมดอัลบั้ม มองไปยังขบวนแห่ที่ยังไม่เคลื่อนไปสักทีแม้ว่าฟ้าจะเริ่มมืดแล้ว


สงสัยเขาจะไปวันอื่น” ฉันตอบงงๆ และสงสัยว่าตัวเองจะจำวันผิด จึงได้แต่พากันสรงน้ำให้พระองค์น้อยๆ ในบ้าน ทำความสะอาด แล้วก็ทาแป้งตรางูนั่งอยู่กับพัดลม

ตกลงสงกรานต์ในฝันของเรามันไม่มีแล้วใช่ไหม?”

ฉันถามเบาๆ โดยไม่มีเสียงตอบใดๆ ให้ได้ยินเลยแม้สักนิด.

 

23045101

 

23045102

 

23045103

 

23045104

 

23045105

 

23045106

 

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ได้กินเห็ดถอบหรือยังลูก"คำถามแรกจากหญิงวัยใกล้ชราซึ่งเอื้อนเอ่ยแข่งกับเสียงฝนตกเปาะแปะอยู่นอกชานเรือน เธอเป็นแม่คนที่สองของฉัน ที่รักใคร่เอ็นดูเหมือนแม่แท้ๆ กวักมือเรียกให้ไปช่วยดาขันโตก แม้ฉันจะทำท่าแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไปเยือนบ้านเกิดวันนี้ตั้งใจจะไปกินข้าวมื้อกลางวันกับพ่อ แต่ทำยังไงได้ในเมื่ออาหารการกินสำรับเตรียมไว้เพียบพร้อม ฉันนึกถึงคำของแม่แท้ๆ ที่บอกว่าถ้าผู้ใหญ่ชวนทานข้าว ก็อย่าได้ทำให้เขาเสียใจ
วาดวลี
  1."ผมชอบรถคันนั้นจริงๆ"เพื่อนชายวัย 33 ปีของฉันบอก หลังจากนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่นานหลายชั่วโมง ภาพเวบไซต์แห่งหนึ่งปรากฏภาพรถคันเล็กๆ สีขาวทั้งคัน เป็นรถเฟี๊ยสที่ฉันจำปี พ.ศ.และรุ่นไม่ได้ รู้แต่ว่ามันน่าจะมีอายุเกือบเท่าๆ เขาด้วยซ้ำ
วาดวลี
  ท้องทุ่งแห่งความทรงจำ มีกลิ่นอบอวลด้วยดอกไม้ ทุ่งหญ้า และกลิ่นชื้นของที่ดินริมแม่น้ำ พ่อของฉันตื่นนอนก่อนลูกๆ ในเช้าก่อนวันสงกรานต์ เขาส่งเสียงร้องเอื้อนเอ่ยเป็นทำนองของค่าวซอบนเก้าอี้ไม้ หันหน้าไปหาแม่น้ำและดวงอาทิตย์ ในมือถือกระดาษมีเส้น บรรจุตัวอักษรที่เขาเขียนแต่งขึ้นมาเอง และเนื้อหาในนั้นก็กำลังกล่าวถึงวันคืนของปีเก่าที่ผ่านไปและปีใหม่เมือง ที่กำลังจะมา
วาดวลี
"บนท้องฟ้านั้นมีความจริงอยู่ครึ่งหนึ่ง"  ฉันไม่รู้ว่าจำประโยคนี้มาจากไหน  แล้วก็มีคนเคยเห็นด้วยอย่างปักใจว่าบางทีท้องฟ้าก็โกหกเราได้  สีฟ้าแบบนี้ไม่ควรจะมีฝน  ประกายสีส้มจากดวงตะวันแบบนั้น  มองเผินๆ  คล้ายเตือนว่าพายุจะมา  แต่สุดท้ายก็เหลือแค่อากาศร้อนอบอ้าว
วาดวลี
 
วาดวลี
   ๑.หัวเราะกับความแยบยลของชีวิตที่บางครั้งตกหลุมพรางความหยาบกระด้างเมื่อรู้สึกได้กับความละเอียดอ่อนก็เห็นค่าจนไม่อยากจะสูญเสีย
วาดวลี
 ฉันนั่งมองกลีบดอกไม้สีชมพูที่หน้าตาเหมือนๆ กัน ผ่านทางกระจกรถ ขณะคิดในใจว่า เดือนกุมภาพันธ์ที่ฉันรักได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว เดือนที่อากาศเย็นแสนทรมานจะค่อยๆ คลายตัวลงเป็นเย็นสบายกำลังดี ดอกไม้สีเหลือง สีขาว สีส้ม และสีชมพูจะบานสะพรั่งเต็มต้น เรียงรายตลอดถนน แสงแดดเช้าและบ่ายนั้นสวยงาม เช่นเดียวกับท้องฟ้าที่โปร่งใส มีก้อนเมฆสีขาวฟูฟ่องลอยไปมาแต่ความเป็นจริงเวลานี้คือวิทยุกำลังประกาศซ้ำๆ เรื่องมลภาวะเป็นพิษเพราะหมอกควัน และเน้นย้ำให้เราป้องกันตัวเองด้วยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น
วาดวลี
ชายชรายิ้มหวานให้ฉัน ทันทีที่เขารู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นแล้ว ยิ้มบนริมฝีปากเบี้ยวๆ หนังตากระตุก ใบหน้าเหี่ยวย่น แต่ฉันรู้สึกได้ในตอนนั้นว่าเป็นยิ้มที่แสนหวานกว่าใครๆ ทีเดียว และเชื่อว่าเป็นยิ้มแรกของวันนี้ก่อนหน้านี้หลายนาที เขาพาตาช้ำๆ ย่างก้าวมาอย่างเซๆ ออกจากห้องพักผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตอนที่เจอกันฉันยกมือไหว้ สวมกอดเขาหลวมๆ พาเขาไปนั่งลงตรงระเบียง เขาพยายามสื่อสารทั้งที่อาการไม่หายดีนัก เขาเล่าว่าวันนี้ตื่นแต่เช้ามืดเช่นทุกวัน นึ่งข้าวทิ้งไว้แล้วก็มาบริหารร่างกาย จากนั้นก็วิ่งเหยาะๆ แล้วจบท้ายที่การบริหารอีกรอบ แต่อยู่ๆ แขนขาซีกหนึ่งก็ไม่มีแรง เบานุ่นเหมือนสำลี…
วาดวลี
“จะทำอะไรบ้างคะน้อง...” พี่ช่างผมคนใหม่ยิ้มกริ่ม เมื่อต้อนรับลูกค้าอย่างฉันแล้วพาไปนอนบนเปลสระผมในบ่ายแก่ๆ ของวันหยุด ฉันยิ้มให้เขา หยุดคิดในใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบไปเบาๆ ว่า “ช่วยตัดเล็มปลายผมแค่นั้นก็พอค่ะ” “แล้วสระกับไดร์ด้วยไหม” ฉันพยักหน้า เธอตอบรับด้วยท่าทางคล่องแคล่ว จากนั้นก็โน้มศีรษะฉันให้ลงพอดีกับอ่าง เปิดน้ำจากสายยางเย็นเจี๊ยบราดรดลงไปบนศีรษะ เธอจับเส้นผมฉันเบาๆ อย่างเกรงใจ แล้วกระซิบมาข้างๆ หู “ถ้าแรงไปก็บอกนะ พี่มักจะเผลอตัว ถ้าไม่ให้นวดหัวก็บอกได้”
วาดวลี
"ยี่เป็ง” เป็นชื่อแมวของฉันเอง ซึ่งตั้งให้แมวตัวสีขาวลายสีเทา ทรงหน้าเหลี่ยม หางกุด ตัวเท่ากำปั้น ที่กระโดดขึ้นมาอยู่บนตักขณะกินจิ้มจุ่มในวันลอยกระทงเมื่อ 2 ปีก่อน และจากนั้นมาอีก 1 ชั่วโมง ฉันก็ถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะมีลูกแมวเลี้ยงเพิ่มอีกหนึ่งตัวหรือนี่ ทั้งที่การมีแมวแสนไฮเปอร์ชื่อ “พี่แม้ว” แค่ตัวเดียวนั้นยังรับมือแทบจะไม่ไหว แต่นั่นเป็นการถามตัวเองเมื่อกลับมาถึงบ้านโดยมียี่เป็งในอ้อมแขน
วาดวลี
ในฐานะที่ต้นพืชต้นนี้ถูกฉันเรียกว่าเป็น “ถั่ววิเศษ” หากมันพูดได้ มันคงสงสัยในตัวฉันว่า จะคอยจับจ้องมันไปถึงไหน ทั้งเช้าทั้งเย็น นอกจากวนเวียนรดน้ำแล้วก็ยังแอบถ่ายรูป สังเกตสังกา พาเพื่อนมาชมแปลงถั่ว เฝ้าจับจ้องแมลงตัวน้อยนิดที่บินมาเกาะ มากัดกิน พลางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กิ่งใบของมันเสียหายก่อนเวลาอันสมควร ถั่ววิเศษอาจกำลังสอนฉันว่า อย่าคาดหวังในตัวมันมากเกินไปกระมัง ในแปลงผักแปลงเดียว เมล็ดพันธุ์ที่หยอดหว่านลงไปนั้น กำลังเติบโตได้อย่างแตกต่างกัน บางต้น อวบอิ่ม สีเขียวสด ยืดลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 10 เซนติเมตรได้ ขยายใบเล็กๆ นั้นกลายเป็นใบกว้าง เติบใหญ่อย่างมีสุขภาพดี
วาดวลี
  ปีนี้ฉันได้ของขวัญปีใหม่เป็นเมล็ดถั่วมันเป็นเมล็ดแห้งๆ ที่นอนเรียงตัวอยู่ในฝักสีน้ำตาล ห่อมาในถุงพลาสติกใช้แล้วยับยู่ยี่ คนที่ยื่นให้บอกฉันว่าด้วยแววตาล้อเลียนว่า "มันเป็นถั่ววิเศษ"