Skip to main content

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความดีใจกับนักแสดงฝีมือระดับโลกที่ได้รับรางวัลหมาด ๆ สาขา “นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม” ฌอน เพนน์ ที่คว้ารางวัล Academy Awards ครั้งที่ 81 ไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี แม้ชีวิตจริงของเค้าจะไม่ใช่เกย์ก็ตาม

มิลค์ เป็นหนังที่กล่าวถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวรักร่วมเพศที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 1 ใน 5 ของหนังดังระดับโลกอีกเรื่องหนึ่ง คืนวันอาทิตย์ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาน่าได้มีโอกาสดูการถ่ายทอดสดตรงจาก ทีเอ็นที ณ โรงละครโกดัก แอลเอ โดยหนังเรื่องนี้เข้าชิงหลายรางวัล เช่น หนังดีเด่น ผู้กำกับดีเด่น แม้จะไม่ได้รางวัลแต่อย่างน้อย ดารานำฝ่ายชายของหนังเรื่องนี้ก็ขึ้นไปรับรางวัลอย่างสมเกียรติ พร้อมประกาศก้องว่า “คนเราทุกคนควรมีสิทธิเท่าเทียมกันไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม” กล้องได้จับภาพผู้มาร่วมงานพร้อมกับเสียงปรบมือกระหึ่มทั่วโรงละคร

โดยส่วนตัวแล้วอิฉันยังไม่มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่พลาดที่จะเข้าไปพรีวิว จากแหล่งข้อมูล พร้อมนำเรื่องย่อมาฝากเป็นไกด์นำทางเพื่ออรรถรสในการชม และรายละเอียดของหนังเรื่องนี้กันค่ะ



Milk / ฮาร์วี่ย์ มิลค์ ผู้ชายฉาวโลก
กำกับการแสดงโดย : Gus Van Sant
นำแสดงโดย : Sean Penn, Allison Pill, Josh Brolin, Emile Hirsch, James Franco
ประเภท : Drama, Biopic
เรท : R
ความยาว : 2.8 ชม.
วันที่เข้าฉาย : 26 กุมภาพันธ์ 2552
ค่ายภาพยนตร์ : M Pictures

เนื้อเรื่องโดยย่อ มิลค์เป็นการตั้งชื่อหนังตามชื่อของนักต่อสู้ โดยแสดงถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวรักร่วมเพศซึ่งมิล์คได้พลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของประเทศอเมริกา เป็นต้นกล้าสำคัญในการต่อสู้จนนำมาสู่การยอมรับ และการกล้าเปิดเผยตัวเองมากขึ้นในปัจจุบัน ที่กระจายไปทั่วโลก จนนิตยสารไทม์ได้ยกย่องให้ให้เขาเป็นหนึ่งในร้อยบุคคลสำคัญของโลกแห่งศตวรรษ แต่หลังจากดำรงตำแหน่งทางการเมืองมาระยะหนึ่ง มิล์ดได้มีเรื่องบาดหมางกับ แดน ไวท์ คู่แข่งทางการเมืองที่เกลียดเกย์ ทำให้มิล์คถูกไวท์ยิงในระยะเผาขน พร้อมกับนายกเทศมนตรีซานฟรานซิสโก ในปี 1978


มิลค์
เขาคือนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเกย์ คือเพื่อน คือคนรัก คือศูนย์รวมจิตใจ เขาเป็นนักการเมือง เป็นนักสู้ เป็นบุคคลผู้ควรค่าแก่การยกย่อง เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นวีรบุรุษ เรื่องราวของเขาพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ ความหาญกล้าของเขาเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนมากที่น่าสรรเสริญและยกย่องเป็นอย่างยิ่ง


ในปี
1977 ฮาร์วีย์ มิลค์ ได้รับเลือกให้เข้าไปนั่งในสภาที่ปรึกษาแห่งซานฟรานซิสโก เขาคือเกย์เปิดเผยคนแรกที่มีสิทธิ์มีเสียงในองค์กรทางเมืองของสหรัฐอเมริกา ชัยชนะของมิลค์ไม่ใช่เพียงเพื่อสิทธิของกลุ่มรักร่วมเพศเท่านั้น หากแต่ยังเป็นการกำจัดความเหลื่อมล้ำทางการเมืองอีกด้วย นอกจากนี้ ฮาร์วีย์ มิลค์ ยังเปลี่ยนความหมายของการเป็นนักสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และกลายเป็นวีรบุรุษของชาวอเมริกันทุกชนชั้นตั้งแต่ราษฎรอาวุโสไปจนถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน กระทั่งเขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในปี 1978


ภาพยนตร์เรื่อง
Milk ถ่ายทอดช่วงชีวิต 8 ปีสุดท้ายของ ฮาร์วีย์ มิลค์ เริ่มตั้งแต่ตอนที่มิลค์ในวัย 40 ปีอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก จนกระทั่งตัดสินใจออกตามหาจุดมุ่งหมายอื่นๆ ในชีวิต โดยย้ายมาลงหลักปักฐานกับคนรักคือ สกอตต์ สมิธ (รับบทโดย เจมส์ ฟรังโก้) ในซานฟราซิสโก และเปิดธุรกิจเล็กๆ ชื่อ Castro Camera ณ ใจกลางชุมชนของชนชั้นกรรมาชีพ ซึ่งต่อมากลายเป็นสถานที่พักพิงทางใจของกลุ่มรักร่วมเพศจากทั่วประเทศ ชุมชนคาสโตรอันเป็นที่รักบวกกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองเพิ่มพลังชีวิตให้กับมิลค์เป็นอย่างมาก จนถึงขั้นสร้างความประหลาดใจให้กับสกอตต์และตัวของเขาเองด้วยการเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง เขาเรียกร้องความเท่าเทียมทางสิทธิและโอกาสให้กับทุกๆ คน ความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อเมืองและผู้คนในเมืองนี้ทำให้เขาต้องสลับบทบาทไปมาเป็นเด็กบ้าง เป็นคนแก่บ้าง เป็นชายแท้บ้าง และเป็นชายรักร่วมเพศบ้าง ท่ามกลางอคติและกระแสต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศซึ่งเปรียบประหนึ่งบรรทัดฐานของสังคมในเวลานั้น

ด้วยแรงหนุนเต็มกำลังจากสกอตต์ บรรดาเพื่อนใหม่ และเหล่าอาสาสมัคร มิลค์จึงกระโจนเข้าสู่กระแสการเมืองอันเชี่ยวกราก รวมทั้งคอยดูแลช่วยเหลือหนุ่มนักเคลื่อนไหวไฟแรงอย่าง คลีฟ โจนส์ (เอมิล เฮิร์สช์) ไปพร้อมๆ กัน เขาใช้อารมณ์ขันมัดใจสาธารณชน และลงมือทำจริงจังมากกว่าดีแต่พูด ไม่นานนักก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว แต่กระนั้น มิลค์ก็ยังยืนกรานจะเป็นส่วนหนึ่งของการเมืองส่วนท้องถิ่นให้ได้ อันเป็นเหตุให้เขาและสกอตต์ต้องแยกทางกันไป ผ่านมาถึงช่วงที่เขาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 4 จึงได้พบรักใหม่กับ แจ็ค ลิร่า (ดิเอโก ลูนา)


มิลค์ได้ชัยชนะในการลงสมัครครั้งสุดท้ายนี้เอง โดยได้รับเลือกให้เป็นกรรมการที่ปรึกษาประจำเขตการปกครองที่
5 เขาดูแลซานฟรานซิสโกเป็นอย่างดี พร้อมกันนั้นก็วิ่งเต้นคัดค้านข้อบังคับประจำเมืองเพื่อปกป้องผู้คนจากการถูกไล่ออกหลังจากที่เปิดเผยรสนิยมทางเพศของตัวเองรวมไปถึงนำขบวนประท้วงการทำประชามติทั่วทั้งรัฐเพื่อไล่ครูที่เป็นเกย์รวมทั้งผู้สนับสนุนให้ออกจากโรงเรียน ซึ่งเขาตระหนักดีว่าการต่อสู้กับ Proposition 6 นี้จะเปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนสำหรับการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเกย์ในเวลาเดียวกันจุดมุ่งหมายทางการเมืองของมิลค์ก็เริ่มสวนทางกับจุดมุ่งหมายของกรรมการที่ปรึกษาหน้าใหม่อีกท่านหนึ่ง นั่นคือ แดน ไวท์ (จอช โบรลิน) จนกระทั่งโชคชะตาของทั้งสองมาบรรจบกันและจบลงที่ความเศร้า แนวคิดของมิลค์เคยเป็นและยังคงเป็นแนวคิดที่ว่าด้วยเรื่องความหวัง อันเปรียบได้ดั่งมรดกที่วีรบุรุษท่านนี้ส่งต่อให้คนรุ่นหลังมาจนถึงปัจจุบัน

 


ฮาร์วี่ มิลค์ รับบทโดยฌอน เพนน์ นักแสดงผู้ชนะรางวัลออสการ์ โดยในบทบาทของเรื่องเค้าเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิชาวรักร่วมเพศและเป็นชายที่ประกาศตัวว่าเป็นรักร่วมเพศคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็นเทศมนตรีของซานฟรานซิสโก ภายใต้การกำกับโดยผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ กัส แวน แซงต์ จากบทภาพยนตร์โดย ดัสติน แลนซ์ แบล็ก ควบคุมงานสร้างโดยผู้ชนะรางวัลออสการ์ แดน จิงก์ส และ บรูซ โคเฮน หนังเรื่องนี้ถ่ายทำจากสถานที่จริงในมหานครซานฟรานซิสโก ชาน่าเคยไปเที่ยวสองครั้งที่นี่ เปรียบเสมือนเป็นเมืองหลวงของเกย์ทางแถบแปซิฟิก บริเวณแคสโทร ยิ่งกว่าอาณาจักรของเกย์ และกลุ่มรักร่วมเพศที่คุณมีอิสระเสรีมากที่สุด

หนังดีมีระดับดีกรีเข้าชิงหนึ่งในห้า และที่สำคัญ “มิลค์” เกี่ยวข้องกับกลุ่มรักร่วมเพศอย่างเราท่าน พลาดไม่ได้ ว่างเมื่อไหร่หาโอกาสดูนะคะ



อีกหนึ่งความภาคภูมิใจเหลือเกินว่า อย่างน้อยโลกของการต่อสู้เพื่อสิทธิของกลุ่มชาวรักร่วมเพศก็เป็นเรื่องเป็นราวที่เกิดขึ้นมาได้ ก็เพราะอาศัยคนจริง ทำจริง สู้จริง ที่ช่วยกันแม้โลกจะมองต่างมุม ผิดองศาขนาดไหน แต่ถ้าหากเราสู้ด้วยเหตุและผล ผลของการต่อสู้นั้นมีค่ามหาศาล เพื่ออนุชนชาวเกย์คนรุ่นหลังจักได้เป็นอยู่อย่างสุขสบาย และไม่อายใครแม้เราจะมีชีวิตที่เป็นอยู่อย่างนี้ แต่เราก็เลือกที่จะประกาศก้องให้โลกได้รับรู้ว่า “เราทำได้” เหมือนเพศชายจริงหญิงแท้ทำได้เช่นกัน ดังนั้นสิทธิและเสรีภาพจึงควรอยู่คู่กับเราให้ได้รับผลอย่างเท่าเทียมกัน มิลค์
...สู้ ตายฮ่ะ


special thanks to www.milkthemovie.com & www.bangkokrainbow.org

 

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
สัปดาห์นี้ มีแขกพิเศษมาร่วมบันทึกเรื่องราวจากประสบการณ์จริงของผู้ชาย(ป้ายเหลือง) ที่ถ่ายทอดออกอย่างเป็นธรรมชาติผ่านตัวหนังสือ ชาน่ารู้จักน้อง Once in a blue moon เพราะเค้าเป็นแฟนหนังสือเล่มเก่า “เม้าท์แตก...ชาวเรา” จนเราสนิทสนมแชทคุยกันตลอด จึงอยากให้น้องถ่ายทอดเรื่องราว Untold story เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สอนใจ กลั่นลึกจากห้วง ก้นบึ้ง เปิดให้รู้ลึก รู้สึกของชายกลุ่มหนึ่งที่ทำงาน อาชีพ... “ขายบริการ” บางประโยคอาจจะถ่ายทอดอย่างตรงเกินกว่าจะรับได้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเค้า และเค้าเหล่านั้น ลองอ่านดูฮ่ะ...
ชาน่า
เมื่อวันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา ดิฉันได้มีโอกาสไปเข้าร่วมสัมมนาว่าด้วยเรื่อง “สื่อของเกย์และกะเทยในสังคมไทย” ณ ห้องกิ่งเพชร โรงแรมเอเซีย กรุงเทพฯ ซึ่งการจัดสัมมนาครั้งนี้ได้รับการสนับสนุน โดยมูลนิธิไฮน์ริค เบิลล์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย และศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เริ่มกันตั้งแต่เช้าของวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 9.30 – 10.00 น. ได้เปิดลงทะเบียน รับเอกสาร รับประทานอาหารว่างหลังจากนั้นได้เริ่มแสดงวีดีโอ พรีเซ็นเทชั่น นำโดยคุณโสภิดา วีรกุลเทวัญ พิธีกรในงาน โดยมี ดร.ปีเตอร์ แจ็คสัน กล่าวเปิดงาน ต่อแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนมากมาย การสัมมนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสื่อต่าง ๆ…
ชาน่า
เมื่อเดือนก่อน ข่าวฮอตสุดฮิตของคนในวงการบันเทิงปรี๊ดทะลุทะลวง เรื่องของ "อ้น" หนุ่มชวนฝันพระเอกช่องน้อยสี ตกเป็นข่าวคลิปฉาว คาวโลกีย์ ขณะร่วมรักกับหญิงสาว ได้ปรากฏสู่สายตามหาชนยิ่งกว่าเรียลลิตี้ทีวีโชว์(เอ็กซ์) "มันเป็นความไม่ตั้งใจ แค่อยากลองด้วยความคึกคะนองและถ่ายเก็บไว้" หรือว่า "ความลับ อาจรั่วไหลได้ ความลับของซูเปอร์สตาร์จะไม่มีในโลก" กรณีของอ้นเป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า ความโชคร้ายบางครั้งเกิดเพียงเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความไม่ตั้งใจ ความจนใจเพราะมันแก้ไขอะไรไม่ได้ ไม่ได้เป็นเพราะอ้น ตั้งใจถ่ายทำเพื่อหารายได้มาเกี่ยวข้องแม้แต่นิด ซึ่งแตกต่างจากกรณีของการถ่ายหนังโป๊…
ชาน่า
การประกวดขวัญใจชาวเราหลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการประกวดสาวงาม สาวประเภทสองเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายงานการประกวด ที่น่าจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นสาวมั่น สาวเก่ง สาวร่างใหญ่ สาวไทย สาวเทศ หรือหนุ่มมาดมั่น หวานใจ กายกำยำ หล่อเร้าใจได้โล่ห์ จากหลากหลายสังกัด ผับ บาร์ ห้างร้าน บริษัทที่จัดขึ้น เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2551 ชาน่าได้มีโอกาสได้ไปร่วมงานประกวดหนุ่มหล่อ อีกงานหนึ่งที่พลาดไม่ได้สำหรับลูกค้าและชาวสีลม ซอย 4 นั่นคือ “มิสเตอร์สีลม ซอย 4” ซึ่งการประกวดนี้เค้าจัดขึ้นทุกปี ได้รับการสนับสนุนจากหลายผับ บาร์ในซอย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหา หนุ่มหล่อ ขวัญใจ ชาวสีลม ซอย 4…
ชาน่า
"ก็ฉันชอบเที่ยวมันผิดหรือไง ฉันรักในเสียงดนตรี เมื่อไรเจอจังหวะดี ดี หนึ่งสองสามสี่ถึงมีเฮ เย อี เย อี เย อีเย้ เย อี เย อี เย อี้ เย...." เสียงเพลง playgirl ของ ส้ม อมรา ก้านคอคลับ บ่งบอกให้รู้ว่า นักท่องราตรีหลายคนรักเที่ยวกลางคืน คนกลางคืนไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นคนไม่ดี ด้วยหลากหลายจุดประสงค์ของนักเที่ยว บ้างชอบพบเพื่อนใหม่ บ้างชอบออกกำลังกาย บริการกล้ามเนื้อ เต้นออกเหงื่อ หรือแม้แต่ดูคนอื่นเต้น ชาน่าเป็นคนไม่ดื่ม ไม่เมาแต่ชอบเที่ยว เพราะคิดว่าเป็นอีกหนึ่งการผ่อนคลาย และอีกอย่างเราก็โตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน พักผ่อนหย่อนใจ ฟังเพลง ไม่เสียหายอะไร หรือแม้แต่น้องๆ…
ชาน่า
กลางเดือนสิงหาคม ชาน่าเดินทางถึงเมืองไทย เป็นการพักร้อนในช่วงฤดูฝนพรำ  น้ำท่วม  เศรษฐกิจยังทรุด การเมืองแรง ๆ เข้ามาแทรก  แต่ถึงกระนั้นก็ยังสวนกระแส ไม่ยอมแพ้ต่อสถานการณ์  ตั้งหน้าก้าวต่อไป จึงได้ฟอร์มกับเพื่อน ๆ ที่กรุงเทพฯ ว่าเราจะร่วมกันจัดทำหนังสือเล่มหนึ่ง หลังจากทำธุระกับต้นสังกัดงาน "เดินแบก" ต่างแดนเสร็จ  จึงเร่งรีบทำหนังสือเล่มนี้  "ใช่ว่าจะดอก...ท้อ" ให้จงได้  โดยจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่  ข่าวสาร ความรู้ ความบันเทิง ให้หลายกลุ่มโดยทั่วถึง   อีกอย่างพูดง่าย ๆ คือเป็นความต้องการส่วนตัว เป็นอีกหนึ่งโครงการทำดีที่เราพอทำได้ …
ชาน่า
สองเดือนที่ผ่านมา ช่วงที่ชาน่ากลับมาพักร้อนเมืองไทย หยิบข่าวมาอ่าน ทั้งเรื่องข่าวบ้านการเมืองและเรื่องรักเรื่องใคร่ ข่าวทั่วไป เรื่องร้ายๆ แรงๆ พอทราบข่าวแล้วน่าเป็นห่วงสังคมไทยในปัจจุบัน นอกจากข่าวการเมืองจะหาที่ยุติไม่ได้ ข่าวร้ายของชาวรักร่วมเพศก็แรงไม่แพ้กัน จำได้ว่าผ่านไปสองเดือน มีข่าวอนาจาร ข่าวน่าสลดที่เกิดขึ้นกับเด็กชายถึงการเป็นเหยื่อหลายราย นสพ.หัวสีหลายเล่มประชันกันทำข่าวเกรียวกราวกันถ้วนหน้า วันนี้อดใจไม่ไหวขอหยิบข่าวหนึ่งที่ร้อนตอนนี้ ไม่แพ้กับข่าวการเมืองนั่นก็คือ เด็กนักเรียนชายโดนบังคับให้อมนกเขา ซึ่งผู้ต้องหานั้นใช่ใคร คือคุณครูของหนูนี่เอง
ชาน่า
ช่วงนี้ “งานเข้า” เรียกได้ว่าหลังจากปิดต้นฉบับหนังสือเรื่อง “ใช่ว่าจะดอก...ท้อ” จีบปากจีบคอ โดยอิชั้นเอง ชาน่า (จำง่าย ๆ กลับผวนได้ใจ หน้าชา ว่าซ้านนนนน) ก็มีงานรับเชิญจากพี่ๆ สื่อมวลชน องค์กร สมาคมและห้างร้านต่าง ๆ เพื่อไปร่วมงานของชาวเรา อันเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น เมื่อวันเสาร์ที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ชาน่าได้ไปร่วมชมภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ชื่อว่า “xxy” ซึ่งจัดโดยสถานเอกอัครราชฑูตอาร์เจนติน่าและสมาคมฝรั่งเศส กรุงเทพฯ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ องค์การยูเนสโก โครงการประกวดหนังสั้นสีรุ้ง สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย…
ชาน่า
สวีดัด สวัสดีค๊าคุณขา (ดัดเสียงให้สวนกระแสเรื่องเศร้าๆ ทางการเมืองนะฮ้า) กลับมาเมืองไทยนานทีปีละหนสองหน กลับมาคราวนี้มีหลายเรื่องต้องให้ติดตาม ข่าวบ้านการเมือง ร้ายๆ แรงๆ ยังไงๆ ชาน่าเป็นห่วงทุ๊กกกกกกกกกก ทุกคน ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝ่ายไหนก็ตาม ชาน่าอยู่ฝ่ายไทยเลือดไทยทั้งแท่ง... “ความรุนแรงไม่ได้เป็นทางออกของปัญหานะคะ” เลือดไทยด้วยกันอย่าทำร้ายทำลายกันเลยนะ .... แต่ถึงอย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตของเราต้องดำเนินเดินทางต่อไปค่า เจตนารมย์และความมุ่งมั่นในการทำหนังสือเพื่อการกุศลของชาน่ากับเพื่อน ๆ นั้นยังไม่หยุด เราจะเดินหน้าต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม กลับมาเรื่องของชาวเรากันบ้าง (…
ชาน่า
ข่าวคาว มาเป็นคราว ๆ กับเรื่องรักน้ำเน่า เจ้านั่น หรือ พ่อคนนี้เป็น “แอ๊บจัง” เป็น “เกย์” หรือไม่ แฟนดารา คู่หมั้นนักร้องดัง อย่างทาทา มีประชาชนชาวไทยอยากรู้ถามไถ่ว่า ป้อจายที่หมายหมั้นแล้วถอนหมั้นคนนั้นเป็นหรือไม่... มากมายหลายคำถาม เพราะสังคมทุกวันนี้มีทางออกและทางเลือกมากมาย ชายใดไม่แต่งงาน บ้างก็ฟันธง “เป็นแน่ๆ เลยสู” ชายใด ชอบชาย อันนี้แน่นอน “เป็นแน่ๆ เลยตัว”
ชาน่า
ความเป็นอิสระเสรีของชีวิตเกย์ ไม่ว่าจะเกย์มีคู่ เกย์สันโดษ เกย์ไม่มีพันธะ จะสังเกตได้ว่า หลายคนชอบเดินทางเพื่อให้รางวัลของชีวิตหรือจะเป็น "การเดินทางที่แสนพิเศษ" เพื่อหลากหลายจุดประสงค์ก็ตาม "แหม..แก ตัวคนเดียว เที่ยวรอบโลก คิดอะไรมากไปเปิดหูเปิดตาซะมั่ง รึหล่อนจะเก็บเงินไว้ซื้อโลงศพฝังเพชรกระไดยิงกันยะ" เสียงของเพื่อนสาวขาเม้าท์แตก การท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมที่รองรับเกย์ รักร่วมเพศ นักเดินทางมากมายทั่วทุกมุมโลกที่แสวงหาความสุขทางการเดินทางท่องเที่ยว
ชาน่า
ชาน่าไม่ได้อยู่เมืองไทยเป็นเวลาสิบปีแต่ทุกปีก็จะกลับมาพักร้อนที่เมืองไทย บางข่าวบางเรื่องราวแทบจะเรียกได้ว่า “ตกยุค” ไม่ค่อยอัพทูเดท กับความล้ำ และความแปลกใหม่หลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยจนทำให้ชาวโลกต้องหันมามองถึงความเป็นไปได้ มีเยี่ยงนี้เชียวหรือ อือ...มันแปลกดีนา เมื่อคืนก่อนเห็นข่าวทางสำนักข่าว บีบีซี ถ่ายทำสกู๊ปเรื่อง “ห้องน้ำสีชมพู” ซึ่งเป็นห้องน้ำพิเศษแยกเพศที่สามไว้โดยเฉพาะ เรื่องนี้เกิดขึ้นในสถานศึกษา “ชาน่ารู้จัก ซีสะเก็ต (ศรีสะเกษ) เมื่อคืนฉันเห็นทีวีช่องข่าวบีบีซี น้องสาว (กะเทย) นักเรียนเต็มไปหมดเลย” เพื่อนร่วมงานชาวต่างชาติถามยามเช้า “ไอ ซี ล้ำ…