Skip to main content

นายยืนยง



ชื่อหนังสือ : เราติดอยู่ในแนวรบเสียแล้ว แม่มัน!

วรรณกรรมการเมืองรางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 6

จัดพิมพ์โดย : สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

พิมพ์ครั้งแรก : กันยายน 2551


ก่อนอื่นขอแจ้งข่าว เรื่องวรรณกรรมการเมือง รางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2552 นี้ สักเล็กน้อย

งานนี้เป็นการจัดประกวดครั้งที่ 8 เปิดรับผลงานวรรณกรรมการเมือง 2 ประเภท

คือ เรื่องสั้น และ บทกวี ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2552


สำหรับใครที่ไม่คุ้นหูกับรางวัลวรรณกรรมพานแว่นฟ้านี้ ขอบอกคร่าว ๆ ว่า เป็นรางวัลที่จัดโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไป หรือบางปีมีประเภทเยาวชนสำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา สำหรับปีนี้เห็นมีประเภทเดียวคือประชาชนทั่วไป


มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

1.เพื่อสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

2.เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้ใช้เสรีภาพทางการเมือง โดยใช้ศิลปะถ่ายทอดความรู้สึกสะท้อนภาพการเมืองและสังคมหรือจินตนาการถึงการเมืองและสังคมที่ต้องการในรูปแบบของเรื่องสั้นและบทกวี

3.เพื่อสืบสานสร้างสรรค์วรรณกรรมการเมืองให้มีส่วนปลุกจิตสำนึกประชาธิปไตย

ถ้าสนใจเวทีนี้ หารายละเอียดเพิ่มได้ที่ www.parliament.go.th


ในที่นี้จะหยิบรวมเล่มวรรณกรรมการเมือง รางวัลพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 6 ประจำปี 2550 มาอ่านกันละ

ชื่อเล่มเป็นชื่อเดียวกับผลงานเรื่องสั้นที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ของ ดุสิต หวันฯ

ชื่อ เราติดอยู่ในแนวรบเสียแล้ว แม่มัน!


ขอขยายความคำว่า วรรณกรรมการเมือง เล็กน้อย ซึ่งจะเปรียบจากที่เคยอ่านรวมเล่มพานแว่นฟ้า ครั้งที่ 1 โดยผลงานชื่อ คืนเดือนเพ็ญ เรื่องสั้นของ อุเทน พรหมแดง ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ เป็นเล่มค่อนข้างโบราณตรงที่วรรณกรรมการเมืองส่วนใหญ่ที่ได้รับรางวัล เป็นแต่ภาพทิวทัศน์ของการเลือกตั้ง เรื่องสิทธิ เสรีภาพ เรียกว่าสอนวิชาประชาธิปไตยแบบประถมศึกษาอย่างนั้นก็ได้ ครั้นมาดูผลงานที่ได้รับรางวัลระยะหลังมานี่ ขอบข่ายของวรรณกรรมการเมืองได้ก้าวขยับเรื่อยมา มีสีสันและบ่งบอก “สภาพ” ประชาธิปไตยที่มีเนื้อหาตามเนื้อสภาวะสังคมการเมืองในกาลเทศะมากขึ้น สังเกตว่า มีคำว่า “สังคม” พ่วงมาด้วย ซึ่งถือเป็นนิมิตรหมายอันดี ที่รัฐจะจัดสรรให้มีการ “มอบโล่” แก่ประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐตามที่รัฐ “มอบหมาย” ให้วิพากษ์วิจารณ์...


กลับมาถึงเล่มนี้ต่อ

มีเรื่องสั้นและบทกวีที่น่าสนใจอยู่เยอะ ที่น่าสนใจ คือ คำว่าการเมืองได้ขยายขอบข่ายมาถึงภาคสังคม

ลงลึกถึงวิถีชีวิตในรูปแบบของงานแนวอัถนิยมด้วย ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า การเมือง กับ สังคม ไม่อาจแยกออกจากกันเพื่อพิจารณาเชิงเดี่ยวได้ (วิเคราะห์จากผลงานในเล่มนะ ไม่ได้คิดเอาเอง) ซึ่งมีข้อดีเยอะ ในแง่กระบวนการขับเคลื่อนทางภาคการเมือง เหมือนคำกล่าวที่ว่า การเมืองอยู่ในถ้วยน้ำพริกของคุณ หรือ การเมืองอยู่ในกระแสเลือด หรือเราปฏิเสธการเมืองไม่ได้ เพราะการเมืองมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิต ซึ่งแนวคิดนี้ได้เคลื่อนย้ายมาจาก การเมืองคือการเลือกตั้ง จากผลงานการประกวดครั้งก่อน ๆ


ต่อแนวคิดดังกล่าว แม้นฉันจะค่อนข้างเป็นปฏิปักษ์กับแนวคิดนี้อยู่บ้าง เพราะการเมืองไม่ได้อยู่ในกระแสเลือดฉันถึงขั้นจะปลุกเร้าให้ฮึกเหิมได้ง่าย ๆ อีกต่อไปแล้ว ด้วยเชื่อว่า ถ้าวิกฤตภาคการเมืองขณะนี้จะขับเคลื่อนไปได้อีกก้าวหนึ่ง เส้นเลือดของประชาชนคนไทยจะมีความเข้มข้นของการเมืองน้อยลง เพราะเราต่างได้รับบทเรียนและบาดแผลฉกาจฉกรรจ์มาแล้ว เราจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง (ในภาคอื่นที่ไม่ใช่การเมือง) มากกว่าจะพึ่งภาคการเมืองเป็นหลักใหญ่ แต่สำหรับเล่มนี้ ต้องปลดทัศนะส่วนตัวลงก่อน


มาดูภาพรวมเพื่อพิจารณาว่า หลักใหญ่ใจความหรือสาระสำคัญของพานแว่นฟ้าเล่มนี้ คืออะไร ส่วนไหนเป็นพลความ ส่วนไหนเป็นลักษณะเฉพาะกาล และสิ่งใดเป็นสิ่งที่จะเป็นจริงอยู่ชั่วนิรันดร์ โดยเหมารวมทั้งเล่ม ไม่จำแนกแยกออกเป็นเรื่อง ๆ ไป เพราะเข้าใจว่านี่คือเอกภาพที่คณะกรรมจัดการประกวดลงความเห็นร่วมกัน ดังนั้น ผลงานรวมเล่มนี้ จึงไม่ใช่ผลงานของนักเขียนหรือกวีเท่านั้น หากแต่ยังมี “มือ” อันทรงวิจารณญาณของคณะกรรมการ จัดแต่งให้ออกมาเป็นเช่นนี้ด้วย

ผลงานทั้งหมดสามารถจำแนกออกได้หลายพวก เช่น กลุ่มงานที่มุ่งเล่าประวัติศาสตร์ ความเป็นมา เหตุการณ์สำคัญอันนำมาซึ่งประชาธิปไตยทุกวันนี้ แน่นอนย่อมไม่พ้น เหตุการณ์ตุลา
16 หรือตุลา 19 หรือพฤษภาทมิฬ ที่เป็นโศกนาฏกรรมนองเลือดอะไรก็แล้วแต่ แต่น่าสนใจตรงที่เขาไม่ระบุเงื่อนเวลาลงไปให้ชัดเจน อาจเป็นเพราะเรื่องพวกนี้ถูกกล่าวซ้ำ ๆ อยู่แล้วทุกปี โดยกลุ่มงานนี้มีจำนวนไม่มากนักโดยเฉพาะเรื่องสั้น แต่บทกวีนั้นมีมากบทกว่า


กลุ่มงานที่แสดงผลกระทบ ความขัดแย้งในปัจจุบัน เช่น ปัญหาชายแดนใต้ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างมวลชนเสื้อแดง เสื้อเหลือง ซึ่งกลุ่มงานนี้มีจำนวนมากที่สุด พร้อมกันนั้น ยังมีบางเรื่องที่พยายามเสนอทางออกให้ด้วย


กลุ่มงานที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตในรูปแบบสังคมประชาธิปไตย ซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งชี้ชวนให้หาทางออกโดยกลับมาสู่วิถีธรรม วิถีชีวิตดั้งเดิม หรือสะท้อนเหตุการณ์ให้เกิดความสะเทือนใจ


พิจารณาแล้ว รวมเล่มนี้ให้น้ำหนักไปทางสองกลุ่มงานหลัง เป็นการนำเสนอภาพที่เป็นวิถีชีวิตที่ได้รับผลกระทบต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม และผลกระทบนั้นได้หยั่งลึกมาถึงขั้นทำลายความมั่นคงในชีวิต นี่คือเป็นสาระสำคัญของเล่มก็ว่าได้


ยกตัวอย่างเรื่อง เราติดอยู่ในแนวรบเสียแล้ว แม่มัน! ที่รถยนต์ของตัวละครเอกถูกทุบ เพราะติดสติ๊กเกอร์ภาษาอาหรับไว้หน้ารถ ดูเหมือนดุสิต หวันฯ ผู้เขียนจะให้อารมณ์แบบทีเล่นทีจริง หรือยั่วล้อมากกว่า เพราะดุสิตใช้ปัจจัยภายนอกทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็นสติ๊กเกอร์ที่ติดรถอันเป็นเหตุให้รถถูกมือดีที่มองไม่เห็นทุบ และเป็นการทุบทำลายจุดที่มั่นคง เพราะเขาเขียนให้รถยนต์คันนั้นได้มาจากน้ำพักน้ำแรงเพียว ๆ ไม่ใช่ชิงโชคมาได้ รวมถึงเรื่องการแต่งกายในเที่ยวปัตตานีที่ต้องแต่งอย่างไทยมุสลิมจะราบรื่นกว่าแต่งแบบไทยพุทธ


ความมั่นคงที่ถูกทำลายลงนั้น ไม่ใช่เฉพาะภาพลักษณ์ภายนอกอย่างที่ดุสิตนำเสนอเท่านั้น หากแต่ยังลงลึกถึงความเป็น “ชาติ” ในเรื่องลมหายใจของแม่ ที่ อาแซ เยาวชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ผู้เข้าร่วมกระบวนการก่อการร้าย ต้องนำพาแม่ของเขาที่ถูกงูพิษกัดไปส่งโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางรถจักรยานยนต์ต้องประสบกับตะปูเรือใบที่เขาเป็นคนโปรยไว้เป็นกับดักฝ่ายตรงข้ามคือเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นเหตุให้แม่ต้องตายเพราะไปถึงมือหมอช้าเกินไป วันเสาร์ เชิงศรี ผู้เขียนได้สร้างให้โศกนาฏกรรมนี้สะท้อนไปถึงวิถีชีวิตและจิตวิญญาณ โดยใช้ “งูพิษ” ซึ่งเปรียบได้กับ “อาแซ” เป็นผู้ทำลาย “ฆ่า” แม่ อันหมายถึงแผ่นดินเกิด สุดท้ายต้องสูญเสีย “แม่” ไป และต้องเสียใจทีหลัง เพราะแท้จริงแล้ว “ศัตรู” คือ เจ้าหน้าที่รัฐนั้น ไม่ได้ “น่ากลัว” อย่างที่คิด หนำซ้ำยังมีน้ำใจพาแม่ขึ้นรถปิคอัพไปส่งโรงพยาบาลด้วย


นอกจากนั้น ความมั่นคงดังกล่าวได้ยังฝังรากอยู่ในวิถีชีวิตในรูปของความจริงอีกชุดหนึ่ง ที่ถูกจัดสรรโดยผู้มีอำนาจ จากเรื่อง ในทัศนะของคนบาป ที่วาฮาบ ผู้เห็นเหตุการณ์ยิงทหารพรานกับตาตัวเอง ขณะที่กลุ่มผู้นำชุมชนหรือผู้มีอำนาจเหนือกว่าได้สร้างความจริงชุดใหม่อันเป็นเท็จในสายตาของวาฮาบ เพื่อปลุกระดมความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่รัฐหรือเพื่ออะไรก็ตามแต่ ผู้เขียนไม่ได้เจาะจงลงไป แต่วาฮาบ ผู้ตกอยู่ในสภาพคนชั่วประจำชุมชน ทำให้เขาไม่สามารถพูดความจริงให้ใครเชื่อได้


เหล่านี้คือผลกระทบอันเป็นสาระสำคัญของวรรณกรรมการเมือง ที่ถูกนำเสนอผ่านวรรณกรรมการเมืองเล่มนี้ ซึ่งถือได้ว่าเข้าตรงจุดสำคัญ แต่น่าเสียดายที่หนังสือเล่มนี้ ไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์เท่าที่ควร


ขณะที่พลความที่สำคัญรองลงมาในการวิจารณญาณของคณะกรรมการคือ วิถีชีวิต ซึ่งก็คือ วิถีแบบประชาธิปไตย อันได้แก่เรื่อง แกง ที่พยายามจะนำความสมานฉันท์มาใส่ ชามแกง ของสองฝ่าย ทั้งเหลืองและแดง เหมือนจะปรุงจนได้ครบทุกรส แต่ไม่ทราบว่า รสชาติออกมาจะกลืนลงหรือเปล่า


อีกผลงานหนึ่งคือ จดหมายถึงแม่ รางวัลชนะเลิศประเภทบทกวี ที่เขียนถึงวิถีชีวิตซึ่งได้รับผลกระทบ แต่ความสมานฉันท์ไม่ได้ถูกกล่าวถึงอย่างง่าย ๆ เหมือนกับผลงานอื่น ที่ใช้สัญลักษณ์ “รกแม่ฝังไว้ใต้บันได” ทำให้แม้วิถีจะถูกทำลายให้ “ทุกข์ทุกย่างที่วางเท้า” ยังไม่สามารถทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิมได้


น่าสังเกตว่า ผลงานกลุ่มนี้ที่ไม่ได้ชี้จำเพาะลงไปตรงบรรทัดของความสมานฉันท์ ได้วางรากฐานความเชื่อในผลงานว่า เป็นเพราะ “ซาตาน” และความหวังอยู่ “บนฟ้า” ทั้งสิ้น อย่างในบทกวี เปลวเทียนแห่งแผ่นดิน และหรือในบทอื่น ซึ่งสะท้อนว่า อำนาจ ซาตาน และ อำนาจ บนฟ้า นั้นนั่นเองที่จะเป็นเครื่องมือช่วยคลี่คลาย หรือบรรเทาปัญหา และอาจทำให้คิดไปได้ว่า ปัญหาภาคการเมืองสังคมจะไม่ถูกแก้ไขได้ด้วยเครื่องมือทางการเมืองและสังคม แต่มีสิ่งอื่นที่มีอำนาจเหนือกว่าตั้งท่ารออยู่ “บนฟ้า” และนี่อาจเป็น “ทางออก” ที่จะเป็นจริงชั่วนิรันดร์ก็เป็นได้


เหล่านั้นเป็นภาพรวมที่สะท้อนให้เห็นความ ยังมีอำนาจอื่นเช่น ศาสนา หรือ ความหวังสูงสุด อื่นใด นอกจาก พานแว่นฟ้าแห่งประชาธิปไตย ให้ใช้เป็นเครื่องมือแก้ไขปัญหาอยู่ เพียงแต่วันนั้นยังไม่ถึง


นี่คือวรรณกรรมการเมืองเล่มนี้ นับว่าน่าอ่าน อีกอย่างหนึ่ง น่าสังเกตว่า ผลงานที่สะท้อนความสามานย์ของนักการเมืองที่เคยเห็นในเล่มก่อนหน้านี้ ได้ลดลง เล่มนี้มีเพียงเรื่อง ผู้ถูกเช็คเด้ง เท่านั้น ทั้งที่ความชั่วของนักการเมืองยังมีอยู่ทุกยุคสมัย หรือมันถูกเขียนถึงจนเละหมดแล้วก็ไม่ทราบ


ยังมีข้อสังเกตเล็กน้อยที่ไม่อาจผ่านเลยได้คือ บทกวีการเมืองชนะเลิศ ชื่อ จดหมายถึงแม่ ผลงานของ ปัณณ์ เลิศธนกุล ทราบมาว่าเป็นผลงานที่เคยส่งประกวดเวทีนี้ในปีก่อน แต่ต้องเจอกับอุบัติเหตุทางการเมืองทำให้ผลงานที่ตามจริงจะได้รางวัลในปีนั้น ถูกแบนไปเสียก่อน ผู้เขียนจึง “ลอง” ส่งผลงานเดิมมาประกวดใหม่ในปีนี้เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง และได้รางวัลชนะเลิศ เพียงแต่เขาได้เปลี่ยนชื่อผลงานและชื่อผู้เขียนเสียใหม่ เขาคนนั้นคือ ศิลปินรางวัลศิลปาธร นามศิริวร แก้วกาญจน์ นั่นเอง งานนี้ถือว่าไม่ผิดกติกา เพราะไม่ได้ระบุไว้ แต่ฉันถือเป็นเรื่องตลกซะมากกว่า มันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เอวัง.

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…