Skip to main content

 

เสียงระฆังจากวัดแว่วมายามเช้า หลายคนฟังแล้วรื่นรมณ์แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช๋...
เมื่อได้ยินแลัวมันกลับทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวชวนสยองของผีปอบที่ถูกเล่าขานคู่กันมากับการเปลี่ยนแปลงไปของชนบทในอีสาน

จากการบอกเล่า“ผีปอบ”คืออาการของวิญญาณร้ายที่มาเข้าสิงร่างและกัดกินอวัยวะภายในของเหยื่อ จากคำบอกเล่า เหยื่อจะมีอาการไม่สบตาไม่สุงสิงกับผู้คน พูดจาพร่ำเพ้อ แอบกินของดิบหรือสัตว์เลี้ยงในยามวิกาล เมื่อมีการเจ็บป่วยล้มตายของคนหรือสัตว์เลี้ยงในชุมชนจนเป็นที่ผิดสังเกตุ ก็มักจะมีบางคนโชคร้ายต้องได้กลายเป็นปอบ

ในอดีต”หมอธรรม”ซึ่งหมายถึงผู้ที่ศึกษาวิชาอาคมแก่กล้า สักลายตั้งแต่ตีนจนจรดหัวจะเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ในการชี้ตัวและทำพิธีไล่ผีปอบ แต่ในบางทีผู้ล่าก็อาจกลายเป็นผู้ถูกล่า หมอธรรมก็อาจจะกลายเป็นผีปอบเสียเองเมื่อประพฤติปฏิบัติตัวผิดเพี้ยนเกินไป

สำหรับผู้ที่ซาบซึ้งในแนวคิดวัฒนธรรมชุมชน “หมอธรรมในอดีต”น่าจะเข้าข่ายที่ควรจะอนุรักษ์ไว้อย่างยิ่งยวด เพราะหมอธรรมที่สักลายเต็มตัวคนสุดท้ายที่ผมที่บ้านตีนภูหากเห็นนับย้อนหลังไปก็นานกว่าสิบปีแล้ว และตอนที่เห็นนั้นแกกำลังจะตาย

ปัจจุบันยังมีหมอธรรมอยู่หรือไม่ ?? คำตอบก็คือว่ายังมี เราอาจเดินสวนทางกับหมอธรรมขณะที่กำลังไปปลูกมัน ไปกรีดยาง ไปไถไร่ไถสวน ไปซื้อของตามตลาดนัด ไปสระปลาตามหนองในยามแล้ง หรือวันดีคืนดีนึกครึ้มๆไปร้านคาราโอเกะก็อาจจะเจอหมอธรรมนั่ง”จกของ”ผู้สาวลาว ร่วมโต๊ะกับ อบต.หรือผู้ใหญ่บ้าน  จากนิ้วศักดิ์สิทธิ์ที่เคยใช้ชี้ตัดสินชะตาของผู้คนกลับกรุ่นกลิ่นคาวคุ้นจมูกแปดปนอยู่ นี่อาจเป็นเหตุให้หมอธรรมแบบเก่าอยู่ในสภาพเจียนจะจะสูญพันธุ์

“ผีปอบ”ยังไม่ได้หมดไป ขณะเดียวกันภาระหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ในการล่าและไล่”ผีปอบ”ก็ยังดำเนินต่อไป  แถวบ้านผมพระสงฆ์บางรูปได้เข้ามาทำหน้าที่นี้แทน

พูดถึงพระหลายคนอาจนึกถึงพระที่มีวัตรปฏิบัติงามงดเหมือนท่าน ว.วชิรเมธี  หรือท่าน พ.วิสาโล สงฆ์เซเล็บขวัญใจชาวโลกไซเบอร์ แต่พระในชนบทมีไลฟ์สไตล์ต่างกันออกไป สำหรับกรณีนี้กิจกรรมที่ดำเนินควบคู่ไปกับการสแกนว่าใครเป็นผีปอบแล้ว ก็คือ การใบ้หวย ดูดวง รักษาโรคด้วยวิธีแปลกๆ ปลุกเสกเครื่องลาง สารพัด

ยิ่งเรื่องราวข่าวลือ ดูขรึมขลังซับซ้อนมากเท่าไร ผู้อุปถัมภ์ทั้งในและนอกชุมชนต่างก็ไหลทะลักเข้ามามากขึ้นตามกัน

ผู้ต้องหาว่าเป็น”ผีปอบ”เท่าที่เห็นก็คือ ชายหญิงสูงอายุ ไม่ค่อยจะมีฐานะนัก บางคนเป็นโรคเรื้อรัง และเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีวงศ์วานใหญ่นักในชุมชน  โชคดีที่ยังไม่มีเหตุรุนแรงอะไรมากนักนอกจากการกระพือข่าวลือสร้างความนิยมให้กับตนเองโดยการสร้างความน่ารังเกียจให้กับผู้อื่นออกไปเรื่อยๆ

เหตุที่ได้ยินเสียงระฆังจนทำให้คิดถึงเรื่อง”ผีปอบ”จนเป็นเหตุให้หวั่นผวาเป็นพิเศษก็คือ หลายวันก่อคนที่สำนักสงฆ์แห่งนั้นมาถาม”ขอ”ซื้อสายไฟกองใหญ่ที่ไม่ได้ใช้แล้วที่ผมรื้อลงมาจากเสาไฟ ผมปฏิเสธเพราะคิดว่าอาจยังมีเหตุให้ได้ใช้อีก และเชื่อว่าต่อให้ใช้คำว่า”ซื้อ”ก็คงจะไมได้เศษเงินมากกว่าชั่งกิโลขายเป็นเศษพลาสติก เศษทองแดงมากนัก

มันทำให้ฉุกคิดว่า พ่อผู้ชราวัยเกินเก้าสิบที่ไม่สามารถดูแลตัวเองแม้กระทั่งจะควบคุมระบบขับถ่ายเองได้แล้ว หรือแม้แต่ตัวของผมเองในสภาพปกติ(ซึ่งดูไม่ค่อยปกตินักในสายตาผู้อื่น) ก็ล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่พร้อมจะถูกผู้อื่นช่วยให้กลายร่างสร้างตนให้เป็น”ผีปอบ”อยู่แล้ว

อย่ากระนั้นเลย ตัดปัญหาด้วยการยกกองสายไฟโยนขึ้นรถ เอาไปถวายที่สำนักสงฆ์พร้อมกับกราบหลวงพ่องามๆสักสามรอบคงจะหมดปัญหา..

แต่อีกใจให้คิดว่า มันจะอะไรกันนักกันหนา..  ถ้าจะต้องกลายเป็นปอบเพราะคำคนมันจะเป็นอย่างไรไปเล่า..

หากคำสวดสาปแช่งภาษาบาลีที่ขรึมขลังไม่ได้สื่อความหมายแต่กลับได้รับความนับถือเลื่อมใสกลายเป็นคุณค่าได้ฉันท์ใด คำหยาบสบถ ที่ประกอบกันเพียงแค่พยัญชนะสามตัวก็ดูจะเป็นการโต้ตอบที่มีคุณค่าสมแก่กันและกันดีอยู่แล้ว

มิใช่หรือ...???

 

หมายเหตุ:

1.เขียนบนเฟซบุ๊กเมื่อ 17 พฤษภาคม 2555 
2.ภาพประกอบจากเรื่อง The Excorcist ภาพยนต์ที่สร้างความสยดสยอง แต่ในขณะเดียวมันก็สร้างความคลั่งไคล้ในศาสนาไปด้วยในช่วงเวลาสั้นๆของวัยเด็ก

บล็อกของ gadfly

gadfly
  เห็นบนเฟซบุ๊กมีการพูดกันบ่อยๆว่า แกนนำ นปช.พาคนไปตาย พาคนไปติดคุก แกนนำไม่รับผิดชอบกับชีวิตของมวลชน ผมคิดว่ามันเป็นข้อกล่าวหาโจมตีผู้อื่นเพื่อเป็นการยกตนขึ้นสูง หรืออีกนัยหนึ่งคือมันเป็นข้อกล่าวหาทางศีลธรรม
gadfly
ผมคิดว่าผู้ที่ให้บทเรียนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่สนับสนุนการรัฐประหาร ก็คือ ทหาร รัฐบาลทหาร และ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่พวกเขาสร้างขึ้นมาเอง
gadfly
เมื่อคืนผมไม่ได้ดื่มเหล้า เลยเกิดอาการตาสว่าง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะหลับ และกว่าจะหลับก็ปาเข้าไปเกินตีสาม .หลับแล้วก็ยังฝันต่ออีก.ฝันว่าได้กลับไปอยู่บ้าน บ้านก็ยังคงมีสภาพเหมือนเดิม แต่สภาพแวดล้อมรอบบ้านกลับเปลี่ยนไป มันกลายเป็นทุ่งหญ้า กว้าง กว้าง และกว้าง...
gadfly
เมื่อคิดถึงเรื่องโอกาสทางการศึกษา ในกรณีผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตาม กม.อาญา มาตรา 112ผมคิดถึงนักศึกษาสองคนคนหนึ่งเรียนอยู่ ม.เทคโนโลยีมหานคร คณะวิศวกรรมศาสตร์ ปีสุดท้าย เขาชื่ออัครเดช ชื่อเล่นว่า เค
gadfly
อ่านข้อถกเถียงในประเด็นเรื่องฟรีสปีช เฮทสปีช ความรุนแรง เสรีภาพในการแสดงออก ฯลฯ ของบรรดาปัญญาชนมากมาย แต่ใจกลับย้อนคิดถึงเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งอาจไม่เกี่ยวไม่ข้องกับเหตุการณ์ข้างต้นเลย ก็เลยลองยกมา