Skip to main content

เชียงใหม่ในวันที่ฝนซา เพื่อนที่แวะมาเยี่ยมต่อสายบอกว่ากลับถึงบางกอกเรียบร้อยดีแล้ว

เสียงอึกทึกครึกโครมที่รายล้อมตัวเธอบอกฉันว่า เธอไม่ได้อยู่ลำพังขณะคุยโทรศัพท์ ฉันแซวเธอเล่นๆ ว่ากำลังอยู่ในถิ่นอโคจรหรือเปล่านะ ก็เราคุยกันแทบจะไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลง เสียงรถ และเสียงคนมากมาย

เธอหัวเราะชอบใจ แล้วตอบว่า "ใช่ ฉันอยู่ในถิ่นอะโคจร" แล้วย้อนสวนมาว่า
"ก็ดีกว่าอยู่ในแดนสนธยาเหมือนเธอ"

25_06_1
ดอกหญ้าในสวนหลังบ้าน รกร้าง แต่ก็สวยงามในความรู้สึก 


ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้พูดเกินเลยเท่าไหร่ เพราะบ้านร้างในสวนของฉันนับวันจะมีเพื่อนตัวเล็กตัวน้อย เข้ามาอยู่ในบ้านมากขึ้นทุกที ไม่ว่าจะเป็นอึ่งอ่าง ตะเข็บ ตะขาบ กิ้งกือ จิ้งเหลน รวมไปถึงกระทั่ง งู!

สองวันซ้อนในฤดูฝน ที่แมงป่องขนาดใหญ่ สีดำสนิท เดินอาดๆ เข้าบ้านมา จากที่ไม่อยากฆ่าสัตว์ เลยต้องทุบมันจนตัวบิดเบี้ยว พร้อมสับๆ ออกเป็นชิ้นๆ ฉันเพิ่งเข้าใจว่าความกลัวทำให้ความรุนแรงเข้าครอบงำได้ แม้จะไม่ใช่คนใจดีนักแต่ก็ฆ่าสัตว์ไม่ค่อยเป็น จนกระทั่งมันแอบไต่เข้ามาในที่นอน ผ่านช่องเล็กๆ ใต้ประตูเข้ามา

แล้วก็ต่อยจี้ดเข้ายังบริเวณท้องของคนข้างตัว
!
เขาลุกขึ้นด้วยความเจ็บจี้ด จากเจ็บเป็นจุก ชาตั้งแต่บริเวณท้องไปจนถึงต้นขา

ยามดึกและไกลเมือง จึงรักษาอาการด้วยการกดเอาเหล็กในออก จากนั้นทายาหม่อง ทำตามขั้นตอนการปฐมพยาบาลพื้นฐาน ดูว่าอาการจะเป็นยังไง หากไม่ดีขึ้นช่วงเช้าเราก็คงต้องพบแพทย์
โชคดีนักหนาว่า เหล็กในยังไม่ทันเข้ามาในตัว มันยังคาอยู่ตรงหางที่สั่นกระแด่วๆ ตอนเราทุบมัน

คิดแล้วก็ขนลุก แล้วก็รู้สึกกลัวจนหวาดผวาไปพักหนึ่ง นอนๆ แล้วก็ต้องตื่นเพราะรู้สึกว่ามีอะไรไต่ขา จนกระทั่งฉันใช้เวลา 2 วัน ในการตัดผ้าให้เป็นสี่เหลี่ยม อุดช่องต่างๆ ของบ้านให้หมดทุกช่อง ก่อนนอนต้องตรวจตราว่ามีช่องที่ปิดแล้ว นั่นล่ะ ถึงจะเข้านอนได้โดยสนิทใจ

24_06_2
ต้นไม้ใหม่บนผืนดิน ไม่เคยหยุดการเจริญเติบโต

เพื่อนของฉันหัวเราะคิกๆ เมื่อเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เธอจึงย้ำในครั้งนี้อีกทีว่า
"บ้านเธอมันแดนสนธยาชัดๆ"
"มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกนะ" ฉันพยายามเถียง แม้ต้องยอมรับว่าฉันอยู่ในหมู่บ้านที่เงียบสงบมาก เกือบทุกคนเข้านอนตอน 2 ทุ่ม หากมัวทำงานไม่ออกไปหาอะไรกินในเวลาเดียวกับคนอื่น จะพบว่าแค่ 3 ทุ่มเท่านั้น ออกมายืนหน้าบ้านมองไปจะเหลือแต่ไฟถนน ไม่มีผู้คนหรือสิ่งมีชีวิตผ่านมา ไม่มีอะไรให้ซื้อกิน แถมเริ่มมีหมาหอนในคืนพระจันทร์เต็มดวงอีกด้วย

"ฉันไม่อยากไปบ้านเธอแล้ว ไม่รู้มีผีด้วยหรือเปล่า มื๊ดมืด"
เพื่อนของฉันสารภาพ เรายังคุยกันออกรสชาติ  เวลานั้นฉันจึงขอตัวสักครู่ เสียบสายหูฟัง สำหรับการคุยนานๆ เปล่า ฉันไม่ได้ว่างหรอก แต่ฉันจะได้ใช้มือทั้งสองอย่างในการทำอย่างอื่น
"เดินไปไหนเหรอ" เธอถาม
ฉันหยิบกาละมัง เดินเข้าสวน
"ไปเก็บมะนาว" ฉันบอกเธอ หลังลมแรงเมื่อวาน มะนาวหลังบ้านฉันกองร่วงเต็มพื้นไปหมด เก็บได้ทีละไม่ต่ำกว่า 10 ลูก

24_06_3
มะนาวมากมายที่ไม่ต้องสอย ร่วงหล่นลงพื้นเวลามีลมพัดแรง

"ระวังงูล่ะ" เธอบอก ระหว่างนั้นฉับเหลือบไปเห็นลูกกระท้อนน้อยใหญ่หล่นร่วงจากต้นเช่นกัน มีลูกขนาดเล็กที่ยังสีไม่สดเท่าไหร่ คงร่วงเพราะแรงลม แล้วก็มีลูกโตๆ สีเหลืองสวยน่ากิน บางลูกคงหล่นนานแล้ว มีรอยช้ำ แต่บางลูกแค่หยิบมาดมก็ได้กลิ่นเหมือนเพิ่งเด็ดจากต้น

"แป๊บนะ กำลังเก็บกระท้อน"
ฉันรายงานสดไปด้วย เพราะรู้ว่าเพื่อนมีเวลาคุยไม่มาก หลังจากนี้เธอต้องเดินทางไกล อีกนานกว่าจะได้คุยกันอีก
"อย่าบอกนะว่ามุดเข้าไปใกล้รั้วรกๆ นั่น" เธอว่า ฉันหัวเราะเบาๆ ดูเธอจะจำภาพบ้านของฉันได้ดี

ฉันทำอย่างที่เธอว่านั่นแหละ มุดไปขอบรั้ว เก็บกระท้อนและมะนาวจนเกือบเต็มกะละมัง เพื่อนฉันถามว่า จะเอามันไปทำอะไรเหรอ นั่นสิ ฉันยังนึกไม่ออก กินคนเดียวก็คงไม่หมดแน่
 "นั่นสิ ว่าจะเอาไปแบ่งข้างบ้าน แต่เขาก็มีเหมือนกัน เยอะกว่าบ้านเราอีกนะ"

25_06_4
มะนาวและกระท้อนที่เก็บได้ของวันนี้

ฉันเล่าให้เธอฟัง เช่นเดียวกับขนุนลูกใหญ่ที่สุกงอมจนร่วงจากต้นลงมา กลิ้งตกไปยังหลังคาคนข้างบ้าน ทำเอากระเบื้องเขาแตก เป็นรู ฉันจึงต้องจ่ายเงินหาคนมาตัดกิ่งไม้และเอ่ยปากช่วยซ่อมหลังคา แต่ว่าเขาปฏิเสธ เห็นว่าเป็นเรื่องปกติและสุดวิสัย และกระเบื้องนั้นก็มีอายุมากแล้ว
"แล้วขนุนลูกนั้นนะ ก็ใหญ่มาก สุก หอมด้วยล่ะ แต่ไม่มีใครกินเลย"

24_06_7
ขนุนบนต้น ลูกใหญ่ใกล้สุก

ฉันเล่าอย่างออกรสชาติ เพื่อนหัวเราะชอบใจ เธอบอกฉันให้ผ่าแล้วล้าง ลอกออกมาเป็นชิ้นๆ ใส่ถุงแล้วก็วางขายหน้าบ้าน เธอบอกว่าคงได้กำไรดีทีเดียว
"คงไม่มีใครซื้อหรอก" ฉันบอก

ก็คนแถวนี้มีขนุนกันเกือบทุกบ้าน ฉันตะโกนถามใครก็ไม่มีใครเอา บอกว่ากินกันแทบไม่ทันอยู่แล้ว แม้จะเอามะนาวไปแลกขนุนเขาก็ยังให้มาฟรีๆ อีกตั้งมาก จนมีคนบอกว่าให้หอบเอาไปแลกกับลิ้นจี่บ้านท้ายสวนน่าจะดีกว่า เพราะบ้านหลังนั้นไม่มีขนุน ฉันก็จึงได้แต่บ้าเก็บผลหมากรากไม้เหล่านี้ใส่ตู้เย็นไว้ รอว่าถ้าออกไปข้างนอกวันไหน ก็จะได้แวะแบ่งให้พี่สาว หรือคนที่รู้จัก กระจายกันไปตามๆ กัน

"บางทีเราอาจจะเอากระท้อนพวกนี้มาดองหรือทำแช่อิ่มไว้"
ฉันเล่าแผนการให้เพื่อนฟัง เธอถอนหายใจยาวๆๆ แล้วแซวมาว่า
"นี่แหละน้า อยากไปอยู่บ้านสวน ต้องทำอะไรมากมาย ไหนจะต้องตัดกิ่งไผ่ที่ล้ม ดองผัก เก็บผลไม้ ทำเหมือนยังกับมีเวลามากงั้นแหละ"

24_06_5


24_06_6
ตำลึงริมรั้วที่งอกงาม

ฉันรู้ว่าเธอพูดเล่น ก็จริงที่เวลาไม่ได้มีมากนัก  แต่นอกจากเสียดายแล้ว ฉันก็ยังอยากทำอยู่ดี

ยังไม่นับกับการเก็บตำลึงที่กองริมรั้วกินแทบไม่ทัน ลำไยลูกโตๆ ที่เจ้าของไม่เคยมาเยี่ยมมันเลยสักครั้ง แล้วก็ยังมีมะม่วงริมแม่น้ำนั่นอีก พอสุกงอมแล้วไม่รู้ทำมะม่วงแผ่นมันจะอร่อยหรือเปล่า

"เฮ้อ ฉันต้องไปแล้วล่ะ หิวข้าวแล้ว ต้องรีบไปซื้อเพราะเดี๋ยวคนมันจะเยอะมากๆๆๆ แต่ร้านแถวนี้อร่อยที่สุด ต้องรีบแย่งนะไม่งั้นหมด เราต้องซื้อก่อนพวกออฟฟิศจะออกจากตึก อยากให้เธอมากินขาหมูมากๆ ไม่เกินเที่ยงก็เกลี้ยงแล้ว ถ้าพูดไม่ถูกหูแม่ค้าก็ไม่ขายด้วยนะ แกหยิ่ง..."
เธอพูดยืดยาวด้วยความเร็วสูง ฉันพอจะนึกภาพระหว่างมื้อในเมืองหลวงออก คงต่างกันลิบลับ กับความเงียบและสภาพที่ฉันกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บกะท้อนอยู่ในป่าดงดิบเช่นตอนนี้

"ไว้คุยกันใหม่นะจ้ะ แม่สาวในแดนสนธยา ส่วนฉันมีเวลา 15 นาทีกินข้าว เดี๋ยวไปธุระต่อไม่ทัน รถจะติดมากๆๆ ไปละ บายจ้ะ"

ฉันวางสายไปแล้ว ยืนสงบนิ่งนิดหนึ่ง พลางนึกสลับภาพไปมาระหว่างถนนกรุงเทพฯ ป้ายรถเมล์หน้าตึก รถไฟฟ้า แสงไฟสว่างไสวของเมืองที่ไม่เคยหลับไป พร้อมหันมาพิจารณาบ้านสวนรกร้างของฉัน ก่อนจะตั้งคำถามเล็กๆ ว่า

ที่ไหนกันแน่นะคือแดนสนธยา สำหรับฉัน ?

24_06_8
ซากหอยทากบนพื้น ส่วนหนึ่งของแดนสนธยา : )

บล็อกของ วาดวลี

วาดวลี
"ปีใหม่ไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่าคะ"พี่สาวข้างบ้านไม่ตอบคำถามฉันเลย  แต่คลี่ยิ้มแล้วเดินพาฉันไปหยุดอยู่ตรงเสื่อผืนนั้น  เสื่อที่ปูบนลานซีเมนต์โล่งๆ หน้าบ้าน  ข้างกายมีกองผักกาดขนาดใหญ่  จำนวนนับร้อยต้น ข้างๆ  มีถังน้ำ  มีกะละมัง  มีเครื่องปั่นเสียบไฟฟ้า และมีถุงพลาสติกกองอยู่"พี่กำลังทำโปรเจ็คใหม่"แกบอกด้วยสายตาโอ้อวด  โปรเจ็คที่ว่าคือหนึ่งในอาชีพใหม่ที่แกเพิ่งริเริ่มทำ นั่นก็คือการทำ "น้ำผัก" ขาย
วาดวลี
   บุ้งตัวนี้คงมีพิษร้ายมาก ฉันรู้สึกอย่างนั้น จากหนามแหลมๆ ที่พวงพุ่งออกมารอบตัวมัน และจากประสบการณ์ในวัยเด็กที่เคยเอามือไปโดนตัวบุ้ง แล้วคันคะเยอไปทั้งสัปดาห์ แถมมือยังบวม แสบๆ อีกด้วยตอนเด็กๆ แม่จึงพร่ำสอนเสมอ บุ้งหน้าตาแบบนี้มีพิษร้าย มันกินไม่ได้ จับมาเล่นไม่ได้ และสำคัญที่สุดให้หลีกเลี่ยงระวังอย่าได้สัมผัส เมื่อจำมาตลอด ดังนั้นฉันจึงระวังที่สุดที่จะเดินย่องเข้าไปขอถ่ายรูปในระยะใกล้ เจ้าบุ้งจากที่นิ่งๆ อยู่ คงรู้สึกได้ถึงคนแปลกหน้า มันยิ่งพองตัวอวดหนามให้ตั้งชูชันขึ้นมาอีก ความซุ่มซ่ามของฉันที่เอาตัวไปโดนกิ่งไม้ให้ไหวๆ เผลอทำให้มันตกใจมากกว่าเดิม พอมันขยับหันหัวมา…
วาดวลี
การเดินทางตามใครสักคนไป คงไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการเดินทางตามฝูงมด ที่มันเคลื่อนที่ช้ากว่าเราหลายเท่าตัว ฉันเองก็นึกไม่ถึงว่าจะมีเวลามากพอที่จะเฝ้าสังเกตมดสักตัว หรือสักฝูง แล้วยังมีมดหลายชนิดให้ต้องแยกแยะอุปนิสัยอีกด้วยแต่ลองคิดกลับกันดู หากมดจะเดินทางตามเราบ้าง นั่นคงเป็นเรื่องลำบากยิ่งกว่า ก็แค่เดินสัก 2 ก้าว มดก็ตามเราไม่ทันแล้ว
วาดวลี
  หากนี่เป็นสนามรบสักแห่งหนึ่ง รังเล็กๆ ที่สร้างจากไยแมงมุมมองดูคล้ายกับดักขนาดใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ ที่สามารถสร้างความตื่นเต้น วิตก ให้กับศัตรูและเหยื่อได้มาก แถมยังประจานผู้พ่ายแพ้ต่อหน้าประชาชนอย่างเห็นกันโจ้งๆในกับดักนั้นประกอบด้วยสรรพสิ่งที่เป็นซากชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตัวหนอน ผีเสื้อ มดแดง มดดำ แมลงวัน พวกมันตายหมดแล้ว เป็นสุสานขนาดใหญ่ที่ห้อยโหนโตงเตงด้วยแรงยึดไยแมงมุม แขวนไว้กับต้นไม้ในเช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวฉันบอกกับตัวเองว่า นี่มันช่างน่าอัศจรรย์ดีจัง ตอนเด็กๆ ฉันทั้งเกลียดและกลัวแมงมุม ขณะเดียวกันแม่ซึ่งพยายามเอาชนะแมงมุมด้วยการกินมัน ก็สร้างเมนูรสเลิศด้วยการเอาแมงมุมไปย่างไฟ…
วาดวลี
ฉันไม่รู้ว่าทำไมหอยทากหลายตัวชอบมาซ่อนอยู่ในรองเท้า แม้จะเคาะรองเท้าก่อนแล้ว หากไม่ดูดีๆ ก็อาจจะเผลอเหยียบเข้าไปเต็มๆ เพราะความเหนียวของลำตัวที่เกาะติดอยู่กับผนังรองเท้าผ้าเวลานี้เข้าฤดูหนาวเต็มที่แล้ว หรือเปลือกหอยจะไม่สามารถกันความหนาวให้มันได้เพียงพอ ทั้งที่พอรู้มาบ้างว่า หอยทากเป็นสัตว์ที่อดทนมาก มีชีวิตได้ทั้งที่แห้ง ที่ป่าชื้น หรือบนภูเขาสูง นอกจากในรองเท้าแล้ว ซอกมุมเล็กๆ ในบ้าน หลังชั้นหนังสือ หรือแม้แต่ใต้เบาะจักรยาน ฉันก็ยังพบหอยทากมาเล่นซ่อนแอบเป็นประจำ จากที่เคยรู้สึกกึ่งรังเกียจ กึ่งขยะแขยง…
วาดวลี
๑. ผีเสื้อติฉินดอกไม้ ว่ามีน้ำหวานน้อยเกินไป ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนปลูก ชาวสวนลุกมาพรวนดิน เผลอเคืองขุ่นแมลงหิวโหย แม่บ้านบ่นกับเม็ดฝน ที่ทำให้น้ำยาปรับผ้านุ่มไร้ความหมาย นิมิตกลายเป็นความโศก เมื่อล็อตเตอรี่ไม่ตรงกับที่ตีความมา
วาดวลี
เพลงคุ้นเคยหลายเพลงดังแว่วมาจากวิทยุข้างบ้าน สลับกับการเล่าเรื่องของดีเจ เธอบอกว่าเทศกาลลอยกระทงปีนี้ไม่คึกคักอย่างปีก่อนๆ คงเพราะบรรยากาศทางการเมือง บวกกับงานราชพิธีและผลจากพิษเศรษฐกิจ นักท่องเที่ยวจึงบางตา ประเพณีจึงไม่สวยงามอย่างเคยเป็นแต่นั่นเป็นเรื่องที่สวนทางกับภาพที่ฉันกำลังได้เห็นคุณลุงบรรจงทำซุ้มอย่างช้าๆ สบายๆ กับแดดยามสายคุณลุงข้างบ้านตื่นแต่เช้า เช่นเดียวกับทุกวัน แต่วันนี้ลุงไม่ไปทำงานในไร่ เช่นเดียวกับพี่สาวบ้านตรงข้ามที่ปกติออกไปขายเสื้อผ้าแต่เช้ามืด พวกเขามายืนผิงแดดอุ่นอยู่หน้าบ้าน แล้วทำความตกลงเจรจาแลกเปลี่ยนทรัพยากรจากสวนหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นก้านมะพร้าว ดอกดาวเรือง…
วาดวลี
ว่ากันว่า บนหน้าผาสูงใหญ่แห่งนี้ในอดีตกาลชายหญิงคู่หนึ่ง เดินทางมาหยุดมองหุบเหวกว้างใหญ่ในเวลาดึกสงัด  เบื้องลึกเป็นผืนน้ำ ด้านข้างเป็นโขดหินกัดเซาะขรุขระน่ากลัว พวกเขาคงรู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบและเวิ้งว้างไปจนสุดขั้วหัวใจ ถ้าเผลอตกลงไป อย่าหวังว่าชีวิตจะเหลือรอดให้กลับบ้านหากแต่บางที การมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรักนั้น  บางทีอาจเวิ้งว้างยิ่งกว่าหรือมีรักแต่ไม่สมหวัง อาจเจ็บปวดกว่าการจากโลกนี้ไป
วาดวลี
  ฉันเพิ่งยอมรับความล้มเหลวอย่างหนึ่งของตัวเองในการปลูกต้นไม้นั่นคือ ปลูกต้นกุหลาบแล้วไม่มีดอกตอนเด็กๆ พ่อของฉันคือคนสอนปลูกต้นไม้คนแรก พ่อขุดดินให้เป็นหลุม หย่อนต้นกล้าลงไป กลบดินแล้วรดน้ำ พ่อบอกด้วยสายตาโอ้อวดว่านี่ไง มันง่ายจะตายไป ที่เหลือเป็นหน้าที่ของดิน น้ำ และแดด จากนั้นให้ฉันทำเหมือนกัน สิบกว่าวันผ่านไป พ่อและฉันยืนมองต้นกุหลาบของเราที่กึ่งรอดกึ่งตาย กิ่งใบเหี่ยวแห้ง ฉันจึงถามพ่อว่า "คนมือร้อน มือเย็นนี่อยู่มีจริงไหม"พ่อเดินไปนั่งบนแคร่ มวนยาเส้น จุดสูบด้วยแววตานักคิด แล้วตอบว่า "ก็จริงอยู่นะ แต่มือเป็นอาวุธของใจ คนใจเย็นปลูกอะไรก็เป็น ใจร้อนก็ปลูกแล้วตาย"พ่อพูดแล้วหัวเราะเบาๆ…
วาดวลี
หลายต่อหลายครั้ง ที่ฉันจดจำภาพของสถานที่ เรื่องราว ผู้คน แม้ไม่เคยรู้จักกัน และไม่เคยไปพบเจอ แต่กลับฝังลึกลงความทรงจำถึงขนาดเก็บไปฝัน แน่นอนฝันนั้นเป็นฝันดี และพอตื่นจากฝัน ก็พบกับความจริงที่ว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ได้อยู่ไกลเกินไปนักหรอก สิ่งที่พูดถึงความงาม ความพอดี เหมือนหยดน้ำใสบนคลองเล็กๆ ที่เลียบไปกับแม่น้ำใหญ่ หรือบางทีอาจเป็นดอกหญ้าต้นเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ในสวนกุหลาบ แต่แท้จริงเป็นสมุนไพรเยียวยาโลกได้ด้วยซ้ำ สิ่งที่ฉันพูดถึงอยู่นี้ คือชีวิตของเด็กนักเรียนตัวเล็กๆ ที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนชำฆ้อพิทยาคม จังหวัดระยองเด็กน้อยเหล่านี้…
วาดวลี
๑. ประชาธิปไตย สูงใหญ่ ใต้เพดาน เราไต่ เราคลาน เหยียบข้าม ขึ้นคว้าไป เราเรียน เราศึกษา เราค้นหา เราพินิจ เปรียบเทียบ ถูกผิด เท่าที่ เราคิดได้ ในสมุดมีสอน ในกลอนมีให้อ่าน ในหนังสือมีวิจารณ์ เปลี่ยนผ่านไปอย่างไร ในเคเบิ้ลมีรหัส แปลงเห็นเป็นภาพชัด นิ่ง-เลือน-และเคลื่อนไหว เราเก็บเราสะสม เพาะบ่มความคิด เธอว่าถูก-ผิด คิดเห็นเป็นอย่างไร เรารู้-ไม่รู้ เท็จจริง และลวง แต่เราก็ห่วง ห่วงประชาธิปไตย
วาดวลี
ทั้งที่แค่เป็นเวลาบ่าย แต่บ้านของเราไม่มีแสงแดด ก้อนเมฆหนาทึบขนาดมหึมาเคลื่อนเร็วเหมือนคลื่นน้ำ แผ่ความเย็นให้วันธรรมดาในฤดูฝนเย็น ให้จับใจขึ้นไปอีก   แน่นอนว่าคนใต้ฟ้าแถวบ้านฉันไม่ได้กลัวเปียก แต่พวกเขากลัวน้ำท่วม แม้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา คนข้างบ้านฉันยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า “ที่นี่น้ำไม่ท่วม” เขาบอกว่าเราเป็นตำบลที่อยู่ตรงกลางระหว่างน้ำปิงของเชียงใหม่และลำพูน โดยมีจุดชลประทานอยู่เหนือหมู่บ้าน มีประตูน้ำ ดังนั้นหากน้ำมามากเกินไป ก็จะมีการปิดประตูน้ำ ที่บอกว่ากักเก็บน้ำได้มากโข ความจริงฉันเชื่อในระบบชลประทานหมู่บ้าน…