Skip to main content

 

9 เมษายน 2553 ผมมีโอกาสได้เจอกับจ่าประสิทธิ์ ที่สถานีส่งดาวเทียมไทยคม ลำลูกกา

คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งเคลื่อนจากราชดำเนินและราชประสงค์ไปขอคืนสถานีส่งสัญญาณดาวเทียมที่ถูกทหารยึดไป

ไม่มีสมาคมวิชาชีพสื่อออกมาบ่นว่าสื่อถูกคุกคาม มีแต่คำเยาะเย้ย ถากถาง ตัดรอนจากสมาคมวิชาชีพและสื่อกระแสหลัก คนเสื้อแดงต้องปกป้องสื่อของพวกเขาด้วยตัวพวกเขาเอง

เหตุการณ์วันนั้น กลิ่นแแก๊ซน้ำตาคลุ้งไปทั่ว คนเสื้อแดงสามารถยึดคืนสถานีได้ นายทหารชั้นผู้ใหญ่แอบหลบร้องไห้เพราะรู้สึกว่าทหารถูกหมิ่นเกียรติ สุดท้ายทหารรับปากทะยอยถอนกำลังออก สถานการณ์และบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย



ปัญหาที่เกิดก็คือในช่วงเย็นขณะที่คนเสื้อแดงทะยอยเดินทางกลับไปยังที่ตั้งราชดำเนิน-ราชประสงค์ คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งไปเห็นว่ายังมีทหารอีกหมวดหนึ่งยังไม่ได้ถอนออกจากสถานีแต่แอบซ่อนอยู่บนอาคารที่พักพนักงานไทยคม

พวกเขาโกรธแค้นว่าทหารผิดสัญญาจะขึ้นไปเอาตัวทหารลงมา ขณะเดียวกันทหารหนึ่งหมวดพร้อมอาวุธครบมือปักหลักอยู่บนดาดฟ้าของอาคารพักสูงสี่ชั้น สถานการณ์ตึงเครียด ถ้าปะทะคงตายเจ็บไม่ใช่น้อย

จ่าประสิทธิ์ที่ผมเห็นคือผู้ที่เข้ามาคลี่คลายเหตุการณ์ เขาวิ่งขึ้นลงตึกสี่ชั้นหลายรอบเพื่อเคลียร์กับฝูงชนที่โกรธแค้นขณะเดียวก็เจรจากับทหารเพื่อหาทางออกไม่ให้สูญเสียเลือดเนื้อ

ในความเครียดของทั้งสองฝ่าย แกใจเย็นมาก

สุดท้ายมวลชนยอมถอยโดยที่ทหารรับปากว่าจะถอนกำลังออกเมื่อคนเสื้อแดงถอยออกหมดแล้ว แต่สุดท้ายไม่เป็นไปตามนั้น มวลชนถอยออกหมดแต่ทหารกลับเสริมกำลังเข้ามายึดสถานีไทยคมเอาไว้ใหม่
.
เสื้อแดงเสียสถานีดาวเทียม แต่ทหารเสียเกียรติ

สิ่งที่ผมได้บทเรียนจากวันนั้นก็คือ ผู้นำไม่ได้มีหน้าที่นำพามวลชนเข้าต่อสู้เพื่อชัยชนะเท่านั้น แต่ผู้นำก็มีหน้าที่รักษาความสูญเสียของมวลชนด้วย และจ่าประสิทธิ์ก็เป็นผู้นำประเภทหลัง
.
เป็นเรื่องยากที่จะไม่ถูกด่าซ้ำซากเมื่อผมเขียนถึงนักการเมืองในทางที่เป็นคุณกับพวกเขา เดาไม่ยากว่าจากใคร 

อาจเป็นเพราะเราสามารถแสดงความเกลียดชังนักการเมืองได้ง่ายกว่าเผด็จการทหารก็เป็นได้ที่ทำให้พื้นทีความรู้สึกเห็นใจต่อชะตากรรมของเขาจากปัญญาชนดูจะเหลืออยู่น้อยมาก  ขณะที่เมื่อเพื่อนแกนนำนักการเมืองอย่าง เจ๋ง ดอกจิก ได้ประกันตัวกลับมีเสียงด่ากระทบว่าแกนนำได้ประกันแต่มวลชนไม่ได้ประกัน

เดาไม่ยากว่าเสี่ยงค่อนขอดมาจากฝั่งไหน 

ก็คงต้องอาศัยจังหวะที่เขาต้องเสียอิสระภาพเป็นเวลา 2ปี 6เดือน หรือโอกาสรำลึกถึงการล้อมปราบ 19 พฤษภา ถึงจะบอกเล่าถึงเสี้ยวความทรงจำที่ผมมีต่อเขาออกมา

 

 

จำคุก 2 ปีครึ่ง 'จ่าประสิทธิ์' คดี 112 ศาลอาญาไม่รอลงอาญา

 

ร่างแรกเมื่อ 4 ธันวาคม 2014  https://www.facebook.com/sarayut.tangprasert/posts/876744682369684

 

บล็อกของ gadfly

gadfly
  เห็นบนเฟซบุ๊กมีการพูดกันบ่อยๆว่า แกนนำ นปช.พาคนไปตาย พาคนไปติดคุก แกนนำไม่รับผิดชอบกับชีวิตของมวลชน ผมคิดว่ามันเป็นข้อกล่าวหาโจมตีผู้อื่นเพื่อเป็นการยกตนขึ้นสูง หรืออีกนัยหนึ่งคือมันเป็นข้อกล่าวหาทางศีลธรรม
gadfly
ผมคิดว่าผู้ที่ให้บทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหาร ก็คือ ทหาร รัฐบาลทหาร และ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง
gadfly
เมื่อคืนผมไม่ได้ดื่มเหล้า เลยเกิดอาการตาสว่าง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหลับ และกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกินตีสาม .หลับแล้วก็ยังฝันต่ออีก.ฝันว่าได้กลับไปอยู่บ้าน บ้านก็ยังคงมีสภาพเหมือนเดิม แต่สภาพแวดล้อมรอบบ้านกลับเปลี่ยนไป มันกลายเป็นทุ่งหญ้า กว้าง กว้าง และกว้าง...
gadfly
เมื่อคิดถึงเรื่องโอกาสทางการศึกษา ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตาม กม.อาญา มาตรา 112ผมคิดถึงนักศึกษาสองคนคนหนึ่งเรียนอยู่ ม.เทคโนโลยีมหานคร คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีสุดท้าย เขาชื่ออัครเดช ชื่อเล่นว่า เค
gadfly
อ่านข้อถกเถียงในประเด็นเรื่องฟรีสปีช เฮทสปีช ความรุนแรง เสรีภาพในการแสดงออก ฯลฯ ของบรรดาปัญญาชนมากมาย แต่ใจกลับย้อนคิดถึงเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งอาจไม่เกี่ยวไม่ข้องกับเหตุการณ์ข้างต้นเลย ก็เลยลองยกมา