Skip to main content


นายยืนยง



ชื่อหนังสือ : อ่าน (ไม่) เอาเรื่อง

ผู้เขียน : ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์

ประเภท : วรรณกรรมวิจารณ์ พิมพ์ครั้งแรก พฤษภาคม 2545

จัดพิมพ์โดย : โครงการจัดพิมพ์คบไฟ


การตีความนัยยะศัพท์แสงทางวรรณกรรมจะว่าเป็นศิลปะแห่งการเข้าข้างตัวเอง ก็ถูกส่วนหนึ่ง

ความนี้น่าจะเชื่อมโยงกับเรื่อง “รสนิยมส่วนตัว” หรือ อัตวิสัย

หากมองในแง่ดี เราจะถือเป็นบ่อเกิดของกระบวนการสร้างสรรค์ได้ด้วย มิใช่หรือ


นักเขียนตายแล้ว” เราชินเสียแล้วกับแรงสะเทือนของถ้อยคำนี้

ประโยคนี้ถือเป็นการขานรับบทความชิ้นสำคัญชื่อ อวสานของนักประพันธ์ (The Death of the Author) เขียนโดย โรล็องด์ บาร์ตส์ นักวิจารณ์สำนักโครงสร้างนิยมชาวฝรั่งเศส ซึ่งเผยแพร่ตั้งปีค.. 1968


บาร์ตส์พูดถึงความตายของนักประพันธ์ ในแง่ที่หมายถึงการสิ้นสุดของแนวคิดเกี่ยวกับความเป็น

นักประพันธ์ ในความเห็นของบาร์ตส์ ความเป็นนักประพันธ์มิใช่สิ่งที่มีคู่กันมากับวรรณกรรมดังที่เราเข้าใจ แต่เป็นความเป็นนักประพันธ์ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม และยังเสนอว่า แท้จริงแล้ว แนวคิดเรื่องความเป็นนักประพันธ์ คือผลผลิตของอุดมการณ์ที่อิงอยู่กับการเชิดชูปัจเจกชนนิยม โดยเฉพาะการเชิดชูอัจฉริยภาพของผู้แต่งในฐาน ผู้สร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรม

ตัวบท คือ พื้นที่หลากหลายมิติ ที่เปิดให้ข้อเขียนจากแหล่งต่าง ๆ ได้มาปะทะสังสรรค์กัน

ทั้งนี้ไม่มีข้อเขียนใด ๆ ที่เป็นของแท้ดั้งเดิม แม้สักชิ้นเดียว (หน้า 14)


ฉันได้อ่านหนังสือ อ่าน (ไม่) เอาเรื่อง ของ ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ ผู้เขียนเกริ่นนำไว้ว่า

การอ่าน (ไม่) เอาเรื่อง เป็นหนทางของการอ่านที่ล้ำลึกกว่าการอ่านเอาเรื่อง สำหรับฉันกลับมองว่า

การอ่านอย่างไม่เอาเรื่องนั้น เป็นคำยั่วล้อส่วนหนึ่ง แต่ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ แสดงความเห็นว่าเป็นการอ่าน อ่านจาก “คำ” อ่านถึงความเจตนา และความไม่เจตนาของนักเขียนที่ปรากฏและเร้นตัวอยู่ใน “คำ” ที่เรียงร้อยเหล่านั้น ซึ่งทำให้การวินิจฉัย ตีความวรรณกรรม มี “เนื้อหา” ให้ “เล่น” มากกว่าพื้นที่เดิม


การการอ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้ได้ “วิชา” อันจะนำมาใช้ในการอ่านอีกหลายเล่มเกวียน ขณะเดียวกัน กลับรู้สึกเหมือนกำลังหลงทางอยู่ในวังวนแห่งความล้ำลึกทางวิชาการวิจารณ์วรรณกรรมของสำนักคิดทางโลกซีกตะวันตก


ต้องยอมรับอย่างจริงจังเสียแล้วว่า เงาดำที่ครอบคลุมทัศนวิสัยในโลกวรรณกรรม ทั้งงานสร้างโดยตัวบทวรรณกรรมเอง และการวิจารณ์วรรณกรรม เป็นเงาที่เกิดจากแสงสว่างอันรุ่งโรจน์จากโลกซีกตะวันตก โดยเฉพาะภาคพื้นยุโรป และมันตกกระทบมายัง “เรา” ตามประสานักวิชาการคารมจัดเคยกล่าวไว้

โลกตะวันออกเหลียวมองโลกตะวันตกจนคอแทบหักปลิ้น”


ทัศนคติอันเกิดจากการยอมรับนี้ กระตุ้นให้ฉันคิดหลงบ้าไปเอง ด่วนจับแพะชนแกะไปเอง รีบสรุปไปเองว่า บรรณาธิการแห่งโลกวรรณกรรมไทยร่วมสมัยอย่าง สุชาติ สวัสดิ์ศรี เป็นผู้ทรงอิทธิพลทางวรรณกรรมไทย โดยเขาได้เป็นโรคเหลียวตะวันตกจนคอเคล็ด แล้วหันกลับมาป่าวประกาศ “ใบหน้า” ของเรื่องสั้นว่าควรเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ถือเป็นมรดกตกทอดมาถึงนักเขียนไทยยุคปัจจุบัน รวมทั้งเมื่อ 20 – 30 ปีก่อน หนำซ้ำยังคิดเหมารวมไปอีกว่าบรรณาธิการนามสุชาตินี้เองแหละยื่นมือเข้ามา “คลุก” วรรณกรรมไทยให้มาอยู่ใน

หล่ม” ต่าง ๆ บรรดามีเช่นทุกวันนี้


ถ้ากระโดดถีบตัวเองจากข้างหลังได้ ฉันควรทำใช่ไหม และน่าจะทำมันไปตั้งนานแล้ว

เพราะไอ้ข้อสรุปแคบตื้นเหล่านี้ล้วนผิดพลาดทั้งเพ เมื่อฉันได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จากบทที่ชื่อว่า

บทบาทของรางวัลวรรณกรรมต่อการสร้างและเสพวรรณกรรม (หน้า 30) เขาเขียนอย่างนี้


รางวัลมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างบรรทัดฐานทางวรรณกรรมอันมีผลต่อเนื่องไปถึงการสร้าง เสพ และตีความวรรณกรรม


ยกตัวอย่าง สุชาติ สวัสดิ์ศรี ได้เสนอว่า เรื่องสั้นของไทยในยุคแรกเริ่มนั้นมี 2 แนว คือ

แนวเลียนแบบตะวันตก อย่าง สนุกนิ์นึก ของกรมหลวงพิชิตปรีชากร และ

แนวที่อิงอยู่กับตำนานพื้นบ้าน เช่น คนหาปลาทั้งสี่

จาก (“ภาพรวมเรื่องสั้นไทย” สรรค์สร้างจากเรื่องสั้น กรุงเทพฯ : นาคะเพรส, 2537 หน้า 24 - 25)


การที่สถาบันทางวรรณกรรมหันไปยกย่องให้ สนุกนิ์นึก เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกของไทย มีส่วนสำคัญทำให้การเขียน การผลิต และการพูดถึงเรื่องสั้นของไทยในช่วงร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้ ดำเนินไปในแนวที่ใช้เรื่องสั้นตะวันตกเป็นต้นแบบ และทำให้เรื่องสั้นของไทยแนวอิงตำนานพื้นบ้าน ซึ่งสุชาติมองว่ามีลักษณะคล้ายแนวสัจนิยมมหัศจรรย์ (Magic realism) ของละตินอเมริกา ถูกมองข้ามและละเลยไป


กรณีที่สุชาตินำเสนอนี้ แสดงให้เห็นว่า คำนิยามว่าอะไรคือเรื่องสั้น มีส่วนสำคัญอย่างมากในการกำหนดทิศทางของเรื่องสั้นไทย


แน่นอน กระบวนการสร้างคำนิยมที่มีมาตรฐานมีลักษณะเป็นพลวัต เป็นไปในสองทิศทาง งานเขียนที่ “แหกคอก” ไปจากคำนิยาม ท้ายสุดจะส่งผลให้นิยามต้องปรับเปลี่ยน ยืดหยุ่นมากขึ้น

เช่น เมื่อ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ได้รางวัลโนเบล วรรณกรรมไทยจึงหันมาสนใจเรื่องสั้นไทยแนวอิงตำนานพื้นบ้าน และเริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้น


คุณอาจรู้สึกว่า ฉันไปหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ จากหนังสือเล่มเดียว

เออ... เป็นเรื่องน่าคิด

ฉันควรเชื่อ ชูศักดิ์ ผู้แต่ง สักกี่เปอร์เซ็นต์

แต่จะทำยังไงได้ คนมันหลงและเชื่อไปแล้ว

คนที่ควรพิจารณาตัวเองอย่างหนักคือฉัน แน่นอนที่สุด

แม้นจะเคยเข้าใจคุณสุชาติ อย่างผิดพลาดมหาศาล แต่ฉันยังให้ความเคารพนับถือท่านตลอดมา


กลับมาสู่หนังสือ อ่าน (ไม่) เอาเรื่อง พระเอกตัวจริงของเรา

คนที่เป็นนักอ่านทั้งหลายล้วนมีรสนิยมเป็นเอกอยู่ในตัว จะอ่านนิยาย เรื่องสั้น กวีนิพนธ์ สารคดี อะไรก็ตาม แต่การจะเลือกอ่านบทความวิจารณ์หนังสือ ฉันเห็นว่าอาจมีคนกลุ่มนี้ไม่มากนัก เนื่องจากบางครั้ง อดรู้สึกไม่ได้ว่าเป็นการมากเรื่องสำหรับการอ่านเกินไปหรือเปล่า อ่านก็อ่านไปซี ตามใจฉัน จะมาวิจารณ์หาญหักใจกันไปทำไมนักหนา เสียเวล่ำเวลา


ฉันกลับเห็นว่ายิ่งเราพิถีพิถันกับการอ่านเท่าไร มรรคผลย่อมตกอยู่แก่ตัวเรา และอาจแผ่ขยายไปสู่วงการอ่าน-เขียนอีกทางหนึ่งด้วย ลองขยับข่ายรสนิยมของเราให้กว้างอีกนิด เปิดอ่านหนังสือว่าด้วยการวิจารณ์วรรณกรรม อ่านเล่น ๆ ดู สักบท สองบท ก็เป็นเรื่องท้าทายอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวัน


ขอยกตัวอย่างอีกเล็กน้อย เกี่ยวกับการอ่าน (ไม่) เอาเรื่อง เผื่อเก็บไว้เป็นเทคนิคในยามต้องเลือกหนังสือหลายเล่ม เผื่อเก็บไว้เป็นนิยามประจำตัว ไม่ให้หลงเชื่อนักวิจารณ์วรรณกรรมง่าย ๆ อย่างฉัน ไม่ใหลหลงรางวัลทางวรรณกรรมตามฤดูกาลอย่างง่าย ๆ ต่อให้คณะกรรมการจะเป็นผู้เปี่ยมดีกรีปริญญามหาบัณฑิต รวมทั้งอิทธิพลจากซีกโลกตะวันตกด้วย เมื่อเรามีหลักเกณฑ์ในใจเสียอย่าง ใครก็มาเย้ายั่วไม่ได้ อาจถึงขั้นมองกรรมการซีไรต์เป็นเพียงมายา มาคอยยั่วเย้ารายปีก็เป็นได้นะเออ


การตีความวรรณกรรมนั้นมีหลายกลวิธี การแยกแยะงานชั้นดีกับชั้นดาษดื่นนั้นก็มีหลายกลเช่นเดียวกัน

ฉันขอยืมหลักการเล็กน้อยจากหนังสือเล่มนี้มาให้อ่าน ใครที่ “รู้” แล้ว ก็เพิ่มเติมได้นะ


ว่าด้วยเรื่องของ “มุมมอง” และ “เสียงเล่า” ในวรรณกรรม

มุมมอง focalization

เสียงเล่า narrative voice

สองคำนี้ต่างกันอย่างไร

วรรณกรรมบางเรื่องผู้แต่งใช้มุมมองของตัวละครคนเดียว โดยอาศัยเสียงเล่าของตัวละครนั้น แต่บางเรื่องมุมมองของตัวละครไม่ได้เล่าผ่านเสียงเล่าของตัวละครดังกล่าว แต่เป็นเสียงเล่าแบบสัพพัญญู ดังนั้นเราต้อง “ฟัง” ให้ดีกว่า เสียงเล่าอย่างนี้ ใครน่าจะเป็นคนเล่า แล้วเป็นไปเพื่ออะไร จะเสียดเย้ย เยาะหยัน หรือเปรียบเปรย เปรียบเทียบ น้ำหนักของแนวคิดน่าจะมีจุดพร่องตรงไหน ผู้แต่งท่านใดจริงใจต่อแนวคิดในตัวบทวรรณกรรมมากกว่ากัน และเราควรอุดหนุนใคร


เขายกตัวอย่างนวนิยายเรื่อง มิสซิสดัลโลเวย์ (Mrs. Dalloway) ที่ดลสิทธิ์ บางคมบาง ได้แปลไว้และออกวางแผงเมื่อปีที่แล้ว

เป็นการเล่าเหตุการณ์เดียวกันจะมีการเปลี่ยนมุมมองระหว่างตัวละครหนึ่ง ไปสู่อีกตัวละครหนึ่ง เช่น การเล่าถึงบรรยากาศบนถนนออกซ์ฟอร์ด จะเริ่มจากมุมมองของ Dalloway และเปลี่ยนไปสู่มุมมองของ Septimus เพื่อสื่อถึงสภาวะจิตใจของตัวละครสองตัวที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงต่อเหตุการณ์เดียวกัน


ในฝรั่งเศส มุมมอง มีความหมายมากกว่า การมองเห็น และครอบคลุมไปถึงนามธรรมด้วย ดังนั้น Genette จึงบัญญัติคำว่า focalization แทน point of view หมายถึง การเห็น การคิด การรับรู้ รู้สึกของตัวละคร และผู้เล่าเรื่อง


มุมมองมีทั้งเชิงคิด (cognitive) เชิงรู้สึก (emotion)

มีทั้งมองจากภายในตัวละคร และมองจากภายนอกสู่ตัวละคร

เราควร “มอง” หาให้ละเอียดเพื่อจะซึมซับตัวบทวรรณกรรม

สำหรับนักเขียนผู้สร้าง รายละเอียดเหล่านั้นเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้สร้างความลุ่มลึกให้ตัวละคร เพิ่มความแยบคายใน “ใส่” รายละเอียดเชิงลึกด้วย


แม้มุมมองเหล่านี้จะสาดส่องมาจากซีกโลกตะวันตก เพื่อวินิจฉัยซีกโลกตะวันออก เช่นงานวรรณกรรมไทยอย่างที่เรียกได้ว่าเกือบผูกขาดแล้ว แต่หากไม่มีพื้นฐานในบริบทที่ละเอียดลออมากพอ การตีความ

นัยยะย่อมไม่ได้สำแดงให้อะไรกระจ่างขึ้นจนมากมาย ขณะเดียวกัน หากมัวมานั่งแบ่งแยกว่านั่นตะวันตก นี่ตะวันออก มรรคผลที่ได้อาจไม่มีอะไรมากไปกว่าได้สนองตอบตัณหาตัวเอง เชียร์ชาติพันธุ์ตัวเองอย่างปิดหูปิดตาตัวเอง หรือวิ่งเผ่นตามกระแสตอนนี้ที่ โลกซีกตะวันตกได้เหลียวมองตะวันออกอย่างตื่นตาตาใจไปแล้ว


เราจะเหลียวมองตัวเราเองด้วยสายตาของใคร เป็นความประณีตอย่างหนึ่งก็ว่าได้ และบทสรุปอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวเราอีกด้วย แต่บางขณะ บทสรุปก็ไม่ใช่ผู้ร้ายเสมอไป มุมมองว่าด้วยวรรณกรรมจึงเปรียบได้กับเนื้อเยื่ออ่อนบาง ที่พร้อมเปิดรับและปิดผนึก “เชื้อ” บางอย่างจากทั่วสากลทิศ สุดแท้แต่ “ผู้ป้ายเชื้อ” จะแต้มให้เป็นอย่างไร


สำหรับฉัน เชื้อที่งดงามเสมอคือเชื้อพันธุ์แห่งความซื่อสัตย์ต่อตัวเองของนักเขียน.

 

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…