ณ ห้องเล็กๆ แถวสี่แยกกลางเวียง เมืองเชียงใหม่ เก้าอี้ถูกเรียงเป็นแถวหน้ากระดานประมาณร้อยกว่าตัว ข้างหน้าถูกปล่อยว่างเล็กน้อยสำหรับเป็นพื้นที่ตั้งเครื่องเล่นดีวีดีและโปรเจคเตอร์เพื่อฉายสารคดี
ใกล้เวลานัดหมายผู้คนเริ่มทยอยกันเข้ามาทีละคน ทีละคู่ ทีละกลุ่ม
“เค้าไม่อยากให้เราพูดถึงเรื่องการเมือง แต่เราอาจพูดได้นิดหน่อย” เจ้าหน้าที่ FBR กระซิบมาบอกผมเกี่ยวกับความกังวลของเจ้าของสถานที่ ผมยิ้มแทนการสนทนาตอบ เพียงแต่คิดในใจว่า หากการเมืองคือความทุกข์ยากของประชาชน ของชาวบ้านคนรากหญ้าก็ต้องพูดให้สาธารณะได้รับรู้ เพื่อจะหาช่องทางในการช่วยบรรเทาทุกข์ของประชาชน ชาวบ้านรากหญ้าด้วยกันในแนวทางที่อาจไม่ใช่การเมืองโดยตรง
เมื่อเก้าอี้ที่เตรียมไว้ในห้องเริ่มถูกจับจองหมด จึงเริ่มกิจกรรมโดยการฉายสารคดี “สันติอธิษฐาน เพื่อบรรเทาทุกข์ในเขตการสู้รบในประเทศพม่า”
ผ่านไปกว่าสี่สิบนาที หนังสารคดีได้จบลงท่ามกลางความเงียบที่หดหู่ต่อสิ่งที่พึ่งได้เห็นผ่านสารคดี ท่ามกลางความเงียบชายคนหนึ่งได้ลุกขึ้นยืน
“ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาดูสารคดีครั้งนี้ ต่อจากนี้ผมขอมอบเวลาให้เพื่อนนักดนตรีปกาเกอะญอ แล้วแต่ว่าเขาจะมาทำอะไร ขอเชิญครับ” เขาเล่นโยนมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเลย หลังเขาพูดจบเขาไปเลื่อนเครื่องเล่นดีวีดีและโปรเจคเตอร์ไปแอบไว้ที่มุม เป็นการส่งสัญญาณให้ผมรู้ว่าพื้นที่ว่างนั้นถูกเปลี่ยนสถานภาพเป็นเวทีดนตรีแล้ว
ผมขยับตัวออกมาจากกลุ่มผู้ชมแล้วลุกขึ้นเดินไปยังพื้นที่ว่างข้างหน้า
“ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง หลงทางมาจากทางใต้ของประเทศไทย พลัดหลงมาพบกับคนปกาเกอะญอบนภูหลายๆ เขา วันนี้ผมอยากให้เขามาเรื่องราวต่างๆ ที่เขาพบเจอระหว่างทางให้พวกเราฟัง ขอเชิญพบกับเมล็ดพันธุ์ป่าแห่งแผ่นดินครับ” ผมพูดจบพร้อมกับส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เขาขึ้นมาทำหน้าที่ ณ พื้นที่ว่างแห่งนี้
เขาเดินเก้งก้างออกมา มือถือกีตาร์โปร่งที่ยืมมาจากคนอื่นอีกที เขาหยุดอยู่ตรงที่ว่างข้างหน้า มือสองข้างกอดกีตาร์แล้วมองมาที่คนดู
“สิ่งที่เราดูผ่านไปเมื่อสักครู่ ทุกท่านคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติมั๊ยครับ? มันเป็นเรื่องปกติที่ควรจะเกิดมั๊ยครับ?
หลังจากดูสารคดีเสร็จแล้วอยากให้ทุกท่านสำรวจดูหัวใจตนเองว่า หัวใจเรายังปกติดีอยู่หรือเปล่า? หากหัวใจเรายังปกติเราจะช่วยผู้ทุกข์เหล่านั้นได้อย่างไร?”
เขาพูดจบเขาเริ่มเล่นกีตาร์และเริ่มร้องบทเพลง “หลงทาง”
*“หลงทางมาจากไหนกัน? หลงทางมาจากเวิ้งฟ้าใด?
และดูเหมือนว่าความเงียบจะพาเรามาพบกัน พบกันที่นี่อีกครั้งหนึ่ง
ถนนสายนี้ที่ฉันกับแม่เดิน นานเนิ่นและผ่านพ้น
วันนี้รอยเท้านับพันหลับใหลใต้ถุนบ้าน
กระเป่าหัวใจเจ้าเอ๋ย ใส่วันเวลาความทุกข์โศกเศร้าเอาไว้
กระเป่าหัวใจเจ้าเอ๋ย ใส่ความทรงจำความทุกข์โศกเศร้าเอาไว้ ให้คิดถึงกันอยู่ไม่รู้เลือน”
.....................................................................................................................
“กลับมาสู่ทางแห่งความจริง ทางของมวลชน หลงทางมานานแล้ว” เขาพูดขึ้นหลังจากจบเพลง
เขาก้มหน้าดีดกีตาร์แล้วก็เงยหน้าร้องบทเพลงของเขาเองอีกเพลง
**“.ฯ........................................ล................................................ฯ
วันเวลาจะยังมีอยู่อีกหรือ วันเวลาระเหยหายไปในใบหน้าของเธอ
ฯ........................................ล................................................ฯ
ฉันคือประชาชนก็เป็นได้แค่ของเล่น เป็นประชาชนก็เป็นได้แค่ของเล่น
หยุด ! ยกมือขึ้น ความเศร้าได้ล้อมคุณไว้หมดแล้ว
และดูเหมือนว่ามันจะจบลงอย่างขลาดเขลา
หมดเวลาของแกแล้ว ไอ้ตัวตลก
แกแสดงได้ดีเกินไป นั่นไง ความผิดของแก
หมดเวลาของแก หมดเวลาของแก
...........................ลาก่อน...................................”
เขาลุกขึ้นแล้วทำท่าเหมือนจะเดินกลับไปเพื่อจบการแสดง
“เดี๋ยวก่อนครับพี่ ผมอยากแจมกับพี่ซักเพลง” ผมร้องทักเขา ก่อนเขาจะลงไปจริง ๆ
เขาหันมายิ้มพร้อมพยักหน้าบ่งบอกถึงการตอบรับ
เราแจมเพลง เก่อ เจ่อ โดะ หรือ ภูเขาใหญ่
ภูเขาใหญ่ ยอดดอยสูง สูงเท่าใดไม่เกินหัวเข่า
หากไม่หวั่นฝน ไม่กลัวแดด จูงมือ ก้าวเท้าร่วมกันขึ้น
เราร่วมกันจูงมือ ก้าวเท้า จนจบเพลง ในขบวนมีทั้งผม ผู้ช่วยผม เพื่อนนักดนตรีผู้หญิงจากออสเตรเลียและเขาอีกคน จากนั้นผมก็ยอมให้เขาเดินก้าวออกจากที่ว่างแห่งนั้นเพื่อกลับไปสู่ม้านั่งที่เขาลุกจากมาเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
*เพลงหลงทาง
** เพลงตัวตลก จากอัลบั้ม ไวล์ดซี้ด / ศิลปินไวล์ดซี้ด