Skip to main content

"กระจกจ๋า บอกซาร่าหน่อยนะ ว่าผู้ชายคนเนี้ยะ...ใช่มะ ใช่มะ...."
มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว จิ๋ม ซาร่า ท้าสัมผัส... มากับอัลบั้มชุดที่สอง "คนร่วมฝัน"

 


หากคุณได้ยินเพลงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นหญิงจริงหรือหญิงเทียม ไม่ว่าคุณจะมองผู้หญิงคนนี้อย่างไร ชาน่ามองเธอว่า เธอคือผู้ชายที่กลายเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาอีกคน ข้อความจากเพลง “เกินห้ามใจ” ของนักร้องสาวประเภทสองที่ชื่อจิ๋ม ซาร่า หรือชื่อที่ใช้ในวงการ “สุจินต์รัตน์ ประชาไทย” ผู้ชายทั้งแท่งที่ผันตัวเองให้เป็นผู้หญิงทั้งทิ่ม เธอผู้นี้เป็นคนไทยคนแรกที่กล้าไปผ่าตัดแปลงเพศไกลถึงดินแดนเมืองผู้ดี “อังกฤษ”


เมื่อช่วงพักร้อนที่ผ่านมา ชาน่ากลับเมืองไทยได้รับคำเชิญจากสมาคมเกย์ไปงานแถลงข่าวของผู้หญิงที่ชื่อซาร่า สาวประเภทสองที่ต้องห้ามเข้าฮ่องกง จนเป็นข่าวคราวพาดหัวข้อข่าว และรายการทีวีเกรียวกราว ดิฉันได้รู้จักและสนิทกับเธอ พร้อมตะลุยไปทำข่าวหลาย ๆ ที่จนชื่นชมถึงความสามารถและได้รู้จักกับชีวิตของอดีตผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ด.. สุชาติ จนทุกวันนี้เธอคือ จิ๋ม ซาร่า อดีตดารา และปัจจุบันคือนักร้อง นักแสดง สาวประเภทสอง ตั้งใจจะเขียนเรื่องของเธอในคอลัมน์นี้นานแล้วแต่ก็เก็บไว้เพื่อโอกาสที่เหมาะสม


อยากพาคุณรู้จักเธอคนนี้ “จิ๋ม ซาร่า”... ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ของเธอเป็นอย่างไร


..สุชาติ เกิดมาในร่างของผู้ชายในครอบครัวคนจีนที่จังหวัดนครสวรรค์ แม้ชื่อเล่นทางบ้านเรียกเค้าว่า ชาติ แต่เค้าเรียกตัวเองว่า จิ๋ม มาโดยตลอด ชีวิตในวัยเด็กไม่ต่างอะไรไปกับเด็กชายในครอบครัวคนจีนที่อยู่ต่างจังหวัดทั่วไป จนปรับตัวเข้ากับสังคมและความขัดแย้งทางเพศของตัวเองไม่ได้ คิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง เพราะเมื่อห้าสิบกว่าปีชีวิตของเกย์ กะเทยเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับในสังคมไทย อายุสิบหก กลับไปที่บ้านในขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น พ่อเอาบัตตาเลี่ยนไถหัวทรงผมที่ฮิบที่สุดในตอนนั้น ก็เลยต้องโกนหัว เธอถามว่า "เตี่ยทำอย่างนี้กับหนูทำไม" เพราะเค้าคิดว่าจะเปลี่ยนเธอได้ ทางบ้านทำทุกอย่างเพื่อจะเปลี่ยนลูกชายหัวใจหญิง ให้กลับเป็นลูกชายเหมือนคนทั่วไป แม้กระทั่งเอาเธอไปผูกกับต้นชมพู่ แล้วเอาก้านมะยมตี พร้อมกับพูดว่า “ต้องเป็นผู้ชาย ..มึงต้องเลิก มึงต้องไม่เป็นมิหนำซ้ำยังเอาน้ำเกลือราด แล้วเอามดมาปล่อยให้กัด แม่ของเธออยู่บนบ้าน แม่ทำอะไรไม่ได้ ค้านไม่ได้เลย โดนมัดสี่ห้าชั่วโมงจนดึก กระทั่งแม่มาปล่อย หลังจากนั้นเธอแค้นคิดประชดชีวิตโดยไปปีนเสาไฟฟ้าให้ฟ้าผ่าตาย แต่โชคร้าย .....ฟ้าไม่ผ่า ฝนไม่ตก .... เธอจึงรอด


ช่วงวัยเด็ก ตอนไปโรงเรียนเธอไม่เคยเข้าห้องน้ำเลยในโรงเรียน ต้องอดกลั้นจนกลับถึงบ้าน พออายุสิบสอง ปิดแต๊บเลย...เวลาที่จะจับมันยังรังเกียจ ท่องอย่างฝังใจเสมอว่า ไม่อยากได้จู๋ แต่อยากมีจิ๋ม...


เธอมีน้องสาวออกทอม ๆ และเคยพูดกับน้องสาวว่าว่า “สลับร่างกันมั้ย” จนกระทั่งมีความคิดว่า... เมียตัดจู๋ ผัวทิ้ง ทำไมเค้าอยู่ได้ ทำไมเธอจึงไม่ตัดบ้าง ... จึงเป็นคำถามที่น่าสงสัยของเธอเสมอมาจนกระทั่งมีโอกาสได้ไปอยู่อังกฤษตอนอายุ 22 ปี เธอจึงไปเสิร์ฟอาหารไกลถึงอังกฤษ ทำหน้าที่เป็นสอสอ (สาวเสิร์ฟ) โดยมีเงินติดตัวแค่แปดพันบาท วันหนึ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ฉบับหนึ่ง เค้ากำลังหาคนอยากะจะเปลี่ยนเพศ เหมือนกับต้องการหนูทดลอง หนูคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวไทยใจถึงคนนี้นี่เอง เป็นการผ่าตัดแปลงเพศฟรี โดยไม่เสียตังค์ซักกะบาทเดียว


การสมัครเป็นไปตามขั้นตอน จากคนที่ไปสมัครผ่าตัดร้อยกว่าคนแต่เค้าคัดเลือกเอาแค่ 7 คน หนึ่งในนั้นคือเธอ หลังจากนั้นเค้าต้องเฝ้าสังเกตจากกล้องวงจรปิด ประมาณเดือนกว่า ๆ สอบจิตวิทยาทั่วไป จนถึงเวลาผ่าตัดแปลงเพศ “ปาด แปะ เจาะ” ทำทั้งบนและล่างประมาณ 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะผ่าตัดเธอถูกเข็นรถไป เธอร้องไห้ น้ำหูน้ำตาเล็ดจนหมอเข้าใจว่าเธอยังไม่พร้อม แต่เธอกลับบอกว่า “ฉันดีใจที่จะได้เป็นหญิง” หลังจากนั้น หมอบอกว่า “คุณเป็นผู้หญิงแล้วนะ”


พอหลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนไป ในเมื่อครอบครัวไม่สามารถเปลี่ยนเธอให้เป็นลูกชายคนโตได้แล้ว เธอจึงประพฤติตัวที่ดีเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นคนดี พ่อและทางบ้านจึงยอมรับ หลังจากนั้นพ่อภูมิใจเรียกเธอเป็นลูกสาวโดยตลอด


ชีวิตของลูกคนโตที่ต้องเลี้ยงครอบครัว เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน เคยเปิดโรงแรมเกย์แห่งแรกในประเทศไทยที่พัทยา ชื่อ Homex Hotel หลังจากนั้นจึงก้าวเข้าวงการบันเทิงรับเล่นหนังเทพธิดาบาร์เบียร์


แต่แล้วเหมือนโชคชะตาไม่เข้าข้างเธอ หลังจากที่เศรษฐกิจฟองสบู่แตก นักธุรกิจเก่งอย่างเธอก็ประสบปัญหา แทบจะล้มละลาย เพราะเธอสูญเงินไป 28 ล้าน (ถ้าเปรียบเป็นเงินปัจจุบันก็เท่ากับคูณ สาม เกือบร้อยล้าน) เหตุเพราะเก็งกำไร ผิดพลาด มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อดอลล่าห์เก็บไว้ ภายในสามเดือน หมดไป 28 ล้าน ซึ่งบางเดือนเธอได้กำไรมาแล้ว 9 ล้าน ไม่มีใครรู้อนาคตข้างหน้า เหมือนกับการเก็งเงินดอลล่าห์ที่ผิดพลาดของเธอ เธอได้รับการติดต่อจากธนาคาร เพื่อบอกข่าวร้าย จนเกิดอาการช็อค ขาดสติ ความรู้สึกชาไปทั้งตัว โทรศัพท์ร่วงลงพื้นอย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นอัมพฤต จนเธอต้องหาทุกวิถีทางรักษาตัวเอง แต่เธอบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคคือ จิตใจที่เข้มแข็ง


มรสุมชีวิตกระหน่ำซ้ำซ้อน เธอคิดฆ่าตัวตายให้หายไปจากโลกเพื่อหนีปัญหา จนแม่โทรมาบอกและให้กำลังใจเธอว่า “การที่เธอเป็นอย่างนี้ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดแล้ว เป็นได้ขนาดนี้จะมีใครสักกี่คนที่ทำได้ จงภูมิใจในตัวเอง สู้ต่อไป” ความรู้สึกของคนที่เคยเป็นนางเอก จนกลายเป็นคนหน้าเบี้ยว ชีวิตล้มเหลว ล้มละลายตกต่ำ พูดไม่ได้ แม้กระทั่งเคี้ยวข้าวก็ไม่ได้ แต่เธอก็ได้กำลังใจจากแม่ ผู้หญิงที่รักเธอมากที่สุด สุดท้ายจึงหาหนทางรักษาตัว เธอรักษาตัวสามเดือน หมดเงิน 6 แสนบาท จนเพื่อนบอกให้ไปนิวซีแลนด์ไปรักษาตัว เธอจึงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น โดยทำงานอย่างหนักเช่นเคยเพื่อแบกภาระดูแลครอบครัวในเวลาเดียวกัน พอหาหนทางหนีทีไล่ได้ เธอจึงอยากทดลองในการขอแต่งงานหลังจากที่ตัวเองผ่าตัดแปลงเพศผ่านไปสิบกว่าปี จึงได้พาผู้ชายไทยไปจดทะเบียนสมรสแต่งงานแปลงคำนำหน้านามเป็นนางสาว ถูกต้องกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องแปลงเพศมาแล้วมากกว่าสิบปี คราวนี้ได้ใบทะเบียนสมรสอย่างภาคภูมิใจ


ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กับการทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก ทำธุรกิจที่พอเพียง พอใจ ใช้ชีวิตอย่างมองในทางบวก เธอกลับมายืนบนเวทีวงการบันเทิงอีกครั้งด้วยการร้องเพลง ทั้งร้องและแสดง โดยได้สานฝันงานเพลงถึงสองอัลบั้ม ซึ่งอัลบั้มชุดสองของเธอมีชื่อว่า “คนร่วมฝัน” จัดทำและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เผ่าพันธุ์ซาวด์ 


สาวประเภทสองที่สวยและมีสมอง ทำความดีและทำประโยชน์ให้กับสังคม นั่นคือสิ่งที่เราน่าชื่นชมในความแกร่งและต่อสู้ของเธอ ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อ จิ๋ม ซาร่า “สุจินต์รัตน์ ประชาไทย” ติดตามผลงานของเธอได้แล้ววันนี้

 

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
"The  show must go on" ไม่ว่าช่วงเศรษกิจจะแย่ การเมืองจะทรงหรือทรุด ภาวะบันเทิงจะไม่โชติช่วงชัชวาลย์ งานไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ แต่ด้วยใจรักและโอกาสที่คุณพอทำได้ วันนี้ป้าเดย์ นางโชว์รุ่นเก๋า กลับมาผงาดบนเวทีของวงการบันเทิงอีกครั้งอย่างอลังการด้วยงานโชว์เริ่ดหรูครั้งสุดยอดยิ่งใหญ่ใน "The Last Day Show: Will I Survive?" การแสดงผสมผสานของรูปแบบและการดำเนินเรื่องแบบ Musical
ชาน่า
ใต้ฟ้าเมืองไทยภายใต้ความรัก การดูแลและห่วงใยของกลุ่มหลากหลายทางเพศ เรายังมีอีกสมาคมหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันมากว่าสิบปี วันนี้ชาน่าอยากแนะนำให้ทุกท่าน ชายจริง หญิงแท้ กะเทย เกย์ เก้ง กวาง เสือใบ อีแอบทั้งหลายได้รู้จักกับอีกสมาคมหนึ่งที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อบริการกลุ่มหลากหลายทางเพศค่ะ นั่นคือ “สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย”
ชาน่า
เรื่องใดที่ไม่มีในเมืองไทย ชาน่าสรรค์หามาเม้าท์ เพราะถือว่าหากโอกาสพาไป ไม่เสียหาย ทำไมจะไม่ล่ะ... ? หลายคนอยากรู้เรื่องราวความเป็นไป เป็นมา หรือแอบคิดในใจว่า "คิดได้ไง ไปหาดเปลือย ?..." บางคนอาจจะมองในแง่ลบทันใดว่า "นังนี่ต้องเป็นโรคจิตแน่เลย ...." ต่างคนนานาจิตตังนะคะ เอาล่ะค่ะให้เวลาตั้งคำถาม ก่อนที่คุณจะได้ทุกคำตอบที่ต้องการ คนที่เข้ามาอ่านย่อมมีจุดประสงค์คืออยากจะรู้บางสิ่งที่ยังไม่รู้ แต่รับรองว่า หากอ่านเรื่องนี้แล้ว คุณได้มากกว่าที่คุณคิดซะอีกค่ะ ถือว่าเป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์ต่างแดนที่ไปสัมผัสมาละกันนะคะ
ชาน่า
อีกเดือนกว่าเรือก็จะนำพาอิฉันไปสู่ยุโรปอีกแล้วค่ะ คราวนี้ไปเส้นทางเดิมที่เคยไปเมื่อซัมเมอร์ปีที่แล้ว "เมดิเตอร์เรเนี่ยน" อาทิ ประเทศอิตาลี กรีซ โมนาโค ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส โครเอเซีย ตุรกี เป็นต้น หลังจากนั้นจะกลับมาพักร้อนที่เมืองไทยสองเดือนก่อนจะไปเยือนแถบสแกนดิเนเวีย รัสเซีย โปแลนด์ อังกฤษ ฟินแลนด์ นอร์เวย์ เดนมาร์ก เยอรมัน ในซัมเมอร์ปีนี้ โดยส่วนตัวของชาน่า เวลาไปแต่ละเมือง สิ่งที่ต้องค้นหาคือการใช้ชีวิตตามประสาเกย์เกย์ จะได้นำมาเล่าเม้าท์ต่อกัน จนเพื่อนมอบตำแหน่งให้สาขา "ราชินีเม้าท์แตกได้โล่ห์" สัปดาห์นี้ขอจับเข่า เม้าท์เล่าเรื่องของประเทศตุรกี เมืองอิสตันบูล…
ชาน่า
ก่อนอื่นต้องขอแสดงความดีใจกับนักแสดงฝีมือระดับโลกที่ได้รับรางวัลหมาด ๆ สาขา “นักแสดงนำฝ่ายชายยอดเยี่ยม” ฌอน เพนน์ ที่คว้ารางวัล Academy Awards ครั้งที่ 81 ไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี แม้ชีวิตจริงของเค้าจะไม่ใช่เกย์ก็ตาม มิลค์ เป็นหนังที่กล่าวถึงการต่อสู้เพื่อสิทธิของชาวรักร่วมเพศที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล 1 ใน 5 ของหนังดังระดับโลกอีกเรื่องหนึ่ง คืนวันอาทิตย์ปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาน่าได้มีโอกาสดูการถ่ายทอดสดตรงจาก ทีเอ็นที ณ โรงละครโกดัก แอลเอ โดยหนังเรื่องนี้เข้าชิงหลายรางวัล เช่น หนังดีเด่น ผู้กำกับดีเด่น แม้จะไม่ได้รางวัลแต่อย่างน้อย…
ชาน่า
“วันนี้ดีใจที่ได้ผัว หลังจากเสียตัวมาหลายหน วันนี้มีผัวเป็นตัวตน จะได้ไม่มีคนหมิ่นประนาม หยามดูแคลน” คำกลอนที่ได้ยินจากเพื่อนแล้วจี้เหลือเกิน บทกลอนของหล่อนบทนี้ เหมือนคำประกาศชัยชนะว่า “ฉันมีสามีแล้วย่ะ” ประมาณนั้น มันทำให้จุดประกายเป็นเรื่องราวที่อยากนำเสนอค่ะ แหม...แหม ...แหม คุณคะ ชีวิตของเกย์ กะเทย กว่าจะได้ใครเป็นตัวตน มีคนรักที่เค้ารักเราจริง ๆ นั้นมันสุดแสนจะหายาก บางคนบอกว่า “ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร” ซะอีก ประเภทที่ได้ ๆ ส่วนมาก หลังจากพ้นช่วงน้ำต้มขมก็ยังเรียกว่าหวาน ผ่านไปไม่นาน สุดท้ายจะลงเอยแบบ “ทางใครก็ทางมัน” หรือว่า “เป็นสามีและภรรยาในนามเท่านั้น”…
ชาน่า
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลายคนคงจะได้ดูรายการทีวี รายการ "จับเข่าคุย" ซึ่งดำเนินรายการโดย คุณสรยุทธ์ มีผู้ร่วมรายการคือ คุณเกย์นที และคุณวัลลภ นามวงศ์พรหม ซึ่งเป็นกรรมการเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ คุณคงจะได้ชมและใช้พิจารณญาณในการชมรายการโทรทัศน์ที่กล่าวถึงประเด็นข่าวเด่นของบ้านเมือง ในรายการมีผู้ร่วมรายการที่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมที่เสื่อมทำลายศาสนา คือคุณนที และผู้ให้เหตุผลและตอบรับ ขัดแย้ง โดยคุณวัลลภ โดยสรุปรวมๆ ของเนื้อเรื่อง พูดประเด็นการใช้ย่ามสีชมพู การห่มดอง จีวร พฤติกรรมที่แสดงออกถึงอาการแต๋วแตก แต๋วแหว๋ว แต๋วไม่เหมาะสม เป็นต้น
ชาน่า
การสื่อสารในโลกปัจจุบันนั้นล้ำสมัย มีหลายสื่อให้ประชาชนได้เลือกบริโภค หากจะย้อนไปในสมัยก่อน การสื่อสารถึงกัน หรือแม้แต่เฉพาะกลุ่มเป็นเรื่องที่ลำบากมากนัก หากจะเข้าประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเกย์ หรือ กลุ่มรักร่วมเพศ สื่อทางหนังสือ เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้สื่อสารถึงกลุ่มกันได้ในสมัยโบราน แต่ก็มีความลำบากไม่ใช่น้อยสำหรับใครที่ต้องแอบใช้ชีวิตปกปิดตัวเอง การเก็บสื่อต่าง ๆ เหล่านั้นคงจะลำบากในการซุกซ่อน จนทำให้วิตกจริตเกรงว่าจะมีใครมาจับได้ว่าเป็นเกย์ มีหนังสือ สื่อเหล่านี้ครอบครอง ทางเลือกใหม่ในปัจจุบันบางคนเลือกที่จะเสพสื่อเพื่อชาวเราผ่านทางอินเตอร์เน็ต…
ชาน่า
สัพเพเหระ หลากหลายสไตล์ในแต่ละสัปดาห์ที่ชาน่านำเรื่องราวของชาวรักร่วมเพศ หรือกลุ่มหลากหลายทางเพศมานำเสนอ โดยหวังว่าจากเพียงแค่ไม่กี่ประโยคที่คุณได้อ่านหรือสัมผัส จะเป็นประโยชน์ต่อคุณหรือใครสักคนไม่มากก็น้อย สัปดาห์นี้พลาดไม่ได้อีกหนึ่งโครงการดี ๆที่อยากแนะนำสำหรับชายรักชาย ช่วงปลายเดือนนี้ เรามีโครงการดีๆ มาเสนอให้คุณฮ่ะ ชื่อโครงการที่ว่านี้คือเข้าค่าย "ทักษะชีวิตพิชิตเอดส์ ครั้งที่ 29" ซึ่งทางสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทยร่วมกับ สถาบันวิจัยสาธารณะสุข(สวรส.) ได้จัดขึ้นในระหว่างวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 24-25 มกราคม 2552 ณ ค่ายริมขอบฟ้า เมืองโบราณ…
ชาน่า
สวัสดีปีใหม่ค่ะ วันเวลาผ่านไปอย่างไวจากวันเป็นเดือน จากเดือนเลื่อนเป็นปี ก้าวเข้าสู่ปี คศ. 2009 ขออวยพรให้ทุกคนก้าวหน้า อย่าก้าวถอยหลัง ก้าวไปอย่างมีสติ ไม่ประมาท และทุกย่างก้าวถ้าหากเราทำดี ชีวีก็มีสุขเป็นกุศลที่มองไม่เห็นแต่คุณจะสัมผัสได้ วันหยุดยาวติดต่อกันตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปีใหม่นี้ หลายคนมีโอกาสกลับไปสู่มาตภูมิ ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างเป็นสุข ทำงานเหนื่อยมามากแล้ว บางครั้ง บางวันอย่าลืมให้รางวัลกับบางวันของชีวิตด้วยนะฮะ สัปดาห์นี้ชาน่าขอพาคุณ ๆ ไปเที่ยวประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานสี่ห้าพันปี นั่นคือ กรีซ แต่สถานที่ๆ ชาน่าจะพาไปท่องเที่ยวครั้งนี้ หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู…
ชาน่า
เรื่องความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ หรือความผิดโทษฐานที่เกิดมาเป็นรักร่วมเพศในโลกนี้ยังมีให้เห็นอีกหลายมุมของโลก อันเนื่องมาจากวัฒนธรรมประเพณี ธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ชาน่าเคยได้รับเมล์ส่งต่อจากเพื่อนที่ส่งภาพของสองหนุ่มน้อยวัยเบญจเพส ชาวตะวันออกกลางที่ถูกประหารด้วยการแขวนคอประจาร โทษฐานที่เป็นรักร่วมเพศของประเทศในตะวันออกกลางเมื่อหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นดูด้วยความสลดและเกิดความสงสารจนพูดไม่ออก
ชาน่า
ท่ามกลางความหนาแน่นของผู้คน นักเดินทางโดยเครื่องบิน ขาเข้าและขาออกนอกประเทศ ณ สนามบินสุวรรณภูมิในค่ำวันหนึ่ง “หวัดดีครับชิน ยินดีที่ได้รู้จัก ได้ยินแต่ชื่อเสียงเลียงนามมานานแล้วครับ” เสียงของพี่หนึ่งทักทายเมื่อครั้นที่เราพบกันครั้งแรกที่สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ผมกำลังจะบินไปทำงานต่อที่ต่างประเทศ