Skip to main content


มีข้อวิจารณ์ในฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกันเอง จากกิจกรรมประท้วงขับไล่ผู้นำเผด็จการไทยในเวทีประชุมสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา

ภาพและข้อความของหนุ่มสาวสองคนยืนชูป้ายประท้วงได้ถูกยกว่าเป็นตัวอย่างการสื่อสารที่ดี ทั้งเนื้อหาข้อความและภาพลักษณ์ของหนุ่มสาววัยใส ดูเรียบร้อย เป็นอนาคตของประเทศและของระบอบประชาธิปไตย

เปรียบเทียบกับภาพของมนุษย์ป้ามนุษย์ลุงชูป้ายประท้วงที่มีข้อความบ้านๆประกอบกันทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (มีคำด่าด้วย) บางคนอาจติว่ากระเปิ๊บกระป๊าบบางข้อความมีข้อติติงว่ารุนแรงหยาบคาย

สรุปประมาณว่าการสื่อสารต่อสาธารณะควรใช้ข้อความที่ชัด เคลียร์ ภาพลักษณ์ของผู้รณรงค์ก็ควรจะใสๆคลีนๆ นัยว่ามันเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถโน้มน้าวจิตใจผู้พบเห็นได้มากกว่า

ต้องเอาคนหนุ่มสาวออกหน้า มนุษย์ป้าเอาไว้ด้านหลัง

ผมไม่ปฏิเสธข้อท้วงติงข้างต้น ยอมรับว่ามันถูกต้องบางส่วน แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด

รัฐธรรมนูญ 2540 ที่ให้อำนาจฝ่ายบริหารค่อนข้างมากกับรัฐบาลทักษิณ ได้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้เห็นและได้เข้าถึงสิทธิและอำนาจของตัวเองอย่างไม่เคยมีมาก่อน อาจกล่าวได้ว่ามันว่าประชาธิปไตยที่กินได้สำหรับคนส่วนใหญ่ มันคือความหมายของคำว่า 'ประชาธิปไตย' สำหรับพวกเขา

แหม่... ก็หลายคนยังยึดติดกับภาพลักษณ์ เสกสรรค์ ธีรยุทธ จิรนันท์ ชาวบ้านเขาก็ยึดติดกับทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ระหว่างระบอบกับภาพลักษณ์ตัวบุคคลมันไม่ได้แยกกันออกมาง่ายๆหรอก

ก็ขนาดประยุทธ์ยังต้องโขมยนโยบายของ รบ. ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ อย่างหน้าด้านๆ ไปขายในเวที UN เลย

ไอ้พวกที่ว่าบรรลุแล้ว หลุดพ้นแล้ว ก้าวข้ามแล้ว วันดีคืนดียังเห็นใส่เสื้อเหมา เสื้อเชอยู่ มองไกลๆนึกว่าบังโคลนท้ายรถสิบล้อ

วาทกรรมก้าวข้ามทักษิณ ก้าวข้ามตัวบุคคล จึงเป็นกับดักที่ปัญญาชนสร้างขึ้นมา สุดท้ายก็มีไว้เพื่อดักปัญญาชนเอง

สงสัยว่าในขบวนการประชาธิปไตย เราจะเอาภาพใบหน้าอันกร้านกรำ สำเนียงภาษาทื่อ ตรง อาจดูหยาบคายไปซุกซ่อนไว้ตรงจุดไหนในขบวนประชาธิปไตย
.......
.....
แต่ถ้าถามว่า 'แล้ว นักศึกษา ปัญญาชน ไม่มีความสำคัญในขบวนการต่อสู้แล้วหรือ? ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่?

มันมีความสำคัญอยู่ อย่าพึ่งน้อยใจ (สิ่งมีชีวิตสปีชีส์นี้ขี้น้อยใจมาก ...ขอบอก ไม่สบอารมณ์เมื่อไหร่จะหงุดหงิดงุ่นง่าน ขอลาออกจากขบวนการ ปชต.กลับคืนเข้าสู่ฐานันดรของอภิสิทธิชนโดยทันใด)

ก็อยากให้เห็นว่ามันมีความสำคัญจริงๆ อุปมาเหมือนขนมเค้กถ้าไม่มีครีมแต่งหน้ามันก็ดูไม่ต่างอะไรจากขนมไข่ ใครจะยอมซื้อไปกินราคาแพงๆ (จะให้ใครเป็นลูกเชอรี่เชื่อมสีแดงแจ๊ดประดับเด่นก็จินตนาการกันเอาเอง)

ข้อดีของขบวนประชาธิปไตยก็คือมันเป็นขบวนการที่เปิดกว้างไม่มีลักษณะผูกขาด ใครๆก็สามารถเข้าร่วมได้ มันไม่ควรมีใครที่มีอภิสิทธิในการต้อนรับหรือขับไล่คนอื่นเข้าหรือออกจากขบวนการต่อสู้

นักศึกษา ปัญญาชน คนชั้นกลาง (ส่วนน้อย) ก็เป็นหุ้นส่วนในขบวนการเช่นกัน บอกว่าเป็นหุ้นส่วนหลายคนอาจไม่พอใจรีบบอกว่าตัวเองไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วทุกคนต่างก็มีผลประโยชน์ด้วยกันหมดทั้งสิ้น

ความอยากที่จะเห็นสังคมเสมอภาค เท่าเทียม ความอยากที่จะเห็นสังคมคลี่คลายตัวไปในทิศทางที่ตัวเองวาดหวังต้องการต่างก็เป็นผลประโยชน์ทั้งสิ้น เพื่อนผมเรียกว่าเป็นพวกที่มี 'ผลประโยชน์ทางอุดมการณ์'

ถามว่าหุ้นส่วนขบวนประชาธิปไตยแบบนี้ดีไหมก็พูดยาก ถ้าโลกสวยหน่อยก็คงต้องบอกว่าดี มีหุ้นส่วนแบบนี้ไว้ช่วยสร้างข้อเสนอใหม่ๆ มีไว้เพื่อถ่วงดุล ตรวจสอบ (อาจมีการกระตุกขากันเองบ้าง คงต้องทำใจ )

อุปมาอีกรอบ ขบวนประชาธิปไตยมันก็เหมือนกับห้างหุ้นส่วน แต่มันเป็น 'ห้างหุ้นส่วนไม่จำกัด' ใครมีทุน อยากลงทุนหาผลประโยชน์ก็ก้าวเข้ามาต่อสู้ร่วมกัน ไม่มีใครมีสิทธิกีดกัน จะเปลี่ยนชื่อบริษัทก็ถามหา 'ฉันทามติ'กันหน่อย และนอกจากที่จะเรียกร้องให้หุ้นส่วนก้าวข้ามข้อจำกัดของพวกเขาแล้ว ทำอย่างไรที่ตัวเองจะก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองออกมาได้บ้าง

ขณะที่เรียกร้องให้คนนั้นนี้ก้าวข้ามสีเสื้อ ก็ช่วยก้าวข้ามความลุ่มหลงในสติปัญญาของกลุ่มพวกตัวเองออกมาบ้าง ดีไหม?
.....

ย้อนกลับมาเรื่องภาพลักษณ์ของผู้ทำกิจกรรมในขบวนประชาธิปไตย ผมมองกลับว่าการสื่อสารทางการเมืองที่มีพลังคือการสื่อสารทางการเมืองที่สะท้อนลักษณะวัฒนธรรมที่หลากหลายตามธรรมชาติของกลุ่มชน

หน้าดำ กรำแดด สำเนียงภาษาวาจาที่ไม่ระรื่นหูมันก็เป็นคนในขบวนเหมือนกัน พูดกันแบบแฟร์ๆว่าจะขายสินค้าก็ต้องจริงใจกับลูกค้า องค์ประกอบที่ประกอบสร้างเป็นขบวนประชาธิปไตยมีอะไรก็จำแนกให้เห็น ปิดบังไปมันก็ไม่จริงใจต่อผู้บริโภค ซื้อหาอุดหนุนกันได้แค่ครั้งเดียว

สุดท้ายแล้วโปรดอย่าลืมว่าขนมเค้กไม่ได้มีแต่เพียงชนิดที่จะต้องประดับตกแต่งหน้าเค้กด้วยครีมเท่านั้น ฟรุ๊ตเค้ก เค้กกล้วยหอม แพนเค้ก ก็สามารถกินได้อิ่มและอร่อยโดยไม่ต้องแต่งหน้าด้วยครีม ก็ให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายเลือกซื้อกันไปตามรสนิยม

มันจะดีกว่าไหม ?



ที่มา: https://web.facebook.com/sarayut.tangprasert/posts/1038456209531863
 

บล็อกของ gadfly

gadfly
  เห็นบนเฟซบุ๊กมีการพูดกันบ่อยๆว่า แกนนำ นปช.พาคนไปตาย พาคนไปติดคุก แกนนำไม่รับผิดชอบกับชีวิตของมวลชน ผมคิดว่ามันเป็นข้อกล่าวหาโจมตีผู้อื่นเพื่อเป็นการยกตนขึ้นสูง หรืออีกนัยหนึ่งคือมันเป็นข้อกล่าวหาทางศีลธรรม
gadfly
ผมคิดว่าผู้ที่ให้บทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหาร ก็คือ ทหาร รัฐบาลทหาร และ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง
gadfly
เมื่อคืนผมไม่ได้ดื่มเหล้า เลยเกิดอาการตาสว่าง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหลับ และกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกินตีสาม .หลับแล้วก็ยังฝันต่ออีก.ฝันว่าได้กลับไปอยู่บ้าน บ้านก็ยังคงมีสภาพเหมือนเดิม แต่สภาพแวดล้อมรอบบ้านกลับเปลี่ยนไป มันกลายเป็นทุ่งหญ้า กว้าง กว้าง และกว้าง...
gadfly
เมื่อคิดถึงเรื่องโอกาสทางการศึกษา ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตาม กม.อาญา มาตรา 112ผมคิดถึงนักศึกษาสองคนคนหนึ่งเรียนอยู่ ม.เทคโนโลยีมหานคร คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีสุดท้าย เขาชื่ออัครเดช ชื่อเล่นว่า เค
gadfly
อ่านข้อถกเถียงในประเด็นเรื่องฟรีสปีช เฮทสปีช ความรุนแรง เสรีภาพในการแสดงออก ฯลฯ ของบรรดาปัญญาชนมากมาย แต่ใจกลับย้อนคิดถึงเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งอาจไม่เกี่ยวไม่ข้องกับเหตุการณ์ข้างต้นเลย ก็เลยลองยกมา