สัปดาห์นี้ มีแขกพิเศษมาร่วมบันทึกเรื่องราวจากประสบการณ์จริงของผู้ชาย(ป้ายเหลือง) ที่ถ่ายทอดออกอย่างเป็นธรรมชาติผ่านตัวหนังสือ ชาน่ารู้จักน้อง Once in a blue moon เพราะเค้าเป็นแฟนหนังสือเล่มเก่า “เม้าท์แตก...ชาวเรา” จนเราสนิทสนมแชทคุยกันตลอด จึงอยากให้น้องถ่ายทอดเรื่องราว Untold story เพื่อเป็นอุทาหรณ์ สอนใจ กลั่นลึกจากห้วง ก้นบึ้ง เปิดให้รู้ลึก รู้สึกของชายกลุ่มหนึ่งที่ทำงาน อาชีพ... “ขายบริการ” บางประโยคอาจจะถ่ายทอดอย่างตรงเกินกว่าจะรับได้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเค้า และเค้าเหล่านั้น ลองอ่านดูฮ่ะ...
ก่อนอื่นผมต้องขอบคุณพี่ชาน่าที่ให้เกียรติเชิญผมมาร่วมแจมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับผู้ชายป้ายเหลือง และก็ขอออกตัวก่อนว่าผมเป็นผู้ชายป้ายเหลืองที่ไม่ใช่เกย์ และก็ไม่ใช่ไบเซ็กส์ชวล ถึงแม้ว่างานที่ทำมันจะขัดกับสิงที่ผมเป็น สิ่งที่ผมชอบอยู่ แต่ผมก็ต้องทำ เพราะรายได้ที่ผมได้รับ และอิสรภาพที่ผมต้องการ ถึงตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบสองปีกว่าแล้วล่ะครับ ผมก็คิดว่าจะหยุดงานอย่างนี้ แล้วเริ่มตั้งต้นตั้งตัว ทำงานดี ๆ ที่ปกติเหมือนคนทั่วไป ถึงแม้ว่ารายได้มันจะน้อยกว่า งานก็ทั้งหนักทั้งเหนื่อย อิสรภาพก็ไม่มี แต่มันก็มีศักดิ์ศรี ใช่ ผมจะเริ่มด้วยสองมือของผมนี่ล่ะ งานที่สุจริต ไม่ใช่งานที่เป็นสีเทาอย่างนี้
คนทั่วไปอาจมองว่างานประเภทนี้นั้นมันง่าย แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ง่ายนักหรอกนะครับ จะมีสักกี่คนกันที่ออกมาจากวังวนนี้ได้ บางคนทำไปจนแก่ขายไม่ออกแล้วก็ยังทำอยู่เลย เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร ไม่มีความรู้ความสามารถที่จะไปทำอะไรได้
ตัวผมนั้นเริ่มจากเมื่อสองปีที่แล้วก็ได้จับพลัดจับผลูมาทำงานอย่างนี้ที่ต่างประเทศนะ นึกๆ ดูแล้วก็ช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ได้ประสบพบเจอประสบการณ์อะไรต่างๆ ที่มากกว่าคนอื่น แต่ก็ได้แต่คิดเสียใจอยู่เหมือนกันที่เลือกทางเดินผิด ผมนั้นเคยผ่านการขายมาหมดนะ ไม่ว่าจะขายผู้หญิงหรือขายผู้ชาย ก็มีตั้งแต่ ร้านนวดเกย์ งานเอเจนซี่ งานเอสคอร์ท งานวอล์คริมถนน รวมถึง บาร์โฮส ทุกอย่างได้ผ่านมาหมด
อยากบอกว่าเมื่อมาคิดย้อนดูแล้ว ก็สงสารตัวเอง และเห็นใจตัวเองเหมือนกัน แต่ให้ทำยังไงได้ เราเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เองนี่นา ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดยังไงเราก็ต้องยอมรับมันให้ได้ แต่มันก็คงอีกไม่นานหรอก สักวันความทรงจำเรื่องราวต่างๆ มันก็คงจะค่อยๆ จางหายไปตามกาลเวลา ถึงแม้ว่าจะยังคงมีบางสิ่งที่หลงเหลือฝังอยู่ในส่วนลึกของจิตใจอยู่ก็ตาม เคยมีนะ ที่เหนื่อยเหลือเกิน แต่ก็ตื่นเต้นท้าทายจริง ๆ เป็นตอนที่เรามาอยู่ที่ต่างประเทศใหม่ๆ เราก็ป๊อปปูล่า เร็ตติ้งสูง ลูกค้าเห็นเราก็อยากลองกับเรา เอเจนซี่ก็ยังไม่เคยเห็นเรา เลยโทรเรียกกันใหญ่
จำได้ว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยมาก และก็สนุกกับการได้ผลตอบแทนเป็นเงินในกระเป๋าด้วย มันก็น่าดีใจจริงๆ ที่เราสามารถหาเงินได้ขนาดนั้น เรียกได้ว่า โทรศัพท์ดังตลอด เมสเสจเข้าตลอด พอเสร็จจากลูกค้า คว้าเงินใส่กระเป๋า แล้วผมก็ต้องรีบออกมาทันทีเพื่อไปหาลูกค้าอีกคนนึงต่อ คือมันเคยเป็นอย่างเงี้ย เคยได้สูงสุดวันละเจ็ดคนนะ ซึ่งงานผู้ชายขายตัว แค่นี้ก็เทพแล้ว มันลุ้นดีนะว่าเดี๋ยวงานต่อไปเราจะได้ไปเจอแขกแบบไหน ซึ่งแขกที่เมสเซจมาหรือโทรมาเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อไปถึงแล้วเค้าจะเป็นแบบไหน รูปร่างหน้าตาจะเป็นยังไง จะเป็น เอเซีย ฝรั่ง ผิวสี ฯลฯ บางคนตอนที่ส่งเมสเสจกัน ต้องการอย่างนู้นอย่างนี้มากมาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ยังไม่ทันทำอะไรเลย ก็เสร็จงานแล้ว ลูกค้าบางคนยิ่งกว่านกเขาขันแต่หัววัน แต่บางคนก็เอาใจยากเหลือเกิน ทำยังไงก็ยังไม่ถูกใจ กว่าจะเสร็จงานก็ต้องใช้เวลานานเหลือเกิน มันนานาจิตตังน่ะ ก็ทำให้เข้าใจโลกเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ลูกค้าบางคนก็น่ารักนะ พอเปิดประตูมาปุ้บก็ยิ้มแฉ่งเลย อัธยาศัยดีเหลือเกิน เป็นอย่างนั้นจนเสร็จงาน มีมารยาท น่ารักจริงๆ แต่บางคนที่ทุเรศ ก็ทุเรศจนจบงานเหมือนกัน มีงานคู่งานนึงนะตลกดี ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นงานคู่ ก็นั่งแท๊กซี่ไปตามที่อยู่ที่ส่งมา พอไปถึงก็เป็นคอนโด เมื่อลงจากแท๊กซี่ก็เจอเพื่อนคนนึงที่นั่น พอไปถึงก็ได้รู้ว่าลูกค้าโทรเรียกให้มาสองคน พอไปถึงก็บอกให้กินไวอากร้าที่วางอยู่บนโต๊ะเลย สักพักก็ชวนไปที่เตียง เพื่อนผมก็ปฏิบัติเค้าก่อน ดูท่าทาง เค้าว้อนท์มากเลย อะไรมันจะมากมายขนาดนั้น เรียกได้ว่าแซนด์วิช
เรื่องแสบ เรื่องมัน เรื่องฮา เรื่องขำ เรื่องเศร้า มันก็มีครบล่ะนะงานอย่างนี้น่ะ มันแล้วแต่ว่าเราจะไปเจอลูกค้าแบบไหนกัน ลูกค้าจะเป็นยังไง มีเพื่อนผมคนนึงนะ ได้ลูกค้าเป็นเจ้าของเรือน้ำมันน่ะ แม่เค้าเป็นเพื่อนของราชินีอลิซาเบธแห่งอังกฤษน่ะ ตัวเค้าเองจริงๆ แล้วก็ตำแหน่งเป็นท่านเซอร์ รวยไม่รู้เรื่องจริงๆ มีบ้านสามร้อยห้าสิบล้านเหรียญยูเอส อยู่ที่ประเทศเบอร์มิวด้า เค้าก็สบายไปเลย ทุกวันนี้ก็ขอแค่เบาๆ แค่ไปสอนฟิตเนสให้อาทิตย์ละครั้ง ลูกค้าก็ให้แล้วคิดเป็นเงินไทยประมาณแสนสอง ผมไม่เคยเจอลูกค้ารวยขนาดนี้นะ แต่ผมจะเจอและถูกชะตากับลูกค้าที่เป็นด๊อกเตอร์มากกว่า แบบจบปริญญาเอกมาจากเมืองนอก อะไรอย่างนี้ผมจะโอเค คุยรู้เรื่อง ถูกชะตาด้วย
บางครั้งก็มีลูกค้ามารักมากรักมาย มาร้องให้เสียน้ำตาให้ แต่ผมก็ไม่สนใจเท่าไหร่หรอก รู้ว่ารัก รู้ว่าเป็นคนดี แต่มันก็ไม่มีความรู้สึกให้น่ะ ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยน้ำตา อยู่กับความเศร้าเสมอล่ะ ยิ่งคิดก็อยากจะร้องไห้ ผู้ชายป้ายเหลืองแบบผมส่วนใหญ่ก็เอาแต่สนุกไปวันๆ ล่ะนะ โดยที่ไม่คิดถึงชีวิต หรืออนาคตในวันข้างหน้า เงินที่หามาได้ทั้งหมดส่วนใหญ่ก็หมดไปกับเหล้า ยา การพนัน หรือผู้หญิงนี่ล่ะ จะมีซักกี่เปอร์เซนต์กันที่ดีจริงๆ หาได้น้อยมาก มีแต่คนเลวที่หลงทางเข้ามาเดินทางกับเส้นทางสายวิบัตินี้ล่ะ
ผมทำงานขายตัวทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศนะก็ทำมาทั้งหมด 5 ประเทศนะ ทั้ง มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเซ้าท์แอฟริกา ยังอยากจะไปต่อนะ แต่ตอนนี้ก็อยากจะหยุดก่อน แต่อาจจะมีโอกาสไปต่อก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ก็อยากหยุดให้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้น่ะ เพราะว่า เบื่อเหลือเกิน และเมื่ออยู่นานๆ ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ทางที่จะสามารถทำให้หลุดออกไปได้ก็คือ ต้องหาป๋าดีๆ หรือหาเจ๊ดีๆ สักคน ใครสักคนที่เค้าจะมาส่งเสียเลี้ยงดูเราจริงๆ หรือไม่ก็รีบเก็บเงินตั้งตัวให้โดยเร็วที่สุดเริ่มต้นจากกิจการเล็กๆ ไปก่อนก็ได้
เรื่องแสบก็มีนะ เรื่องด่าลูกค้าอะไรประมาณนี้ ผมชอบทำแสบกับลูกค้าบ้างนะ ถ้าหากเจอลูกค้าแสบๆ ที่เอาใจยาก สารพัดโน่นสารพัดนี่ ไอ้พวกแบบนี้ก็โดนฤทธิ์ผมมาเยอะเหมือนกัน พวกที่ชอบส่งเมสเสจมาให้งานราคาต่ำๆ ก็โดนผมเมสเสจด่ากลับไปเยอะเหมือนกัน บางทีมันต่ำจนเรารับไม่ได้น่ะ เรื่องด่าลูกค้านี่ก็มีบ้างนะ คือบางทีผมไปแล้วผมก็ไม่อยากทำน่ะ ก็แค่นวดๆ และก็บอกว่าเสร็จแล้ว แต่เค้าต้องการมากกว่านั้น เค้าบอกว่าตอนโทรศัพท์ที่เราคุยกันมันมากกว่านี้นี่ เราก็บอกว่าใช่เราคุยกันว่ามันมีมากกว่านั้นก็จริง แต่หากคุณต้องการมากกว่านั้น คุณก็ต้องจ่ายเพิ่ม แค่ภายนอกไม่เท่าไหร่ แต่ข้างในนี่สิสารพัด อย่างนี้ใครเขาจะอยากอยู่ใกล้ ก็สาสมแล้วที่โดนผมหลอก โดนฤทธิ์ผมเข้าไป แต่ผมก็บาปนะ แต่ก็ไม่กลัวไม่แคร์หรอก
มีบ้างนะลูกค้าโรคจิตชอบโทรมาแกล้งโทรมากวน โทรมาพอเรารับสายก็เรียกชื่อเรา พอเราเซย์เฮลโลก็วางสายไป เป็นอย่างงี้ทุกวัน จนไม่รู้อะไรกันนักกันหนา น่าเบื่อมาก ไม่รู้ว่าต้องการอะไร จะโทรเพื่อเรียกให้ไปหาก็ไม่ใช่ ทำเพื่อความสนุกหรือเปล่า ลูกค้าผู้หญิงที่ฮ่องกง หรือญี่ปุ่นก็มีทั้งสาวๆ ของทั้งญี่ปุ่นเองและสาวไทยที่ไปทำงานที่นั่นไม่ว่าขายตัว หรือไปทำงานเป็นแม่บ้าน ก็เพราะความเหงาน่ะ พวกคุณหญิงคุณนาย ถึงแม้จะอายุมากแล้วก็ยังรักที่จะสนุกอยู่เลย ยังคงแฮปปี้กับเหล้า ยา ปาร์ตี้ พวกผู้ชายที่ไปจับพวกนี้ก็เป็นพวกแมงดาสูบเลือดดี ๆ น่ะล่ะ
เล่าเรื่องขำๆ ของลูกค้าดีกว่า ผมจะดูคนที่บุคลิกนะ ลูกค้าบางคนก็น่าขำเหลือเกิน น่ารักตลกไปหมด ดูเหมือนไร้เดียงสาน่ะ แต่จริงๆ ก็คงโชกโชน เราก็ทำงานไปขำไป มันตลกไปหมดน่ะ คนเราในโลกมันหลากหลายจริงๆ นะ ไม่ว่าคนรวยที่สุดจนถึงจนที่สุด คนเนี้ยบที่สุดจนถึงคนซอมซ่อที่สุด คนดีเพอร์เฟคที่สุดไปจนถึงคนบ้า แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง คุณก็คือคนๆ นึงในสังคม และคุณก็อาจจะเป็นหนึ่งในลูกค้าของผมด้วย
ผมอยากถ่ายทอดเรื่องราวรสแซ่บจัดจ้านที่ผมเคยพบ และเคยสัมผัสเพื่อนำมาตีแผ่เรื่องราวเหล่านี้ให้ได้รู้กัน
สุดท้ายก็ขอขอบคุณพี่ชาน่าที่ให้โอกาสผมได้เขียนตีแผ่เรื่องราวประสบการณ์บางส่วนที่ได้สัมผัสมาในชีวิตจริงของผู้ชายป้ายเหลืองคนนึง หวังว่าคงได้รับความบันเทิงและข้อคิดบางอย่างสำหรับท่านผู้อ่าน ขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ครับ
จากผม .. Once in a blue moon
บางเรื่องที่เราอาจจะไม่ได้สัมผัสโดยตรง แต่สามารถรับรู้ได้ด้วยคำบอกเล่าบนเรื่องราวของความจริงอาจจะทำให้เราเปิดโลกทัศน์ รู้ซึ้ง เข้าใจ “ชาย” กลุ่มหนึ่งที่ทำอาชีพ “ขายบริการทางเพศ” ได้มากขึ้นกว่าที่เราเข้าใจแค่ผิวเผินนะคะ พบกันคราวหน้า ในรูปแบบนวนิยายเรื่องสั้นของเกย์บนพื้นฐานเรื่องจริง พลาดไม่ได้ค่ะ
ชาน่า .. จากเกาะขึ้นชื่อ ของประเทศเม็กซิโก, cozumel