มาชา
ปลดถง ลงพิง อิงเสาห้าง เกิบคู่เก่ง ถอดวางเรียง เคียงคู่ใกล้ เปิดวิทยุ ฟังซอ ขับคลอไป ลมวอย-วอย พัดไหว จากปลายนา ไผจะรวยล้นฟ้า ข้า บ่ ขอย เลี้ยงควายหน้อย หื้อดี หน้าที่ข้า อิ่มข้าวตอน นอนสักตื่นจื่นนี้กา.. แลงลงมา ฆ่าพยาธิ ฟาดเหล้าตอง ห้างคนเลี้ยงควายบ้านเหล่า อ.แม่ใจ จ.พะเยา เมษายน ๕๑
โอ ไม้จัตวา
ฉันเริ่มต้นเพลงนี้ด้วยประโยคนี้ “ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ เป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน” ***************************** ฝนพรำยามดึก ฉันขับรถบนถนนโล่ง เสียงเปียโนกับเสียงร้องเพลงทะเลใจในเวอร์ชันของป๊อด จากอัลบัม 25 ปี คาราบาว เพลงที่ฉันชอบมาแต่ไหนแต่ไร กับเพลงคนล่าฝัน ซึ่งฟังแล้วให้พลังกับชีวิต จนต้องขอบคุณคนเขียนเพลง แอ๊ด คาราบาว เสียงหยาดน้ำตาหยาดกลางคอนเสิร์ต 25 ปีคาราบาว ด้วยอานุภาพของดนตรี และพลังในการดึงอารมณ์คนฟังร่วมของป๊อด เพลงในเวอร์ชันเบาบางแต่เปี่ยมพลัง ร่วมกับเสียงคนทั้งอิมแพ็ค เมืองทองธานี ดึงความฝัน ความผูกพัน ฆ้อน ตะปู ในหัวใจออกมาตีกันวุ่น จนหลายคนต้องหลั่งน้ำตาออกมา เชียงใหม่กลางทะเลใจยามดึกเช่นนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าไร แม้วันเวลาจะผ่านมาถึงยี่สิบปี เสียงเพลงนี้ทำให้คิดถึงเพื่อน เราผ่านคืนวันอันโหดร้ายมาได้อย่างไร ปีกอ่อนในคืนนั้นฝ่าพายุฝนมาได้อย่างไร นานเท่าไรที่ชีวิตได้เรียนรู้บทเพลงในการพลิ้วกายผ่านสายฝนและลมแรงให้ได้โดยไม่เปียกโชกยับเยิน ******************************
แสงดาว ศรัทธามั่น
" ค ดี แ ร ก ครอบครัวชินวัตร ศาลพิพากษาจำคุก "อ้อ", พี่ชาย คนละ 3 ปี เลขาฯ เจอ 2 ปี ฐานผิดร้ายแรงเลี่ยงภาษี หุ้นชินฯ ระบุฐานะทางเศรษฐกิจ และ สังคมสูง กลับฝ่าฝืนกฏหมายจงใจหลีกเลี่ยงภาษีอากรโอนหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) คนละ 3 ปี ที่ศาลอาญา เมื่อ 31 ก.ค. 51 เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา รัชดาภิเษก กทม. องค์คณะผู้พิพากษาศาลอาญา ออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำพิพากษา "คดี เลี่ยงภาษี หุนบริษัท ชินคอร์ปปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง "นายบรรณพต ดามาพงศ์" อายุ 58 ปี พี่ชายบุญธรรมคุณหญิง "พจมาน ชินวัตร" อายุ 58 ปี ภริยา พ.ต.ท."ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี และนาง "กาญจนา หงษ์เหิร" อายุ 51 ปี เลขานุการฯ เป็นจำเลย ที่ 1-3 ร่วมกันหลีกเลี่ยงภาษี 546 ล้านบาท อันเป็นความผิดตามประมวลรัษฏากรกฏหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 เป็นความเท็จด้วยฉ้อโกง ฐานร่วมกันโดยความเท็จ หลีกเลี่ยงภาษีอากรฐานโดยรู้แล้วหรือโดยจงใจ แจ้งความเท็จ หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 3 ปี และ จำเลยที่ 3 2 ปี" ...
ชนกลุ่มน้อย
อยู่กับบ้านหนึ่งวัน ฝนกำลังตก ถนนลาดยางผ่านหน้าบ้านเปียกน้ำ มันข้ามรางรถไฟมุ่งไปยังทะเลสาป ผมมองเห็นฉากเก่าๆผ่านเข้ามา รถบรรทุกไม้ฟืนรถไฟแล่นผ่านหน้าไป มันอัดแน่นด้วยไม้เนื้อแข็งขนาดหนึ่งวา ผ่าซีกดูขาวๆเหมือนกระดูกสัตว์ ผมใส่แผ่นซีดี Shangri-la ของ MARK KNOPFLER ลงในเครื่องเล่นซีดี เลือกเอาเพลง Whoop de doo “ถ้าฉันกำลังทำเรื่องใหญ่ด้วยย้อนคืนกลับบ้านฉันไม่ได้มุ่งตรงดิ่งไปสู่คำตอบใดๆของฉันและน้ำตาก็ไม่ได้มาง่ายๆหนทางที่ถูกใช้ไปสู่ Whoop de doo...”
ฐาปนา
นี่คือตลาดนัดประจำตำบล ที่เปิดมายาวนานหลายสิบปี ในละแวกใกล้เคียง 3-4 ตำบล เป็นที่รู้กันว่า ถ้า “นัดวันอาทิตย์” ก็ต้องมาที่นี่ ในระดับอำเภอ ตลาดนัดวันอาทิตย์ตอนเช้าของที่นี่ น่าจะใหญ่ที่สุด คึกคักที่สุด ลานกว้างพื้นที่หลายไร่ข้างวัด มีพ่อค้าแม่ค้ามาตั้งสินค้ากันตั้งแต่ตีสี่ตีห้า พอเริ่มสว่าง คนก็เริ่มมา หกโมงถึงเจ็ดโมงเช้า เป็นช่วงเวลาที่คนกำลังเยอะ เพราะมีของให้เลือกมาก และแดดยังไม่ร้อน ก่อนที่ตลาดจะเริ่มวายประมาณแปดโมง จอดรถที่ข้างตลาด หรือ ถ้าไม่อยากเบียดเสียดก็ไปจอดในวัด บรรยากาศคึกคักของตลาดเห็นได้แต่ไกล ซอยอาหารทะเลตรงกับทางเข้าด้านที่ตรงมาจากวัด มีคนพลุกพล่านที่สุด เพราะอาหารทะเลที่ตลาดนัดนี้ ขึ้นชื่อเรื่องความสด และราคาถูก คนที่อยากทำอาหารจานพิเศษในวันหยุดจะมุ่งมาที่ซอยนี้ก่อน
รวิวาร
ถ้อยคำทำให้ฉันเต็มอิ่มสดชื่น ถ้อยคำเหมือนฝนโปรยปราย ฉันเขียนถ้อยคำ ทำให้เกิดฝน เขียนตัวเองออกยืนอ้าแขน รับละอองฝนโปรย ฉันอ้าปากเหมือนเด็กน้อย ฝนหยดจิ๋วแตะลงบนลิ้น ความกระหายมากมายไม่อาจดับสิ้น พายุทำให้กระปรี้กระเปร่ามีพลัง พายุสร้างถ้อยคำในตัวฉัน เมื่อพายุพัด สายลมในกายหมุนวน มันได้ยินเสียงกู่ร้อง มันอยากออกไปหาพวกพ้องของมัน มันขับฉัน ผลักไสเท้าทั้งสองให้ออกไปโลดแล่นในทุ่งกว้าง ให้สายลมกรูเกรียวผ่านร่าง บังคับให้ฉันหมุนตัว เต้นระบำกับเกลียวพายุ หัวใจส่งเสียงคำรามเมื่อสายลมกู่ก้องออกจากป่า ลมร้องเริงร่าที่กิ่งไม้ รัวใบไม้แทนระนาดเงินใบเล็ก ๆ พายุโจมตีหลังคา กระโดดลงมาและลิ่วลอยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ระลอกหนึ่งสู่อีกระลอก แล้วพอสายฝนหลั่ง ระบำหยุดชะงัก ฝนรัวหนัก กลองศึกตีดัง เมื่อสายฝนคลายคลั่งรินหลั่งเนื่องมา จังหวะสม่ำเสมอนั้นสะกดเรานิ่งงัน ความชุ่มเย็นแผ่ปกศีรษะ ซ่านสู่ปลายเท้า ร่างเราไหลละลายลงดิน ถ้อยคำไม่ได้อยู่ในศีรษะ มันออกมาจากอก ผสมปนเปกับสรรพสิ่ง ตอบรับ ปฏิสัมพันธ์ ฉันกับพายุ ผีเสื้อ และหิ่งห้อยยามพลบที่ลอยวอบแวม ออกมาจากพงหญ้า ค่ำคืน ท้องทุ่งอาบแสงจันทร์สงัดตราตรึง แสงสกาวส่องแม้ปลายหญ้า นวลจันทร์อาบผืนโลก ขุนเขา ที่ราบ และหัวใจของเรา ยามอาทิตย์ลับลา ภาพเขียนยิ่งใหญ่ทั้งหลายของโลกถูกนำมาแสดงบนน่านฟ้าตะวันตก บางวันคล้ายทะเลสาบซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา พระอาทิตย์อำลาโลกตรงนั้น ตะวันสุกปลั่งดวงมหึมาหล่นคว้างลงบนผืนน้ำ แสงทองพวยพุ่งจับหมู่เมฆ เมฆขาวแปรเปลี่ยนเป็นทองคำ เป็นภูษา เป็นโล่ เป็นพระขรรค์ เป็นมงกุฎ คฑา สารพัดอัญมณีล้ำค่า สุกอร่ามเรืองรองด้วยแสงสุริยะมณีแห่งชีวิต ..............................
นาโก๊ะลี
อันที่จริงคงไม่ได้เป็นเรื่องราวในยุคปัจจุบัน หรือยุคใดยุคหนึ่งหรอกกระมัง แต่จากเรื่องราวมากมายทำให้พอเชื่อได้ว่า ในสังคมมนุษย์ เรามีการแบ่งข้างอยู่ตลอดเวลา ถ้าว่าตามทฤษฎีไท่เก๊ก จักรวาลก็ถูกแบ่งออกเป็นหยินกับหยาง เพียงแต่ว่าในทฤษฎีไท่เก๊กนั้น เมื่อพูดถึงการแบ่งข้างก็ได้พูดถึงความสมดุลอยู่ด้วย เช่นนั้นเองชีวิตก็จึงมีเขา มีเรา มีชอบ มีไม่ชอบ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องของเราอย่างไร???? เมื่อเราพูดถึงความแตกต่างหลากหลาย นั่นเราก็ว่าถึงการแบ่งข้าง ว่าถึงข้างหลายๆ ข้าง ที่มากกว่าสองข้าง ว่ากันว่า ในความต่างนั่นเองที่ชีวิตจะหมายถึงความงอกงาม หมายถึงการเรียนรู้ร่วมกัน หมายถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ หมายถึงการเติบโตทั้งทางความคิดและจิตวิญญาณ หมายถึงการสังสันต์ทางความคิด และปัญญา ในทางที่ลึกซึ้งลงไป มันก็อาจหมายถึงการสืบค้นเข้าไปในตัวตนของตัวเองด้วย ในมิตินี้ มันจะเป็นการแบ่งข้างที่เป็นไปอย่างงดงามหรือไม่
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
เจ้าเก็บกวาดขยะในบ้านเจ้า ตัวข้าเล่าเก็บกวาดในบ้านข้าเราต่างคน ต่างเก็บความ...ไม่งามตารอบชายคาบ้านเราทิ้ง-ทุกวี่วัน ไม่เที่ยวไปล่วงล้ำคอยตำหนิ ไปแตะติบ้านโน้นติบ้านนั้นบ้านตัวเอง รกรุงรัง ช่างหัวมัน (ช่างน่าขัน...ใครจะเชื่อฟังน้ำคำ) สู้เก็บกวาดขยะในบ้านเรา ให้เกลี้ยงเกลา...รอบชายคา น่าเหยียบย่ำให้คนเห็น คุณค่าล้วน ควรกระทำ เขาไม่จำเอาอย่าง-ช่างปะไร บ้านเราดีไม่มีขยะรก บ้านคนอื่นสกปรกเราอยู่ได้ใครจะนำ ไฟ มาโยนไม่สนใจ เราไม่มี เชื้อไฟ ไว้เผาบ้าน เจ้าเก็บกวาดขยะในบ้านเจ้า ตัวข้าเล่าเก็บกวาดสะอาดสะอ้านถ้าพร้อมใจกันกวาดเกลื่อนทุกเรือนชาน เชื้อไฟรานสังคมสังคมล่ม-คงลดรา
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
โลกหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วเท่าเดิม เข็มนาฬิกากระดิกตัวด้วยความเร็วปกติ ผู้มีความทุกข์ ความผิดหวัง พิเคราะห์เวลาเหมือนเชื่องช้า เนิ่นนาน ผู้มีสุขสมหวัง มีเสียงหัวเราะกลับพูดว่า เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน เวลาเป็นของมีค่า ในเวลาเพียง 1 นาที มีคนเกิดคนตายเท่าไร มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดทุกมุมโลกมากมาย เมื่อเวลามีค่า เราก็สมควรทำอะไร ให้ตัวเอง ให้สังคม ให้ผู้คนรอบข้าง และควรดำเนินชีวิตอย่างไร ให้ชีวิตมีค่าเหมือนเวลา น่าจะเป็นเช่นนั้น ผมอ่านหนังสือหลายเล่ม ฟังผู้รู้หลายท่าน ใช้เวลาใคร่ครวญ เพื่อให้ความคิดตกผลึกว่า คนดีคือคนอย่างไร คนดีที่สุดต้องทำอะไร ได้ข้อสรุปว่า คนดีที่สุด คือคนที่คิด ทำเพื่อคนอื่น เช่นพระพุทธเจ้า พระองค์สละราชสมบัติ แสวงหาคำสอนให้แก่คนทั้งโลก เพื่อให้คนพ้นทุกข์ แต่การเป็นคนดีที่สุดคงเป็นได้ยาก เพราะการเป็นคนดีที่สุดนั้น คนอื่นเป็นผู้บอกเรา ไม่ใช่เราบอกหรือยกย่องเอาเอง และคำนิยามของคนต่างกัน และหลากหลาย ทุกคนอยากเป็นคนดี ดังนั้นเราคงปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่เน้นย้ำการทำดี การเป็นคนดี
แสงดาว ศรัทธามั่น
ฉั น นั่งคุยกับ อ. เปี๊ยก(เพื่อนร่วมชีวิตกับสุดสะแนน) ใต้ร่มต้นมะปราง ลิ้นจี่ ลำใย ฯลฯ ณ ร้าน - บ้าน "สุดสะแนน" ฉั นมักมาพำนักที่นี่เสมอด้วยความกรุณาของผองเพื่อนพีน้องสุดสะแนน ดังที่ฉั น เคยเขียนว่า ที่นี่เป็นป่าในเมือง รายล้อมด้วย ตึก คอนโด เกสต์เฮ้าส์ ฯลฯไก่ชนรูปร่างสง่างามคุ้ยเขี่ยหาอาหารใต้ร่มไม้กะ อ.เปี๊ยก ที่ผูกเปลนอนใต้ร่มไม้ ไก่ชนตัวนี้รอดชีวิตมาได้ เพื่อนๆจะเอาไปต้มกิน แต่ "อ.คิง" เอามาที่สุดสะแนน ก่อนที่เพื่อนๆจากเชียงของ, เชียงราย จะมาบ้าน "อ้ายต้อม และ พี่กบ" ที่สันทรายแม่โจ้, เชียงใหม่....เพื่อนๆ จากเชียงของคือผู้ที่ปกป้องรักษารากเหง้าวิถีชีวิตให้กับโลก แผ่นดิน และรักษาธรรมชาติชีวิตให้เราชนชั้นกลางในเมืองด้วย รวมทั้งพวกทุนนิยมสามานย์ และพวกอมาตยา และเผด็จการ ฯลฯ ด้วยพวกเผด็จการจีนที่อ้างว่าเป็นสังคมนิยม คอมมิวนิสต์เขาสร้างเขื่อนและระเบิดแก่งในแม่น้ำโขง เพื่อการพาณิชย์และจะมาระเบิดเกาะแก่งที่เชียงของด้วย แต่พี่น้องเชียงของต่อต้านซึ่งนำโดยแม่ทัพใหญ่คนเชียงของตัวจริง คือ "ครูตี๋ ... นิวัตร ร้อยแก้ว" จนเผด็จการจีนต้องถอยปายยยยย
โอ ไม้จัตวา
ฉันได้ช่างไม้เป็นผู้หญิง โอ...ไม่อยากจะเชื่อสายตา หญิงสาวผู้เป็นคู่ชีวิตของคนทำบ้าน เธอช่างน่ามหัศจรรย์อะไรเช่นนี้ เป็นเด็กเป็นเล็ก ทำงานแบบนี้ได้อย่างไร ภาพก๊อปปี้ไรท์เตอร์สาวในบริษัทโฆษณากลางกรุง ใส่รองเท้าส้นสูง แต่งหน้าทาปาก กับภาพผู้หญิงตรงหน้าที่มีรอยฝุ่นไม้เปื้อนตามใบหน้าและเส้นผมค่อย ๆ บรรจงโปว๊สี อุดรอยไม้ ค่อย ๆ ใช้กระดาษทรายน้ำขัดหยาบ แล้วปล่อยให้ฉันทาสี แล้วเธอก็รอจนแห้งแล้วขัดทรายน้ำละเอียดอีกรอบ งานไม้ฝีมือเธอนุ่มนวลราวมือของเธอ (หรือเปล่านะ) นุ่มราวผ้าที่รีดไว้อย่างดีดีกว่า แรกตอนเริ่มทำบ้านฉันออกแบบประตู และปรึกษาหลายคนรวมทั้งคนทำบ้าน ว่าจะใช้ไม้เก่าหรือไม้ใหม่ ฉันชอบไม้ แต่ไม้สักราคาแพงยิ่งกว่าทองคำ ไม่อยากเชื่อว่างานไม้จะแพงขนาดนี้ น้องแท็ปที่ร้านสวนนม เป็นคนพาฉันไปดูไม้เก่ายังแหล่งที่เขาชอบไป แท๊ปกำลังหลงใหลไม้เฟอร์นิเจอร์เก่า เขาพาฉันไปเลือกซื้อบานประตู บานหน้าต่างเก่า ส่วนใหญ่เป็นไม้สักซึ่งพ่อค้าไปซื้อมาจากบ้านเก่าของชาวบ้าน ซึ่งขณะนี้คาดว่าใกล้หมดไปจากภาคเหนือแล้ว
สร้อยแก้ว
ถ้าไม่ใช่คนอีสาน จะมีใครบ้างหนอ รู้จักแมงหัวหงอก ? โอ้! จ๊อด มันน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ขนาดว่าฉันโตมากับป่าเขา ใช้ชีวิตอย่างคนบ้านนอกเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าบ้านนอกทุกพื้นที่จะเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ แมงหัวหงอกพากันมาจับต้นไม้ไร้ใบ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทันมีใครสังเกต เห็นอีกที มันก็ขาวเต็มต้นแล้ว แรกทีเดียวฉันคิดว่าเป็นครั่งเสียอีก แต่ไม่ใช่ มันเป็นแมลงเล็กๆ ขาวสะอาดทั้งตัว มีขนสีขาวตรงกลางหลังชี้ออกเหมือนขนหางนกยูง กระโดดได้ เวลาจับตัวมันไว้ในอุ้งมือมันจะกระโดดไปมาแรงทีเดียว ต้องจับลงถังน้ำ ถึงจะหมดความสามารถในการกระโดด แม้จะเป็นแมลงที่ดูสวยงาม น่ารัก แต่ว่าในเมื่อมันกินได้ ความหมายแห่งที่สุดของแมงหัวหงอกคืออาหารชั้นยอด