Skip to main content

นายยืนยง 

 

ชีวประวัติของนักเขียนหนุ่ม กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ในความจดจำของฉัน เป็นเพียงภาพร่างของนักเขียนในอุดมคติ ผู้ซึ่งอุทิศวันเวลาของชีวิตให้กับงานเขียนอย่างเคร่งครัด ไม่มีสีสันอื่นใดให้ฉันจดจำได้อีกมากนัก แม้กระทั่งวันที่เขาหมดลมหายใจลงอย่างปัจจุบันทันด่วน ฉันจำได้เพียงว่าเป็นเดือนกุมภาพันธ์...

\\/--break--\>

ผลงานของนักเขียนหนุ่ม กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ในความจดจำของฉัน เป็นดั่งภาพอันคมชัดของวรรณกรรมในอุดมคติ เป็นเนื้อหาของชีวิตอันเข้มข้น มีร่องรอยของย่างก้าวที่พยายามจะก้าวไปข้างหน้าอยู่ทุกตัวอักษร ผลงานของเขาบ่งบอกเสมอว่า วรรณกรรมของเขามีความปรารถนาอย่างรุนแรงที่จะก้าวไปให้พ้นจากพรมแดนทางวรรณกรรม จากกรอบเกณฑ์ใดใด จากพันธะที่นักเขียนมีต่อรูปแบบการเล่าเรื่อง จากพันธะที่นักเขียนมีต่อเทคนิคการจัดวางองค์ประกอบของเรื่อง


ผลงานของเขาปราศจากเทคนิคใดใดที่แสดงให้เห็นว่า
"รูปแบบ" สำคัญกว่า  "เนื้อหา"
ผลงานของเขาปฏิเสธการอ่านอย่างฉาบฉวย
ผลงานของเขาเรียกร้องเวลาอันเงียบสงบ เรียกร้องความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการจากคนอ่าน เสมือนว่าเขาได้จัดสรรห้วงยามแห่งวรรณกรรมชั้นดีไว้สำหรับคนอ่านในอุดมคติของเขา
ผลงานที่เคี่ยวกรำมาอย่างหนัก เคี่ยวเค้นมาจนเต็มพลังของนักเขียน
เป็นภาพในอุดมคติที่ชัดเจนเหลือเกิน ทั้งตัวตนของนักเขียนและผลงานของเขา 

กนกพงศ์กับซัลมาน
ซัลมาน คือ ภาพชัดเจนที่แสดงถึงตัวตนของนักเขียนที่บรรจุอยู่ในตัวละครของเขา
"โลกใบเล็ก ซึ่งใกล้จะพังทลายของตน..."
เมื่อซัลมานเกรี้ยวกราดเอากับเมียและลูกทุกครั้งที่เขารู้สึกถูกรุกราน กนกพงศ์ก็จะยิ่งเคี่ยวเค้นเอากับผลงานของตัวเอง ดั้นด้นสัญจรหาแรงบันดาลใจอันสดใหม่ เพื่อจะก้าวพ้นไปจากเดิม เมื่อเขารับรู้ว่าคนอ่านในอุดมคติของเขาลดจำนวนลง
 

กนกพงศ์ทิ้งซัลมานเอาไว้กับโลกใบเล็กของเขาด้วยมุมมองแบบนักวิชาการเมื่อปัญหากัดกินตัวเองจนเกินจะเยียวยาได้ กนกพงศ์เพียงแต่สะท้อนภาพด้วยสายตาของนักเขียนที่พยายามทำความเข้าใจต่อโลกเท่านั้น เขาไม่เข้าไปก้าวก่าย ไม่เข้าไปกำหนดชะตากรรมของตัวละครเพื่อสร้างโศกนาฏกรรมเรียกน้ำตาจากคนอ่าน เป็นไปได้ไหมว่า กนกพงศ์ไม่ศรัทธาน้ำตาแห่งความเศร้าโศกอีกต่อไปแล้ว วิธีการจบเรื่องของเขาจึงไม่สรุปชะตากรรมของตัวละครให้ชัดเจนลงไป โลกใบเล็กของซัลมานจึงมีตอนจบเรื่องที่ต่างออกไปจาก สะพานขาด

กนกพงศ์กับพื้นที่ของความไร้เหตุผล

ผลงานของกนกพงศ์หลายเรื่อง โดยเฉพาะในยุคแรกมาถึงยุคแผ่นดินอื่น ชะตากรรมของตัวละครของเขาล้วนอยู่ในเงื้อมมือของนักเขียนแทบทั้งสิ้น นักเขียนเป็นดั่งสัพพัญญู ผู้รู้แจ้งแทงตลอด แต่หลังจากนั้น ก้าวย่างในผลงานของเขาได้บ่งบอกชัดเจนว่า เขาไม่อาจแบกรับสภาวะของผู้รู้แจ้งแทงตลอดต่อไปได้อีกแล้ว ดังนั้น ในยุคนี้ตัวละครของเขาจึงมีพื้นที่ของความไร้เหตุผลเพิ่มเข้ามา ตัวนักเขียนจึงไม่สามารถกำหนดชะตากรรมของตัวละครได้ทั้งหมด และจุดหักเหสำคัญของเรื่องจึงเกี่ยวพันเข้ากับพื้นที่และภาวะของความไร้เหตุผล เป็นสภาวะที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยเหตุผล
(Absurd) ราวกับตัวกนกพงศ์เองกำลังเผชิญหน้าอยู่กับสภาวะดังกล่าวด้วยเช่นกัน

จุดนี้เองที่ฉันเชื่อว่า กนกพงศ์ได้ก้าวข้ามพรมแดนความคร่ำครึของนักเขียนไปได้ (ความคร่ำครึของนักเขียนที่ว่านั้น คือความเชื่อที่ความเข้าใจว่านักเขียนเป็นผู้สร้างโลก เป็นผู้รู้แจ้งแทงตลอดต่อสรรพสิ่งและความเป็นไปของโลก ราวกับนักเขียนได้รับสมญาของพระเจ้า) และเขาได้ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของวรรณกรรมไทย

กนกพงศ์กับผลงานที่ปรากฎออกมาหลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว

มีแต่นักเขียนที่ตายไปแล้วเท่านั้น ที่จะสร้างสรรค์ผลงานอันทรงพลังได้ คำกล่าวนี้มีนัยยะให้ตีความหลายด้าน ด้านหนึ่งอาจเป็นการปลุกกระตุ้นให้นักเขียนมีพลังสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง และเป็นการตั้งเป้าหมายของผลงานเอาไว้จนสูงส่ง ขณะเดียวกัน เราก็ได้เห็นว่า ภายหลังจากที่นักเขียนตายลง ผลงานของเขาเหล่านั้นก็ได้โอกาสทยอยตีพิมพ์เผยแพร่อย่างต่อเนื่อง ในปริมาณความถี่ที่มากกว่าเมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิตเสียอีก กรณีของกนกพงศ์ก็ไม่ต่างกัน

หลังจากกนกพงศ์ตายลง ผลงานของเขาทั้งเรื่องสั้น นวนิยาย และกวีนิพนธ์ ต่างทยอยตีพิมพ์ออกมาในนามของสำนักพิมพ์นาคร รวมถึงในนิตยสารเรื่องสั้น "ราหูอมจันทร์" ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยแรงบันดาลใจของกนกพงศ์เอง รวมพลังกับกลุ่มนาคร  ราหูอมจันทร์ Vol.6 (กรกฎาคม-กันยายน 2552) มีเรื่องสั้น "มูลค่า" ของกนกพงศ์ตีพิมพ์อยู่ด้วย

 
 

กนกพงศ์กับมูลค่าทางสังคม

ในเรื่องสั้น "มูลค่า" นี้ นับว่าเป็นเรื่องสั้นที่กนกพงศ์ได้ทอดอารมณ์อ้อยอิ่งอยู่ในสภาวะอารมณ์เพียงหนึ่งเดียว เป็นเรื่องสั้นที่เขาได้โยกย้ายมุมมองออกจากเรื่องสั้นอื่น ๆ ที่ตีพิมพ์มาก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด 

กนกพงศ์มีมุมมองเฉพาะตัวที่มุ่งเน้นนำเสนอเรื่องราวที่ฝังลึกอยู่ในสังคม ผ่านสายตาที่กลั่นกรองมาแล้วเป็นอย่างดี อย่างคนที่พยายามจะเข้าใจโลกทุกแง่มุม ซึ่งเป็นกระบวนการทำงานทางความคิดที่นักเขียนต้องเคี่ยวกรำอย่างหนัก ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นตอนของการลงมือเขียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกนกพงศ์

เพราะเขามีความปรารถนาอย่างไม่ลดราวาศอก ที่จะเขียนเรื่องสั้นให้ได้สมบูรณ์แบบมากที่สุด ครบถ้วนทุกใจ เพื่อขับเน้นประเด็นของเนื้อหาให้แจ่มชัดขึ้น โดยที่ไม่ด่วนสรุปให้เป็นประเด็นของแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งเป็นการเฉพาะ

ฉะนั้น หลายครั้งหลายคนที่เมื่อได้อ่านเรื่องสั้นของกนกพงศ์ พวกเขามักจะพบว่า ข้อมูลจากหลายแง่มุมได้ทบท่วมเข้ามา เพื่อนำพาเราไปสู่ใจกลางของประเด็นอันใหญ่หลวงที่กนกพงศ์นำเสนอนั้น ขณะเดียวกัน พวกเขากลับรู้สึกราวกับถูกเทศนาจากศาสดาแห่งโลกวรรณกรรม เป็นความรู้สึกราวกับถูกยัดเยียดให้มองโลกด้วยสายตาคนอื่น นั่นคือสายตาของกนกพงศ์นั่นเอง

หากจะกล่าวว่า กระบวนการสื่อสารเช่นนี้ เป็นการสื่อสารที่ไร้ประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์คงไม่ผิดนัก
เนื่องจากมันไม่ได้ก่อให้เกิดกระบวนการ "คิดต่อ" มากกว่า "คิดตาม"
ถ้าเป็นเช่นนั้น ย่อมต้องถือว่า กนกพงศ์ล้มเหลวในแง่ของการสื่อสาร
 

สภาวะเช่นนี้ อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการทำงานอันเคร่งครัดของกนกพงศ์เอง...เป็นไปได้ไหมก็ไม่อาจทราบได้ เพียงแต่คาดเดาเท่านั้น เนื่องจากฉันไม่รู้จักกับกนกพงศ์เป็นการส่วนตัว และฉันคิดว่าจุดนี้ต่างหากที่กนกพงศ์พยายามจะมองไม่เห็น

และเป็นไปได้ไหมว่า คนรอบข้างเขาเองต่างก็มองไม่เห็นว่าจุดนี้เป็นจุดที่จะหักเหก้าวย่างของเขาได้ชัดเจนที่สุด รวมไปถึงมีส่วนให้ผลงานของกนกพงศ์สลัดคราบของสัพพัญญูไปสู่พรมแดนใหม่ที่มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น และเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอย่างใหม่

ในจุดนั้นเอง สภาวะของการยัดเยียดก็จะหมดไป และผลงานของเขาจะถูกอ่านอย่างกว้างขวางมากขึ้น  
เหมือนกับเรื่องสั้น "มูลค่า" ดังจะกล่าวถึงต่อไปนี้

เรื่องสั้นนี้ (แม้จะเป็นเรื่องแต่ง) ฉันอ่านด้วยความรู้สึกเศร้าลึกและเต็มตื้นไปด้วยความเสียดาย เนื่องจากหากเรื่องสั้น "มูลค่า" เรื่องนี้ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาก่อนที่เขาจะตาย ฉันเชื่อว่าบางทีกนกพงศ์อาจจะยังมีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ และผลงานของเขาจะสามารถก้าวพ้นออกมาจากพรมแดนของความเป็นกนกพงศ์อย่างแท้จริง

มูลค่า เป็นเรื่องสั้นที่กล่าวถึง "มูลค่า" ของความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันเพียงส่วนเสี้ยวเดียว การทำตัวให้เป็นบุคคลสำคัญ กับการทำตัวให้เป็นบุคคลไร้ความสำคัญ นั้น ถือเป็นกระบวนการสร้างความเหนือชั้นให้แก่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ให้อยู่เหนือกว่าสิ่งหนึ่ง เช่นเดียวกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในโลกธุรกิจ

ในเรื่องนี้ กนกพงศ์ได้แสดงให้เห็นถึงการแปรสภาพของอุดมคติเรื่องมูลค่ากับคุณค่า การย้ายมูลค่าออกจากสิ่งที่มีคุณค่า หรือเรียกว่า การย้ายอุดมคติเรื่องของคุณค่า

โดยเปลี่ยนจาก
สิ่งหนึ่งจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมันได้มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง หาได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของมูลค่า
มาเป็น
สิ่งหนึ่งจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมันมีมูลค่า โดยมูลค่านั้นถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นกระบวนการ

ยกตัวอย่าง ภาพปกหนังสือรวมเรื่องสั้นของ "ผม" ที่เมื่อก่อนเคยว่าไหว้วานเพื่อนผู้มีฝีมือด้านศิลปะออกแบบภาพปกให้ ในราคาไม่เกินห้าพันบาท แต่เมื่อ "ผม" ได้ตัดสินใจว่าจ้างให้ "เขา" นักเขียนหนุ่มเจ้าของรางวัลวรรณกรรมระดับประเทศที่หนุ่มที่สุด เป็นลูกชายเจ้าพ่อสื่อสิ่งพิมพ์และมัลติมีเดีย เป็นคนที่มีชื่อเสียงกว้างขวางในวงการบันเทิง "เขา" ตกลงรับออกแบบปกหนังสือให้ผม ในราคาหลักหมื่นบาท ซึ่งผลงานที่เขาส่งมาให้นั้น เป็นเพียงวงกลมง่าย ๆ กับเส้นสายไม่กี่เส้น ผิดกันลิบลับกับผลงานศิลปะของเพื่อนผม ที่ใช้สีสันและสายเส้นอย่างงดงาม 

แต่ในเมื่อ "เขา" คนนั้น เป็นบุคคลที่มีมูลค่าทางสังคม ทุกสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป มันช่างดูน่าชื่นชมไปทั้งหมด แม้แต่เสียงที่เขาใช้คุยโทรศัพท์ กติกาการรับเงินค่าจ้าง ท่วงท่ากิริยาในร้านน้ำชาที่เขาและผมได้พบกัน มันช่างสง่างามอย่างล้นเหลือ นอกจากนั้น ผมที่ได้ปฏิสัมพันธ์กันเขา ยังรู้สึกหัวใจพองคับอก เมื่อได้รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัว และเมื่อได้นึกถึงห้วงยามของการพบปะครั้งนั้น

"ดูมันจะเป็นมูลค่าที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง" เหมือนกนกพงศ์จะมีน้ำเสียงเยาะหยันอยู่ในที แต่เป็นน้ำเสียงแบบทีเล่นทีจริงมากกว่าจะจริงจัง นอกเสียจากคนอ่านจะรู้สึกต่อไปได้เอง

นอกจากนี้เรื่องสั้น "เด็กหญิงทั้งสาม" ของกนกพงศ์ที่ลงพิมพ์ในราหูอมจันทร์ Vol.7 (มกราคม-เมษายน 2553) ยังเป็นเรื่องสั้นที่ส่งสัญญาณบอกว่า กนกพงศ์ได้ก้าวมาสู่จุดเปลี่ยนที่สำคัญอย่างยิ่งจุดหนี่งในชีวิตนักเขียนของเขา เนื่องจากเรื่องสั้นนี้ ได้กล่าวถึงการเคลื่อนย้ายอุดมคติของคนที่ต่อต้านวัตถุนิยมออกมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าจะเยาะหยัน ดูราวกับเขาเองสามารถเปิดใจยอมรับสิ่งที่เป็นปราการอันหนึ่งในสังคมได้

 


 

แม้ว่าเรื่องสั้น "เด็กหญิงทั้งสาม" นี้จะเขียนไม่จบ และฉันก็ไม่อาจจะคาดเดาตอนจบเรื่องได้ แต่ฉันก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้อ่านเรื่องสั้นของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เนื่องจากมันเป็นเรื่องสั้นที่ได้ก้าวพ้นไปจากพรมแดนของความล้มเหลวในตัวตนของเขา

มูลค่าที่เขาสร้างขึ้นมันเป็นสิ่งเดียวกับคณค่าที่เขาเข้าใจ. 

 

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…