Skip to main content

ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินทางไปประเทศจีน เดินทางโดยยังไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้านเสียด้วยซ้ำ มันเป็นการเดินทางด้วยจิตใจและจินตนาการ เมื่อน้องสาวที่น่ารักคนหนึ่งของฉัน เธอเดินทางไปเป็นครูสอนภาษาไทยอยู่ที่เมืองหนานหนิง มณฑลกวางสีตั้งแต่ 1 ปีที่แล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะย่างครบ 1 ปี เธอบอกว่าคิดถึงเมืองไทยเป็นที่สุด และนับจากวันนี้ไปอีกแค่ 8 วันเท่านั้นเธอก็จะได้กลับมาเหยียบผืนดินไทยอีกครั้งแล้ว

“ดีใจนะที่ปลอดภัย”

จำได้ว่าเอ่ยกับเธอด้วยประโยคนี้ หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศจีนไม่นาน ฉันนึกถึงใบหน้าของเธอ แก้มยุ้ยๆ  และแววตาวาบวับที่ระยิบระยับเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่เล่าถึงความฝันหรือแสดงความซนด้วยการแซวใครต่อใคร เธอเป็นน้องเล็กของกลุ่ม ที่เจอกันทีไรก็เห็นรอยยิ้มมาแต่ไกล แต่ตั้งแต่เธอเดินทางไปอยู่ที่โน่น การติดต่ออันน้อยนิดของเราก็พอจะให้รับรู้ได้ว่า เธอทั้งเหงา โดดเดี่ยว ไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อม ผจญกับอากาศหนาวเย็น และฟังภาษาไม่ค่อยจะเข้าใจนัก

ที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือ เมืองของเธอก็อยู่ไม่ไกลนักจากพื้นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ส่วนเธอปลอดภัยดี อพาร์ทเมนต์ของเธอก็แข็งแรงดี แต่ข่าวคราวรอบตัวของเธอ แต่ศพกับศพ มีร่องรอยความเสียหาย มีผู้สูญหายและติดอยู่ในซากปรักหักพังที่ยังเอาออกมาไม่ได้ เธอเล่าถึงบรรยากาศการจุดเทียนไว้อาลัยผู้จากไป ตอนเย็นๆ ผู้คนในเมืองต่างๆ พร้อมใจกันยืนไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิต บทสนทนาของเราในระยะนี้ แทบจะไม่มีคำอื่น นอกจากถามว่า “สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

เมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลายลงไปบ้างแล้ว เราจึงพอจะเริ่มสนทนากันได้บ้างถึงเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน เพื่อนที่โน่น โครงการหลังจากกลับเมืองไทย พอได้เห็นรอยยิ้มจางๆ อันมีความหวังของเธอ
เป็นเวลาเดียวกันกับที่เพื่อนสนิทอีกคนของฉัน โทรมาในยามสายของวันหนึ่งเพื่อที่จะบอกว่า
“ได้มองท้องฟ้าบ้างไหม?”
ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องโรแมนติก หรือบทสนทนาบางเบาของคนช่างฝัน แต่คราวนี้กลับไม่ใช่ เธอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมาว่า
“เช้านี้เราเห็นเมฆแผ่นดินไหวล่ะ”
เพื่อนของฉันบอก ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แม้จะได้ผ่านตาบ้างกับข้อมูลเกี่ยวกับการเตือนภัยของแผ่นดินไหว เพื่อนของฉันเล่าว่า เมฆแผ่นดินไหวนั้นมีหลายประเภท มักจะมาแสดงให้เห็นก่อนเกิดเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนหน้า 2-3 วัน หรือเกิดภายในวันนั้นเลยก็มี เป็นต้นว่า

20080611 001  20080611 006
(ภาพตัวอย่างเมฆแผ่นดินไหวจากเวบไซต์ http://board.palungjit.com )

เมฆที่มีลักษณะเป็นก้อนรูปสี่เหลี่ยมแถบกว้าง อยู่นิ่งๆ บนท้องฟ้าราว 30 นาที แม้ลมแรงเท่าไหร่ เมฆก็ไม่กระจายตัวออก ข้อมูลหลายแห่งบอกว่า เมฆชนิดนี้อยู่ในเวลาเกิดแผ่นดินไหวถึง 90% ยิ่งแถบมีความหนาเท่าไหร่ ก็บอกถึงความรุนแรงของการสั่นสะเทือนมากเท่านั้น

20080611 002

ถัดมา เมฆที่มีลักษณะเหมือนเหมือนคลื่น กระจายอยู่ทั่วฟ้าเป็นผืนกว้าง และหยุดนิ่งเป็นเวลานาน มักจะเป็นสัญญาณบอกเช่นกันว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น

ในเวบบลอกของ “phyblass”  ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่สนใจในปรากฏการณ์แผ่นดินไหว ได้ช่วยแปลข้อมูลจากวิกิพีเดียภาคภาษาญี่ปุ่น เรียกว่า "เมฆอัลโตคิวมูลัส"  เป็นเมฆที่มีลักษณะเป็นก้อนสีขาวลอยอยู่ที่ระดับความสูง 2-7 กิโลเมตร เป็นหนึ่งใน 10 รูปแบบพื้นฐานของเมฆ จัดเป็นเมฆชั้นกลาง  บางครั้งเรียกว่าเมฆลายจุด หรือ เมฆแกะ มีสีขาวมองเห็นชัดเจน เมื่อขยายตัวเต็มท้องฟ้าเต็มที่ จะบดบังดวงอาทิตย์จนทำให้ฟ้ามืดได้ ก่อตัวขึ้นจากกระแสลมมวลอากาศเย็น เมื่ออากาศร้อนสัมผัสกับส่วนบน อิทธิพลคลื่นบรรยากาศจะทำให้แผ่กว้าง เห็นการเรียงตัวของเมฆชัดเจน ถือได้ว่าเป็นเมฆที่บ่งบอกถึงลางร้ายอะไรบางอย่าง

นอกจากนี้ ยังมีเมฆชนิดอื่นๆ อีก และถูกเรียกชื่อต่างกันออกไป เช่น เมฆรูปพัด จะเกิดก่อนแผ่นดินไหวราว 2-3 วัน มีรูปเหมือนพัดบนท้องฟ้า เชื่อว่าด้ามของพัดตรงกับบริเวณที่จะเกิดแผ่นดินไหว หรือเมฆก้อนที่คล้ายพายุหมุน เมื่อเกิดให้เห็นก็จะเกิดแผ่นดินไหวเช่นกัน

..............

“เธอว่ามันจะเป็นไปได้จริงไหม”
ฉันถามเพื่อนอย่างสนใจ ด้วยว่าเช้านี้เสียงของเธอตื่นเต้นมากที่ได้ออกไปยืนถ่ายก้อนเมฆแผ่นดินไหวอยู่แถวเขตปทุมธานี ส่วนบ้านของฉันฝนตกโปรยปรายและยังเดินทางอยู่ในรถเพื่อไปทำธุระ หลังจากคุยกับเธอได้แค่ 10 นาทีก็เปิดวิทยุ พบว่าวันเดียวกันนั้นมีข่าวแผ่นดินไหวพร้อมกันถึง 3 แห่ง คือ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้

20080611 005
(ภาพถ่ายฝีมือเพื่อนจากท้องฟ้าย่านปทุมธานี)

“ถ้าเราเห็นที่นี่ แต่ไหวที่ประเทศอื่น มันจะสัมพันธ์กันไหม”
เราสองคนทบทวนไปด้วยกัน อย่างเชื่อครึ่งและไม่เชื่อครึ่ง เพราะข้อมูลบางแห่งบอกเราไว้ว่า สิ่งนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันในเชิงอุตุนิยมวิทยา หากแต่เกิดจากการสังเกตของผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตามเช้าวานนี้ฉันตื่นมาเปิดประตูบ้านรับลม พร้อมกับการเจอเมฆรูปคลื่นกระจายอยู่เต็มท้องฟ้า เดินไปหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายเก็บเอาไว้กะว่าจะส่งให้เพื่อนดู ไม่นานจากนั้น พี่สาวก็ส่งข่าวมาว่า ก่อนหน้านั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมง สถานีอุตุนิยมวิทยาเชียงราย ก็แจ้งข่าวถึงเหตุแผ่นดินไหวที่จังหวัดเชียงราย มีจุดศูนย์กลางที่เวียงป่าเป่า และเกิดขึ้นถึง 3 ครั้ง ติดต่อกัน

20080611 003
(ภาพถ่ายจากหน้าบ้านของฉันเอง)

คำถามมากมายผุดขึ้นในความคิด หากผืนเปลือกโลกของเราเป็นผืนเดียวกันหมด ปรากฏการณ์แห่งลมฟ้า อากาศ และก้อนเมฆล้วนอยู่ไม่ไกลกันนัก แล้วสิ่งที่ฉันเห็นอยู่บ่อยๆ บนท้องฟ้าที่ไกลนับหลายพันกิโลเมตรจากพื้นที่ประสบเหตุนั้น บอกอะไรกับเราได้บ้าง รวมถึงเมฆที่เพิ่งเห็นหยกๆ เมื่อวานนี้

บอกว่าใกล้จะถึงตาของพวกเราแล้ว หรือ บอกว่า มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นทุกวัน รอดูเถอะว่าด้ามพัดจะไปหยุดอยู่ตรงไหน หรือแล้วแต่โอกาสของสภาพแวดล้อม ลม ฝน แสง อากาศ ว่าจะปรากฏให้ใครได้เห็นก้อนเมฆเหล่านี้อยู่ที่ไหนของโลกบ้าง อย่างนั้นหรือเปล่า?

“บางครั้งเมฆอาจจะมาก่อนแผ่นดินไหว บางครั้งก็มาทีหลัง และอาจจะเกิดตอนกลางคืนที่เราไม่สามารถจะมองเห็นเมฆบนท้องฟ้าก็ได้นะ”
เพื่อนของฉันสรุปสั้นๆ  แบบนี้ เป็นเวลาเดียวกันกับที่น้องสาวจากประเทศจีนส่งข้อความมาว่า รอคอยเวลากลับบ้านใจจะขาด แน่นอนว่าเธอคงส่งความรู้สึกมาหาญาติมิตรผ่านอากาศและท้องฟ้าอยู่ทุกวัน

ฉันหยิบโปสการ์ดจากประเทศจีนของเธอมาดูอีกครั้ง ขอต้อนรับกลับบ้าน  คิดพลางส่งความรู้สึกผ่านไปยังผืนฟ้า ผืนเดียวกันที่สามารถเกิดก้อนเมฆรูปทรงประหลาดให้มองเห็นไม่เหมือนกันในแต่ละวัน ฉันนึกขอบคุณทั้งน้องสาวและเพื่อนที่ทำให้การส่งความคิดถึงมีคุณค่าสำหรับมากขึ้น

อย่างน้อยก็ทำให้อยากมองฟ้าทุกๆ วัน นอกจากได้คิดถึงกันแล้ว ยังได้สังเกตไปด้วยว่า วันนี้ท้องฟ้าเป็นแบบที่เราคิดอยู่หรือเปล่า หรือไม่ใช่? และสิ่งที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของเราขณะนี้  บางทีใต้ท้องฟ้าอีกด้านของซีกโลก หรือกำลังจะมีข่าวร้ายเพื่อทดสอบมนุษย์ในวันไม่กี่วันข้างหน้า

ก็เป็นได้.

ข้อมูลเพิ่มเติม : ภาพถ่ายลักษณะต่างๆ ของเมฆแผ่นดินไหว ถูกบันทึกภาพโดย Zhonghao Shou  จากเวบไซต์http://www.dmr.go.th

20080611 c1 
01                                   02                                                                     03

รูป 01  - เมฆรูปเส้นตรง (Line-shaped cloud) พบบริเวณเมือง Pasadena ในวันที่ 8 มกราคม 2537 เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์แผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ของวันที่  17 มกราคม 2537 ขนาด 6.7 ริกเตอร์

รูป 02  เมฆรูปคลื่น (Wave-shaped cloud) ที่บันทึกภาพได้วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 ริกเตอร์   ของวันที่ 20 มีนาคม 2537

รูป 03  เมฆรูปเส้นตรง ถ่ายภาพไว้วันที่ 31 สิงหาคม 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ของวันที่ 1 กันยายน 2537 บริเวณนอกชายฝั่งทะเลตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ขนาด 7.1 ริกเตอร์

20080611 c2 
04                                   05                                                                     06

รูป 04  เมฆรูปขนนก (Feather-shaped cloud) ) ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าในวันที่ 18 ตุลาคม 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวของวันที่ 27 ตุลาคม 2537 บริเวณนอกชายฝั่งทะเลของรัฐโอเรกอน สหรัฐอเมริกา  ขนาด 6.3 ริกเตอร์

รูป 05  เมฆรูปตะเกียง (Lantern-shaped cloud) ถูกบันทึกภาพได้เหนือท้องฟ้าเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2537 ก่อนเกิดแผ่นดินไหวของวันทื่ 19 กุมภาพันธ์ 2538ขนาด 6.8 ริกเตอร์ บริเวณนอกชายฝั่งทะเลตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

รูป 06  เมฆรูปรัศมี (Radiation-pattern-shape cloud) ที่ถูกถ่ายภาพไว้ได้วันที่ 22 กรกฎาคม 2539 ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ของวันที่ 14 สิงหาคม 2539 ขนาด 4.4 ริกเตอร์ บริเวณเมือง Joshua Tree 

20080611 007
07

รูป 07 ภาพปรากฏการณ์เมฆเรืองแสงประหลาด ที่เกิดขึ้นเหนือท้องฟ้าในจีน ประมาณ 30 นาที ก่อนเกิดเหตุธรณีพิบัติอย่างรุนแรง  ภาพนี้บันทึกได้ที่เมือง Meixian ในมณฑลชานซี ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการเตือนภัยของธรรมชาติก่อนเกิดแผ่นดินไหว (จาก http://www.matichon.co.th)

 

ข้อมูลอ้างอิงประกอบจาก

- http://ikamiso.exteen.com/20080507/entry-3
- http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=267891&chapter=4
- http://www.dmr.go.th/geohazard/earthquake_n/precursory.htm
- http://ikamiso.exteen.com
- http://board.palungjit.com/showthread.php?t=80328&page=10
- http://www.matichon.co.th/news_scoop.php?id=200

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ปีใหม่ไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่าคะ"พี่สาวข้างบ้านไม่ตอบคำถามฉันเลย  แต่คลี่ยิ้มแล้วเดินพาฉันไปหยุดอยู่ตรงเสื่อผืนนั้น  เสื่อที่ปูบนลานซีเมนต์โล่งๆ หน้าบ้าน  ข้างกายมีกองผักกาดขนาดใหญ่  จำนวนนับร้อยต้น ข้างๆ  มีถังน้ำ  มีกะละมัง  มีเครื่องปั่นเสียบไฟฟ้า และมีถุงพลาสติกกองอยู่"พี่กำลังทำโปรเจ็คใหม่"แกบอกด้วยสายตาโอ้อวด  โปรเจ็คที่ว่าคือหนึ่งในอาชีพใหม่ที่แกเพิ่งริเริ่มทำ นั่นก็คือการทำ "น้ำผัก" ขาย
วาดวลี
   บุ้งตัวนี้คงมีพิษร้ายมาก ฉันรู้สึกอย่างนั้น จากหนามแหลมๆ ที่พวงพุ่งออกมารอบตัวมัน และจากประสบการณ์ในวัยเด็กที่เคยเอามือไปโดนตัวบุ้ง แล้วคันคะเยอไปทั้งสัปดาห์ แถมมือยังบวม แสบๆ อีกด้วยตอนเด็กๆ แม่จึงพร่ำสอนเสมอ บุ้งหน้าตาแบบนี้มีพิษร้าย มันกินไม่ได้ จับมาเล่นไม่ได้ และสำคัญที่สุดให้หลีกเลี่ยงระวังอย่าได้สัมผัส เมื่อจำมาตลอด ดังนั้นฉันจึงระวังที่สุดที่จะเดินย่องเข้าไปขอถ่ายรูปในระยะใกล้ เจ้าบุ้งจากที่นิ่งๆ อยู่ คงรู้สึกได้ถึงคนแปลกหน้า มันยิ่งพองตัวอวดหนามให้ตั้งชูชันขึ้นมาอีก ความซุ่มซ่ามของฉันที่เอาตัวไปโดนกิ่งไม้ให้ไหวๆ เผลอทำให้มันตกใจมากกว่าเดิม พอมันขยับหันหัวมา…
วาดวลี
การเดินทางตามใครสักคนไป คงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการเดินทางตามฝูงมด ที่มันเคลื่อนที่ช้ากว่าเราหลายเท่าตัว ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเวลามากพอที่จะเฝ้าสังเกตมดสักตัว หรือสักฝูง แล้วยังมีมดหลายชนิดให้ต้องแยกแยะอุปนิสัยอีกด้วยแต่ลองคิดกลับกันดู หากมดจะเดินทางตามเราบ้าง นั่นคงเป็นเรื่องลำบากยิ่งกว่า ก็แค่เดินสัก 2 ก้าว มดก็ตามเราไม่ทันแล้ว
วาดวลี
  หากนี่เป็นสนามรบสักแห่งหนึ่ง รังเล็กๆ ที่สร้างจากไยแมงมุมมองดูคล้ายกับดักขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ ที่สามารถสร้างความตื่นเต้น วิตก ให้กับศัตรูและเหยื่อได้มาก แถมยังประจานผู้พ่ายแพ้ต่อหน้าประชาชนอย่างเห็นกันโจ้งๆในกับดักนั้นประกอบด้วยสรรพสิ่งที่เป็นซากชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตัวหนอน ผีเสื้อ มดแดง มดดำ แมลงวัน พวกมันตายหมดแล้ว เป็นสุสานขนาดใหญ่ที่ห้อยโหนโตงเตงด้วยแรงยึดไยแมงมุม แขวนไว้กับต้นไม้ในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวฉันบอกกับตัวเองว่า นี่มันช่างน่าอัศจรรย์ดีจัง ตอนเด็กๆ ฉันทั้งเกลียดและกลัวแมงมุม ขณะเดียวกันแม่ซึ่งพยายามเอาชนะแมงมุมด้วยการกินมัน ก็สร้างเมนูรสเลิศด้วยการเอาแมงมุมไปย่างไฟ…
วาดวลี
ฉันไม่รู้ว่าทำไมหอยทากหลายตัวชอบมาซ่อนอยู่ในรองเท้า แม้จะเคาะรองเท้าก่อนแล้ว หากไม่ดูดีๆ ก็อาจจะเผลอเหยียบเข้าไปเต็มๆ เพราะความเหนียวของลำตัวที่เกาะติดอยู่กับผนังรองเท้าผ้าเวลานี้เข้าฤดูหนาวเต็มที่แล้ว หรือเปลือกหอยจะไม่สามารถกันความหนาวให้มันได้เพียงพอ ทั้งที่พอรู้มาบ้างว่า หอยทากเป็นสัตว์ที่อดทนมาก มีชีวิตได้ทั้งที่แห้ง ที่ป่าชื้น หรือบนภูเขาสูง นอกจากในรองเท้าแล้ว ซอกมุมเล็กๆ ในบ้าน หลังชั้นหนังสือ หรือแม้แต่ใต้เบาะจักรยาน ฉันก็ยังพบหอยทากมาเล่นซ่อนแอบเป็นประจำ จากที่เคยรู้สึกกึ่งรังเกียจ กึ่งขยะแขยง…
วาดวลี
๑. ผีเสื้อติฉินดอกไม้ ว่ามีน้ำหวานน้อยเกินไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนปลูก ชาวสวนลุกมาพรวนดิน เผลอเคืองขุ่นแมลงหิวโหย แม่บ้านบ่นกับเม็ดฝน ที่ทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มไร้ความหมาย นิมิตกลายเป็นความโศก เมื่อล็อตเตอรี่ไม่ตรงกับที่ตีความมา
วาดวลี
เพลงคุ้นเคยหลายเพลงดังแว่วมาจากวิทยุข้างบ้าน สลับกับการเล่าเรื่องของดีเจ เธอบอกว่าเทศกาลลอยกระทงปีนี้ไม่คึกคักอย่างปีก่อนๆ คงเพราะบรรยากาศทางการเมือง บวกกับงานราชพิธีและผลจากพิษเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวจึงบางตา ประเพณีจึงไม่สวยงามอย่างเคยเป็นแต่นั่นเป็นเรื่องที่สวนทางกับภาพที่ฉันกำลังได้เห็นคุณลุงบรรจงทำซุ้มอย่างช้าๆ สบายๆ กับแดดยามสายคุณลุงข้างบ้านตื่นแต่เช้า เช่นเดียวกับทุกวัน แต่วันนี้ลุงไม่ไปทำงานในไร่ เช่นเดียวกับพี่สาวบ้านตรงข้ามที่ปกติออกไปขายเสื้อผ้าแต่เช้ามืด พวกเขามายืนผิงแดดอุ่นอยู่หน้าบ้าน แล้วทำความตกลงเจรจาแลกเปลี่ยนทรัพยากรจากสวนหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นก้านมะพร้าว ดอกดาวเรือง…
วาดวลี
ว่ากันว่า บนหน้าผาสูงใหญ่แห่งนี้ในอดีตกาลชายหญิงคู่หนึ่ง เดินทางมาหยุดมองหุบเหวกว้างใหญ่ในเวลาดึกสงัด  เบื้องลึกเป็นผืนน้ำ ด้านข้างเป็นโขดหินกัดเซาะขรุขระน่ากลัว พวกเขาคงรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบและเวิ้งว้างไปจนสุดขั้วหัวใจ ถ้าเผลอตกลงไป อย่าหวังว่าชีวิตจะเหลือรอดให้กลับบ้านหากแต่บางที การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรักนั้น  บางทีอาจเวิ้งว้างยิ่งกว่าหรือมีรักแต่ไม่สมหวัง อาจเจ็บปวดกว่าการจากโลกนี้ไป
วาดวลี
  ฉันเพิ่งยอมรับความล้มเหลวอย่างหนึ่งของตัวเองในการปลูกต้นไม้นั่นคือ ปลูกต้นกุหลาบแล้วไม่มีดอกตอนเด็กๆ พ่อของฉันคือคนสอนปลูกต้นไม้คนแรก พ่อขุดดินให้เป็นหลุม หย่อนต้นกล้าลงไป กลบดินแล้วรดน้ำ พ่อบอกด้วยสายตาโอ้อวดว่านี่ไง มันง่ายจะตายไป ที่เหลือเป็นหน้าที่ของดิน น้ำ และแดด จากนั้นให้ฉันทำเหมือนกัน สิบกว่าวันผ่านไป พ่อและฉันยืนมองต้นกุหลาบของเราที่กึ่งรอดกึ่งตาย กิ่งใบเหี่ยวแห้ง ฉันจึงถามพ่อว่า "คนมือร้อน มือเย็นนี่อยู่มีจริงไหม"พ่อเดินไปนั่งบนแคร่ มวนยาเส้น จุดสูบด้วยแววตานักคิด แล้วตอบว่า "ก็จริงอยู่นะ แต่มือเป็นอาวุธของใจ คนใจเย็นปลูกอะไรก็เป็น ใจร้อนก็ปลูกแล้วตาย"พ่อพูดแล้วหัวเราะเบาๆ…
วาดวลี
หลายต่อหลายครั้ง ที่ฉันจดจำภาพของสถานที่ เรื่องราว ผู้คน แม้ไม่เคยรู้จักกัน และไม่เคยไปพบเจอ แต่กลับฝังลึกลงความทรงจำถึงขนาดเก็บไปฝัน แน่นอนฝันนั้นเป็นฝันดี และพอตื่นจากฝัน ก็พบกับความจริงที่ว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ได้อยู่ไกลเกินไปนักหรอก สิ่งที่พูดถึงความงาม ความพอดี เหมือนหยดน้ำใสบนคลองเล็กๆ ที่เลียบไปกับแม่น้ำใหญ่ หรือบางทีอาจเป็นดอกหญ้าต้นเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ในสวนกุหลาบ แต่แท้จริงเป็นสมุนไพรเยียวยาโลกได้ด้วยซ้ำ สิ่งที่ฉันพูดถึงอยู่นี้ คือชีวิตของเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนชำฆ้อพิทยาคม จังหวัดระยองเด็กน้อยเหล่านี้…
วาดวลี
๑. ประชาธิปไตย สูงใหญ่ ใต้เพดาน เราไต่ เราคลาน เหยียบข้าม ขึ้นคว้าไป เราเรียน เราศึกษา เราค้นหา เราพินิจ เปรียบเทียบ ถูกผิด เท่าที่ เราคิดได้ ในสมุดมีสอน ในกลอนมีให้อ่าน ในหนังสือมีวิจารณ์ เปลี่ยนผ่านไปอย่างไร ในเคเบิ้ลมีรหัส แปลงเห็นเป็นภาพชัด นิ่ง-เลือน-และเคลื่อนไหว เราเก็บเราสะสม เพาะบ่มความคิด เธอว่าถูก-ผิด คิดเห็นเป็นอย่างไร เรารู้-ไม่รู้ เท็จจริง และลวง แต่เราก็ห่วง ห่วงประชาธิปไตย
วาดวลี
ทั้งที่แค่เป็นเวลาบ่าย แต่บ้านของเราไม่มีแสงแดด ก้อนเมฆหนาทึบขนาดมหึมาเคลื่อนเร็วเหมือนคลื่นน้ำ แผ่ความเย็นให้วันธรรมดาในฤดูฝนเย็น ให้จับใจขึ้นไปอีก   แน่นอนว่าคนใต้ฟ้าแถวบ้านฉันไม่ได้กลัวเปียก แต่พวกเขากลัวน้ำท่วม แม้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คนข้างบ้านฉันยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า “ที่นี่น้ำไม่ท่วม” เขาบอกว่าเราเป็นตำบลที่อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำปิงของเชียงใหม่และลำพูน โดยมีจุดชลประทานอยู่เหนือหมู่บ้าน มีประตูน้ำ ดังนั้นหากน้ำมามากเกินไป ก็จะมีการปิดประตูน้ำ ที่บอกว่ากักเก็บน้ำได้มากโข ความจริงฉันเชื่อในระบบชลประทานหมู่บ้าน…