Skip to main content

 

นายยืนยง

 

 

26_06_1


ชื่อหนังสือ : มาตุภูมิเดียวกัน

ผู้เขียน : วิน วนาดร

ประเภท : รวมเรื่องสั้น

จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรกเมื่อกันยายน 2550

 


ปี 2551 นี้รางวัลซีไรต์เป็นรอบของเรื่องสั้น สำรวจดูจากรายชื่อหนังสือที่ส่งเข้าประกวด ดูจากชื่อนักเขียนก็พอจะมองเห็นความหลากหลายชัดเจน ทั้งนักเขียนที่ส่งมากันครบทุกรุ่นวัย แนวทางของเรื่องยิ่งชวนให้เกิดบรรยากาศคึกคัก มีสีสันหากว่ามีการวิจารณ์หนังสือกันที่ส่งเข้าประกวดอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกค่าย ไม่เลือกว่าเป็นพรรคพวกของตัว อย่างที่เขาว่ากันว่า เด็กใครก็ปั้นก็เชียร์กันตามกำลัง นั่นไม่เป็นผลดีต่อผู้อ่านนักหรอก และก็ไม่เป็นผลดีกับนักเขียนด้วยเช่นกัน เพราะศักดิ์ศรีของนักเขียนมันมีอยู่ ส่วนการประชาสัมพันธ์หนังสือก็น่าจะปล่อยให้เป็นตามธรรมชาติบ้าง

การที่หยิบเอา มาตุภูมิเดียวกันของ วิน วนาดรมากล่าวถึงในที่นี้ ไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณหรือสัญลักษณ์พิเศษแต่อย่างใดเกี่ยวกับรางวัลซีไรต์ในปีนี้ ซีไรต์ก็เป็นเรื่องของกรรมการเขา ว่าจะหยิบจับปั้นใครให้ได้รางวัลต่อไป หากใครให้ความสนใจก็ควรหามาอ่านสนองความใส่ใจของตัวเอง หรือจะรอให้กรรมการรอบคัดเลือกสรรหามาให้อ่านตอนประกาศผลรอบสุดท้ายราว ๆ 10 เล่ม หรือไม่ก็รออีกหน่อย ถึงตอนประกาศผลรางวัล ถึงตอนนั้นก็สบายตากว่าใครเพราะได้อ่านเล่มเดียว พอถูไถไม่ให้ตกกระแส


ไม่มีใครสามารถเรียกร้องให้คนหันมาอ่านหนังสือประเภทวรรณกรรมได้หรอก ถ้าหนังสือที่พยายามเรียกร้องความเห็นใจจากผู้อ่านไม่ได้มีคุณประโยชน์มากพอกับเวลาที่ต้องสูญเสียไปกับการอ่าน แน่นอนว่าหนังสือดีมีคุณค่านั้นมีมากมาย ขณะเดียวกัน หนังสือบางเล่มก็อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกหงุดหงิดเสียเวลาไปเปล่า


กลับมาที่หนังสือรวมเรื่องสั้น หนังสือประเภทนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้นที่คัดสรรแล้ว นำมาจัดวางให้สมดุล มีหนัก มีเบา ผสมกันไป รวมเป็นเอกภาพหรือหัวใจของเล่ม เล่มหนึ่ง ๆ จะบรรจุเรื่องสั้นไว้ประมาณ 8 13 เรื่อง เป็นพ็อคเก็ตบุ๊คขนาดเหมาะมือ อ่านคืนหรือสองคืนก็จบ อ่านได้เรื่องหนึ่งนึกอยากจะวางไว้ก่อนก็ไม่หนักใจเพราะแต่ละเรื่องก็จบสมบูรณ์ในตัวมันเอง


ขณะเดียวกันหากจะพิจารณาถึงคุณค่าของหนังสือเราต้องกลับมายอมรับเสียก่อนว่า หนังสือแต่ละเล่มจะมีเรื่องสั้นชั้นดี ดีเยี่ยมจริง ๆ อยู่ไม่มากนัก บางเล่มอาจมีเด็ด ๆ อยู่เรื่องเดียว บางเล่มอาจมากกว่านั้นนิดหน่อย กับมาตุภูมิเดียวกันเองก็หนีไม่พ้นข้อหานี้ด้วย เพราะด้วยความรู้สึกส่วนตัวแล้วเล่มนี้มีเรื่องสั้นที่ดีเยี่ยมอยู่ 3 เรื่อง หากเคยรู้สึกอย่างนั้นกับหนังสือรวมเรื่องสั้นที่คุณเคยอ่าน ก็โปรดอย่าคิดว่าถูกสำนักพิมพ์หรือนักเขียนหลอกขายหนังสือเลย เพราะเรื่องจะดีหรือไม่ดี เรา (ผู้อ่าน) ไม่ได้ตัดสินคนเดียว ยังมีนักเขียน มีคณะบรรณาธิการ คอยดูแลเรื่องพวกนี้อยู่ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ที่ออกจะ “ซับซ้อน”พิลึกพิลั่น หรือเปล่านะ อันนี้ไม่ค่อยทราบ แต่ดู ๆ แล้วคงสาหัสพอสมควรทีเดียวล่ะ กับรวมเรื่องสั้นแต่ละเล่ม


ส่วนเหตุผลที่หยิบผลงานของวิน วนาดรมากล่าวถึงก็มีเหตุผลเดียว ที่ดูไม่ง่ายไม่ยาก นั่นก็คือ วิน

วนาดร เป็นนักเขียนที่สร้างสรรค์ผลงานจากประสบการณ์ตรง เขาเขียนจากชีวิต เลือดเนื้อ หาใช่ใช้จินตนาการวาดโลกขึ้นมาเป็นสวนอักษร ขอยกประวัติผู้เขียนมาให้อ่านกันตรงนี้


วิน วนาดร เกิดที่บ้านริมน้ำ อำเภอเมือง จ.ปัตตานี เมื่อปี พ..2488 ชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่นผ่านประสบการณ์มาหลายด้าน หลายที่หลายทาง ครั้งหลังสุดทำงานราชการในกรมหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมเวลา 34 ปีเศษ ฯลฯ


แม้เหตุผลเดียวในย่อหน้าก่อนหน้านี้จะดูไม่ง่ายไม่ยาก แต่ยังดูให้ความสลักสำคัญเกี่ยวกับประสบการณ์ตรงของนักเขียนกับเรื่องของเขาเป็นการเฉพาะ ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าคนมีประสบการณ์ชีวิตมากจะเขียนหนังสือได้ดีกว่าคนอื่นเพราะงานเขียนที่ดียังมีองค์ประกอบปลีกย่อยอีกนานัปการ แต่การเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์จริง เช่นที่วิน วนาดรใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เหตุการณ์จริงในเรื่องสั้นของเขา ทำให้นักเขียนได้ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารที่ “สด”และ “ประณีต”กว่า ข้อนี้ผู้อ่านจะเป็นฝ่ายได้ “กลิ่น”เอง ส่วนความประณีตละเอียดลออนั้น วิน วนาดรได้แสดงออกให้เป็นที่ประจักษ์เลยทีเดียวก็ว่าได้ เพราะเขาเขียนบรรยายภาพ ทั้งทัศนียภาพของท้องถิ่น ทั้งทัศนียภาพทางความรู้สึก ความนึก ความคิดของตัวละครในเรื่องได้หมดจดงดงามแทบทุกเรื่อง ข้อนี้ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวิน วนาดร เลยทีเดียว จะยกตัวอย่างบางส่วนไว้ตรงนี้เลย จากหน้าที่ 129 จากเรื่อง กล่องสบู่ของพ่อ


ฤดูร้อนของเดือนเมษายนปีถัดมา บุรุษสองนายออกปฏิบัติงานดังเดิม ยางพาราเริ่มผลัดใบ อาทิตย์ส่องแสงเหนือทิวหมู่ไม้ นาน ๆ ครั้งลมร้อนหอบพัดใบไม้แห้งปลิดปลิวสะบัดดังเกรียวกราว ป่าดูโปร่งตลอดเส้นทางเดิม เว้นแต่ที่มีละเมาะหมู่ไม้พุ่มเป็นบางช่วงบางตอน เส้นทางเป้าหมายยังอยู่อีกยาวไกล


นาน ๆ ครั้งจึงจะพบปะผู้คนผ่านไปมา ทั้งบ้านเรือนผู้คนก็ต่างปลูกทิ้งระยะ ยามนี้จึงมีเพียงสองชีวิตที่ขี่จักรยานตามกันไป เงียบสงบเหมือนทั้งคู่พลัดหลงสู่แดนสนธยา หมู่ผีเสื้อ นกกระจิบดง ตลอดจนนกเขาป่าที่เคยโฉบบินไปมาไม่มีมาให้เห็น แม้กระทั่งสรรพสำเนียงที่เคยขับขานกล่อมไพร


ยกมาให้อ่านดู 2 ย่อหน้าที่เป็นบทบรรยายฉากธรรมชาติ ทั้งประณีตงาม และเกี่ยวโยงกับเนื้อเรื่อง ประณีตอย่างไร อ่านแล้วก็เห็นชัดเจน แต่เกี่ยวโยงกับเนื้อเรื่องอย่างไรนั่นเป็นฝีมือของวิน วนาดร ล้วน ๆดูตรงที่การบรรยายภาพของป่า ที่มีป่าโปร่ง สลับไม้พุ่ม เขาวางประโยคสุดท้ายว่า“เส้นทางเป้าหมายยังอยู่อีกยาวไกล” นั่นเป็นการทอดอารมณ์ และโน้มนำคนอ่านไปสู่เรื่องราวต่อไปพร้อมกัน


ส่วนย่อหน้าที่ 2 การเปรียบเทียบความเงียบสงบของป่า “เงียบสงบเหมือนทั้งคู่พลัดปลงสู่แดนสนธยา”ตรงนี้แสดงออกให้ผู้อ่านเห็นเป็นนัย ๆ ว่าต่อไปตัวละครจะต้องพบเจอกับอะไรที่เป็น “แดนสนธยา”และ “แม้กระทั่งสรรพสำเนียงที่เคยขับขานกล่อมไพร”เป็นการให้ภาพป่าที่เงียบผิดปกติ แต่เขาเลือกใช้คำดังกล่าวเพื่อแสดงออกถึงอารมณ์ของตัวละครที่ซับซ้อน เพราะในเรื่องเป็นความรู้สึกของเจ้าหน้าที่สหกรณ์สองนายที่เดินทางผ่านป่าที่สงบเงียบ แต่โดยไม่รู้ตัวเขาทั้งสองก็ต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ทำไมผู้เขียนไม่ใช้คำดาด ๆ ว่า เดินผ่านป่าที่เงียบผิดปกติ และโดยไม่รู้ตัวเขาก็ต้องพบกับ... อะไรทำนองนี้ เป็นศิลปะ และเป็นเทคนิควิธีหรือฝีมือของวิน วนาดร ที่แสดงออกให้เห็น


แม้ที่ยกตัวอย่างข้างต้นจะเป็นการพิจารณางานเขียนที่ออกจะละเอียดและพิรี้พิไรไปสักหน่อย แต่นี่ก็เป็นขัอสังเกตเล็ก ๆ อันหนึ่งที่พอจะนำมาใช้จำแนกงานเขียนที่ดี หรือดีน้อย ออกจากกัน เพราะการเลือกใช้ภาษาในงานเขียน ถือเป็นศิลปะการประพันธ์ที่น่าเรียนรู้ไว้โดยเฉพาะกับคนที่สนใจ ไม่ว่าจะผู้อ่าน หรือผู้เขียน


สำหรับ 3 เรื่องสั้นเด่นในมาตุภูมิเดียวกันที่ได้กล่าวถึงนั้น ได้แก่

1.ก่อกองไฟ

2.กล่องสบู่ของพ่อ

3.การจากไปของนกเค้า

เรื่องสั้น 3 ก ของ วิน วนาดรใน 2 เรื่องหลังมีรางวัลพานแว่นฟ้าเขาการันตีให้ด้วย ท้ายเล่มมีบอกไว้


เรื่อง ก่อกองไฟ ดีอย่างไร ดีตรงที่หมดจด เพราะเขียนจากมุมของเด็ก ๆ ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่เป็นมุมมองของชายชราที่หวนคิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก เป็นทัศนียภาพที่ยังตรึงตราอยู่ในความทรงจำของชายชรา ส่วนเนื้อหานั้นเน้นจะสะท้อนถึงสัมพันธภาพระหว่างคนในชุมชนที่ไทยพุทธ ไทยมุสลิม ไทยเชื้อสายจีนต่างดำรงอยู่ภายใต้อำนาจรัฐที่ถูกครอบครองโดยข้าราชการตำรวจเลวคนหนึ่ง เป็นภาพของคนในชุมชนหรือที่เรียกกันว่า “ชาวบ้าน”ถูกเอารัดเอาเปรียบ ขณะชาวบ้านต่างเอือมระอาในพฤติกรรมฉ้อฉลของตำรวจคนนี้แต่ก็ไม่กล้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้ตัวเองได้ ยังมีเด็กชายคนหนึ่งที่ไม่ยอมและกล้าพอจะตอบโต้ ทวงคืนความเป็นธรรมให้กับตัวเอง


เรื่อง กล่องสบู่ของพ่อ เด่นตรงที่ดำเนินเรื่องแบบหักมุม อ่านสนุก และเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นในตอนจบ ส่วนเรื่อง การจากไปของนกเค้า มีการแทรกสัญลักษณ์ตามคติความเชื่อเข้าไปด้วย คือ การปรากฏตัวของนกเค้า ทั้ง 3 เรื่อง ล้วนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นเรื่องราวที่เราต่างคุ้นเคยจากข่าวหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ ทั้งสิ้น แต่เนื้อในแล้ว ข่าว มีข้อจำกัดในการนำเสนอเนื้อหาในเชิงลึก เพราะข่าวทำหน้าที่ตอบคำถามว่า ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แต่วรรณกรรมไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาจะตอบคำถาม ขณะที่บางครั้งยังมีคำถามวางไว้ให้เราคิดหาคำตอบด้วย หรือบางครั้งวรรณกรรมก็พยายามทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้เราได้ “เข้าใจ”ปัญหาที่แท้จริง แต่เมื่อเข้าใจแล้วจะทำอะไรได้?


3 เรื่องสั้นดังกล่าวที่ยกยอว่าเป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมนั้น เหตุผลแรกที่ชัดเจนคือ แรงสะเทือนใจ เป็นวาบแรกของความรู้สึกเมื่อได้อ่านจนจบเรื่อง ข้อสองเป็นคะแนนของการจัดวางองค์ประกอบของเรื่องที่แนบเนียน ลื่นไหล และหนักหน่วง โดยเฉพาะเรื่องกล่องสบู่ของพ่อที่วิน วนาดรเขียนถึงสัมพันธภาพอันพิสุทธิ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน แม้ต่างฝ่ายจะมองกันเป็นศัตรู เรื่องอย่างนี้เขียนให้แนบเนียนนั้นยากยิ่ง เพราะโดยวิสัยปุถุชนย่อมถนัดที่จะมีอคติกับฝ่ายตรงข้าม แม้บางคนอาจติว่าเรื่องที่กล่าวถึงล้วนเป็นเรื่องแนวขนบหรือเพื่อชีวิต ออกจะเชยสนิท แต่ความเชยก็เป็นความงดงามได้ หากว่าเชยอย่างซื่อสัตย์และจริงใจ ไม่ใช่ดัดจริตจะเชย หรือดัดจริตจะ Post Modern ตาม ๆ เขาไปเท่านั้น


บทความนี้อาจจะดูฟุ้งซ่านไปหน่อยเพราะเขียนถึงแต่เรื่องที่ใช้ความรู้สึกเข้าไปจับทั้งสิ้น ต้องขออภัยด้วย หากว่าใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเรื่องสั้นน้อยเกินไป หวังว่าคุณผู้อ่านจะไม่เซ็งนะ (อันที่จริงอยากลองเขียนแบบสนุก ๆ บ้าง ตอนนี้กำลังศึกษา และฝึกฝนอยู่ หากมีข้อติติงอย่างไรก็ช่วยชี้แนะด้วย)


มาตุภูมิเดียวกัน ไม่ได้มีน้ำเสียงแบบฟูมฟายเรียกร้องให้ใครมาเข้าใจ หรือเห็นใจ อะไรจนมากมาย เพราะเขาเล่าเรื่องแบบชวนให้ครุ่นคิด และมองปัญหา มองโลกให้รอบด้าน มองให้เห็นความงดงาม หรือเหลี่ยมมุมในมิติอื่น จนบางครั้งก็เผลอรู้สึกไปตาม “หลวงตาทอง”ตัวละครในเรื่อง การจากไปของนกเค้า ว่าบางทีต้นเหตุแห่งปัญหามันมีความสลับซับซ้อน และเป็นปริศนา เกินกว่าจะเข้าไปตัดสิน

 


โดยภาพรวมแล้ว มาตุภูมิเดียวกัน เป็นมุมมองของคนในดินแดนสามจังหวัดชายแดนใต้ ที่พยายามบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง และยังดำรงอยู่ เป็นน้ำเสียงของความรู้สึกที่เจ็บลึก แต่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก ขณะเดียวกัน
วิน วนาดรก็ไม่เขียนใส่ร้ายป้ายสี หรือโน้มน้าวให้เกิดความเกลียดชัง เพราะเขารู้ซึ้งดีว่าความเกลียดชังนั่นเองที่เป็นตัวการร้ายกาจ ที่สร้างปัญหาให้ลุกลาม ต่อให้รัฐบาลเก่งกาจราวกับพระเจ้าก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้
.

บล็อกของ สวนหนังสือ

สวนหนังสือ
 ชื่อหนังสือ : เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการ ผู้เขียน : ประไพ วิเศษธานี จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ทะเลหญ้า พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2536 ไปเจอหนังสือเก่าสภาพดีเล่มหนึ่งเข้าที่ตลาดนัดหนังสือใกล้บ้าน เป็นความถูกใจที่วิเศษสุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่คิดว่าหายากแล้ว ไม่เท่านั้นเนื้อหายังเป็นตำราทางการประพันธ์ เหมาะทั้งคนที่เป็นนักเขียนและนักอ่าน นำมาตัดทอนให้อ่านสนุก ๆ เผื่อว่าจะได้ใช้ในคราวบังเอิญ เคล็ดกลอน เคล็ดแห่งอหังการเล่มนี้ ผู้เขียนใช้นามปากกา ประไพ วิเศษธานี ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นสักเท่าไร แต่หากบอกว่านามปากกานี้เป็นอีกสมัญญาหนึ่งของนายผี อัศนี พลจันทร ล่ะก็…
สวนหนังสือ
นายยืนยง    ชื่อหนังสือ : อาถรรพ์แห่งพงไพร ผู้เขียน : ดอกเกด ผู้แปล : ศรีสุดา ชมพันธุ์ ประเภท : นวนิยายรางวัลซีไรต์ พิมพ์ครั้งที่ 1 ตุลาคม 2549 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์เสมสิกขาลัย กลับบ้านสวนคราวที่แล้ว ตู้หนังสือยังคงสภาพเดิม ละอองฝุ่นเหมือนได้ห่อหุ้มมันให้พ้นจากสายตาผู้คน ไม่ก็ผู้คนเองต่างหากเล่าที่ห่อหุ้มตัวเองให้พ้นจากหนังสือ นอกจากตู้หนังสือที่เงียบเหงาแล้ว รู้สึกมีสมาชิกใหม่มาเข้าร่วมขบวนความเหงาอีกสามสิบกว่าเล่ม น่าจะเป็นของน้องสาวที่ขนเอามาฝากไว้ ฉันจึงจัดเรียงมันใหม่ในตู้ใบเล็กที่วางอยู่ข้างกัน ดูเป็นบ้านที่หนังสือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : เจ้าหญิงน้อย (A Little Princess) ผู้เขียน : ฟรานเซส ฮอดจ์สัน เบอร์เน็ตต์ (Frances Hodgson Burnett) ผู้แปล : เนื่องน้อย ศรัทธา ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งที่ 3 กรกฎาคม 2545 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน ปีกลายที่ผ่านมา มีหนังสือขายดีติดอันดับเล่มหนึ่งที่สร้างกระแสให้เกิดการเขียนหนังสืออธิบาย เพื่อตอบสนองความสนใจผู้อ่านต่อเนื่องอีกหลายเล่ม ทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิเคราะห์เอย ด้านมายาจิตเอย ทำให้หลายคนหันมาสนใจเรื่องความคิดเป็นจริงเป็นจัง หนังสือเล่มดังกล่าวนั่นคงไม่เกินเลยความคาดหมาย มันคือ เดอะซีเคร็ต ใครเคยอ่านบ้าง?…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ผู้เขียน : เรวัตร์ พันธุ์พิพัฒน์ ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ในดวงใจ ชวนอ่านเรื่องสั้นมหัศจรรย์ ปลายกันยายนจนถึงต้นเดือนตุลาคมปีนี้ ข่าวสารที่ได้รับค่อนไปทางรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสถาบันการเงินของสหรัฐที่ส่อเค้าว่าจะลุกลามไปทั่วโลก ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน หุ้นร่วงรูดเป็นประวัติการณ์ ชวนให้บรรดานักเก็งกำไรอกสั่นขวัญแขวน ไม่กี่วันจากนั้น รัฐบาลที่นำโดย นายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ ซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งได้ไม่กี่วัน ก็ได้ใช้อำนาจทำร้ายประชาชนอย่างไร้ยางอาย ตลอดวันที่ 7 ตุลาคม 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง นวนิยายเรื่อง : บ้านก้านมะยม สำนักพิมพ์ : นิลุบล ผู้แต่ง : ประภัสสร เสวิกุล อาขยาน เป็นบทท่องจำที่เด็กวัยประถมล้วนมีประสบการณ์ในการท่องจนเสียงแหบแห้งมาบ้างแล้ว ทุกครั้งที่แว่วเสียง ... แมวเอ๋ยแมวเหมียว รูปร่างประเปรียวเป็นนักหนา หรือ มานี มานะ จะปะกระทะ มะระ อะไร จะไป จะดู หรือ บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วนจำจงดี ฯลฯ เมื่อนั้น..ความรู้สึกจากอดีตเหมือนได้ลอยอ้อยอิ่งออกมาจากความทรงจำ ช่างเป็นภาพแสนอบอุ่น ทั้งรอยยิ้มและไม้เรียวของคุณครู ทั้งเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบจากเพื่อน ๆ ตัวน้อยในวัยเยาว์ของเรา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ ผู้เขียน : ชมัยภร แสงกระจ่าง ประเภท : รวมเรื่องสั้น พิมพ์ครั้งที่ 1 มีนาคม 2551 จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ คมบาง เมื่อคืนพายุฝนสาดซัดเข้ามาทั่วทิศทาง กระหน่ำเม็ดราวเป็นคืนแห่งวาตะภัย มันเริ่มตั้งแต่หกทุ่มเศษ และโหมเข้า สาดเข้า ถ้าเป็นหลังคาสังกะสี ฉันคงเจ็บปางตายเพราะฝนเม็ดหนานัก มันพุ่งแรงเหลือเกิน ต่อเนื่องและเยือกฉ่ำ ฉันลุกขึ้นมาเปิดไฟ เผชิญกับความกลัวที่ว่าบ้านจะพังไหม? ตัดเรือน เสา ที่เป็นไม้ (เก่า) ฐานรากที่แช่อยู่ในดินชุ่มฉ่ำ โถ..บ้านชราภาพจะทนทานไปได้กี่น้ำ นั่งอยู่ข้างบนก็รู้หรอกว่า ที่ใต้ถุนนั่น น้ำคงเนืองนอง…
สวนหนังสือ
 นายยืนยง  ชื่อหนังสือ : มาลัยสามชาย ผู้เขียน : ว.วินิจฉัยกุล ประเภท : นวนิยาย พิมพ์ครั้งที่ 1 กรกฎาคม 2550 จัดพิมพ์โดย : บริษัท ศรีสารา จำกัด หนังสือที่ได้รับรางวัลดีเด่นในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ จะส่งผลกระทบหรือสะท้อนนัยยะใดบ้าง เป็นเรื่องที่น่าจับตาอีกเรื่องหนึ่ง แม้รางวัลจะประกาศนานแล้ว แต่เนื้อหาในนวนิยายจะยังคงอยู่กับผู้อ่าน เพราะหนังสือรางวัลทั้งหลายมีผลพวงต่อยอดขายที่กระตือรือร้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเภทวรรณกรรม เรื่องสั้น นวนิยาย กวีนิพนธ์ โดยในปีนี้ นวนิยายเรื่อง มาลัยสามชาย ผลงานของ ว.วินิจฉัยกุล ได้รับรางวัลดีเด่น ประจำปี 2551…
สวนหนังสือ
นายยืนยง        ชื่อหนังสือ : อาหารรสวิเศษของคนโบราณ      ผู้เขียน : ประยูร อุลุชาฎะ      ฉบับปรับปรุง : กันยายน 2542      จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์แสงแดดใครที่เคยแก่อายุเข้าแล้ว พออากาศไม่เหมาะก็กินอะไรไม่ถูกปาก ลิ้นไม่ทำหน้าที่ซึมซับรสอันโอชาเสียแล้ว อาหารจึงกลายเป็นเรื่องยากประจำวันทีเดียว ไม่เหมือนเด็ก ๆ หรือคนวัยกำลังกินกำลังนอน ที่กินอะไรก็เอร็ดอร่อยไปหมด จนน่าอิจฉา คราวนี้จะพึ่งแม่ครัวประจำตัวก็ไม่เป็นผลแล้ว ต้องหาของแปลกลิ้นมาชุบชูชีวิตชีวาให้กลับคืนมา…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : แม่ใหม่ที่รัก ( Sarah, Plain and Tall ) ผู้เขียน : แพทริเซีย แมคลาแคลน ผู้แปล : เพชรรัตน์ ประเภท : วรรณกรรมเยาวชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2544 จัดพิมพ์โดย : แพรวเยาวชน หากใครเคยพยายามบ่มเพาะให้เด็กมีนิสัยรักหนังสือ รักการอ่าน ย่อมเคยประสบคำถามจากเด็ก ๆ ของท่านทำนองว่า หนังสือจำเป็นกับชีวิตมากปานนั้นหรือ? เราจะตายไหมถ้าไม่อ่านหนังสือ? หรือเราจะมีชีวิตอยู่ได้ โดยที่ไม่อ่านหนังสือจะได้ไหม? กระทั่งบ่อยครั้งผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ก็อาจหาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาตอบอย่างซื่อสัตย์ได้ไม่ง่ายนัก เป็นที่แน่นอนอยู่ว่า ผู้ใหญ่บางคนมีคำตอบในใจอยู่แล้ว ต่างแต่ว่า…
สวนหนังสือ
นายยืนยง ชื่อหนังสือ : ก่อนเริ่มโรงเรียนวิชาหนังสือ (สูจิบัตรในงาน ‘หนังสือ ก่อนและหลังเป็นหนังสือ’ ) จัดพิมพ์โดย : สำนักพิมพ์ผีเสื้อ สัปดาห์ก่อนไปมีปัญหาเรื่องซื้อหนังสือกับพนักงานขายของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ด้วยเพราะหนังสือที่จะซื้อมีราคาไม่เป็นจำนวนถ้วน คือ ราคาขายมีเศษสตางค์ เป็นเงิน 19.50 บาท เครื่องคิดราคาไม่ยอมขายให้เรา ทำเอาพนักงานวิ่งถามหัวหน้ากันจ้าละหวั่น ต้องรอหัวหน้าใหญ่เขามาแก้ไขราคาให้เป็น 20.00 บาทถ้วน เครื่องคิดราคาจึงยอมขายให้เรา เออ..อย่างนี้ก็มีด้วย เดี๋ยวนี้เศษสตางค์มันไร้ค่าจนเป็นแค่สัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์เท่านั้นเอง หนังสือเล่มดังกล่าวนั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง     ชื่อหนังสือ : ช่อการะเกด 45 (กรกฎาคม – กันยายน 2551) ประเภท : นิตยสารเรื่องสั้นและวรรณกรรมรายสามเดือน บรรณาธิการ : สุชาติ สวัสดิ์ศรี จัดพิมพ์โดย : พิมพ์บูรพา ใครที่เคยติดตามอ่านช่อการะเกด นิตยสารเรื่องสั้นรายไตรมาส เล่มเดียวในประเทศไทยในขณะนี้ ย่อมมีใจรักในงานเขียนเรื่องสั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ไม่ว่าผลงานเรื่องสั้นที่ปรากฏ “ผ่านเกิด” ภายใต้รสนิยมบรรณาธิการนาม สุชาติ สวัสดิ์ศรี นั้นจะต้องรสนิยมคนชื่นชอบเรื่องสั้นมากน้อยเพียงใด ก็ไม่ค่อยปรากฏกระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใดเลย ทั้งที่ตอนประชาสัมพันธ์เปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้น…
สวนหนังสือ
นายยืนยง วันที่ 8 กรกฎาคม 2551 คณะกรรมการคัดเลือกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ได้พิจารณาคัดเลือกหนังสือรวมเรื่องสั้นที่ส่งประกวด ประจำปี 2551 จำนวน 76 เล่ม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอหนังสือรวมเรื่องสั้น 9 เล่ม ดังนี้   1.ข่าวการหายไปของอาริญาและเรื่องราวอื่น ๆ ของ ศิริวร แก้วกาญจน์ 2.เคหวัตถุ ของ อนุสรณ์ ติปยานนท์ 3.ตามหาชั่วชีวิต ของ ‘เสาวรี’ 4.บริษัทไทยไม่จำกัด ของ สนั่น ชูสกุล 5.ปรารถนาแห่งแสงจันทร์ ของ เงาจันทร์ 6.เราหลงลืมอะไรบางอย่าง ของ วัชระ สัจจะสารสิน 7.เรื่องบางเรื่องเหมาะที่จะเป็นเรื่องจริงมากกว่า ของ…