Skip to main content

"กระจกจ๋า บอกซาร่าหน่อยนะ ว่าผู้ชายคนเนี้ยะ...ใช่มะ ใช่มะ...."
มาแล้ว มาแล้ว มาแล้ว จิ๋ม ซาร่า ท้าสัมผัส... มากับอัลบั้มชุดที่สอง "คนร่วมฝัน"

 


หากคุณได้ยินเพลงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าเป็นหญิงจริงหรือหญิงเทียม ไม่ว่าคุณจะมองผู้หญิงคนนี้อย่างไร ชาน่ามองเธอว่า เธอคือผู้ชายที่กลายเป็นผู้หญิงที่น่าค้นหาอีกคน ข้อความจากเพลง “เกินห้ามใจ” ของนักร้องสาวประเภทสองที่ชื่อจิ๋ม ซาร่า หรือชื่อที่ใช้ในวงการ “สุจินต์รัตน์ ประชาไทย” ผู้ชายทั้งแท่งที่ผันตัวเองให้เป็นผู้หญิงทั้งทิ่ม เธอผู้นี้เป็นคนไทยคนแรกที่กล้าไปผ่าตัดแปลงเพศไกลถึงดินแดนเมืองผู้ดี “อังกฤษ”


เมื่อช่วงพักร้อนที่ผ่านมา ชาน่ากลับเมืองไทยได้รับคำเชิญจากสมาคมเกย์ไปงานแถลงข่าวของผู้หญิงที่ชื่อซาร่า สาวประเภทสองที่ต้องห้ามเข้าฮ่องกง จนเป็นข่าวคราวพาดหัวข้อข่าว และรายการทีวีเกรียวกราว ดิฉันได้รู้จักและสนิทกับเธอ พร้อมตะลุยไปทำข่าวหลาย ๆ ที่จนชื่นชมถึงความสามารถและได้รู้จักกับชีวิตของอดีตผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ ด.. สุชาติ จนทุกวันนี้เธอคือ จิ๋ม ซาร่า อดีตดารา และปัจจุบันคือนักร้อง นักแสดง สาวประเภทสอง ตั้งใจจะเขียนเรื่องของเธอในคอลัมน์นี้นานแล้วแต่ก็เก็บไว้เพื่อโอกาสที่เหมาะสม


อยากพาคุณรู้จักเธอคนนี้ “จิ๋ม ซาร่า”... ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย ของเธอเป็นอย่างไร


..สุชาติ เกิดมาในร่างของผู้ชายในครอบครัวคนจีนที่จังหวัดนครสวรรค์ แม้ชื่อเล่นทางบ้านเรียกเค้าว่า ชาติ แต่เค้าเรียกตัวเองว่า จิ๋ม มาโดยตลอด ชีวิตในวัยเด็กไม่ต่างอะไรไปกับเด็กชายในครอบครัวคนจีนที่อยู่ต่างจังหวัดทั่วไป จนปรับตัวเข้ากับสังคมและความขัดแย้งทางเพศของตัวเองไม่ได้ คิดฆ่าตัวตายหลายครั้ง เพราะเมื่อห้าสิบกว่าปีชีวิตของเกย์ กะเทยเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับในสังคมไทย อายุสิบหก กลับไปที่บ้านในขณะที่เธอกำลังนอนหลับอยู่นั้น พ่อเอาบัตตาเลี่ยนไถหัวทรงผมที่ฮิบที่สุดในตอนนั้น ก็เลยต้องโกนหัว เธอถามว่า "เตี่ยทำอย่างนี้กับหนูทำไม" เพราะเค้าคิดว่าจะเปลี่ยนเธอได้ ทางบ้านทำทุกอย่างเพื่อจะเปลี่ยนลูกชายหัวใจหญิง ให้กลับเป็นลูกชายเหมือนคนทั่วไป แม้กระทั่งเอาเธอไปผูกกับต้นชมพู่ แล้วเอาก้านมะยมตี พร้อมกับพูดว่า “ต้องเป็นผู้ชาย ..มึงต้องเลิก มึงต้องไม่เป็นมิหนำซ้ำยังเอาน้ำเกลือราด แล้วเอามดมาปล่อยให้กัด แม่ของเธออยู่บนบ้าน แม่ทำอะไรไม่ได้ ค้านไม่ได้เลย โดนมัดสี่ห้าชั่วโมงจนดึก กระทั่งแม่มาปล่อย หลังจากนั้นเธอแค้นคิดประชดชีวิตโดยไปปีนเสาไฟฟ้าให้ฟ้าผ่าตาย แต่โชคร้าย .....ฟ้าไม่ผ่า ฝนไม่ตก .... เธอจึงรอด


ช่วงวัยเด็ก ตอนไปโรงเรียนเธอไม่เคยเข้าห้องน้ำเลยในโรงเรียน ต้องอดกลั้นจนกลับถึงบ้าน พออายุสิบสอง ปิดแต๊บเลย...เวลาที่จะจับมันยังรังเกียจ ท่องอย่างฝังใจเสมอว่า ไม่อยากได้จู๋ แต่อยากมีจิ๋ม...


เธอมีน้องสาวออกทอม ๆ และเคยพูดกับน้องสาวว่าว่า “สลับร่างกันมั้ย” จนกระทั่งมีความคิดว่า... เมียตัดจู๋ ผัวทิ้ง ทำไมเค้าอยู่ได้ ทำไมเธอจึงไม่ตัดบ้าง ... จึงเป็นคำถามที่น่าสงสัยของเธอเสมอมาจนกระทั่งมีโอกาสได้ไปอยู่อังกฤษตอนอายุ 22 ปี เธอจึงไปเสิร์ฟอาหารไกลถึงอังกฤษ ทำหน้าที่เป็นสอสอ (สาวเสิร์ฟ) โดยมีเงินติดตัวแค่แปดพันบาท วันหนึ่งได้อ่านหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ฉบับหนึ่ง เค้ากำลังหาคนอยากะจะเปลี่ยนเพศ เหมือนกับต้องการหนูทดลอง หนูคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวไทยใจถึงคนนี้นี่เอง เป็นการผ่าตัดแปลงเพศฟรี โดยไม่เสียตังค์ซักกะบาทเดียว


การสมัครเป็นไปตามขั้นตอน จากคนที่ไปสมัครผ่าตัดร้อยกว่าคนแต่เค้าคัดเลือกเอาแค่ 7 คน หนึ่งในนั้นคือเธอ หลังจากนั้นเค้าต้องเฝ้าสังเกตจากกล้องวงจรปิด ประมาณเดือนกว่า ๆ สอบจิตวิทยาทั่วไป จนถึงเวลาผ่าตัดแปลงเพศ “ปาด แปะ เจาะ” ทำทั้งบนและล่างประมาณ 12 ชั่วโมง ก่อนที่จะผ่าตัดเธอถูกเข็นรถไป เธอร้องไห้ น้ำหูน้ำตาเล็ดจนหมอเข้าใจว่าเธอยังไม่พร้อม แต่เธอกลับบอกว่า “ฉันดีใจที่จะได้เป็นหญิง” หลังจากนั้น หมอบอกว่า “คุณเป็นผู้หญิงแล้วนะ”


พอหลังจากเหตุการณ์เปลี่ยนไป ในเมื่อครอบครัวไม่สามารถเปลี่ยนเธอให้เป็นลูกชายคนโตได้แล้ว เธอจึงประพฤติตัวที่ดีเลี้ยงครอบครัวได้ เป็นคนดี พ่อและทางบ้านจึงยอมรับ หลังจากนั้นพ่อภูมิใจเรียกเธอเป็นลูกสาวโดยตลอด


ชีวิตของลูกคนโตที่ต้องเลี้ยงครอบครัว เธอทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงิน เคยเปิดโรงแรมเกย์แห่งแรกในประเทศไทยที่พัทยา ชื่อ Homex Hotel หลังจากนั้นจึงก้าวเข้าวงการบันเทิงรับเล่นหนังเทพธิดาบาร์เบียร์


แต่แล้วเหมือนโชคชะตาไม่เข้าข้างเธอ หลังจากที่เศรษฐกิจฟองสบู่แตก นักธุรกิจเก่งอย่างเธอก็ประสบปัญหา แทบจะล้มละลาย เพราะเธอสูญเงินไป 28 ล้าน (ถ้าเปรียบเป็นเงินปัจจุบันก็เท่ากับคูณ สาม เกือบร้อยล้าน) เหตุเพราะเก็งกำไร ผิดพลาด มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อดอลล่าห์เก็บไว้ ภายในสามเดือน หมดไป 28 ล้าน ซึ่งบางเดือนเธอได้กำไรมาแล้ว 9 ล้าน ไม่มีใครรู้อนาคตข้างหน้า เหมือนกับการเก็งเงินดอลล่าห์ที่ผิดพลาดของเธอ เธอได้รับการติดต่อจากธนาคาร เพื่อบอกข่าวร้าย จนเกิดอาการช็อค ขาดสติ ความรู้สึกชาไปทั้งตัว โทรศัพท์ร่วงลงพื้นอย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นอัมพฤต จนเธอต้องหาทุกวิถีทางรักษาตัวเอง แต่เธอบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคคือ จิตใจที่เข้มแข็ง


มรสุมชีวิตกระหน่ำซ้ำซ้อน เธอคิดฆ่าตัวตายให้หายไปจากโลกเพื่อหนีปัญหา จนแม่โทรมาบอกและให้กำลังใจเธอว่า “การที่เธอเป็นอย่างนี้ มันเป็นสิ่งที่วิเศษสุดแล้ว เป็นได้ขนาดนี้จะมีใครสักกี่คนที่ทำได้ จงภูมิใจในตัวเอง สู้ต่อไป” ความรู้สึกของคนที่เคยเป็นนางเอก จนกลายเป็นคนหน้าเบี้ยว ชีวิตล้มเหลว ล้มละลายตกต่ำ พูดไม่ได้ แม้กระทั่งเคี้ยวข้าวก็ไม่ได้ แต่เธอก็ได้กำลังใจจากแม่ ผู้หญิงที่รักเธอมากที่สุด สุดท้ายจึงหาหนทางรักษาตัว เธอรักษาตัวสามเดือน หมดเงิน 6 แสนบาท จนเพื่อนบอกให้ไปนิวซีแลนด์ไปรักษาตัว เธอจึงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น โดยทำงานอย่างหนักเช่นเคยเพื่อแบกภาระดูแลครอบครัวในเวลาเดียวกัน พอหาหนทางหนีทีไล่ได้ เธอจึงอยากทดลองในการขอแต่งงานหลังจากที่ตัวเองผ่าตัดแปลงเพศผ่านไปสิบกว่าปี จึงได้พาผู้ชายไทยไปจดทะเบียนสมรสแต่งงานแปลงคำนำหน้านามเป็นนางสาว ถูกต้องกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องแปลงเพศมาแล้วมากกว่าสิบปี คราวนี้ได้ใบทะเบียนสมรสอย่างภาคภูมิใจ


ทุกวันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข กับการทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก ทำธุรกิจที่พอเพียง พอใจ ใช้ชีวิตอย่างมองในทางบวก เธอกลับมายืนบนเวทีวงการบันเทิงอีกครั้งด้วยการร้องเพลง ทั้งร้องและแสดง โดยได้สานฝันงานเพลงถึงสองอัลบั้ม ซึ่งอัลบั้มชุดสองของเธอมีชื่อว่า “คนร่วมฝัน” จัดทำและจัดจำหน่ายโดยบริษัท เผ่าพันธุ์ซาวด์ 


สาวประเภทสองที่สวยและมีสมอง ทำความดีและทำประโยชน์ให้กับสังคม นั่นคือสิ่งที่เราน่าชื่นชมในความแกร่งและต่อสู้ของเธอ ผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อ จิ๋ม ซาร่า “สุจินต์รัตน์ ประชาไทย” ติดตามผลงานของเธอได้แล้ววันนี้

 

 

 

บล็อกของ ชาน่า

ชาน่า
วันก่อนดูข่าวซีเอ็นเอ็น หรือเข้าใจง่ายๆ ว่าสำนักข่าวเห็นสองเอ็น รายงานเรื่องราวของชาวอเมริกัน กลุ่มรักร่วมเพศที่กลายสภาพจากหญิงจริงเป็นชายด้วยหน้าตา รูปร่างแทบจะแยกไม่ออกว่านี่คือผู้หญิงมาก่อน ทั้งหนวดเครา กล้ามหน่อยๆ หน้าแมนๆ ได้เห็นแล้วยังทึ่งนิดส์ นิด เพราะปกติตัวเองจะเคยชินเห็นแต่ภาพชายแปลงร่างเป็นหญิง ไม่ค่อยได้เห็นหญิงทอมแปลงร่างเป็นชายมากมายนัก หากอ่านหัวข้อ คงไม่ว่ากันว่าทำไมถึงเขียนคำว่า แปลง หลังคำว่าผู้ชาย ไม่งั้นอ่านแล้วอาจจะดูเหมือนชาน่าตอหะแล ผู้ชายในโลกนี้ใครจะท้องได้ (มันก็จริงแฮะ) ตอนแรกก็ตกใจเป็นไปได้ไง ผู้ชายเหรอที่ท้อง แต่พอทรายรายละเอียดจริง ๆ ถึงได้บางอ้อว่า…
ชาน่า
เมื่อวันก่อนได้เปิดอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ชาติต่าง ๆ ผ่านสัญญาณดาวเทียมส่งตรงมายังเรือสำราญที่กำลังล่องแถบทวีปยุโรป สะดุดข่าวหนึ่งที่รายงานสองสามวันติดกัน ในหนังสือพิมพ์ "India Today" วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 หัวข้อข่าวพาด "Gays set for first nationwide pride marches" และ "Gay Pride out on street Kolkata" สอบถามเพื่อนร่วมงานชาวอินเดียถึงข่าวคราวนี้ ทราบว่า สมัยก่อนเมื่อราวเกือบสองร้อยปีที่ผ่านมา ก่อนที่อินเดียจะได้รับอิสระในปี 1947 ประเทศอินเดียนั้นถือว่า การเป็นเกย์ หรือ กลุ่มรักร่วมเพศเป็นสิ่งต้องห้าม ผิดกฎ ผิดจารีต ประเพณี หรือเรียกบ้าน ๆ ว่าผิดผีหนะฮ่ะ ในสมัยก่อนๆ…
ชาน่า
"อันชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนพิกลนัก" คำกล่าวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 ที่พวกเรารู้จักกันดีและเห็นด้วยในความหมายของประโยคนี้กันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร อย่าบอกนะว่าคนอ่านคอลัมน์ของชาน่าไม่ชอบเพลง ถ้าชอบก็แล้วแต่ว่าใครจะถนัดแนวไหน โดยส่วนตัวของชาน่าฟังได้ทุกแนวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแนวตะเข็บชายแดน หรือเด็กแนว เด็กหยาม (วัยรุ่นสยาม) เพื่อชีวิต ลูกทุ่ง ลูกกรุง สากล ฟังได้ไม่เลือกแต่ก็ขึ้นอยู่กับกาละและเทศะ กะอารมณ์อีกทีหนะฮ่ะ เพลงหลายเพลงแต่งจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น แต่งจากแรงบันดาลใจ หลายเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง ทุกเหตุการณ์ ทุกอารมณ์ ถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ ปรุงแต่งทำนอง…
ชาน่า
พักนี้เก่าไปใหม่มา ลูกเรือไทยและต่างชาติที่หมดสัญญาทำให้หลายคนได้พักร้อน ลูกเรือคนใหม่หลายคนก็เข้ารับหน้าที่แทน ชาน่าจึงมีโอกาสได้ดูหนัง ฟังเพลง ใหม่ ๆ อัพทูเดทจากเมืองไทย ส่งตรงไปต่างแดน หยิบวีซีดีแผ่นหนึ่งว่าด้วยเรื่องกฎหมาย “คู่ซ่าส์ ทนายแสบ บันทึกการแสดงสด” ของทนายแฝด จากรายการแจ้งความทางไอทีวี ,คนหัวหมอ ช่องสาม ,และซุปเปอร์แก๊กทางช่องเจ็ด โดย ทนายวันชัย สอนศิริ และทนายประมาณ เรืองวัฒนะวนิช ทนายคู่แฝดขำ ขำ เน้นย้ำสาระจึงพลาดไม่ได้ที่จะเปิดดู ซึ่งได้ทั้งความฮาไม่มีขีดจำกัดและความรู้เต็มจอ จึงขออนุญาตนำเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับชาวเรา ๆ มาฝากกันในสัปดาห์นี้ฮ่า
ชาน่า
นานแล้วที่ไม่ได้เม้าท์เรื่องราวภัยรายวัน หลังจากที่คอลัมน์เตือนภัยที่มีคนเข้าอ่านเกือบหมื่น เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกเกือบปีเชียวฮ่ะ เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวเกย์หลายคนร้องเรียก เม้าท์แตกกัน วันนี้จึงขอหยิบหลากหลายเรื่องราวมาเม้าท์เล่าสู่กันฟังนะฮะ บางเรื่องราวฟังไว้ไม่เสียหลาย บางราย “มีอย่างนี้ด้วยหรือ” คุณขา ยุคข้าวยาก หมากแพง เศรษฐกิจทรุด การเมืองแทรก ความมั่นคงถดถอย น่าเห็นใจชาวไทยกันถ้วนหน้าที่ต้องรับสภาพปัญหาเยี่ยงนี้ชาน่าขอแยกเป็นเรื่อง ๆ ตามหัวข้อที่เพื่อน ๆ เม้าท์ให้ทราบละกันฮ่า 
ชาน่า
เมื่อใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว หากใจและกายไม่สอดคล้องกับความรู้สึกและความต้องการ  ทางออกของใครหลายคนจึงเลือกที่จะเยียวยารักษาทางกายมากกว่าทางใจ  จึงเป็นผลให้ใครหลายคนเลือกที่จะทำการ “ผ่าตัดแปลงเพศ”ในส่วนของพนักงานบริการที่เราคุ้นกันในเมืองไทย ก็มีจารึกไว้แล้ว โดยหนุ่มสจ๊วตที่แปลงโฉมเป็นแอร์กี่ เอ้ยไม่ใช่ค่า แอร์โฮสเตส เรียกเสียงวิพากวิจารณ์จากมหาชนมิใช่น้อยส่วนของเรือสำราญ พนักงานบริการที่ต้องพบปะผู้โดยสารจากหลายประเทศทั่วโลกก็มีเธอผู้นี้ ... เช่นเดียวกัน
ชาน่า
ลูกคือดวงใจและ (แทบจะ) เป็นทุกอย่างของพ่อและแม่ หัวอกของพ่อและแม่ทุกคนอยากเห็นลูกประสบความสำเร็จ มีความสุข เป็นที่พึ่งและเป็นไปดังใจหวัง "สมหวัง และผิดหวัง" จึงเหมือนสัจธรรมที่อยู่คู่กันเสมอ กล่าวโดยรวมๆ ทุกเรื่องเพื่อจะโยงเข้าสู่แม้แต่ "ความหวัง"ของพ่อและแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นเพศปกติ เพศที่สอดคล้อง ถูกต้อง กับร่างกายและจิตใจ
ชาน่า
เทศกาลของไทยเรามีมากมายหลายช่วงแทบจะเกิดขึ้นทุกเดือนเลยก็ว่าได้ แต่มีเทศกาลหนึ่งที่ชาน่าร่วมเติบโตมากับสังคมไทยนานแสนนาน (กำลังจะได้โล่ห์ ตำแหน่งชาน่าโบราณ รุ่นลายครามไม่ช้าก็ไว)  ทุกครั้ง ทุกที ทุกปีที่ได้สัมผัส บอกได้คำเดียวว่า... “แซ่บ เริ่ด ม่วนแต๊ๆ เกิดมันส์”  เพราะนอกจากจะสนุกสนานแล้วเรายังได้สาระมากมายในเทศกาลที่ชาน่ากำลังจะกล่าวถึงนี้ 
ชาน่า
“กลัวติดโรคจัง กังวลอย่างบอกไม่ถูกจะทำยังไงดี”  “อยากไปตรวจเลือด แต่ไม่กล้ากลัวคนรู้จัก กลัวคนอื่นรู้”“จะไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลไหน ค่าใช้จ่ายไม่แพง เพราะเผลอเสี่ยงร่วมรักกับชายแปลกหน้า”อาจจะเป็นคำถามของใครบางคนที่ครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจ วัดน้ำหนักช่างกล้าไปตรวจเลือดเพื่อไขปัญหาข้องใจว่าตัวเองบริสุทธิ์หรือรับเชื้อร้ายเข้าไปในร่างกายประชากรชาวเกย์หลายคนรู้จักกันดี  “คลินิกนิรนาม” ที่เปิดให้บริการสำหรับกลุ่มชายรักชาย ชายร่วมเพศกับชายเท่านั้น (งานนี้ไม่มีชะนีปะปนแม้แต่นิด)   แต่สมาชิกเกย์น้องใหม่ใครหลายคนที่ยังไม่รู้จัก…
ชาน่า
ข่าวคราวความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มรักร่วมเพศมีให้ติดตามโดยตลอด ไม่ว่าเรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง จริงหรือไม่  ดังนั้นเราจึงเห็นได้ชัดว่า "กลุ่มรักร่วมเพศปนอยู่ในสังคมเราอย่างแยกเสียไม่ได้"  เคยคิดจะเขียนคอลัมน์เรื่อง  "การไม่ยอมรับผู้บริจาคเลือดที่อยู่ในกลุ่มอัตราเสี่ยงหรือรักร่วมเพศ"  ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากเว็บเกย์สากลในสหรัฐอเมริกา แต่งานประจำรัดตัวยังไม่ทันจะเขียนก็มีข่าวคราวจากเมืองไทยเข้ามาในเรื่องนี้ คราวนี้ชาน่านิ่งนอนใจอยู่ไม่ได้ประสานงานไปทางเพื่อน ๆ หลายฝ่าย รวมทั้งเพื่อนๆ ชาวสยามสแควร์  ของเว็บสังคมชาวไทย "พันทิป" ตั้งกระทู้ถามไถ่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น…
ชาน่า
โลกของละครและโลกของความเป็นจริงนั้นบางทีช่างเหมือนกันจนแยกไม่ออก  "ละครสร้างจากเรื่องชีวิตจริง"  หรือ "ชีวิตจริงเลียนแบบละคร"  โลกใบใหญ่ของเราแต่ละคนล้วนเป็นโลกแห่งละครทั้งสิ้นอย่างแยกเสียไม่ได้ผู้ใหญ่หลายฝ่ายเคยต่อต้านและห้ามปรามกลุ่มรักร่วมเพศ  เกย์ กะเทย แพร่ภาพทางอากาศ ทีวี วิทยุ ภาพยนตร์ ด้วยหลากหลายเหตุผลของผู้ใหญ่ที่มองสังคมอย่างเป็นห่วง  แต่บางครั้งผู้ใหญ่อาจจะลืมดูโลกของความเป็นจริงที่ไม่ได้เพ้อฝัน จินตนาการ บังคับและกำหนดอยากให้ผู้อื่นเป็น  ชีวิตของคนกลุ่มรักร่วมเพศนั้นปะปน อยู่ในทุกสังคม ทุกประเทศ ทุกชนชั้น ทุกภาษา ทุกเชื้อชาติและศาสนาอย่างเห็นได้ชัด…
ชาน่า
การท่องเที่ยวไทยถือเป็นอุตสาหกรรมที่ทำรายได้ให้กับประเทศชาติมานานแสนนาน แม้บางช่วงเศรษฐกิจจะทรุด การเมืองจะแทรก ปัญหาหลากหลายจะเสริมทำให้ไม่ราบเรียบมากนักในบางช่วงปีที่ผ่านมา แต่ถึงกระนั้น “ประเทศไทย” ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของโลก ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งมังคุด ละมุดลำใย แห่กระหน่ำมาเที่ยวกันอย่างเห็นได้ชัด หากจะมองถึงกลุ่มเป้าหมายชาวรักร่วมเพศ เกย์ กะเทย เลสเบี้ยน ถือว่ามาเที่ยวบ้านเมืองนี้ ดีนักแล เพราะทางเจ้าของประเทศ สยามเมืองยิ้ม กระหยิ่มต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเปิดกว้าง โดยได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนร่วมกัน…