นายยืนยง
ชื่อหนังสือ : เดอะซีเคร็ต
ผู้เขียน : รอนดา เบิร์น
ผู้แปล : จิระนันท์ พิตรปรีชา
พิมพ์ครั้งที่ 54 : มีนาคม 2551
จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์อมรินทร์
(-1-)
ถือเป็นเรื่องแปลกขนาดเล็ก ที่ สวนหนังสือ จะเขียนถึงหนังสือแนวที่เราคุ้นเคยจะเรียกว่า ฮาวทู เพราะที่ผ่านมาล้วนเป็นกระบวนของหนังสือแนววรรณกรรมแทบทั้งสิ้น ถ้าเปลี่ยนชื่อจาก สวนหนังสือ มาเป็น สวนวรรณกรรม คงจะเข้าทีกว่า
เพราะเหตุใดไม่ทราบ ฉันจึงรู้สึกต่อต้านหนังสือในแนวฮาวทูเหล่านั้น ทั้งที่เคยเปิดอ่าน ๆ ดูแล้วพบว่ามันก็ ไม่เลว แต่ยังไม่ถึงติดตราตรึงใจเท่านั้นเอง ความรู้สึกไม่เป็นมิตรดังกล่าวนั้น ยังแผ่อำนาจไปถึงหนังสือตามกระแสแนวอื่น ๆ อีกเสียด้วย เปรียบกับบุคคลต้องคำสาปให้อยู่นอกกระแสเรื่อยไปอย่างนั้นเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ฉันบอกเตือนตัวเองว่า หากคำสาปมีจริง สมควรแล้วหรือที่จะพึงพอใจอยู่ภายใต้เวทย์เหล่านั้น
แวบแรกที่ได้เห็นเจ้าเดอะซีเคร็ต ประชาสัมพันธ์ตัวเองอย่างมโหฬาร เป็นประวัติการณ์ตามร้านหนังสือ หน้าโฆษณานิตยสารต่าง ๆ คำว่า โอเวอร์โหลด ผุดขึ้นมาในความรู้สึกทันที มันทำให้ฉันไม่คิดแตะต้องมัน กระทั่งเวลาล่วงเลยมานานจนลืมไปว่า ในโลกนี้เคยมีหนังสือชื่อเดอะซีเคร็ตอยู่ด้วยนั่นแหละ ฉันจึงได้พบกับมันอีกครั้งที่ร้านหนังสือเช่า
ใบหน้าปกของมันดูขะมุกขะมอม ไม่สมกับเป็นหนังสือขายดีติดอันดับ คงไม่ได้รับการเหลียวแลจากสาวกร้านเช่า ดูน่าเห็นใจผิดกับตอนที่มันเป็นหน้าเป็นหน้าตาให้กับอมรินทร์พริ้นติ้ง ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสิ่งพิมพ์บ้านเรา แวบนั้นมันดูคล้ายหนังสือนอกกระแสยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
ฉันหยิบมันมาอ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็วาง รู้สึกฮึกเหิมถึงชัยชนะของตัวเอง ที่เคยปรามาสหนังสือฮาวทูตามกระแสทั้งหลายแหล่ว่า ช่างไร้สาระ ตื้นเขิน และเห็นแก่ตัว แต่ด้วยเป็นคนประเภทไม่ชอบทิ้งอะไรให้ค้างอยู่ จึงพยายามสะสางอ่านต่อจนจบ
หลังจากนั้นปีเศษ ฉันได้พบกับมันอีกครั้ง เป็นการพบปะซึ่ง ๆ หน้าเลยทีเดียว ว่าไปแล้ว ก็เนื่องมาจากการที่ฉันได้อ่านหนังสือเดอะท๊อปซีเคร็ต อันเป็นหนังสือลูกคู่ของมันนั่นเอง ลูกคู่เล่มนั้นเป็นผลงานของทันตแพทย์สม สุจีรา ซึ่งวางแผงออกมาแล้ว 2 ภาคด้วยกัน
สรุปว่า ฉันไม่ได้เป็นบุคคลต้องคำสาปให้อยู่แต่ในโลกของหนังสือนอกกระแสอย่างที่คิด และไม่ได้พึงพอใจกับโลกวรรณกรรมมากที่สุด ดังที่ตัวเองเข้าใจ
และหากจะกล่าวว่า เดอะซีเคร็ตและเดอะท๊อปซีเคร็ต ทำให้ฉันได้ค้นพบบางสิ่งที่ขาดหาย และสิ่งนั้นคือ ความลับ ละก็ ฉันออกจะเขินอายอย่างมากทีเดียวที่ต้องกล่าวเช่นนั้น รู้สึกเหมือนหน้าแตกที่ต้องกลับคำพูดในที่สุด แต่เหนือจากความอับอายเหล่านั้นฉันได้ค้นพบว่า ฉันสามารถยอมรับตัวเองที่เปลี่ยนความคิดได้ในที่สุด และฉันยังกล้ายอมรับนับถือตัวเองได้อย่างเต็มภาคภูมิอีกด้วย เหมือนกับการได้ฝ่าทะลุกำแพงที่ปิดกั้นความคิดของตัวเองให้พังทลายลงในที่สุด
นั่นคือสิ่งที่ได้รับจากหนังสือฮาวทู ซึ่งตัวเองเคยสบประมาทมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ขอบคุณเดอะซีเคร็ตและลูกคู่อย่างเดอะท๊อปซีเคร็ตที่ถอนคำสาปให้ฉัน
(-2-)
คนที่เคยอ่าน เดอะซีเคร็ต ย่อมรู้สึกได้ถึงเนื้อหาที่ให้ความสำคัญกับกระแสความคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักปฏิบัติในเดอะซีเคร็ต ที่มีสาระตรงกับหลักพุทธธรรมราวกับผุดขึ้นมาจากรากฐานอันเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นหลักการกำหนดความคิด ความรู้สึก ฝึกกำหนดรู้ การทำจิตใจให้ผ่องแผ้วเบิกบานอยู่เสมอ หลักของความเพียร หลักของการสำนึกรู้คุณ ซึ่งการวิเคราะห์ให้ละเอียดลึกซึ้งในทางหลักพุทธธรรมนั้น หนังสือเดอะท๊อปซีเคร็ตได้อธิบายไว้โดยละเอียด ชัดเจน แจ่มแจ้งเลยทีเดียว จนกล่าวได้ว่าน่าศึกษามากกว่าหนังสือต้นแบบอย่าง เดอะซีเคร็ต ด้วยซ้ำไป
นอกจากนั้น เดอะท๊อปซีเคร็ตได้ยกอมตะวาจาของ ไอน์สไตน์ "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" มาอธิบาย โดยอ้างถึง ทฤษฎีสัมพันธภาพ ของไอน์สไตน์ ให้เห็นถึงความสอดคล้องกันกับแก่นสารจากเดอะซีเคร็ตด้วย โดยทันตแพทย์สม สุจีรา ผู้เขียนยังได้เน้นย้ำเป็นพิเศษถึงความสอดคล้องกับหลักพุทธธรรมอย่างน่าสนใจ และเน้นหนักในเรื่องของการฝึกสร้างมโนภาพที่มีอานุภาพเข้มแข็ง การฝึกจิตใจให้ตั้งมั่น มั่นคง ซึ่งสอดรับต่อหลักการของเดอะซีเคร็ต
หลักการของเดอะซีเคร็ตดังกล่าว ที่จะทำให้สมปรารถนาทุกประการ มีอยู่ 3 ข้อ
1.ขอ
2.เชื่อ
3.รับ
(ง่าย ๆ แค่นี้ แต่มีเงื่อนไขซับซ้อน จะมีสักกี่คนที่ทำได้สำเร็จ )
ขณะเดอะซีเคร็ตและเดอะท๊อปซีเคร็ตได้บอกเราว่า ความคิดบวกสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเราล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งการดึงดูด กฎนั้นบอกว่า สิ่งที่เหมือนกันจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน ดังนั้น เมื่อเราคิดอะไรสักอย่าง เรากำลังดึงดูดความคิดแบบเดียวกันเข้ามาหาตัวเรา
ความคิดมีแรงดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก และความคิดมีคลื่นความถี่
ถ้าเราคิดถึงสิ่งที่ดี เราก็จะได้รับสิ่งดี ๆ เหล่านั้น
แต่ถ้าเราคิดถึงสิ่งร้าย ๆ เราก็จะได้รับสิ่งร้าย เป็นไปตามกฎแห่งการดึงดูด
กล่าวง่าย ๆ คือ คิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น
ถ้าหากเราตั้งความหวัง เดอะซีเคร็ตก็มีกฎให้ใช้ 3 ข้อ ดังกล่าวนั่นแหละ คือ ขอ เชื่อ รับ
คำถามก็คือ ใครล่ะจะปฏิบัติได้จริง
ทันตแพทย์สม สุจีรา บอกไว้ในเดอะท๊อปซีเคร็ตว่า ข้อที่ทำได้ยากคือ การเชื่อ และการรับ เนื่องจากต้องอาศัยจินตนาการ การสร้างมโนภาพ จนเกิดเป็นภาพเหมือนจริงในความรู้สึกนึกคิดของเรา จึงจะบรรลุเป้าหมายที่เราตั้งความหวังเอาไว้
นอกจากนั้นยังได้อธิบายถึงหลักการทำงานร่วมกันระหว่างจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกในเชิงจิตวิเคราะห์และในเชิงพุทธธรรม และสรุปว่า เราสามารถสร้างจิตใต้สำนึกขึ้นมาใหม่ได้ด้วยตัวเอง การสร้างจิตใต้สำนึกอย่างใหม่นั้นก็เท่ากับว่าเราได้สร้างชีวิตขึ้นใหม่นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ฉันถือว่าเหล่านี้ล้วนเป็นความรู้ ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ที่กล่าวเช่นนี้ ไม่ได้อวดอ้างว่าตัวเองเป็นผู้รู้ แต่เป็นเพราะศาสตร์เหล่านี้ เราสามารถหาอ่านศึกษาได้จากหนังสือเล่มอื่น ๆ ทั้งสายธรรมและสายวิชาการ แล้วอะไรล่ะคือ ความลับ ที่ว่า
คุณไม่จำเป็นต้องอ่านเดอะซีเคร็ตก็ได้ แม้กระทั่งเดอะท๊อปซีเคร็ตเองก็ตาม เพราะความลับไม่ได้อยู่ในหนังสือ มันอยู่ที่ตัวคุณเองทั้งหมด
สำหรับฉันเมื่อได้ 2 เล่มความลับแล้ว แม้นจะหวังไปกับวัตถุปัจจัยภายนอกเฉกเช่นคนอื่นทั่วไป หวังความสุขสมบูรณ์เช่นปุถุชนทั่วไป แต่เหนืออื่นใด ฉันปรารถนาอย่างแรงกล้าที่ตื่นขึ้นอีกครั้ง และฉันก็ได้ตื่นขึ้นจริง ๆ ฉันตื่นขึ้นพร้อมกระบวนความคิดอย่างใหม่ วิธีคิดแบบใหม่
เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ง่ายเช่นเดียวกับพลิกฝ่ามือ นั่นแหละคือ ความลับของฉัน แล้วความลับของคุณล๋ะ คืออะไร.