สายๆของวันที่ 20 กันยา เราเดินทางออกจาก Austin ต่อไปเมือง Houston มีกำหนดการเล่นบ่ายสามโมงถึงห้าโมงเย็น เมื่อเดินทางไปถึงสถานที่เล่น ตัวแทนจากสมาคมไทย-เท็กซัส ได้มาต้อนรับและพาไปดูเวทีซึ่งเป็นที่คล้ายตลาดสดหรือตลาดนัดที่เมืองไทย มีอาหาร เสื้อผ้า ของเล่น รูปร่างหน้าตาและสัดส่วนรูปร่างของคนแถวนี้ใกล้เคียงเมืองไทย เพียงแต่ไม่พูดภาษาไทย พูดภาษาสเปนมากกว่าภาษาอังกฤษ
แมกฮิโก คือชื่อของผู้คนแถวนี้ ผมสงสัยว่าคือแมกซิโกหรือเปล่า
“ใช่ จริงๆแล้วเขาเรียกตัวเองว่า แมกฮิโก คือ Max – I -co แต่พอคนอื่นอ่านเขาอ่านเป็น Maxi-co” สเตฟานนักดนตรีจากฝรั่งเศสที่พูดภาษาสเปนได้บอกผม
คนที่นี่ชอบกินเผ็ดพอๆกับบ้านเรา เมนูอาหารเกือบทุกอย่างมีพริกเป็นเครื่องปรุง แต่ที่น่าสนใจคือพริกที่นี่ลูกใหญ่แต่รสชาติเผ็ดไม่แพ้พริกขี้หนูที่เมืองไทย สเตฟานบอกว่า ต้นกำเนิดของพริกทั่วโลกมาจากประเทศแมกฮิโกทั้งหมด
วันนี้มีการจ้างคนแมกฮิโกมาแบกของช่วยทำให้เบาแรงนักดนตรีลงไปแยะ เมื่อเครื่องเสียถูกติดตั้งท่ามกลางอากาศที่ร้อนเสร็จแล้ว พี่ทอด์ด มองดูเวลาจวนจะล่วงเลยบ่ายสามแล้ว จึงตรวจสอบความพร้อมของนักดนตรีที่เกือบพร้อมแล้วเหลือเพียงเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนนักเต้นยังไม่พร้อมเพราะต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไกลจากที่เล่น พี่ทอด์ด หันมาดูความพร้อมของผม ผมพร้อม เตหน่ากูผมพร้อม แต่เสื้อปกาเกอะญอของผมอยู่กับภรรยาของผมที่ต้องไปช่วยนักเต้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ลานนากับซอก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เดียวกับนักเต้น จึงไม่มีใครขึ้นเปิดวงก่อนได้ พี่ทอด์ด จึงออกอาการเซ็งอย่างรุนแรง
เขาจึงตกลงใจที่จะเล่นเพลงของตัวเองก่อน เรียกนักดนตรีขึ้นเวที แต่ปรากฏว่านักดนตรีเดินไปเข้าห้องน้ำซึ่งห่างจากเวทีเกือบกิโลเมตร ทำให้ต้องรออย่างเดียว อาการเซ็งของพี่ทอด์ดจึงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพราะตอนนี้คนดูเริ่มมาออกันที่หน้าเวทีแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นบนเวที ทำให้บางคนถอดใจเดินจากเวทีไปที่อื่น การรอคอยของพี่ทอด์ดดูเหมือนยาวนานสำหรับเขา ทั้งๆที่ใช้เวลารอประมาณยี่สิบกว่านาที เมื่อทุกคนมาพร้อมคอนเสิร์ตจึงเริ่มขึ้น
ท่าทางคนแมกฮิโกสนใจเตหน่ากูไม่น้อย ต่างจ้องเตหน่ากูโดยไม่ค่อยสนใจคนเล่นเท่าไหร่ ยืนฟังเสียงเตหน่ากูแล้วอมยิ้มกัน แต่ไม่มีใครซื้อ ซีดี เนื่องจากคนแมกฮิโกที่ Houston ส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพมาเป็นแรงงานในอเมริกา ทำให้ผมนึกถึงพี่น้องไทใหญ่ พี่น้องมอญ พี่น้องปกาเกอะญอ พี่น้องเขมร พี่น้องลาวที่อยู่ตามตะเข็บชายแดน ทั้งในอำเภอแม่สาย แม่สอด ระนอง ระยองและอีกหลายๆแห่ง
สิ่งที่ผมเห็นในตัวพี่ทอด์ดวันนี้คือ แม้ว่าข้างล่างเวทีเขาจะเสียอารมณ์ขนาดไหน แต่พอเขาขึ้นเวทีเขากลายเป็นคนละคน เขาร่าเริงสนุกสนานสุดเหวี่ยง จนไม่เห็นร่องรอยของอารมณ์เดิมก่อนขึ้นเวที เป็นภาพประทับใจสำหรับผมในความเป็นศิลปินของเขา จิตใจหรือประสบการณ์ของเขาอาจเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสามารถทำได้เช่นนี้
“ถ้าเลือกได้ผมอยากเป็นนักร้อง อยากเป็นศิลปินอย่างเดียว ไม่อยากเป็นผู้จัดการ แต่หาคนที่มาทำหน้าที่แทนตรงนี้ไม่ได้ เลยต้องจัดการเอง เมื่อจัดการเองมันก็ยุ่งแบบนี้” เขาบอกผมตอนพักยกคอนเสิร์ต
“ทำไมพี่ไม่จ้างคนมาจัดการโดยตรงซักคนละครับ พี่จะได้เหนื่อยน้อยลง” ผมถามเขา
“ว๊าว เป็นคำถามที่ดี ผมลองมาแล้ว ไม่เวิร์ค หาคนเข้าใจแนวคิดเราจริงๆไม่มี มันยาก เมื่อเขาไม่เข้าใจแนวคิดเรา เขาจะจัดการออกมาอีกแบบ แย่กว่าที่เราจัดการเองอีก จึงเป็นเหตุผลที่ ทำไมผมต้องมาจัดการเอง” เขาตอบผมก่อนที่เขากระโดดขึ้นเวทีอีกครั้ง กระทั่งหลังจากคอนเสิร์ตจบลงพี่ทอด์ดเดินเข้ามาหาลานนา
“เมื่อกี้บนเวทีคุณเป็นอะไร? มันเกิดอะไรขึ้น? ข้างล่างเวทีคุณจะทำอะไรก็ได้ คุณจะมีอารมณ์อย่างไรก็ได้ แต่บนเวทีคุณไม่มีสิทธิ์เอาท่าทาง เอาอารมณ์นั้นขึ้นมาบนเวทีเลย เราต้องแสดงเต็มที่เพื่อให้เกียรติและตอบแทนผู้ชม” พี่ทอด์ดถามและบอกลานนา
“นาคิดว่า เอาไว้คุยกันเย็นนี้” ลานนาตอบพี่ทอด์ด
ในขณะที่นักดนตรีทุกคนสบายใจเนื่องจากมีคนช่วยแบกของแทน ทุกคนจึงนั่งจิบเบียร์เช็ดเหงื่ออย่างสบายใจ แต่ปรากฏว่าทีมงานพี่ทอด์ดตามหาคนแบกของกลับไม่เจอ ทุกคนจึงรู้ได้ไม่ยากว่า มันเผ่นแล้วเนื่องจากทีมงานไปจ่ายเงินให้เขาก่อน จึงเรียบร้อยโรงเรียนแมกฮิโก เป็นหน้าที่อีกแล้วของนักดนตรีที่ต้องช่วยเหลือตนเอง ซึ่งกว่าจะเก็บของจัดของเสร็จก็ได้เวลาคิดถึงอาหารเย็นอย่างรุนแรง
สมาคมไทย-เท็กซัส จึงอาสาพาไปทานที่ภัตตาคารอาหารจีนซึ่งเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ทุกคนจึงตักแบบไม่ยั้งจนกลุ่มอื่นที่มาทานมองกองอาหารในจานของคณะเราอย่างสงสัย แต่เราไม่มีเวลาและไม่มีเวลาตอบข้อสงสัยใครใดๆ ทั้งสิ้น เพราะนี่คือเวลาที่มีคุณค่าและมีความหมายอีกครั้งหนึ่งในอเมริกา
คนดูชาว แม็กฮิโก
บนเวที ตลาดสด ในเมือง Houston
บรรเลงร่วมกับ ซอและเด็กๆ แม็กฮิโก