Skip to main content

ชื่อหนังสือ : ร่างกายที่เหนืออายุขัย จิตใจที่ไร้กาลเวลา

                 Ageless Body, Timeless Mind

เขียน : โชปรา ดีปัก

แปล : เรืองชัย รักศรีอักษร

พิมพ์ : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม 2551

 

แสนกว่าปีมาแล้วที่มนุษย์พัฒนากายภาพมาถึงขีดสุด ต่อนี้ไปการพัฒนาทางจิตจะต้องก้าวล้ำ มีหนังสือมากมายที่กล่าวถึงวิธีการพัฒนาทักษะทางจิต เพื่อให้อำนาจของจิตนั้นบันดาลถึงความมหัศจรรย์แห่งชีวิต หนึ่งในนั้นมีหนังสือที่กล่าวอย่างจริงจังถึงอายุขัยของมนุษย์ ว่าด้วยกระบวนการรังสรรค์ชีวิตให้ยืนยาว


เล่มนี้เป็นหนังสือขายดีที่เขียนโดยนายแพทย์หนุ่มชาวอินเดียนาม โชปรา ดีปัก ผู้ยืนยันว่า

มนุษย์สามารถมีอายุยืนยาวเกินกว่า 100 ปี


ก่อนอื่นเราควรระงับคำถามที่ว่า เราอยากจะมีอายุยืนยาวไปทำไมกันเสียก่อน


หมอโชปรา ดีปัก เรียนจบแพทย์จากอินเดียแล้วย้ายไปต่อที่สหรัฐฯ ศึกษาวิชาโรคภายใน endocrinology เขาไม่เลื่อมใสการใช้ยาอย่างแพทย์แผนปัจจุบันทั่วไป แต่สนใจศึกษาอายุรเวทอย่างจริงจัง โลกทัศน์เช่นนี้ทำให้เขาค้นพบ “หลักสูตร” อันจะนำพาเราไปสู่ดินแดนที่ไม่มีผู้ใดแก่เฒ่า


ในหนังสือเล่มนี้ หมอโชปราได้จับกระบวนทัศน์ของควอนตัมมาผสมเข้ากับวิถีอย่างโยคีอินเดีย


โดยจับไปที่สาเหตุแท้จริงของความชรา นั่นคือ “วิธีคิด” ซึ่งจะส่งผลต่อพฤติกรรมของเรา และที่สำคัญที่สุด ตัวเรานั่นเองที่จะเป็นผู้กีดขวางไม่ใช่ตัวเราก้าวไปสู่ดินแดนแห่งนี้


เคยสงสัยไหมว่า จินตนาการของเรามาจากไหน


เป็นไปได้ไหม จินตนาการคือรูปแบบหนึ่งของเชาวน์ปัญญา ซึ่งแฝงอยู่ภายในจิตใต้สำนึก และถูกส่งผ่านจากบรรพบุรุษรุ่นแล้วรุ่นเล่านับแต่บรรพกาล มาถึงรุ่นลูกหลานในรูปของรหัสทางพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ


นักพันธุกรรมศาสตร์ได้วางเชาวน์ปัญญาไว้เป็นอันดับแรกภายในดีเอ็นเอ ขณะที่อินเดีย กระแสของเชาวน์ปัญญานี้เรียกว่า ปราณ Pran แปลว่า พลังชีวิต สามารถเพิ่มหรือลดลงได้ตามเจตจำนง ส่วนแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าสารเคมีจะเดินทางไปพร้อมกับความคิด เช่น ทำไมหญิงที่เพิ่งเป็นม่ายจึงมีแนวโน้มเกิดมะเร็งเต้มนมมากกว่าหญิงอื่นถึง 2 เท่า


ดังนั้น “ตัวตน” ของเรา จึงประกอบด้วยกระแสเชาวน์ปัญญาและวิธีคิด มันกำหนดและกะเกณฑ์ทุกสิ่ง

ทั้งที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว


หากเราคิดและเชื่อว่า ร่างกายแยกออกจากจิตใจ เชื่อว่าเราเป็นเครื่องจักรทางกายภาพที่รู้จักคิด

คำว่า เครื่องจักร ย่อมแสดงให้เห็นความเสื่อมถอยหรือชราภาพในวาระหนึ่งด้วย หากเราเป็นเชลยของความสัมบูรณ์ (เวลาเป็นสิ่งสัมบูรณ์) ไม่มีใครรอดพ้นจากการทำลายล้างของเวลาได้ เชื่อว่าความทุกข์ทรมานเป็นสิ่งจำเป็น เราไม่หลีกเลี่ยงได้ …

หากเราเป็นเช่นนั้น ดินแดนที่ไม่มีผู้ใดแก่เฒ่าจะไม่มีวันถูกค้นพบ


ซึ่งเท่ากับ กระแสเชาวน์ปัญญาในรูปแบบของจินตนาการ อันเป็นพลังชีวิตของเรา ถูกวิธีคิดสะกดให้ตายด้าน ยิ่งเฉพาะกับยุคสมัยที่ สังคมมนุษย์ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของวาทกรรมนับร้อยพัน เช่นนี้


เมื่อเราถูกสะกดจิตจากวาทกรรมเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ วิธีคิดของเราจะเต็มไปด้วยข้อจำกัดและขอบเขตอันยุ่งเหยิงและซับซ้อน จินตนาการของเรากลายเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ไร้สาระ นั่นเท่ากับว่า มนุษย์ได้ปิดประตูชีวิตของตนแล้ว


เราจะก้าวต่อไปได้อย่างไร



เริ่มแรกมนุษย์ได้ตัดแบ่งความเป็นนิรันดร์ออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย (วินาที นาที ชั่วโมง)


ศาสตร์ทุกแขนงต่างตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาตีกรอบสนามชีวิตของเรา พร้อมกับปฏิเสธความกว้างอย่างไร้ขอบเขตของชีวิตด้วย และเราต่างย่ำวนอยู่ในข้อสันนิษฐานเหล่านี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา กระทั่งหลงลืมศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง และกระทั่งควอนตัมฟิสิกส์ได้นำพาเราไปทำความรู้จักกับจิตวิญญาณให้มากกว่าความเหลวไหลไร้สาระ ไม่มีข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

ต่อแต่นี้ไป วิทยาศาสตร์ยุคนี้จะไม่ใช่การค้นพบอย่างเป็นเอกเทศอีกแล้ว แต่จะเป็นการค้นพบซึ่งโลกทัศน์ใหม่


ทุกโลกทัศน์รังสรรค์โลกของตัวเองทั้งสิ้น

ประสบการณ์ของเราที่มีต่อเวลามีผลโดยตรงต่อการทำงานของนาฬิกาชีวิตของเรา ถ้ารู้สึกว่าเวลากำลังจะหมดไป นาฬิกาชีวภาพของเราจะเดินเร็วขึ้น ถ้าเรามีเวลาทั้งหมดในโลก นาฬิกาชีวภาพของเราจะหยุดเดิน ดังนั้นโลกทัศน์ที่มีต่อเวลาหรือต่อโลก ย่อมสร้างตัวตนของเราขึ้น

โดยให้ชีวิตเป็นได้ทั้งมีข้อจำกัดและเป็นอิสระ ขึ้นอยู่กับโลกทัศน์ของเรา


หมอโชปราเชื่อว่า จิตวิญญาณเป็นอาณาจักรของจิตสำนึกของเราซึ่งไร้เวลา เวลาเป็นความต่อเนื่องของความทรงจำ ซึ่งใช้อีโก้เป็นจุดอ้างอิงภายใน เมื่อเราหลุดพ้นจากอีโก้ของเราเข้าสู่ปริมณฑลของจิตวิญญาณ เราจะทำลายเครื่องกีดขวางของเวลา ถึงที่สุดแล้ว ทั้งคุณภาพและปริมาณของชีวิตจะขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเราที่มีต่อความเป็นเอกลักษณ์ ถ้าเรามีความหมายและจุดหมายในชีวิตและเอกลักษณ์ของเราไม่ผูกติดกับ “อีโก้” ที่ห่อหุ้มด้วยผิวนอก จะทำให้ทั้งคุณภาพและปริมาณของชีวิตดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ


กล่าวได้ว่า หมอโชปราเชื่อว่า โลกและวิญญาณเป็นของเที่ยง ไม่เสื่อมสูญ เป็นสัสตทิฏฐิในทางพุทธศาสนา ดังนั้นจึงเป็นการแย้งกับหลักพุทธธรรม แต่จะขัดแย้งจริงหรือไม่ เราควรมองให้ลึกลงไปถึงกุศโลบายแห่งพุทธรรมอีกด้วย


ฉะนั้นแล้วคำถามที่ว่า เราอยากจะมีอายุยืนยาวไปทำไมกัน นั้น อาจมีคำตอบอยู่ในบัญญัติแห่งพุทธธรรม เพราะบางครั้งเราอาจไม่ได้อยากมีอายุยืนยาวหรอก เราเพียงแค่อยากเป็นชีวิตที่มีชีวิต ไม่ใช่ชีวิตที่ตายแล้วทั้งเป็น.

 

 

 

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ                     :    เค้าขวัญวรรณกรรมผู้เขียน                         :    เขมานันทะพิมพ์ครั้งที่สอง (ฉบับปรับปรุง) ตุลาคม ๒๕๔๓     :    สำนักพิมพ์ศยาม  
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ชื่อนิตยสาร      :    ฅ คน ปีที่ ๓  ฉบับที่ ๕ (๒๔)  มีนาคม ๒๕๕๑บรรณาธิการ     :    กฤษกร  วงค์กรวุฒิเจ้าของ           :    บริษัท ทีวีบูรพา จำกัด
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ ชะตากรรมของสังคมฝากความหวังไว้กับวรรณกรรมเพื่อชีวิตเห็นจะไม่ได้เสียแล้ว  หากเมื่อความเป็นไปหรือกลไกการเคลื่อนไหวของสังคมถูกนักเขียนมองสรุปอย่างง่ายเกินไป  ดังนั้นคงไม่แปลกที่ผลงานเหล่านั้นถูกนักอ่านมองผ่านอย่างง่ายเช่นกัน  เพราะนอกจากจะเชยเร่อร่าแล้ว ยังเศร้าสลด ชวนให้หดหู่...จนเกือบสิ้นหวังไม่ว่าโลกจะเศร้าได้มากแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายรวมว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่แต่กับโลกแห่งความเศร้าใช่หรือไม่? เพราะบ่อยครั้งเราพบว่าความเศร้าก็ไม่ใช่ความทุกข์ที่ไร้แสงสว่าง  ความคาดหวังดังกล่าวจุดประกายขึ้นต่อฉัน เมื่อตั้งใจจะอ่านรวมเรื่องสั้น โลกใบเก่ายังเศร้าเหมือนเดิม ของ…
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ       :    รายงานจากหมู่บ้าน       ประเภท         :    กวีนิพนธ์     ผู้เขียน         :    กานติ ณ ศรัทธา    จัดพิมพ์โดย     :    สำนักพิมพ์ใบไม้ผลิพิมพ์ครั้งแรก      :    มีนาคม  พ.ศ. ๒๕๕๐เขียนบทวิจารณ์     :    นายยืนยง
สวนหนังสือ
นายยืนยงชื่อหนังสือ      :    ลิกอร์ พวกเขาเปลี่ยนไปประเภท    :    เรื่องสั้น    ผู้เขียน    :    จำลอง  ฝั่งชลจิตรจัดพิมพ์โดย    :    แพรวสำนักพิมพ์พิมพ์ครั้งแรก    :    มีนาคม  ๒๕๔๘    
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด ๔๒ ( ตุลาคม – ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา สาเหตุที่วรรณกรรมแนวเพื่อชีวิตยังคงมีลมหายใจอยู่ในหน้าหนังสือ มีหลายเหตุผลด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ตัวนักเขียนเองที่อาจมีรสนิยม ความรู้สึกฝังใจต่อวรรณกรรมแนวนี้ว่าทรงพลังสามารถขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลง แก้ปัญหาสังคมได้ ในที่นี้ขอกล่าวถึงเหตุผลนี้เพียงประการเดียวก่อน คำว่า แนวเพื่อชีวิต ไม่ใช่ของเชยแน่หากเราได้อ่านเพื่อชีวิตน้ำดี ซึ่งเห็นว่าเรื่องนั้นต้องมีน้ำเสียงของความรับผิดชอบสังคมและตัวเองอย่างจริงใจของนักเขียน…
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ชื่อหนังสือ      :    เถ้าถ่านแห่งวารวัน    The Remains of the Day ประเภท            :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย    :    แพรวสำนักพิมพ์พิมพ์ครั้งที่ ๑    :    กุมภาพันธ์   ๒๕๔๙ผู้เขียน            :    คาสึโอะ  อิชิงุโระ ผู้แปล            :    นาลันทา  คุปต์
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ ชื่อหนังสือ      :    คลื่นทะเลใต้ประเภท    :    เรื่องสั้น    จัดพิมพ์โดย    :    สำนักพิมพ์นาครพิมพ์ครั้งแรก    :    ตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๔๘  ผู้เขียน    :    กนกพงศ์  สงสมพันธุ์, จำลอง ฝั่งชลจิตร, ไพฑูรย์ ธัญญา, ประมวล มณีโรจน์, ขจรฤทธิ์ รักษา, ภิญโญ ศรีจำลอง, พนม นันทพฤกษ์, อัตถากร บำรุง เรื่องสั้นแนวเพื่อชีวิตในเล่ม คลื่นทะเลใต้เล่มนี้  ทุกเรื่องล้วนมีความต่าง…
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ชื่อหนังสือ : คลื่นทะเลใต้ประเภท : เรื่องสั้น    จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์นาครพิมพ์ครั้งแรก : ตุลาคม  พ.ศ. ๒๕๔๘  ผู้เขียน : กนกพงศ์  สงสมพันธุ์, จำลอง ฝั่งชลจิตร, ไพฑูรย์ ธัญญา, ประมวล มณีโรจน์, ขจรฤทธิ์ รักษา, ภิญโญ ศรีจำลอง, พนม นันทพฤกษ์, อัตถากร บำรุงวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้นมีความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการตลอดเวลาถึงปัจจุบัน ในยุคหนึ่งเรื่องสั้นเคยเป็นวรรณกรรมที่สะท้อนสภาวะปัญหาสังคม สะท้อนภาพชนชั้นที่ถูกกดขี่ เอารัดเอาเปรียบ และยุคนั้นเราเคยรู้สึกว่าเรื่องสั้นเป็นเครื่องมือหนึ่งที่สามารถปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมได้…
สวนหนังสือ
‘พิณประภา ขันธวุธ’ ชื่อหนังสือ : ฉลามผู้แต่ง: ณัฐสวาสดิ์ หมั้นทรัพย์สำนักพิมพ์ : ระหว่างบรรทัดข้อดีของการอ่านิยายสักเรื่องคือได้เห็นตอนจบของเรื่องราวเหล่านั้นไม่จำเป็นเลย...ไม่จำเป็น...ที่จะต้องเดินย่ำไปรอยเดียวกับตัวละครเล่านั้นในขณะที่สังคมไทยกำลังเคลื่อนเข้าสู่ความเป็น “วัตถุนิยม” ที่เรียกว่า เป็นวัฒนธรรมอุปโภคบริโภค อย่างเต็มรูปแบบ ลัทธิสุขนิยม (hedonism) ก็เข้ามาแทบจะแยกไม่ออก ทำให้ความเป็น ปัจเจกบุคคล ชัดเจนขึ้นทุกขณะ ทั้งสามสิ่งที่เอ่ยไปนั้นคน สังคมไทยกำลัง โดดเดี่ยว เราเปิดเผยความโดดเดี่ยวนั้นด้วยรูปแบบของ ภาษาและถ้อยคำสำนวนที่สะท้อนโลกทัศน์ของความเป็นปัจเจกนิยมได้แก่ เอาตัวรอด…
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’  ชื่อหนังสือ      :    วิมานมายา  The house of the sleeping beautiesประเภท         :    วรรณกรรมแปลจัดพิมพ์โดย    :    สำนักพิมพ์ดอกหญ้าพิมพ์ครั้งที่ ๑   :    มิถุนายน ๒๕๓๐ผู้เขียน          :    ยาสึนาริ คาวาบาตะ ผู้แปล           :    วันเพ็ญ บงกชสถิตย์   
สวนหนังสือ
‘นายยืนยง’ ชื่อหนังสือประเภทจัดพิมพ์โดยผู้ประพันธ์ผู้แปล:::::เปโดร  ปาราโม ( PEDRO  PARAMO )วรรณกรรมแปลสำนักพิมพ์โพเอม่าฮวน รุลโฟราอูล  การวิจารณ์วรรณกรรมนั้น บ่อยครั้งมักพบว่าบทวิจารณ์ไม่ได้ช่วยให้ผู้ที่ยังไม่ได้อ่านหรืออ่านวรรณกรรมเล่มนั้นแล้วได้เข้าใจถึงแก่นสาร สาระของเรื่องลึกซึ้งขึ้น แต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่บทวิจารณ์ต้องมีคือ การชี้ให้เห็นหรือตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดเด่นสำคัญที่ไม่อาจละเลยได้ของวรรณกรรมเล่มนั้น วรรณกรรมที่ดีย่อมถ่ายทอดผ่านมุมมองอันละเอียดอ่อน ด้วยอารมณ์ประณีตของผู้ประพันธ์…