Skip to main content

ท่ามกลางความหนาแน่นของผู้คน นักเดินทางโดยเครื่องบิน ขาเข้าและขาออกนอกประเทศ ณ สนามบินสุวรรณภูมิในค่ำวันหนึ่ง

หวัดดีครับชิน ยินดีที่ได้รู้จัก ได้ยินแต่ชื่อเสียงเลียงนามมานานแล้วครับ” เสียงของพี่หนึ่งทักทายเมื่อครั้นที่เราพบกันครั้งแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ผมกำลังจะบินไปทำงานต่อที่ต่างประเทศ

 

 

พี่หนึ่งเป็นพนักงานที่ทำงานบริษัทเดียวกัน แต่แยกย้ายกันคนละสาขา ทำให้ไม่เคยได้ทำงานร่วมกันมาก่อน เราเริ่มรู้จักกันมากขึ้นหลังจากที่เครื่องบินไฟล์ท จากฮ่องกงไปลงที่โรม ซึ่งเป็นไฟล์ทที่ค่อนข้างยาวนานมากกว่า 11 ชั่วโมง ช่วงนั้นไม่ได้เป็นฤดูไฮ ซีซัน บนเครื่องบินจึงมีผู้โดยสารไม่เต็มทุกที่นั่ง


ชินย้ายไปนั่งด้วยกันก็ได้นะครับ ผมนั่งกับวัฒน์ สองคนที่โน่น ชินจะได้ไม่เหงา” พี่หนึ่งมาเชิญให้ไปนั่งด้วย

อ๋อไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากเลยนะครับที่มาชวน แต่ว่าที่นี่ก็ว่างไม่แออัดอะไร กะว่าจะงีบหลับก่อนเพราะมัวแต่จัดกระเป๋าจนนาทีสุดท้าย วันนี้จึงอดนอน ถ้านอนไม่หลับแล้วจะไปนั่งคุยด้วยละกันครับ” ผมตอบพี่เค้า พร้อมกับส่งสายตาขอบคุณอย่างเป็นมิตร


ชีวิตของชาวสลีบเลส โซไซตี้ (สาวกของ Sleepless society :new albums by Narongwitt ,Grammy) บางครั้งทั้งๆ ที่ง่วง พอถึงเวลาที่อยากจะหลับใจเจ้าเอยก็ไม่หลับไม่นอน หรือผมมีภาระหน้าที่ทางหัวใจ มีงานเข้ามาอย่างไม่รู้ตัว ผมจำได้ว่างีบหลับไปไม่กี่ชั่วโมง ด้วยบรรยากาศและที่นั่งแคบๆ ทำให้ผมสะดุ้งตื่น ยากที่จะหลับต่อได้อีก ตื่นมาจากภวังค์ในใจครุ่นคิดแอบปลื้มพี่หนึ่ง ชายวัยทำงานที่รูปร่างหน้าตา ไม่เป็นสองรองใคร โอ้ เอย....หัวใจเกิดอะไรขึ้นกับผม

ในขณะที่กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ยืนยืดเส้นยืดสาย พี่หนึ่งก็เข้ามาทักด้วยความเป็นห่วง เราใช้พื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำ ด้านหลังสุดของเครื่องบินสายการบินประจำชาติฮ่องกง คุยกันเกือบสองชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องชีวิต หรือแม้แต่เรื่องของความรัก... “รัก....เอย”


.....................



แกๆ พี่เค้าดูดีเน๊อะ เคยพบกันกับพี่เค้าครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน หลังจากนั้นก็ไม่เคยเจอกันอีกเลย นี่ถ้าหากยังไม่มีแฟนกะว่าจะจีบเค้าซักหน่อย หุหุ พี่เค้าก็เป็นคนที่เปิดเผยดีนะ เค้าเล่าเรื่องราวให้เราฟังเยอะเลยหละ เมื่อกี้พี่เค้ายังชมแกให้เราฟังเลยว่า ชินเป็นคนน่ารักมีเสน่ห์ ท่าทางจะเจ้าชู้ไม่เบา เป็นคนน่าค้นหา” วัฒน์บอกผมเมื่อตอนที่รอเครื่องที่สนามบินฮ่องกง


ผมจำไม่ได้ว่านานหรือยังที่ผมไม่มีความรัก และคนรักมาร่วมคู่ครอง ทำงานจนงานแทบจะขึ้นสมอง ทั้งงานประจำ งานอดิเรก ธุรกิจหลายอย่างที่ต้องดูแล จนบางครั้งเกือบลืมไปว่า บางทีเราต้องทำอะไรเพื่อหัวใจเราบ้าง

...................


พี่เคยมีลูก และเมียเมื่อหลายปีก่อน แต่สุดท้ายเราก็ไปกันไม่ได้ เพราะพี่ต้องทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับครอบครัว จนวันหนึ่งที่พี่กลับเมืองไทย พี่รู้ว่าเค้าได้ปันใจให้กับชายคนใหม่ที่พร้อมและให้ความสุข ความต้องการเค้ามากกว่าพี่ และแล้วครอบครัวของเราก็จบ โดยแฟนเก่าของพี่เอาลูกมาให้ย่าเลี้ยงที่ต่างจังหวัดแล้วเธอก็ใช้ชีวิตอยู่กับแฟนใหม่ที่กรุงเทพ ฯ”
พี่หนึ่งเล่าเรื่องราวอดีตให้ผมฟัง จนผมเริ่มรู้สึกและเข้าใจถึงความพลัดพรากและแยกทางกันอยู่ของคนที่เคยรัก และรักกันมาก่อน มันเป็นสิ่งที่ทรมานเหลือเกิน ไม่ว่าคุณจะมีความรักแบบไหนให้ใครก็ตาม


พี่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าพี่จะเป็นเกย์ หรือเสือไบ เพราะพี่ไม่เคยนอกใจกับแฟนผู้หญิงมาก่อนจนวันหนึ่งที่เราแยกทางกัน มีชายคนหนึ่งที่เค้ามาผูกพัน มอบความรักและความห่วงใยให้ โดยทำทุกอย่างเพื่อพี่ จากวันนั้นถึงวันนี้พี่ถึงได้รู้ว่า ความรักมันไม่ได้แบ่งแยกเพศหรืออายุ วรรณะแต่อย่างใด พี่จึงเริ่มปันใจให้กับชายคนนี้” ผมฟังพี่เค้าเล่าอย่างปอกเปลือก รับฟังอย่างเข้าใจถึงหัวอกของชายคนหนึ่ง


แต่ตอนนี้พี่ก็แทบจะเรียกว่าเป็นโสด ทั้งกายและหัวใจ พี่คงจะไม่มีความรักให้ใครได้อีกต่อไป หลังจากที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพี่เค้าจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งปกติเค้าก็มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว พอแม่ทิ้งเค้าให้อยู่กับย่า เค้าคงจะเหงาและตรอมใจ จนทรุดและจากไปในที่สุด พี่ทำหน้าที่พ่อไม่ดีเลย ไม่มีเวลาให้เค้า เพราะพี่คิดแต่ว่าสักวันหนึ่งหากมีเงินพอแล้วจะกลับไปตั้งเนื้อตั้งตัวและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันพร้อมหน้า”

จากประโยคที่พี่เค้าเล่าให้ฟังนั้นมันทำให้ผมเคยคิดเสมอว่า ความสุขของคนเรานั้นบางครั้งไม่ได้อยู่ที่เงินเพียงอย่างเดียว หากเพียงแต่ได้มีโอกาสได้อยู่กับคนที่เรารัก และได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักแค่นั้นก็อาจจะทำให้เราเป็นสุขได้ไม่น้อยทีเดียวไม่ใช่เหรอ ความคิดของผมตอนนั้นครุ่นคิดถึงพ่อเสียเหลือเกิน อยากใช้ชีวิตอย่างอบอุ่นเหมือนในวัยเด็กที่มีพี่ พ่อ แม่ อยู่กันอย่างพร้อมหน้า นั่งกินข้าวด้วยกันแทบจะทุกมื้อ กลางคืนนอนดูดาว คุยกันถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ และเล่าเรื่องราวอย่างเป็นสุข ของแต่ละวันที่ผ่านไปอย่างอบอุ่นในครอบครัวสมบูรณ์


พี่หนึ่งชวนผมไปนั่งคุยที่เบาะนั่งผู้โดยสารอย่างเบา ๆ จนผมเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็มีมืออุ่นๆ ของพี่เค้ามากุมจับอย่างเป็นห่วงเป็นใย

..............


หลังจากที่เครื่องลงถึงสนามบินกรุงโรม พนักงานจากเมืองไทยเดินทางเข้าบริษัท มันเป็นความบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่ทำให้ผมกับพี่หนึ่งได้พักอยู่ห้องเดียวกัน เราเริ่มรู้จักกันและกันมากขึ้น ใช้ชีวิต อบรม ทำงาน ร่วมกัน


เป็นไงบ้างจ๊ะ ได้ข่าวว่าพอมาถึงก็ได้อยู่ห้องหอเดียวกันเลยเหรอ แล้วอย่างงี้จะไปเหลืออะไร ใครได้ใครเสีย” เพื่อนล้อ และแหย่ตามประสาคนสนิทชิดเชื้อกัน ผมจึงตอบเพื่อนไปว่า

ผมไม่ใช่คนง่าย หรือแค่ใคร่เซ็กส์อย่างเดียว ลูกมีพ่อมีแม่นะเฟ้ย ใช่ว่าจะได้กันง่าย ๆ” ผมตอบไปอย่างรักศักดิ์ศรี แม้จะไม่ค่อยมีก็ตาม


หลายวันผ่านไป เราแค่ดูใจโดยที่พี่เค้าก็ให้เกียรติและเป็นลูกผู้ชายเสมอ ความสุภาพบุรุษของเค้าทำเอาผมแทบจะตายใจและเกือบจะเผลอใจ

ชินได้ข่าวว่าพี่เค้ามีแฟนแล้วเหรอ เป็นชาวต่างชาติ ตอนนี้เค้ายังติดต่อกันอยู่หรือเปล่า เค้าเล่าให้แกฟังบ้างปะ” วัฒน์ถามด้วยความใคร่รู้

อื่อ... เค้าก็เล่าให้ฟังนะ นั่นก็คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราไม่สามารถจะตัดสินใจอะไรได้ในตอนนี้หวะเพื่อน” ผมตอบวัฒน์เพื่อนเกย์คนสนิทอย่างเปิดใจ

................


คืนหนึ่งหลังเลิกงาน พี่หนึ่งไปปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ กลับมาที่ห้องพักด้วยความเมาทำให้กล้าหรือว่า ต้องการจะระบาย เปิดใจพูดคุย คุณคงไม่คิดมากว่าหลังจากเมาเหล้าแล้ว คนสองคนที่กำลังมีใจให้กัน แล้วนาทีต่อจากนั้นไปจะเกิดอะไรขึ้น


คุณอาจจะเดาผิดก็ได้ครับ ผมเลือกทางที่ตัวเองคิดว่าทำถูกแล้ว.... ถึงแม้ผมจะไม่ได้ทำตามใจที่ตัวเองต้องการ แต่ผมก็ได้เลือกที่จะทำตามศีลธรรมอย่างเข้าใจในชีวิต


ชินรู้มั้ยว่าพี่ชอบชิน และชอบมากด้วย แต่ทำไมพี่ถึงไม่สามารถทำอะไรๆ ตามใจพี่ได้ พี่อยากเป็นแฟนกับชิน อยากมีเซ็กส์กับชิน ถ้าชินจะลืมว่าพี่มีแฟนในตอนนี้ พี่กับแฟนใหม่ที่เป็นเกย์ชาวต่างชาติเราอยู่ห่างกัน ชินไม่รับรักและไม่มีความสัมพันธ์กับพี่มากไปกว่านี้ได้หรือ มันทรมานมากรู้มั้ยที่เราอยู่ใกล้กัน” พี่หนึ่งบอกผมอย่างเปิดใจด้วยเพียงเพราะความกล้าหลังจากที่ได้ดื่มน้ำมึนลงไป หรือถึงกาลเวลาที่ต้องเปิดอกคุยกันสักที


ผมเข้าใจในความรู้สึกของพี่นะ แต่พี่ต้องเข้าใจว่า .... ผมมาทีหลัง พี่หนึ่งมีแฟนอยู่แล้วตอนนี้ แม้พี่กับเค้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ผมก็ไม่สามารถจะไปตีท้ายครัว เข้ามาแทนความผูกพันหรือความต้องการของหัวใจได้ ผมสงสารแฟนของพี่ และผมก็ไม่อยากให้ความผูกพันของเรามันเกินเลยไปมากกว่านี้” ผมบอกพี่หนึ่ง พี่หนึ่งโผกอดผมอย่างแนบแน่น มันทำให้น้ำตาจากต่อมไหลคลอเบ้าเสียไม่ได้ เสียใจและเสียดายที่เราเจอกันช้าไป ถึงยังไงผมก็คงเลือกที่จะไม่ขอเป็นคนเลวที่รักเธอ แม้ในใจผมจะรักพี่เค้ามากแค่ไหนก็ตาม


....ก็อยากดูแล ให้มากกว่านี้เหลือเกิน แต่กลัวจะเผลอ ทำเพลินจนเกินหน้าที่

ก็ถูกให้เป็นแค่คนรู้จักเลื่อนเป็นคนรักไม่ได้สักที จึงทำเท่าสิทธิ์ที่มี ยามเห็นเธอเป็นทุกข์ใจ

ห่วงอยู่ไกล ๆ เจอหน้ายิ้มให้ด้วยสายตา คอยเป็นธุระในเรื่องที่พอช่วยได้

ขอโทษบางคราที่ต้องเหินห่างและมีบางครั้งที่เคยขัดใจ

บางอย่างที่ขอมากไปเจ้าที่หัวใจเขาหวงแหน

.... คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้

เหนื่อยก็รู้ เหงา ...ก็เข้าใจ แต่ไม่อาจให้ยืมอ้อมแขน

คนที่ไม่ใช่แฟนทำแทน ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้

หน้าที่ตามฐานะใจ ห้ามเดินก้าวล้ำเส้นแดน

ภาระในเขตอ้อมแขน ... ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้.....”


เพลงของตั๊กแตน ชลดา แต่งโดยครูสลา เพื่อให้คนไม่ผิดระเบียบและทำตามฐานะ ภาระ หน้าที่ สภาพทางจิตใจ ที่ไม่อยากเห็นใครล้ำเส้นแดน แย่งแฟนคนอื่น


ผมรักพี่หนึ่งเสมอ แต่ผมเข้าใจว่าผมมาทีหลัง มันจึงไม่ควรที่จะสร้างความผูกพันกันจนเกินเลย เพราะสุดท้ายแม้หากผมจะได้พี่หนึ่งมาเป็นคู่ครอง ผมคงโดนตราหน้าว่า “แย่งสามีชาวบ้านมากิน” และผมก็รู้สึกและเข้าใจถึงความสูญเสียคนที่เรารักมันเป็นยังไง ผมคงจะเป็นสุขบนกองน้ำตาของแฟนเค้าไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ผม .... ผู้คนมีอีกเป็นหมื่นล้านคนมากมายในโลก คงจะมีสักวันที่ผมจะพบใครสักคนที่เป็นของผมจริงทั้งร่างกายและจิตใจ หรือแม้วันนี้ วันหน้า วันต่อไปผมจะไม่เจอใคร ผมก็ยังดีใจที่ไม่ได้ไปแย่งของใครมากิน


แม้เพื่อนบางคนจะแปลงเนื้อเพลงร้องให้ฟังเสมอว่า “คนที่ไม่ใช่แฟน ทำแทนยิ่งแซ่บมากกว่า” แต่ผมขอเลือกไม่อยากให้เค้าแซ่บจนติดใจ ถ้าหากวันใดเค้าทิ้งแฟนมาอยู่กับเราได้ ต่อไปเค้าก็คงทิ้งเราไปอยู่กับคนอื่นได้เช่นกัน นอกจากนั้นเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา เค้าเป็นของคนอื่นท่องเอาไว้ในใจ เค้าไม่ได้เป็นของ ๆ เรา คืนของเค้าไป ทุกทางเดินของรักมักมีทางออกสักทางเสมอ

 
ชาตินี้ที่รัก เราคงรักกันไม่ได้ เพราะว่าหัวใจของเธอนั้นมีเจ้าของ

... เพราะเธอมีคู่ อยู่แล้วเธออย่ามารัก แม้หากชาติหน้ามีรัก ขอเป็นคนรักคนแรก....ของเธอ”


ความรักมีทั้งสุข และทุกข์ รักมีครบทุกรสชาด ถ้าหากความรักของคุณที่มีต่อคนๆ หนึ่งเป็นสิ่งที่สวยงาม รักอย่างเข้าใจ รักอย่างไม่ผิด รักโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ รักแค่ต้องการอยากเป็นผู้ให้รัก รักยังไงก็สุดแล้วแต่ ถ้าหากความรักนั้นไม่ทำให้ใคร
(สักคน) เดือดร้อน ปรับแต่งความรักของคุณและเค้าให้เป็นสิ่งที่ดีอันบังเกิดขึ้นในชีวิตของคุณและเค้า ทำอย่างไรที่จะให้รักของเค้าและคุณเป็นสุข เลือกทำในสิ่งที่ดีงาม เลือกรักให้ถูกที่และเป็นผลดีต่อคนทุกคน จงรัก....อย่างถูกทาง “ผมยังรักคุณเสมอ”...


ปล. เรื่องสั้นนี้เขียนบนพื้นฐานจากเรื่องจริง มีการปรับแต่งเพื่อความบันเทิง ชื่อตัวละครเป็นเพียงนามสมมติ ที่สำคัญเป็นการเขียนเรื่องสั้นครั้งแรกของชาน่า หากผิดพลาด ไม่ได้อรรถรสประการใด น้อมรับแต่เพียงผู้เดียวเจ้าฮ่า...

 

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาชาน่าเข้าพักโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปนเพื่อมาลงเรือสำราญ (อาชีพหลัก “นางแบก” โกอินเตอร์ ที่ทำมาสิบปีแล้วค่ะ) หลังจากพักร้อนเมืองไทยสามเดือนช่วงเข้าพรรษา พอออกพรรษาก็กลับไปทำงานต่อต่างประเทศ วันนั้นชาน่าหยิบหนังสือพิมพ์ USA Today จากโรงแรมมาอ่านในระหว่างที่รอคนมารับ ไม่หนำใจเอามาอ่านต่อที่เรือ กว่าจะหาเวลามาเขียนก็ต้องรอร่างและวิญญาณเข้าสิง ช่วงนี้งานเข้าทุกวันฮ่ะ
ชาน่า
  เมื่อพบแล้วย่อมมีพราก เมื่อเจอแล้วจำต้องจาก พรหมลิขิตบันดาลให้เราพบกัน แต่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องไปตามทางชีวิตของใครของมัน ... เรากำหนดชีวิตของใครไม่ได้
ชาน่า
“สวยเลือกได้” เป็นคำที่หลายคนมั่นใจกล่าวกันว่าตัวเอง รูปงามเลิศประเสริฐศรี ทั่วปฐพีไม่มีใครเหมือน มักจะเป็นฝ่ายเลือกเสมอ แต่ในความหมายนี้เข้าใจโดยทั่วไปของชาวเราคือ สวยซะอย่างเลือกผู้ชายได้ ประหนึ่งว่าหน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง อยากได้ใครก็ได้ ไม่ต้องจ่ายตังค์  
ชาน่า
กลับมาอีกครั้งกับรายการเรียลลิตี้ฟอร์มยักษ์ “ซูเปอร์สตาร์” ที่สุดแห่งดาว ซีซั่น 2 แฟนตาซี เวิลด์ หลังจากประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีเมื่อปีที่แล้ว การกลับมาคราวนี้ของบรรดาเหล่าซูเปอร์สตาร์ทั้งสิบคน โดยหนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเพื่อนพ้องของคนในวงการสีม่วงของเรา หากเอ่ยนามแล้วคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “น้องตุ้ม ปริญญา” โดยส่วนตัวแล้วน้องตุ้มเป็นรุ่นน้องที่น่ารักคนหนึ่งเราเริ่มรู้จักกันที่ผับแห่งหนึ่งและก็ “อู้” ภาษาเหนือเดียวกัน หลังจากนั้นพอชาน่าได้ออกหนังสือ เรื่อง “ใช่ว่าจะดอก...ท้อ” จึงขอให้น้องตุ้มร่วมเขียนคำให้กำลังใจ…
ชาน่า
เจ้าข้าเอ้ยยยย !!! แรงได้อีก..ข่าวสะท้อนสังคม สะท้านการกระทำ เย้ยกฏหมายบ้านเมือง เรื่องความปลอดภัยของเพศทางเลือก ... อีกแล้วเหรอเนี่ย ? สยองขนพองไปหลายเพลาเชียวชาวเราเอ้ยยยยย...
ชาน่า
“มวยตั้งกรรมการสอบวรพจน์ถ่ายนู๊ดลงนิตยสารเกย์ ทำเสียภาพพจน์ฮีโร่ มีเจตนาไล่พ้นทีมชาติ” จั่วหัวข้อข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง พร้อมด้วยบทสัมภาษณ์ของนายกสมาคมฯ  
ชาน่า
เป็นเรื่องเป็นราวเป็นข่าวเสมอ ทั้งการต่อสู้ เรียกร้องเพื่อสิทธิและสู้เพื่อกลุ่มเกย์ คราวนี้เป็นเรื่องเดิมที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เหตุจากคุณเกย์นที ซึ่งเป็นเกย์การเมืองไทย และเลขาธิการกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ได้ถูกปฎิเสธ จากการทำประกันกับธนาคารชื่อดังที่ได้รับความไว้วางใจจากมหาชนกว่าร้อยปี
ชาน่า
ชาน่าได้อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อันเกี่ยวข้องกับกลุ่มรักเพศเดียวกันแล้วรู้สึกถึงการเข้าอกเข้าใจและมองถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อสังคมเมืองไทยของเรา
ชาน่า
หลังจากงานโชว์อลังของป้าเดย์ ฟรีแมนเมื่อคราวที่แล้วเพิ่งจบไปหมาด ๆ แต่เสียงการตอบรับอย่างท่วมท้น ทำให้หลายคนพลาดไป และอีกหลายคนอยากชม พวกเค้าและเธอจึงฮึดขอ "ฮากระจายอีกครั้งกับการกลับมาของ ละครเวทีเปรี้ยวซ่าก๋ากั่น" โดยใช้ชื่อการโชว์ครั้งนี้ว่า "Return of the Last Day Show: Will I survive?" ซึ่งเป็นละครเวที ผสมกับมิวสิคัล ทั้งร้อง ทั้งเต้น เน้นจิกกัด กับมุกใหม่ ฮาใหญ่ ไม่ซ้ำใคร โดยเดย์ ฟรีแมน นางโชว์มือหนึ่งของเมืองไทย และไข่มุก เพื่อนสาวสุดจี๊ด ปรี๊ดปรอทแตก พวกเค้าจะกลับมาตีแผ่ชีวิตหลังม่านนางโชว์ ที่จะเรียกเสียงหัวเราะของคุณทุกๆ นาที
ชาน่า
  ได้รับเมล์จากทางทีมงานโครงการหนังสั้นแล้ว เก็บไว้ไม่ไหว ขอจ่อคิวลงคอลัมน์ของชาน่าก่อนที่จะถึงวันหนังเกย์ จะฉายค่ะ   หากช่วงนี้ คุณว่าง ๆ หรืออยากไปดูหนัง ฟังเพลง ชาน่าขอแนะนำอีกหนึ่งโครงการที่คุณไม่ควรพลาด นั่นคือ “เทศกาลหนังสั้น ครั้งที่ 13”   ซึ่งทางทีมงานเค้าบอกว่าหลังจากที่ปีที่แล้ว ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับการประเดิมทำโปรแกรม Queer Shorts ครั้งที่หนึ่ง ในปีนี้เทศกาลหนังสั้นครั้งที่ 13 ก็ขอตอกย้ำความสำเร็จด้วยโปรแกรม Queer Shorts อีกครั้ง โดยในปีนี้จะเน้นไปที่หนังที่พูดเรื่องความสัมพันธ์แบบลักเพศ (Queer Relations) ซึ่งประกอบไปด้วย หนังสั้น 5 เรื่องจาก 5…
ชาน่า
วันก่อนได้คุยกับเพื่อนชาวต่างชาติ เค้าแนะนำให้ชาน่าไปหาอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Prayers for Bobby ซึ่งมีการนำหนังสือเล่มนี้มาทำเป็นหนังทีวีด้วย ด้วยความที่อยากรู้ จึงเสาะแสวงหา ค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือและหนังเรื่องนี้ โดยชาน่าคิดว่ามันน่าจะเป็นตัวอย่างของสมาชิกภายในครอบครัวในทุกสังคมได้ดี ไม่ว่าจะเป็นสังคมนั้นจะนับถือศาสนาใด จะมีความเคร่งครัด ระเบียบจัดแค่ไหน
ชาน่า
ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติของเราที่มีมาตั้งแต่รุ่นปู่ของปู่ ย่าของย่า ตายายสมัยโบราณ วันนี้ชาน่าอยากนำคำศัพท์ สำนวน ภาษาเฉพาะที่ใช้เรียกและสื่อสารกันระหว่างชาวรักเพศเดียวกัน เผื่อใครหลายคนสนใจ หรือใคร่รู้ เคยได้ยิน เคยผ่านหู ผ่านตา อยากศึกษา(นอกตำราเรียน) ลองเปิดพจนานุกรม(เกย์) ฉบับเพื่อนส่งให้เพื่อนนี้ได้ ไม่เสียหลาย หากคำบางคำยากยิ่งซึ่งจักเข้าใจ หรือหยาบโลนบ้างไม่มากก็น้อยก็ต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย ไม่ได้มีเจตนาจะชักภาษาให้เสีย แต่เป็นแค่ภาษาที่ใช้สนทนากันเฉพาะกลุ่มเท่านั้นเอง คำบางคำ ต้องขอบอกว่า "คิดได้ไง" อ่านแล้วก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ ถือว่าเป็นภาษาเพื่อจรรโลงใจละกันฮ่ะ...