Skip to main content

นายยืนยง

ชื่อหนังสือ : ลับแล, แก่งคอย

ผู้แต่ง : อุทิศ เหมะมูล

ประเภท : นวนิยาย

จัดพิมพ์โดย : แพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก 2552


แม้นจะพยายามทำตัวเป็นคนหัวสมัยใหม่เพียงไร ฉันก็ยังไม่อาจสลัดพื้นฐานความคิดอย่างอนุรักษ์นิยมอยู่ เหมือนอยากจะหนีแต่ก็ไปไม่พ้นสักที

 

เช่นเดียวกันการ แสดงทัศนะเกี่ยวกับวรรณกรรมที่ผ่านมาโดยเฉพาะกับ นวนิยายเรื่อง ประเทศใต้ ที่ฉันตั้งใจ "ลบ" ตัวผู้แต่งหรือนักเขียนออกไปจาก "ตัวบท" วรรณกรรมเสีย เน้นความสำคัญถึงโครงสร้างของตัวบท รวมทั้งภาษาที่มีธรรมชาติเป็นอย่าง "สัญนิยม" (convention) ระหว่างผู้แต่งกับผู้อ่าน เรา "เข้าใจ" กันตามสัญญะที่ปรากฎขึ้นจากตัวบท

 

แต่ยิ่งต้องการ "ลบ" ผู้แต่งออกไปมากเพียงไร มันกลับยิ่งหลอกหลอน คอยตอกซ้ำย้ำเตือน คอยชำแรกลงมาเป็นระยะ อย่างไม่รู้จุดหมายปลายเหตุ เช่นเดียวกับ "การเมือง" ที่ยิ่งอยาก "ตัด" ศักดินาออกไปจากใจมากเท่าไร ก็เหมือนดึงดูดความรู้สึกอย่างชนชั้นศักดินาอันไม่เสมอภาคกลับเข้าหาตัวมากเท่านั้น

 

ทั้งที่ประเทศใต้ เป็นนวนิยายที่เขียนได้ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่ง และฉันไม่ได้มีอคติแต่อย่างใดกับ ชาคริต โภชะเรือง ผู้แต่งเรื่องนี้ แต่ฉันกลับเขียนถึงประเทศใต้ อย่างร้าย ๆ อย่างหมิ่นแคลน ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย

 

สารภาพว่า ฉันไม่อยากเห็นวรรณกรรมชั้นดีอย่างประเทศใต้ ถูกทำให้หลงเลือนไปในทะแลแห่งข่าวสาร โดยเฉพาะกับกระแสด้านชาของรางวัลซ๊ไรต์ และโดยเฉพาะในตลาดหนังสือบ้านเรา เรียกว่าฉันอยาก "ป่วน" สร้างกระแสเล็ก ๆ สักครั้ง และจะป่วนอย่างไรได้ หากไม่ "พูดกัน" ในแง่ร้ายเข้าว่า

 

สุดท้าย ก็เพียงแค่ความหลงผิด เพราะวรรณกรรมไทยยังคงสงวนตัวอยู่เฉพาะกลุ่มผู้สนใจวรรณกรรมอัน "เงียบอย่างมีเงื่อนงำ" ตลอดมา

 

อีกข้อหนึ่งสำหรับเหตุผลที่ต้องให้ร้ายประเทศใต้ คือ ความคาดหวังเดิม ๆ ที่มีต่อนักเขียน ไม่เฉพาะชาคริต แต่เป็นนักเขียนไทย โดยเฉพาะในกรอบของวรรณกรรมสายที่ขนานนามตัวเองว่าสร้างสรรค์


แน่นอนที่นักเขียนย่อมทำงานเขียนของตนต่อเนื่องไป ถ้าไม่ -เผลอ- ตายไปเสียก่อน ขณะเดียวกัน นักเขียนก็ย่อมมีอุดมคติในการที่จะพัฒนาผลงานให้ก้าวล้ำไปข้างหน้า ฉันเชื่อ ไม่มีนักเขียนคนไหนอยากสตั๊ฟตัวเองไว้กับผลงานเล่มเดียว ชาคริตก็เช่นเดียวกัน

 

ฉะนั้น การชี้ - โยง ให้เห็นข้อไม่ดีต่าง ๆ ในผลงานอันมีคุณภาพของเขาจึงมาจากความคาดหมายเหล่านี้ และโดยเฉพาะกับการที่วรรณกรรมไทยหลายต่อหลายนัก ยังคงมุ่งมั่นทำงานเขียน สร้างวรรณกรรมที่ยึดอิงอยู่กับบริบทอื่น ๆ ของสังคม เช่น อิงสถานการณ์ หรืออิงการเมือง อิงกระแสธรรมะ ซึ่งถือว่ายังไม่ตระหนักในอำนาจของภาษาวรรณกรรมอย่างแท้จริง ที่สามารถก่อร่างสร้างตัวผ่านสัญนิยมทั้งหลาย เป็นวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าได้ด้วยตัวเอง หรือหากจะมีบริบทจากภายนอกเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ก็เป็นไปตามกระบวนการสื่อสารเท่านั้น หากใช่การจงใจใส่บริบทจากภายนอกให้เข้ามาสิงสู่อยู่ในวรรณกรรมแต่อย่างใด

 

ไม่ใช่ว่ายิ่งสถานการณ์ความรุนแรงภาคใต้ทวีความเข้มข้นขึ้นมากเพียงไร บรรดานักเขียนก็พากันเฮโลหยิบจับเอา "ข้อเท็จจริง" มาแปรรูปเป็นเรื่องแต่งอย่างวรรณกรรมจนหมดทุกหน่วยข้อเท็จจริงเหล่านั้น โปรดอย่าลืมว่า การนำเสนอข้อเท็จจริงหาใช่มีเฉพาะงานวรรณกรรมเท่านั้น ยังมีงานเขียนประเภทอื่นที่สามารถรองรับความศักดิ์สิทธิ์ของ "ข้อเท็จจริง" อยู่ เช่น งานสารคดี ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรเขียนวรรณกรรมที่อิงกระแสบริบทภายนอกแต่อย่างใด

และที่น่าห่วงไปพร้อมกับน่ากราบไหว้บูชาคือ การนำเอาพุทธธรรม พุทธปรัชญา หรือพุทธพจน์มาตีความ มาดัดแปลงแปรรูปให้เป็นวรรณกรรม อย่างที่นิยมกันในขณะนี้

 

ฉันไม่เข้าใจว่า วรรณกรรมยังมีคุณค่าในตัวเองไม่ได้เชียวหรือ หรือวรรณกรรมต้อง "เกี่ยว" เอาคุณค่าในบริบทอื่น ๆ ที่ต่างก็มีคุณค่าอยู่ในตัวแล้วโดยไม่ต้อง "พึ่ง" วรรณกรรม มาแปรรูปเป็นรสชาติใหม่ แม้นว่าถึงที่สุดแล้ว มนุษย์ย่อมโหยหาศาสนาอย่างที่ฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้ เคยสารภาพไว้เมื่อศตวรรษที่แล้ว แม้นว่าเราจะโหยหาศาสนาเพียงใด ฉันก็ไม่อยาก "เสพธรรมะ" ผ่านการ "เสพวรรณกรรม"

ไม่อยากเห็นนักเขียนตั้งธงหรือปักหมุดไว้ทีศาสนาข้อเดียว หรือปรัชญาข้อเดียว ยกตัวอย่างความมุ่งมาดปรารถนาของ ฟ้า พูลวรลักษณ์ ที่เขาได้เขียนอธิบาย "โลก" อธิบายสรรพสิ่งในห้วงเอกภพออกมาในรูปแบบของนวนิยายอันอุดมไปด้วยภูมิปัญญาล้ำลึกใน โรงเรียนที่เงียบที่สุดในโลกทั้งเล่ม 1 และ 2 ที่ฉันไม่สามารถอ่านให้จบลงไปโดยไม่ปวารนาตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์ฟ้านักเทศนาได้เลย แม้ฟ้าจะเป็นศาสดา ฉันก็อาจจะทำใจได้ยาก

 

ฉะนั้น ฉันจึงไม่อยากโยงต่อไปถึงชาคริต และประเทศใต้ของเขาว่า ทำไมสุธนต้องเข้าร่วมขบวน "ธรรมยาตรา" ด้วย และทำไม "ธรรมยาตรา" จึงทำหน้าที่ดั่งเอกบุรุษอย่างเสมอต้นเสมอปลาย

 

เอาล่ะ เราคงต้องคาดหวังถึงผลงานในอนาคตของนักเขียนไทยกันต่อไป

 

ขณะที่บรรดาวรรณกรรมคาดหวังกันอย่างแข็งขันราวกับเห็นพ้องต้องกันว่าพุทธธรรมเท่านั้นที่จะเยียวยาความเจ็บปวดของมนุษยชาติได้ ยังมีนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่ก้าวขึ้นมาด้วยวิสัยของคนหนุ่ม เป็นนวนิยายที่อิงบริบทอันทรงอรรถประโยชน์และทรงอิทธิพลในสังคมน้อยมาก แต่กลับอุดมไปด้วยพลังของตัวบทเอง อย่างนวนิยายเรื่องยาว ลับแล, แก่งคอย ผลงานของอุทิศ เหมะมูล ที่ถือเป็นนวนิยายที่เขียนด้วยภาษาซึ่งดึงดูดเราให้ก้าวพ้นพรมแดนของ "เรื่องแต่ง" ได้อย่างง่ายดายราวกะพริบตา

 

ลับแล,แก่งคอย อันอุดมด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ นานา อุดมด้วยบาดแผลเรื้อรัง ความฝังใจ ที่สามารถเกิดขึ้นกับมนุษย์อย่างเรา ๆ ได้ทุกรูปนาม เป็นบาดแผลที่ต้องการเยียวยาอย่างทันท่วงที แต่มันเหมือนไม่มีวันปลอดเชื้อร้ายแห่งความทุกข์ที่คอยคุกคามอยู่ทุกขณะจิต

 

เรื่องมีอยู่ว่า... เรื่องเล่าถึง เหตุการณ์ในชีวิตจากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ มาถึงสุดท้ายของความตาย ส่งทอดเป็นจิตวิญญาณอันทุพลภาพสู่คนรุ่นลูกหลาน เพื่อค้นแสวงถึงความหมายอันแท้จริงของ "กาลเวลา" ที่ผ่านพ้นไป

 

ในนามของความเปลี่ยนแปลงอันกลับกลอกสิ้นดี

ฉันไม่เห็นด้วยแม้แต่น้อยที่ผู้แต่งเรื่องนี้ หยิบฉวยเอาวาทะของนักเขียนผู้ทรงอิทธิพลของโลกมาใช้เป็นบทนำเล็ก ๆ ในแต่ละภาคทั้ง 5 ภาคของนวนิยายเรื่องนี้ แม้นว่ามันจะเป็นความลงตัวมากมายเพียงไรก็ตาม หรือมันจะสื่อสารถึงนัยยะอื่นอันสลักสำคัญยิ่งต่อนวนิยายมากเพียงไร มันก็ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ทั้งสิ้น

 

ขณะที่กาลเวลาหายใจของมันอยู่อย่างสม่ำเสมอนั้น มันได้กะเกณฑ์ ได้ฉีกทึ้ง ได้ชำแรกเอาความรู้สึก นึก คิด และจิตวิญญาณของเราอย่างหน้าตาเฉย ลับแล,แก่งคอยเองได้ทำหน้าที่เป็นสถานพำนักที่รอคอยการค้นพบ รอคอย..ขณะที่เร่งเร้าผู้อ่านอย่างเราทุกขณะ จนบางครั้ง มันดูเหมือนนวนิยายสืบสวนสอบสวน ที่ตัวฆาตกรคือ "ข้อเท็จจริง" ในนามของ "ความเป็นจริง" ที่จะไขรหัสสัญญะต่าง ๆ ซึ่งแขวนรอการค้นหาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง เริ่มตั้งแต่

 

-ลับแล ชื่อเมืองอันเป็นต้นสกุลของผม มาถึงความทับซ้อนของตัวละครระหว่างลับแล (น้องชาย) กับแก่งคอย (พี่ชาย) การที่ลับแล "โยน" บุคลิกด้านร้ายที่มีอยู่ในตัวให้เป็นตัวตนของอีกคนคือ แก่งคอย กระทั่งแขนข้างที่บิดงอผิดรูปของลับแล

 

ลับแล,แก่งคอย บอกเล่าเรื่องราวของสัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์ ความหยั่งรู้ และภูมิปัญญาอันหมิ่นเหม่ และหากว่ามันจะเป็นนวนิยายเชิงอัตชีวประวัติ ของผู้แต่ง อุทิศ เหมะมูล ฉันจะไม่ถามต่อเลยว่า แล้วชีวิตของนายอุทิศ เหมะมูลและโคตรเหง้าบรรพบุรุษเขาจะมีฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์อะไรที่จะทำให้นวนิยายเรื่องนี้สลักสำคัญหรือทรงคุณค่าขึ้นมาได้ ก็แค่ประวัติคนธรรมดา ๆ ไม่ได้เป็นบุคคลผู้ทำคุณูปการแก่ประเทศชาติบ้านเมืองสักหน่อย เพราะนั่นไม่ใช่คำถามที่ควรถามกับนวนิยายเรื่องนี้

 

เพราะมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากทัศนะคติที่เชิดชูวีรบุรุษ หากแต่มันได้บอกกล่าวแก่เรา ตั้งถามร่วมกับเราอย่างองอาง และอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่บ้างว่า ชีวิตนั้นแท้แล้วเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ หรือเพียงไหน แท้จริงแล้วอะไรทำให้เราเจ็บปวด อะไรเปลี่ยนแปลงเรา อะไรให้กำเนิดเรา และอะไรได้พรากเราไปจากชีวิตที่แท้ของเรา

 

ข้อสุดท้าย มันได้บอกแก่เราอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ชีวิต เป็นมากกว่า ภูมิปัญญา ที่เราจะกล่าวขานถึงความสำคัญของมัน

 

ชีวิตไม่ได้ประกอบขึ้นจากความทรงจำ และร่องรอยต่าง ๆ ที่ปรากฎเท่านั้น หากแต่มันดำเนินของมันมาแต่บรรพกาล ทั้งที่ปรากฎและไม่เคยปรากฎ ทั้งที่หลงลืมไปแล้ว และได้เลือกจดจำทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง และทั้งที่มันถูกบิดเบือนครั้งแล้วครั้งเล่า

 

มันได้ฝังอยู่ใน "สภาพ" ของจิตวิญญาณอันฟุ้งกระจาย และไร้พันธะต่อกายภาพ หากเมื่อ "ภูมิประเทศ" แห่งสภาพจิต ถูกกดดัน ถูกไถ่ถามอย่างจะตั้งคำถาม ถึงความมีอยู่ของมัน เมื่อนั้นเอง บรรดาความเจ็บปวดรวดร้าวทั้งหลายทั้งปวงที่บิดผันอยู่เป็นบาดแผลแห่งการจองจำอันมีลมหายใจ ก็พร้อมย่างกรายออกมาเรียกร้องการชำระล้างความผิดบาปทั้งมวล ชำระล้างความจริงเท็จทั้งมวล เพื่อให้ปรากฎซึ่งความจริง มันจะคงอยู่ และเป็นเช่นนั้น

 

เหมือนกับที่ลับแลต้องยอมจำนนในขณะที่ตัวเขาเป็นดั่งสัญชาตญาณแห่งความเจ็บปวดทุรนทุรายอันฝังลึก พร้อมจะล้างแค้นหรือล้างบาปก็ได้ เขาเลือกจะล้างแค้น บิดเบือนความจริง เปลี่ยนความทรงจำแง่ร้ายเป็นภาพลวงตา เพื่อสถาปนาความจริงอันเป็นเท็จขึ้นมาตอบสนองสัญชาติญาณแห่งความเจ็บปวดนั้น

 

สุดท้าย ลับแล ต้องยอมจำนนต่อความจริง ต่อความผิดหวังครั้งใหญ่หลวงต่อหน้าหลวงพ่อ ในการชำระล้างที่ "แม่" ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดในครั้งเขาเป็นทารก และในครั้งนี้ แม่ก็ยังเป็นผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ภายใต้บทบัญญัติแห่งความจริง ละทิ้งความคุลมเครืออันหลอนลวงในอดีต เช่นเดียวกับที่แม่เป็นผู้บิดแขนข้างหนึ่งของเขาจนคดงอผิดรูปมาถึงทุกวันนี้

 

ลับแล,แก่งคอย มีลมหายใจขึ้นมาได้ก็ด้วย "มายาคติ" ทั้งหลายที่พยายามป้องปากพูดความจริง

 

ฉันคงเขียนถึงลับแล,แก่งคอย ไม่ได้มากไปกว่านี้ และไม่พยายามยึดเหนี่ยวโครงสร้างอันซับซ้อนดุจเดียวกับร่างแหแห่งชะตากรรมสามัญออกมาติติง หรือชื่นชมได้ บางทีสัญชาตญาณแห่งความเจ็บปวดชนิดเดียวกับที่มันเคยสถิตอยู่กับลับแล ได้เคลื่อนที่มาถึงและได้ดำรงอยู่ใน "ฉัน" เฉกเช่นเดียวกัน.

 

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…