Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

แพร จารุ
เมื่อฉันดูข่าวสารบ้านเมืองในปัจจุบันนี้ ทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อวัยเยาว์ และอยากจะเล่าเอาไว้ เพราะพฤติกรรมของผู้ใหญ่ส่งผลต่อเด็กจริง ๆ ค่ะ ใครบางคนอาจจะไม่ทันคิดว่า การแสดงพฤติกรรมบางอย่างของผู้ใหญ่ เป็นได้มากกว่าการสอนเด็ก ๆ พฤติกรรมของผู้ใหญ่บางอย่างอาจส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเด็กในอนาคตได้
เงาศิลป์
ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่คละเคล้าก่อตัวกันเป็นโลกและชีวิต มีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ อย่างปกติ..... ลมหนาวพัดกรรโชกไร้ทิศทาง พัดพาเอาควันไฟจากกองฟืนใต้ถุนกระท่อมเล็ดลอดผ่านช่องว่างแผ่นกระดานปูพื้นทำให้รู้สึกแสบตาแสบจมูกอยู่เป็นระยะ
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : คนซื้อฝัน ผู้เขียน : ศุภร บุนนาค ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคม 2537 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เคล็ดไทย ตามสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะอ่านหนังสือของนักเขียนไทยให้มากกว่าเดิม ฉันดำเนินการแล้วล่ะ อ่านแล้ว อิ่มเอมกับอรรถรสแบบที่หาจากวรรณกรรมแปลไม่ได้ หาจากภาษาของนักเขียนไทยรุ่นใหม่ก็ไม่ค่อยจะได้ จนรู้สึกไปว่า คุณค่าของภาษาได้แกว่งไกวไปกับกาละด้วย
โอ ไม้จัตวา
เพลงเก่าแก่ท่วงทำนองแสนเศร้า กับเนื้อหากินใจจนเป็นแรงบันดาลใจให้กับหนังสือเวลาในขวดแก้ว ของประภัสสร เสวิกุล นิยายรุ่นยี่สิบที่แล้ว ส่วนเพลงนั้นไม่ต้องพูดถึง เก่ามาก จนต้องเช็คอายุคนรู้จักเพลงนี้ หรือชอบ น่าจะต้องใกล้เคียงสี่สิบอัพ เก็บเพลงนี้ไว้ในสต็อคเสียนาน ฟังไม่เคยจบเสียที เพราะทนอารมณ์เพลง และเสียงกีต้าร์เหงา ๆ ที่ฟังแล้วใจเหี่ยวไม่ได้ แต่สำหรับบางคนฟังเพลงและเสียงกีตาร์ของจิมแล้วกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น
นาโก๊ะลี
เรามีโลกจริงเอาไว้....เพื่อให้เราได้ตระหนักรู้ถึงการมีชีวิต ให้เราได้เรียนรู้ถึงปรากฏการณ์ เงื่อนไขต่างๆ มีภาระหลากหลายว่าตั้งแต่เรื่องการทำมาหากิน การดูแลครอบครัว และผู้คนรอบข้างแวดล้อม และส่วนใหญ่แล้วดูเหมือนว่า เมื่อเราอยู่ในโลกนี้นั้น เรามักมีทุกข์มาก ยุคสมัยได้นำพาเราทั้งหลายดำเนินชีวิตมาถึงวาระที่ ความเป็นเมืองกับชนบทแทบไม่เหลือเส้นแบ่งอีกต่อไปแล้ว ต่างกันหน่อยตรงที่ว่า ชนบทยังไม่มีรถติดมากนัก แต่ก็เริ่มเห็นบ้างแล้ว ชนบทยังมีทุ่งนา แม่น้ำลำคลองยังใสสะอาด แต่เมื่อดูที่ระบบการดำเนินชีวิต เราแทบไม่เห็นความต่างนั้นแล้ว ว่าก็ ชาวนาซื้ออาหารถุงไปนา เพราะเร่งรีบ เป็นอย่างนั้น และการหล่อเลี้ยงชีวิตเราทั้งหมดอยู่ในโลกจริงนี้เอง แทบทั้งหมดมันเป็นชีวิตที่ต้องรีบเร่ง ต่อสู้ แก่งแย่งแข่งขัน การได้มาแต่ละครั้งมันหมายถึงการลงทุน แลการสูญเสียอย่างมหาศาล หลายคนอาจจะรู้สึกว่าโลกนี้ มันไม่ได้สวยงามน่าอยู่นัก แต่เราก็ยังต้องอยู่กับมัน ดำเนินไปตามวิถีของมัน เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า บางครั้งก็ท้อแท้สิ้นหวัง
Hit & Run
  จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์  เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่จีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิก สถานีโทรทัศน์ในจีนถูกสั่งให้ดีเลย์สัญญาณออกอากาศออกไป 10 วินาที เพื่อพวกเขาจะได้มีเวลาจัดการกับการแพร่ภาพในกรณีที่เกิดการประท้วงจากกลุ่มที่เรียกร้องให้ปลดปล่อยทิเบต หรือกลุ่มทางการเมืองอื่นๆ  มาหนนี้ ดูเหมือนสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนจะไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ระหว่างถ่ายทอดสดการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามาในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐฯ เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของวันที่ 20 ก.พ. (เวลาประเทศจีน) เพราะขณะแพร่ภาพการกล่าวสุนทรพจน์ของโอบามา พร้อมๆ กับแปลไปด้วยนั้น อยู่ๆ เสียงของโอบามาก็ถูกเฟดลง และผู้ดำเนินรายการก็ตัดฉับไปที่ผู้สื่อข่าวที่วอชิงตันและถามเธอว่า โอบามามีวิธีรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรhttp://www.youtube.com/watch?v=yxBVmkP04Ag  ช่วงที่ขาดหายไปเป็นตอนที่โอบามากล่าวถึงคนรุ่นก่อนที่ต้องเผชิญกับ ‘ลัทธิคอมมิวนิสต์' และ ‘ฟาสซิสม์'  สุนทรพจน์ของโอบามาที่ถูกแปลเป็นภาษาจีนเผยแพร่บนเว็บไซต์สำนักข่าวซินหัว ไชน่าเดลี่ รวมถึงเว็บดังหลายแห่ง คำว่า "คอมมิวนิสต์" ถูกตัดออกไปดื้อๆ รวมถึงท่อนที่โอบามากล่าวถึงเสรีภาพในแสดงความเห็นด้วย "ผู้ที่ยึดติดอยู่กับอำนาจที่ได้จากการคอร์รัปชั่น การโกหกหลอกลวงและการปกปิดความขัดแย้ง พึงทราบว่าท่านอยู่ในประวัติศาสตร์ข้างที่ไม่ถูกต้อง แต่เราจะยื่นมือช่วยเหลือ ถ้าท่านยินดีที่จะคลายหมัดของท่านออก" ขณะที่ในรายงานฉบับภาษาอังกฤษในเว็บไซต์ต่างๆ นั้น ความยังอยู่ครบ หวัง จินฮง รองผู้อำนวยการ แผนกตัดต่อของ CCTV บอกว่าเขาไม่ได้ชมการถ่ายทอดพิธีสาบานตน แต่คิดว่าการตัดภาพกลับไปที่ห้องส่งเป็นเรื่องปกติ  "มักมีการตัดภาพ แม้แต่ขณะที่ถ่ายทอดการประชุมของจีนเอง คนอเมริกันอาจจะให้ความสำคัญกับพิธีสาบานตนของประธานาธิบดี แต่คนจีนอาจจะไม่ได้สนใจนัก" ขณะที่บรรณาธิการคนหนึ่งของเว็บไซต์ไชน่าเดลี่บอกว่าไม่ได้มีการสั่งให้เซ็นเซอร์ และว่า ผู้แปลและบรรณาธิการกะกลางคืนนั้นตัดสินใจด้วยตัวของพวกเขาเอง  "ในฐานะชาวจีน เรามีพันธกิจที่จะต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติ"  การเซ็นเซอร์แบบจะแจ้งนี้ทำให้นึกถึงตอนที่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งในประชาไทแวะเข้าร้านหนังสือในเมืองจีน และพบการเซ็นเซอร์กันจะๆ ในหนังสือโลนลี่แพลนเน็ต ส่วนที่กล่าวถึง (และจิกกัด) จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยมีการนำสติ๊กเกอร์สีขาวแปะทับข้อความส่วนนั้นเอาไว้ (อ่านรายละเอียด: สำรวจแดนมังกร: พรรคคอมมิวนิสต์ในยุคไซเบอร์สเปซ) การเซ็นเซอร์คงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศน้องใหม่มหาอำนาจอันดับสามทางเศรษฐกิจของโลกอย่างจีนเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทั่วไปในประเทศที่ยังจำกัดสิทธิเสรีภาพค่อนข้างสูงซึ่งประเทศแถวนี้/ตรงนี้ก็อินเทรนด์ไปกับประเทศกลุ่มนี้ไม่แพ้กัน   โดยสงสัยจะลืมไปว่า ยิ่งปิดก็ยิ่งอยากรู้ ยิ่งอยากรู้ก็ยิ่ง เปิด !เพราะแม้เทคโนโลยีที่ทันสมัยจะช่วยให้การปิดกั้นทำได้เร็วขึ้นในกรณีทีวีเฟดเสียงของโอบามาให้ค่อยลงแล้วตัดไปที่ห้องส่งก็ถือเป็นอีกความสำเร็จของความทันสมัยนั้น แต่ก็เทคโนโลยีอีกนั่นเองที่ทำให้เราได้เห็นฉากดังกล่าวครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านคลิปต่างๆ ที่มีผู้บันทึกเหตุการณ์เอาไว้ รวมถึงทราบข่าวสารเรื่องที่มีการเซ็นเซอร์ในเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นว่าจากที่ไม่อยากให้ใครรู้กลับเป็นว่ารู้กันในวงกว้างขึ้นกว่าเดิม "สิ่งที่โอบามาพูดนั้นเป็นความจริง แล้วไงต่อ" ความเห็นหนึ่งในอินเทอร์เน็ตกล่าว "เขาดูถูกคนจีน 1.3 ล้านล้านคนไปเรียบร้อยแล้ว" ความเห็นอีกรายโต้กลับมา ถ้าใช่ แล้วไง? ถ้าไม่ใช่ แล้วยังไง?  สิ่งที่โอบามาพูดจะถูกจะผิด คนที่ฟังไม่ใช่หรือจะต้องเป็นคนตัดสินมันเอง เช่นเดียวกับข้อมูลอีกล้านแปด(แถวๆนี้) ที่ถูกปิด ถูกกั้น ไม่ให้เข้าถึงได้ ถ้าบอกว่าหวังดีต่อกันจริงจะต้องเคารพกันและเชื่อว่า เรา เขา เธอ จะตัดสินใจเองได้ ไม่ใช่ต้องกลัวว่าจะเรา เขา และเธอเหล่านั้นกลวงโบ๋จนคิดเองไม่เป็น  การปกป้องอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู สุดท้ายแล้วมันอาจจะทำให้คนที่ถูกปกป้องอ่อนแออย่างสุดขีด เพราะไม่ได้เผชิญความจริง (ไม่ว่าความจริงเท็จๆ หรือความจริงจริงๆ) ด้วยตัวเองก็ได้  ข้อมูลเพิ่มเติมhttp://news.yahoo.com/s/ap/20090121/ap_on_re_as/as_inauguration_china_obamahttp://www.miamiherald.com/news/world/AP/story/865577.htmlhttp://www.americablog.com/2009/01/china-censors-obamas-inauguration.htmlhttp://www.latimes.com/news/nationworld/nation/la-fg-china-censor22-2009jan22,0,5545412.storyhttp://uncyclopedia.wikia.com/wiki/Censorship
หัวไม้ story
  "เขาไม่ให้ผมประกันตัว เขาบอกกลัวผมหลบหนี ผมจะหนีไปไหน ผมเป็นคนไทยนะ จะให้ผมไปไหน ผมจ่ายภาษีปีละหลายหมื่นบาท แต่วันนี้ผมรู้สึกเหมือนเป็นแค่คนที่มาอาศัยแผ่นดินอยู่ เขาไม่ให้ผมประกันตัว เขาบอกว่าผมจะทำความผิดซ้ำ จะทำลายหลักฐาน ผมจะทำทำไม ในเมื่อถ้าทำแล้วมีแต่น้ำตา และมันไม่ใช่น้ำตาของผมคนเดียว แต่เป็นน้ำตาของคน 5 คน คือครอบครัวผม ลูกเมียผม ชีวิตผมตอนนี้มีแต่น้ำตา" สุวิชา ท่าค้อ ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพรายล่าสุด เอ่ยปากผ่านม่านน้ำตาที่ไหลพร่างพรูต่อหน้าแผ่นกระจกบางๆ ที่กั้นระหว่างเขาและผู้สื่อข่าวสุวิชามีการเครียดมาก ร้องไห้เกือบตลอดเวลา และอยากจะบอกให้คนข้างนอกที่ยังมีเสรีภาพได้รู้ว่าเขาได้รับการปฏิบัติเช่นไรก่อนที่ถูกส่งตัวเข้ามาในเรือนจำคลองเปรมแห่งนี้"เขาหลอกให้ผมพูด เขาบอกว่าถ้าผมบอกให้หมดว่าในกระบวนการมีใครบ้าง แล้วเขาจะปล่อยผมกลับบ้าน เขาจะกันตัวผมไว้เป็นพยาน ผมอยากกลับบ้าน ผมจึงยอมรับสารภาพ เขาถามอะไรผมก็บอก อะไรที่ผมไม่รู้ ผมก็พยายามแต่งเรื่องให้มันจบๆ ไป ให้มันเป็นเรืองเป็นราว เขาถามว่าผมรู้จักคนนั้นคนนี้ไหม คนนั้นเป็นใคร คนนี้เป็นใคร ผมก็บอกไปว่าผมรู้จัก ผมไม่รู้หรอก แต่ผมเดาเอาว่าน่าจะเป็นอย่างงั้นอย่างงี้ เพราะผมอยากกลับบ้าน เขาว่าถ้าผมให้ความร่วมมือดี ผมก็จะได้กลับบ้าน แต่เขากลับส่งผมมาอยู่ที่นี่"สุวิชา ท่าค้อ เป็นผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกจับกุมคุมขัง และฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นความผิดอาญามาตรา 112 ผนวกกับความผิดตามพระราชบัญญัติอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ที่เพิ่งผ่านสภามาเมื่อต้นปีที่แล้วคำร้องของพนักงานสอบสวนระบุว่า เมื่อระหว่างวันที่ 27 เม.ย.-26 ธ.ค.2551 ผู้ต้องหากระทำผิดกฎหลายบท หลายกรรม ด้วยการเผยแพร่ข้อมูลรูปภาพ ซึ่งเป็นการกระทำดูหมิ่นองค์พระมหากษัตริย์และองค์รัชทายาท ต่อมาวันที่ 14 ม.ค.2552 พนักงานสอบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 92/2552 บริเวณหน้าร้านสุวรรณการช่าง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครพนม เขาถูกควบคุมตัวจาก นครพนมมายังกรุงเทพฯ ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ วันที่ 16 มกราคม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ คุมตัวนายสุวิชา หรือชินภัสร์ ท่าค้อ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผ่านทางเว็บไซต์ มายังศาลอาญา รัชดาภิเษก ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรก 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 27 มกราคม โดยระบุว่า ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาจนครบกำหนดแล้ว แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 15 ปาก รอผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางคอมพิวเตอร์จำนวน 3 เครื่อง แผ่นซีดี และเอกสารอีกจำนวนหลายรายการ จึงขอฝากขังไว้เป็นเวลา 12 วัน จนถึง 27 ม.ค. ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีสำคัญ เกรงว่าผู้ต้องหาจะกระทำผิดซ้ำอีก อีกทั้งผู้ต้องหาทำงานกับบริษัทเอกชนต่างชาติ ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ จึงอาจมีพฤติการณ์หลบหนี ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ กระบวนการทั้งหมดนี้กระทำไปโดยที่ผู้ต้องหาไม่มีทนายให้คำปรึกษาการจับกุมตัวเขาเกิดขึ้นที่หน้าร้านสุวรรณการช่าง อ.เมือง จ.นครพนม เป็นการจับกลางตลาดอย่างที่เป็นข่าวตามสื่อทั่วไป แต่ความจริงอีกประการคือ เขาไม่ได้หลบหนีไปกบดานอยู่ที่ จ.นครพนมอย่างที่เป็นข่าว หากแต่เขาพำนักอยู่ที่นั่นสุวิชา ทำงานให้กับบริษัทขุดเจาะน้ำมันแห่งหนึ่ง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีมาแล้ว ตำแหน่งสุดท้ายคือ วิศวกรคุมเครื่องจักร ได้รับเงินเดือน 58,000 บาทต่อเดือน และได้เบี้ยเลี้ยงเมื่อเดินทางไปปฏิบัติในพื้นที่ขุดเจาะน้ำมันอีกประมาณ 2,000 บาท ต่อวัน รายได้ทังหมดของเขา เลี้ยงดูครอบครัวซึ่งมีทั้งหมด 5 คน คือตัวเขา ภรรยา ซึ่งทำหน้าที่เป็นแม่บ้านดูแลลูกๆ ลูกชายซึ่งกำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และลูกชายลูกสาว อีก 2 คน กำลังศึกษาอยู่ที่ จ.นครพนมเขามีบ้าน 2 แห่ง ที่หนึ่งคือ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของลูกชาย และตัวเขาที่ลงมาพักกับลูกชายเป็นครั้งคราว สัปดาห์ละ 2-3 วัน อีกที่หนึ่งคือที่ จ.นครพนม "ตอนแรกเราก็อยู่ที่กรุงเทพฯ แต่ว่า พอเศรษฐกิจเริ่มไม่ดี สุวิชาเขาคิดว่าคงต้องประหยัด เพราะเรามีลูกตั้ง 3 คน หนูก็ไม่ได้ทำงาน เป็นแม่บ้านดูแลลูก เขาเลยย้ายครอบครัวเรากลับไปที่นครพนม แต่สุวิชาส่งลูกชายคนโตเรียนโรงเรียนมัธยมที่สอนระบบ 3 ภาษา เพราะเขาหวังว่าลูกจะเก่งเรื่องภาษา จะได้หางานได้ง่าย จริงๆ แล้วเขาอยากให้ลูกได้เข้าทำงานที่เดียวกับเขา" ภรรยาของสุวิชา เล่าแต่วันนี้ ความหวังนั้นของสุวิชา คงเป็นไปได้ยาก เพราะแม้แต่ตัวเขาเอง ล่าสุด บริษัทได้ยื่นจดหมายให้ออก โดยไม่จ่ายค่าชดเชย อ้างเหตุที่เขาถูกฟ้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง เราถามภรรยาของสุวิชาว่าจะเตรียมการอย่างไรต่อไป แต่ไม่ได้คำตอบ เธอยังอยู่ในอาการช็อก งงงัน และยังพูดจาไม่ปะติดปะต่อ ในวันที่เราไปพบ แต่เธอจำวันที่สามีถูกจับกุมได้แม่นยำ"หนูกลัวมาก ตอนแรกที่โดนจับ หนูงงมาก ว่ามาจับสามีหนูทำไม แต่หนูจำได้ว่าวันแรกน่ะ หนูไปกับเขา เราไปซื้อของในตลาด แล้วก็พอเรากำลังจะออกรถ ตรงนั้นอยู่หน้าร้านสุวรรณการช่าง ตำรวจเขาก็มาจอดท้ายรถ แล้วก็ลงมาบอก ขอเชิญสามีหนูไปสถานีตำรวจ หนูก็งง นึกว่าเขามาชนท้าย หนูยังลงไปดูบอกว่า ไม่เป็นไรหรอก ท้ายรถหนูมันบุบอยู่แล้ว เขาก็เอาหมายจับมากาง ตอนนั้นหนูงง แต่หนูก็ตามไปทุกที่ หนูนึกอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าเขาเอาสามีหนูไปไหน หนูก็จะไปด้วย"บริษัทที่สุวิชาทำงานด้วยนั้นเป็นบริษัทด้านขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยชื่อว่าเป็นบริษัทใด ทั้งนี้ บริษัทดังกล่าวมีการดำเนินกิจการภายนอกประเทศ ทำให้ที่ผ่านมา สุวิชาต้องเดินทางออกไปนอกประเทศเป็นประจำ"แต่ตอนนี้ เขาไล่ผมออกแล้ว ผมไม่มีความจำเป็นอะไรต้องไปต่างประเทศแล้ว" สุวิชากล่าวสิ่งที่สุวิชาต้องการที่สุดตอนนี้ก็คือ.... "ผมไม่ต้องการอะไร ผมคิดถึงลุกมาก แต่จะให้ลูกมาเจอผมที่นี่ ผมยอมไม่ได้ ผมอยากเจอลูก พบอยากออกไปพบลูก แต่ผมไม่อยากให้ลูกมาเจอผมในนี้ ในสภาพแบบนี้ ผมบอกเมียผมเด็ดขาดว่าอย่าให้ลูกรู้ ให้เขากลับไปดูแลลูก ผมคิดถึงลูกมาก เวลาพักจากงาน ผมนอนกอดลูกเกือบทุกคืน  ตำรวจที่จับกุมผม เขาบอกผมว่า เขาก็มีครอบครัวเหมือนกัน เขาเข้าใจ ขอแค่ผมตอบคำถามเขาให้หมด ให้ผมให้ความร่วมมือ เขาก็จะให้ผมกลับบ้านไปอยู่กับลูก เขาเอาอกเอาใจผมทุกอย่าง พูดจาดีต่างๆ นานา แต่สุดท้ายก็เอาผมมาฝากขัง"สุวิชา เป็นที่รู้จักดีในหมู่ผู้เล่นกีฬาร่มบิน หรือพารามอเตอร์ ในนามของ ‘นุ้ย นครพนม' เขาเป็นนักร่มบินระดับล่ารางวัลคนหนึ่ง และมีบล็อกส่วนตัวเกี่ยวกับกีฬาร่มบิน http://www.geocities.com/tk_airsport/index.html  พี่สาวของเขากล่าวว่า หากไม่ได้ประกันตัว และคดีของสุวิชาดำเนินไปเช่นเดียวกับกรณีของแฮรี่ นิโคไลดส์ ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวจนกระทั่งให้การรับสารภาพในชั้นศาลและถูกตัดสินจำคุก 3 ปีไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา เธอคิดว่า อาจจะต้องขายร่มบินของเขาเป็นทุนสำหรับครอบครัว และใช้ในการต่อสู้คดีต่อไป"เขาไม่ให้ผมประกันตัว ผมถามหน่อย ผมฆ่าใครตายหรือ ผมเห็นคนฆ่าคนตายก็ยังได้ประกันตัว คนข่มขืนเด็กไม่กี่ขวบก็ได้ประกันตัว คนที่เจอข้อหาเดียวกับผมแต่เป็นคนที่มีชื่อเสียงก็ได้ประกันตัวหลายคน แต่ผมไม่ได้ประกันตัว  มาตรฐานการให้ประกันตัวของคดีนี้คืออะไร"ก่อนจากกัน เราถามสภาพความเป็นอยู่ภายในเรือนจำ เขาบอกว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อเขาเป็นปกติดี เขาไม่มีปัญหาอะไร แต่สภาพการเป็นอยู่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาคาดว่าห้องที่พักนั้นน่าจะมีขนาดประมาณ 5 X10 เมตร จุผู้ต้องขังไว้ประมาณ 35 คน "เรานอนเท้าชนเท้า มีพื้นที่กันคนละประมาณ 1 -1.5 ตารางเมตร ผู้ต้องขังจำนวนไม่แน่นอน มีเพิ่มเข้า หรือออกไปอยู่ตลอด บางคนก็มีรอยสักเยอะมาก แต่รวมๆ แล้วผมยังไม่พบผู้ต้องขังที่น่ากลัว พวกเขารู้ว่าผมถูกฟ้องคดีอะไร แต่ไม่มีใครที่มีท่าทีไม่เป็นมิตร ผู้คุมก็รู้ แต่ไม่มีปัญหาอะไร บางคนยังบอกว่า อยู่ในนี้น่ะ ปลอดภัยกว่าอยู่ข้างนอก"คำฝากสุดท้าย ถึงผู้ใช้อินเตอร์เน็ต "ผมอยากบอกว่า อีเมล์ทุกฉบับของผม เขาเข้าไปอ่านหมดแล้ว เขาตั้งหน่วยไล่ล่า เขามี the most wanted ซึ่งเขาพยายามเชื่อมโยงว่าเป็นเครือข่าย ผมไม่คิดว่าประเทศไทยจะเป็นอย่างนี้ครับ"  ความคืบหน้าล่าสุด ทางทนายของผู้ต้องหาได้ยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากเอกสารบางส่วนไม่ครบถ้วน จึงเตรียมยื่นอุทธรณ์อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 26 ม.ค. ที่จะถึงนี้ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา ถึงการปราบปรามเว็บไซต์หมิ่นเบื้องสูงว่า กองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) ดำเนินการอยู่ เท่าที่ทราบพบว่ามีมากถึงกว่า 1,500 เว็บไซต์ ส่วนของ บช.น.จะรับผิดชอบคดีหมิ่นฯ ตาม ป.อาญา ม.112 เฉพาะส่วนที่เกิดเหตุในนครบาล แม้จะไปแจ้งความที่ใดก็จะรวบรวมทำคดีทั้งหมด ขณะนี้เร่งพิจารณาที่มีอยู่ประมาณ 17 คดี ประชุมไปครั้งล่าสุดเหลืออยู่ 8 คดี ฟ้องหมดทุกคดี ไม่มีการเว้นว่าจะเป็นฝ่ายใด และจะติดตามจับกุมผู้ต้องหาคดีเหล่านี้ทุกราย รวมทั้งนายสุชาติ นาคบางไทร มีการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ พบว่ายังหลบหนีอยู่นอกประเทศ ถ้าเข้ามาเมื่อใดก็จับทันที 
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ตามเก็บรูปลีอองไม่ค่อยทันเลยล่ะ ใช้ D70s กว่าจะโฟกัสได้ที่เด็กก็หนีไปแล้ว (มามี้เล่นบอลกันเถอะ!) พอใช้มือถือถ่าย อ้ะ! ใช้ได้ๆ เก็บภาพได้เร็วและได้หลากหลาย (เหมือนในสัปดาห์ที่แล้วที่ใช้ภาพจากมือถือทั้งหมด) แต่ว่า...ตอนนี้สายดาต้าลิงค์เจ๊งกะบ๊งไปแล้ว ฝีมือใครเสียอีกถ้าไม่ใช่เด็กที่คอยแทะๆ งับๆ ทึ้งๆ เวลาที่ไม่ทันดู ฮึ อาทิตย์นี้พาพี่โด้มาโชว์ตัวแทนแล้วกัน
ถนอมรัก เดือนเต็มดวง
ย่านั่งบนพื้นบ้าน ซึ่งเป็นไม้ ใกล้กับหลายชายวัย 10 ขวบ เปลวไฟสีส้มจากโคมตีนสูง ส่องแสงให้เห็นลังสบู่ซันไลท์เปล่าวางอยู่ข้างหน้า “ย่าหาลังเปล่ามาให้แล้ว เห็นบ่นอยากได้นัก” “ย่าไปเอาที่ไหนมาล่ะ” ผมถาม ตามองดูลังไม้ที่ทำจากต้นจามจุรีวางตะแคง หันหน้าเข้าหาอย่างพอใจเต็มที่ ข้างในมันถูกแบ่งเป็นสองชั้น “ก็ไปขอร้านขายของปากซอยมา” ผมเปิดกระเป๋าหนังสือ หยิบหนังสือเรียนมาวางแถวล่าง สมุดแถวบน นี่ละตู้หนังสือชั้นดีของผม “รักจะเอาไว้หนังสือเรียน จะจัดหนังสือ สมุดตามตารางสอน ใส่กระเป๋าเป็นวันๆ สะพายมันจะได้เบาๆ”
ชนกลุ่มน้อย
   ปลายปีจวนจะข้ามปีใหม่ทุกปี  ผมรอคอยการมาถึงของเพื่อนกลุ่มหนึ่ง  พวกเขารวมตัวกันเฉพาะกิจ  เดินทางไปตามบ้านที่มีสายใยทางใจต่อถึงกัน   นัดหมายกันไปร้องเพลงถึงในบ้าน  ที่สำคัญนั้น  พวกเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า  การหยิบยื่นเสียงเพลง  เสียงของความปรารถนาดีผ่านบทเพลงให้ชีวิตมีความหวัง และความสุข
สร้อยแก้ว
นั่งดูบอลคู่นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เผอิญว่ากดรีโมทโทรทัศน์มาเจอเข้าพอดี เลยคิดว่าอยากจะเชียร์บอลไทยสักหน่อย ดูเวลาการแข่งขันตอนนั้นก็เข้าสู่นาทีที่เจ็ดสิบกว่าแล้ว ไทยนำอยู่ 2-1 ดูไปได้ไม่ทันไร ก็มาถึงจังหวะการกระโดดแย่งบอลกันกลางอากาศ นักเตะไทยเป็นฝ่ายกระโดดได้สูงกว่าและโดนลูกบอล แต่เมื่อเท้าแตะถึงพื้น นักเตะไทยวิ่งต่อ ส่วนนักเตะเลบานอนลงไปนอนกับพื้น เอากุมหัว ดิ้นอย่างเจ็บปวดสักพักเมื่อเขาลุกขึ้น สิ่งที่เห็นก็คือเลือดอาบหน้าและสองมือที่กุมเอาไว้ เลือดออกเยอะมากขนาดที่เห็นแล้วต้องเบะปาก ขณะที่เพื่อนร่วมทีมวิ่งมาดู นักเตะไทยเดินยิ้ม ยักไหล่ แพทย์สนามก็มาช้าเหลือเกิน เกมรึ ทีแรกยังมีแนวโน้มว่าจะเล่นต่ออีกคงคิดว่านักเตะเลบานอนแกล้งทำ
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
ขอบคุณธรรมะของพระพุทธองค์ที่สอนให้ตัวข้าได้รู้จักการเป็นคนมีสติซึ่งเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของมนุษย์ในการต่อสู้ - เพื่อการอยู่รอดของชีวิตทั้งในทางโลกย์และทางธรรม ขอบคุณธรรมะของพระพุทธองค์ที่สอนให้ตัวข้ารู้จักการเฝ้ามอง อารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด ภายในของตัวข้าทำให้ข้าได้รู้จักตัวเองได้รู้จักธรรมชาติของความเป็นมนุษย์และรู้จักกิเลสตัณหาซึ่งเป็นต้นตอสาเหตุของความทุกข์ทางใจทั้งมวลของมนุษย์

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม