Skip to main content

นายยืนยง

ฉันวาดหวังสวยหรูไว้กับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงบนผืนดินห้าไร่เศษ ที่ดินผืนสวยซึ่งพรั่งพร้อมไปด้วยปัจจัยแห่งกสิกรรม มีไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีบ่อน้ำขนาดใหญ่สองบ่อ และกระท่อมน้อยบนเนินเตี้ย ๆ รายล้อมไปด้วยทุ่งข้าวเขียวขจี แต่ระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน มายาแห่งหวังก็พังทลายลงต่อหน้าต่อตา ฉันจำเก็บข่มความขมขื่นไว้กับชีวิตใหม่ ในที่พำนักใหม่ ซึ่งไม่ใช่ผืนดินแห่งนี้
\\/--break--\>

สิบปีมานี่ ฉันย้ายบ้านสิบครั้ง เป็นตัวเลขที่ลงตัวเหลือเกิน ขณะเดียวกันมันก็เป็นชะตากรรมอันแสนสาหัสของครอบครัวเล็ก ๆ อย่างฉัน เพราะเราไม่ได้ย้ายบ้านกันด้วยกระเป๋าสามใบ หากแต่ต้องหอบข้าวของหลายเที่ยวปิคอัพบรรทุก เริ่มตั้งแต่ตู้บรรจุหนังสือเก่าแก่ชราภาพ ไปจนถึงเตาแก๊ส ตู้เย็น นี่ก็ร่ำ ๆ จะต้องระเห็จไปอีก ทั้งที่แสนเสียดายบรรยากาศในฝันแห่งท้องทุ่งชนบท แต่ความขมขื่นใจที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากอิทธิพลของบุพการีซึ่งมีแนวคิดแบบคลื่นลูกที่สอง และหลงบริโภคแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเหมือนหลงจตุคามรามเทพ ทำให้ฉันต้องอพยพครอบครัวหนีออกจากรากเหง้าแห่งบรรพบุรุษ

หากดูตามเค้าโครงเรื่องข้างต้น ที่เน้นย่ำไปถึงภาวะบ้านแตกสาแหรกขาดนั้น มีจุดกึ่งกลางอยู่ตรงความขัดแย้งระหว่างคนสองรุ่น คือรุ่นพ่อ-แม่ กับรุ่นลูก อันเป็นผลให้คนรุ่นลูกไม่อาจทานทนในการจะสานต่อชีวิตและอุดมการณ์ของคนรุ่นตัวเองภายใต้ปีกอิทธิพลของผู้ให้กำเนิด มีอันต้องกระจัดพลัดพรายย้ายถิ่นฐาน ตั้งรกรากใหม่ในผืนแผ่นดินอื่น จุดนี้เองที่ฉันอยากสรุปคร่าว ๆ ว่า เป็นต้นธารของการสร้างสรรค์ทางหนึ่ง และจุดขัดแย้งนี้เองที่ถูกนำมาใช้เป็นเนื้อหาของวรรณกรรมไทยหลายเรื่อง

เห็นชัดเจนจากนวนิยายเข้ารอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ปีนี้ ผลงานของวิมล ไทรนิ่มนวล นั่นคือ วิญญาณที่ถูกเนรเทศ ซึ่งให้น้ำหนักในการอพยพย้ายถิ่นฐานตั้งแต่รุ่นของปู่ทวดโน่น แต่วิมลไม่หยุดเท่านั้น เขาได้สานต่อไปอีกขั้น ในการสร้างความขัดแย้งขั้นลึกลงไปจิตวิญญาณ เช่นเดียวกับนวนิยายซีไรต์ปีนี้อย่าง ลับแล,แก่งคอย ของ อุทิศ เหมะมูล ที่ใช้การอพยพย้ายถิ่นฐานเป็นปมเปิดเรื่อง โดยตัวละครมุมานะสร้างครอบครัวใหม่ในดินแดนอันอุดมไปด้วยแร่ธาตุอันดึกดำบรรพ์ พร้อมกันนั้นอุทิศได้สานต่อในเชิงจิตวิเคราะห์ และเน้นย้ำไปที่การสร้างอัตลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวด้วย

 

ที่เกริ่นนำมายืดยาวก็เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงข้อแตกต่างระหว่างวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตกับแนวอื่น ๆ หรือวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตที่แตกหน่อต่อยอดมาจากยุคของอัศนี พลจันทร์ อันถือเป็นต้นธารใหญ่ของวรรณกรรมแนวนี้ เพราะขอบข่ายของคำว่า "แนวเพื่อชีวิต" ในงานวรรณกรรมนั้น จะแคบหรือกว้างขึ้นอยู่กับมุมมองอันผสานอยู่กับแนวความคิดของผู้มอง ในที่นี้จะเสนอมุมมองของตัวเองที่สั่งสมมาจากประสบการณ์ในการอ่าน จะแคบหรือกว้าง ก็รบกวนท่านผู้อ่าน "พิจารณา" ร่วมกันด้วยจะเป็นการดีที่สุด

ในมุมมองของฉันเห็นว่า วรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตมีความชัดเจน แม่นยำในการที่จะชี้ให้เห็นความขัดแย้งระหว่างชนชั้นทางสังคม ไม่ว่าชนชั้นนั้นจะถูกเครื่องมือชนิดใดจัดแบ่งก็ตาม

เช่น หากใช้บทบาทหน้าที่ที่บุคคลมีต่อสังคมมาเป็นเครื่องมือจัดแบ่ง จะได้ชนชั้นของข้าราชการ กับชนชั้นของชาวบ้าน ซึ่งมีบทบาทหน้าที่แตกต่างกันไป ทำให้เห็นชัดถึงเส้นทางของการใช้อำนาจที่มาจากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง และวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตก็มักแสดงออกในน้ำเสียงของการฟ้องร้องถึงการใช้อำนาจในทางที่ผิด การกดขี่ข่มเหงของข้าราชการต่อชาวบ้าน หรือการใช้อำนาจกดขี่กันเองระหว่างข้าราชการชั้นผู้ใหญ่กับชั้นผู้น้อย

หรือหากใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจจัดแบ่ง จะได้คนรวยกับคนจน วรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตก็มักสะท้อนภาพการเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ข่มเหงของคนรวยที่กระทำต่อคนจน แต่ความรวยกับความจนที่ว่านี้ ไม่ได้หมายถึงตัวเงินหรือมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างเดียว หากแต่หมายถึงโอกาสอันจะมาซึ่งชีวิตที่ดีกว่า ตามแนวความคิดแบบคนรวยนั้นจะรวยขึ้นมาได้ก็เพราะหากินกับคนจน หรือคนจนที่จนอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะถูกคนรวยปล้นความรวยของตนไปจนสิ้นเนื้อประดาตัว

นี่เป็นเพียงส่วนคร่าว ๆ ของแนวความคิดแบบวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตเท่านั้น นอกจากนี้ เราจะได้เห็นแนวความคิดที่จัดแบ่งโลกออกเป็นสองขั้ว คือ โลกเก่าแบบอนุรักษ์ขนบประเพณีความเชื่อเดิม กับโลกใหม่แบบวิทยาศาสตร์ซึ่งมักจะมาพร้อมกับลัทธิบริโภคนิยม, ความทันสมัย

ทั้งสามตัวอย่างนี้ เราสามารถจัดขั้วคู่ขัดแย้งได้สามคู่ คือ ข้าราชการกับชาวบ้าน คนรวยกับคนจน โลกเก่ากับโลกใหม่ ซึ่งล้วนเป็นคู่ขัดแย้งที่ถูกวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตนำเสนออย่างเป็นปฏิปักษ์ต่อกันตลอดเวลา ทำให้เกิดสงคราม เกิดผู้ชนะกับผู้แพ้ในที่สุด หากจะกล่าวว่าเป็นความซ้ำซากจำเจอันน่าหน่ายก็ว่าได้เต็มปากเต็มคำเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงเหตุผลข้างต้นเท่านั้น หากวรรณกรรมแนวนี้ยังมีน้ำเสียงของการเรียกร้องหาความยุติธรรม การร้องทุกข์ของผู้ถูกกระทำ อันเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความยากจนข้นแค้น กลิ่นสยดสยองของโศกนาฏกรรมซ้ำซากราวกับเป็นกลิ่นสาปประจำศตวรรษ หรือไม่ก็กลิ่นไออันแสนเศร้าหมองของสังคมประจำฤดูกาล

ประจำฤดูกาลอย่างไรหรือ

ฤดูกาลคือการหมุนวนซ้ำเป็นวาระตามกระแส เช่นกระแสแอนตี้สังคมเมือง วรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตก็จะโพนทะนาความระยำตำบอนของสังคมเมือง ขณะเดียวกันก็ร่ายมหากาพย์เชื้อเชิญผู้คนให้บ่ายหน้าไปสู่สังคมชนบทอันสวยงามดุจเดียวกับภาพทิวทัศน์ในกรอบประดับบ้าน หรือเมื่อผู้คนพากันเห่อบ้าเทคโนโลยี พี่เพื่อชีวิตก็จะถ่มถุยบรรดาสัญลักษณ์ของเทคโนโลยีเสพติดความเร็วทั้งหลาย เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนหันมาเสพติดอดีตอันแสนหวาน ครก สาก กระด้ง เตาฟืน ควันไฟ หรือถ้าสถานการณ์การเมืองระอุขึ้นตามวาระแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย พี่เพื่อชีวิตคนเดิมก็โหมโรงทฤษฎีเพื่อประชาชนกันครึกครื้นไปทั้งแผงหนังสือ เหมือนอย่างปัญหาสามจังหวัดชายแดนใต้ ก็พาเหรดเขียนวรรณกรรมแจกแจงปัญหาตื้นลึกหนาบางกันจนเป็นที่น่าศรัทธาราวกับเป็นพระมาโปรด 

ทั้งนี้ ฉันไม่ได้บอกว่าวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตจะเหลวเป๋วไปเสียหมด ตรงข้ามฉันอยากบอกว่าวรรณกรรมเพื่อชีวิตของเรานั้นตายแล้วและกำลังเกิดขึ้นใหม่อย่างเปี่ยมประสบการณ์มากขึ้น เคี่ยวกรำ ลุ่มลึกมากขึ้น ด้วยวิธีการเล่าเรื่องหรือกลวิธีการนำเสนอ ทำให้ผู้อ่านตีความได้ลึก-กว้างขึ้น เนื่องจากได้ขยายขอบเขตความรับรู้ไปสู่ปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของสองขั้วดังกล่าวเท่านั้น แต่มันได้ย้ายความสำคัญของเนื้อหาไปสู่หัวข้อของจิตวิเคราะห์ สู่จิตวิญญาณ ฯลฯ

โดยส่วนใหญ่เน้นย้ำไปที่การสร้างอัตลักษณ์ให้แก่ปัจเจกบุคคลอย่างขนานใหญ่ สังเกตได้จากตัวละครที่มีความซับซ้อนมากขึ้น มีการให้ภูมิหลังอันละเอียดยิบย่อย ให้รายละเอียดของประสบการณ์ความรับรู้อันนำไปสู่แนวความคิดอย่างใหม่ ๆ ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับฉันก็คือ วรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตได้ขยายขอบเขตไปสู่อาณาจักรแห่งความจริงอย่างใหม่ ๆ ด้วย สังเกตได้จากวรรณกรรมบางเรื่องที่อาจได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณกรรมแปลทั้งฟากยุโรป ละตินและญี่ปุ่น

ในที่นี้ขอยกบางส่วนของนวนิยายแปลเรื่อง บันทึกนกไขลาน (THE WIND-UP BIRD CHRONICLE ) มหากาพย์ข้ามกาลเวลาของคนสมัครใจว่างงาน ผลงานของ Haruki Murakame ที่ นพดล เวชสวัสดิ์ ฝากสำนวนแปลไว้ (พิมพ์ครั้งแรก กันยายน 2549, สำนักพิมพ์แม่ไก่ขยัน/มติชน) บางส่วนของบทจบภาคสอง นกพยากรณ์ หน้า 407

ผมไม่อาจหนี และไม่ควรหนีไปจากที่นี่ ไม่ไปครีต ไม่ไปที่ไหน ผมจะต้องดึงคูมิโกะกลับมาให้จงได้ ด้วยมือสองข้างของผม  ผมจะดึงคูมิโกะ กลับมายังโลกนี้ เพราะหากไม่ทำเช่นนั้น นั่นจะเป็นจุดจบของผม บุคคลผู้นี้คนที่เรียกว่า ผม' จะสลายหายไป ไม่มีวันได้ย้อนกลับมาอีกแล้ว

จากบางส่วนที่ยกมานั้น แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตัวตนในปัจเจกบุคคลที่คาบเกี่ยว สอดประสานอยู่กับปัจเจกบุคคลอื่น อย่างในเรื่องนี้ ผม' ต้องดึงภรรยาที่หนีจากเขาไปอย่างปัจจุบันทันด่วนให้กลับคืนมา ทั้งที่หล่อนเขียนจดหมายมาสารภาพกับเขาถึงสาเหตุที่ต้องหย่าก็เพราะลับหลังสามี หล่อนแอบไปนอนกับชายอื่น ทั้งที่ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา หล่อนไม่เคยทำให้เขาต้องระแวง และเขาก็เชื่อใจหล่อนตลอดมา ซึ่งตลอดทั้งเรื่องของบันทึกนกไขลาน มีการกล่าวถึงสัมพันธภาพระหว่างปัจเจกบุคคลอันแปลกประหลาดมหัศจรรย์ อยู่เหนือขอบเขตความรับรู้แบบสมจริง และเน้นย้ำถึงกระบวนการสร้างอัตลักษณ์ซึ่งอัดแน่นไปด้วยประสบการณ์เฉพาะตัว (ใครอ่านนวนิยายเรื่องนี้คงมีภาพฝังใจกับมันไม่น้อยทีเดียว)

ส่วนใครที่ติดตามวรรณกรรมจากกลุ่มปักษ์ใต้หลายกลุ่มจะเห็นการเกิดใหม่ครั้งนี้อย่างกว้างขวาง (ไม่ได้หมายความว่าวรรณกรรมจากภาคอื่นจะไม่ได้เกิดใหม่นะ) อย่างนวนิยายเข้ารอบสุดท้ายซีไรต์ปีนี้ เรื่องประเทศใต้ ของ ชาคริต โภชะเรือง เป็นต้น

แต่ที่น่าสังเกตอีกข้อหนึ่ง คือ เดี๋ยวนี้ พี่ ๆ วรรณกรรมเขาหันมาเป็นพวกธรรมะธัมโมกันเยอะ แต่เขาเน้นไปที่การตีความพระธรรมคำสอน หรือพุทธประวัติ ไม่ก็ตำนานเชิงพุทธ เพื่อนำเสนอศักยภาพของพุทธธรรมในวรรณกรรมหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ แต่เขาก็พยายามชี้ให้เห็นความสามารถในการตีความให้แตกต่างไปตามยุคสมัย ทั้งลึกซึ้งและสมเหตุสมผลกว่าบทสรุปห้วน ๆ อย่าง "กฎแห่งกรรม" หรือบางเรื่องเขาก็ไปเน้นที่พุทธแบบวัชรยาน

ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อขยายขอบเขตของอาณาจักรแห่งความจริง โดยการเพิ่มปัจจัย เพิ่มตัวแปรในการจะไขรหัสแห่งสัจจะ อันจริงแท้ อันสัมบูรณ์ อันสูงสุด แล้วแต่จะนิยามกันไป

ฉันถือว่านี่เป็นสาเหตุแท้จริงของการเกิดใหม่ของวรรณกรรมแนวเพื่อชีวิต หรืออย่างน้อยก็เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ ไอ้เจ้าความจริงหรือสัจจะอย่างที่ว่า มันคืออะไรกันแน่ แล้วมันมีอายุขัยหรืออยู่เหนือกาลเวลา เป็นอมตะหรือเกิด ๆ ดับ ๆ เหมือนนิพพานเทียม

ฉันเองก็หวังว่า หากสักวันหนึ่ง ฉันเกิดค้นพบบทสรุปของสัจจะอย่างชัดแจ้งขึ้นมา ... แค่คิดก็จินตนาการไม่ออกเสียแล้วล่ะ ฉันคงไม่มีปัญญาปานนั้นได้ เท่าที่มีชีวิตกระพร่องกระแพร่งอย่างทุกวันนี้ได้ ก็นับว่าดีถมไปแล้ว จะมัวฝันหวานไร้เดียงสากับเศรษฐกิจพอเพียงเลย เอาแค่สมานฉันท์กับบุพการีฉันก็แทบกระอักแล้ว คราวนี้เห็นทีต้องบ้านแตกสาแหรกขาดอีกครั้ง เอาเถอะ.. อย่างน้อยฉันก็จะได้อพยพไปตั้งรกรากใหม่ ที่ถือว่าเป็นการสร้างสรรค์อย่างหนึ่งของมนุษยชาติก็แล้วกัน...ว่าไหม.

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…