แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้ว
ดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติ
พ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทน
ถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ หัวใจของแม่อย่าได้ละลายไปตามไฟเศร้า
โอ้แม่จ๋า แผ่นดินคนปกาเกอะญอ ต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวี
แม่จ๋า แม่จ๋า โอ้แม่ที่รักจ๋า ตายในสนามรบดีกว่าตกเป็นทาส
อย่าท้อในโชคชะตา อดทนอีกหน่อย ไม่นานลูกจะเก็บแผ่นดิน กอซูเล คืนมา
น้องของพี่เอ๋ย อย่าให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล พ่อสั่งเสียให้พี่ชาย รับช่วงกู้ชาติ
เราถูกกดขี่ ข่มเหง อย่างไม่น่าจดจำ จงรักษาอุดมการณ์เพื่อการปลอดแอก
คอยเตือนน้องๆและคอยดูแลแม่ ทำไร่ ตำข้าว หาฟืน ตักน้ำและหุงข้าว
อยู่กินลำบาก ดีกว่าตกเป็นทาส อย่าคิดกอบโกยเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
(เพลง มาลอ เนอแหม่ที เต่อเก ของฉ่า เก โดะ ที อัลบั้ม โอะ แผล่ เลอ ก่อ ซู เล)
บทเพลงค่อยๆเคลื่อนหายไปตามระยะห่างจากหมู่บ้าน จนเสียงเงียบ เย็นนั้นไร้เสียงเพลงเดินทางกลับของเด็กชายผู้ดักไซ พ่อแม่นอนไม่หลับทั้งคืน แต่ไม่กล้าออกไปตามตอนกลางคืน เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าฤดูนี้กองกำลังทหารพม่าเริ่มเคลื่อนพลเข้ามา เมื่อเขาเห็นพบกับชาวบ้านเขาจะจับตัวเพื่อเค้นถามเกี่ยวกับข้อมูลของทหาร เค เอ็น ยู หากไม่บอกอาจถูกทำร้ายหรือถูกจับไปเป็นลูกหาบ หรือไม่ก็ไปเป็นโล่มนุษย์เพื่อกันระเบิดหรือกระสุนเป็นได้ง่ายๆ
เช้ามืดพ่อตื่นมาดูไม่เห็นไซในตำแหน่งที่คุ้นเคย ไร้กลิ่นคาวปลา ไร้เสียงฮึมอัมเพลง การกระจายข่าวแบบปากต่อปากภายในหมู่บ้านเกี่ยวกับสถานการณ์ของเด็กชายเริ่มทำหน้าที่ ผู้คนในชุมชนต่างสันนิษฐานไปต่างๆนานา บ้างก็ว่าเขาคงนอนเฝ้าไซ บ้างก็ว่าเขาคงเจอเพื่อนต่างหมู่บ้านแล้วตามไปค้างด้วย ยังไม่มีใครกล้าสันนิษฐานในเรื่องที่ไม่อยากให้เกิด กระทั่งอาทิตย์เคลื่อนตัวสู่ฟ้าสูงขึ้น ผู้นำชุมชนมีความเห็นร่วมกันว่าจะลองตามรอยเด็กชายไปถึงโค้งน้ำที่ห้าในพื้นที่เปาหมายที่เขาจะไปวางไซ
เมื่อขบวนค้นหาเดินทางมาเลยโค้งน้ำที่สี่ห่างจากหมู่บ้าน เห็นร่องเท้าข้างหนึ่งของเด็กชายอยู่ข้างทาง ทุกคนเริ่มไม่สบายใจ เดินไปไม่ถึงสิบก้าวเห็นไซที่ยังไม่ได้วางตกอยู่ แต่สภาพไซเสียหายเหมือนถูกยื้อแย่งทุกคนเริ่มทำใจ เดินไปอีกก่อนถึงโค้งน้ำที่ห้าห่างจากหมู่บ้านเห็นเสื้อของเด็กชายห้อยติดอยู่กับกิ่งไม้ ทุกคนจึงมั่นใจไม่เป็นอย่างอื่น
"ทหารพม่านอกจากขึ้นชื่อในการเผาหมู่บ้าน ฆ่าขมขืนผู้หญิงแล้ว ที่ไม่แพ้กันคือการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กผู้ชาย ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศทั้งผู้หญิงและผู้ชายมักจะไม่รอด เพราะคนที่ถูกละเมิดเองไม่ยอมง่ายๆ ทำให้จุดจบทุกคนจะเหมือนกัน" ผู้เล่าเรื่องของเด็กชายอธิบายให้ฟัง
"ต่อมาสามวัน มีหน่วยข่าวกรองของกะเหรี่ยงได้ข่าวที่มีที่มาจากกองกำลังทหารพม่าว่า ได้มีสังหารเด็กชายกะเหรี่ยงคนหนึ่ง เนื่องจากร้องเพลงปฏิวัติของ ฉ่า เก โดะ ที ซึ่งเป็นเพลงต้องห้ามของรัฐบาลพม่า จากนั้นในหมู่บ้านไม่มีใครร้องเพลง ฉ่า เก โดะ ที อีกเลย หลงจากเพลงปฏิวัติไม่มีคนร้อง ดูเหมือนพลังของการปฏิวัติก็ลดลง"ผู้เล่าคนเดิมเล่าให้ฟังว่า
มันมีพลังมากกระนั้นหรือ? แม้สงสัย แต่ต้องเก็บมันไว้ ปล่อยให้วันเวลาได้ช่วยให้เกิดความกระจ่าง เวลาสามารถทำงานได้ เปิดพื้นที่ให้เวลาและลงทุนเกี่ยวกับเรื่องเวลาและต้องไม่ปราศจากความเชื่อ เหมือนพี่น้องปกาเกอะญอในประเทศพม่ารอการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในดินแดนของตน แต่ความเชื่อต้องมีการกระทำควบคู่ไปด้วย หกสิบเอ็ดปี เป็นตัวยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ทำคนเดียวกลุ่มเดียวบางทีอาจไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จำเป็นที่ต้องมีมิตรที่รักความเป็นธรรมให้การช่วยเหลือด้วยเช่นกัน พี่น้องปกาเกอะญอในประเทศพม่ากำลังให้ความสนใจจับตาดูการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศคู่เจรจา และการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-23 ก.ค.2552 นี้ว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินที่ต้องมนต์สาบกลิ่นสงครามและความทุกข์เข็ญของประชาชนมาเป็นเวลามากกว่า หกสิบปีแห่งนั้นหรือไม่ หรือเป็นเพียงฉากเดิมของโรงละครอำนาจรัฐอาเซียนเท่านั้น?