Skip to main content
 

คิม  ไชยสุขประเสริฐ

 

 

 

5 ก.ค. 51

 

เยือนโขงเจียม แดนตะวันออกสุดเขตประเทศไทย ที่ว่ากันว่าเห็นตะวันก่อนใครในสยาม (อีกครั้ง)

 

แล้วเวลาแห่งการรอคอยของชาวบ้านปากมูนก็มาถึง เมื่อประตูบานเขื่องทั้ง 8 บานของ "เขื่อนปากมูล" ถูกยกขึ้นเพื่อปลดปล่อยฝูงปลาให้เวียนว่ายท้าทายกระแสน้ำขึ้นสู่ต้นน้ำตามวัฎจักร ได้เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตามมติของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำเขื่อนปากมูล หลังจากที่ "เขื่อนปากมูล" ต้องถูกปิดมากว่า 1 ปีเต็ม

 

ที่ผ่านมา "เขื่อนปากมูล" กับการต่อสู้ของ "ไทบ้านปากมูน" เป็นที่รับรู้มานานปี และดูเหมือนว่าวันนี้ ชาวบ้านในพื้นที่จะยังคงความเข้มแข็งไม่ต่างจากเมื่อตอนที่ได้มาเยี่ยมเยือนชาวบ้านในครั้งแรก แม้ว่าระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านไป พวกเขาจะต้องพบกับการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งก็คงทำให้หัวใจนักสู้ของพวกเขาสั่นไหวไปมากพอดู

 

เพราะปัญหาของพวกเขายังไม่จบ ชาวบ้านยังคงต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยการอยู่ร่วมกันเขื่อนที่พวกเขาไม่เคยต้องการให้ได้ และต่อสู่ต่อไปเพื่อสักวันตัวแทนการพัฒนาอย่างเขื่อน จะไม่มีความชอบธรรมในการดำรงอยู่อีกต่อไป 

 

.....................

 

30 มิ.ย.50

 

เดินทางสู่ อ.โขงเจียม จ.อุบลครั้งแรก

 

สิ่งที่ฉันได้รับรู้...

 

ชาวบ้านได้หลั่งน้ำตามาครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ช่วงต้นของการก่อสร้าง "เขื่อนปากมูล"  จนกระทั่งเขื่อนสร้างเสร็จเมื่อปี 2537 หลังจากการต่อสู้ไม่ให้ก่อสร้าง มาจนถึงต่อสู่กับปัญหาค่าเวนคืนและค่าชดเชย ที่ กฟผ.เจ้าของโครงการยังไม่สามารถเยียวยาความเดือนร้อนของชาวบ้านในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง

 

นอกจากนี้ความเจ็บปวดที่ไม่อาจลืมเลือน คือ เขื่อน' ได้ทำให้ชาวบ้านต้องสูญเสียวิถีชีวิต และอาชีพการทำประมงพื้นบ้านที่เคยทำให้ชาวบ้านมีอยู่มีกินเลี้ยงครอบครัวก็แทบต้องสูญสลายไป เพราะประตูเขื่อนหนาหนัก 8 บานได้ขวางกั้นลำน้ำเส้นเลือดใหญ่ของพวกเขา พร้อมสกัดกั้นเหล่าปลาที่จะต้องขึ้นไปวางไข่บนต้นน้ำ

 

บันไดปลาโจนแห่งแรกของประเทศไทยที่ว่าสร้างขึ้นเพื่ออนุรักษ์พันธุ์ปลา ให้ปลาได้ใช้ข้ามไปวางไข่ ชาวบ้านก็ไม่เคยได้เห็นว่าปลาตัวไหนจะสมารถกระโจนผ่านความสูงชันของมันขึ้นไปได้ หรือจะมีสักกี่มากน้อย... ไม่มีข้อพิสูจน์ และไม่มีใครอยากพิสูจน์อีกต่อไป

 

กว่า 13 ปี ที่ชาวบ้านต้องต่อสู่อยู่กับการให้ปิด-เปิดเขื่อน ทั้งด้วยการพยายามหาข้อมูล เข้าหานักวิชาการ ทำการวิจัยแบบชาวบ้าน ไปดูศึกษาพื้นที่ปัญหาต่างๆ ยื่นจดหมายต่อหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนการเดินขบวนเคลื่อนไหวเรียกร้อง แต่แล้วสุดท้ายการตัดสิ้นชี้ขาดชะตาชีวิตของพวกเขาก็ตกอยู่ในมือรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่ที่ส่วนกลางของประเทศ และแทบไม่เคยลงมาสัมผัสความเป็นจริงที่ชาวบ้านต้องประสบ

 

หลังจากเมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ครม.ในรัฐบาลที่นำโดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้มีมติให้ปิดเขื่อนปากมูลถาวร โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ รักษาระดับน้ำเขื่อนปากมูลไว้ที่ระดับ 106-108 ม.รทก.ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 2 สัปดาห์ ครม.ได้มีมติให้เปิดประตูเขื่อน ในวันที่ 17 มิถุนายน ด้วยเหตุผลของรายชื่อ 2 หมื่นกว่ารายชื่อที่คัดค้านการเปิดเขื่อนได้ถูกส่งไปยัง ครม.ผ่านทางคนมีสี...

 

คลื่นความทุกข์ของชาวบ้านได้สาดซัดมาอีกระลอก

 

นับเป็นอีกครั้งหนึ่ง ของการใช้รูปแบบการเคลื่อนไหวมวลชนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการปิดเขื่อนปากมูล หลังจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยให้สำนักงานสถิติแห่งชาติไปสำรวจความเห็นของชาวบ้านใน อ.โขงเจียม อ.สิรินธร อ.พิบูลมังสาหาร เพื่อทำให้ชาวบ้านต้องกลายเป็นพียงคนกลุ่มน้อยที่ไม่ต้องการเขื่อน ไม่ต้องการให้มีการปิดเขื่อน และนำไปสูการจัดการตามความต้องการของคนส่วนใหญ่

 

การกระทำของรัฐทั้งสองครั้งต่างกันเพียงแค่รัฐบาลเก่ายอมเปิดทางให้ชาวบ้านทำกิน 4 เดือน แต่รัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้งจากคนดีมีศักดิ์มีศรีในสังคมคนเมืองได้ปิดทางของพวกเขาจนหมดสิ้น

 

............

 

14 ปีที่ผ่านพ้นมา ชาวบ้านปากมูนถูกจับให้อยู่ในฐานะของคนส่วนน้อยที่ต้องเสียสละให้คนส่วนใหญ่ เสียสละเพื่อประเทศชาติ และผลักไสพวกเขาไปสู่ความทุกข์ยากลำบาก จนต้องดิ้นรนต่อสู้พร้อมๆ ไปกับการเรียนรู้ สั่งสมประสบการณ์ และข้อมูลต่างๆ

 

ความทุกข์ที่พวกเขาได้รับ ช่วยสั่งสมให้ชาวบ้านธรรมดาๆ คนตัวเล็กตัวน้อยที่พร่ำพรรณนาถึงความทุกที่ไม่มีใครได้ยิน ให้เติมเต็มคุณค่าในตนเอง จนทำให้สามารถลุกขึ้นยืนหยัดเผชิญหน้าถกเถียงแลกเปลี่ยนกับกลุ่มเจ้านาย ทั้งข้าราชการ นักการเมืองมีอำนาจที่พวกเขาเคยเกรงกลัว ได้อย่างฉะฉานและมีเหตุมีผล

 

"สิ่งเหล่านั้นมันเป็นการเรียนรู้ด้วยชีวิต" แม่สมปอง เวียงจันทร์ หนึ่งในแกนนำชาวบ้านปากมูลบอกกับเรา

 

วันนี้... แม้จะมีคำถามถึง กระบวนการบริหารจัดการน้ำที่ย้อยถอยหลังมาสู่การดูแลโดยคณะกรรมการร่วมที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ว่าจะเกื้อหนุนการแก้ปัญหาของชาวบ้านได้มากแค่ไหน

 

แต่ชาวบ้านก็ยังคงมีความหวังอยู่เสมอ และพร้อมจะยืนหยัดเดินหน้าต่อสู้ปัญหาต่อไป

 

...................

 

วันนี้ประตูเขื่อนเปิดแล้ว แต่คนปากมูลยังหาปลาได้ไม่มากอย่างที่คิด มีชาวบ้านบอกเราว่าอาจเป็นเพราะการเปิดเขื่อนล่าช้ามาเกือบ 2 เดือน จากที่ปลาจะมาวางไข่ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมทำให้ปลาหายไป

 

"ฝนมาปลามา ปลามันชอบน้ำใหม่" ชาวบ้านยังบอกเราอย่างมีความหวัง เพราะไม่กี่วันที่ผ่านมาพยากรณ์อากาศบอกไว้ว่าฝนกำลังจะมา แต่วันนี้แดดจ้าทั้งวัน หรือเค้าจะต้องรอฝนวันใหม่เสียแล้ว...

 

ตกเย็น... เรานั่งรถไฟกลับจากอุบล คล้อยหลังจากที่เราเดินทางกลับมาไม่นานที่ปากมูนก็มีฝนตกหนัก เสียงจากในพื้นที่บอกผ่านมาทางโทรศัพท์

 

ดีใจกับชาวบ้านที่จะได้หาปลาหลังจากที่ตั้งตาเฝ้ารอกันมานาน แต่ก็แอบนึกเสียดาย...ที่ไม่ได้อยู่ในวันฝนมาที่ปากมูล

..........................

บล็อกของ Hit & Run

Hit & Run
  ตติกานต์ เดชชพงศ  เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพิ่งมีโอกาสได้ไปดูฉากโหดๆ อาทิ หัวขาดกระเด็น เลือดสาดกระจาย กระสุนเจาะกระโหลกเลือดกระฉูด ในหนังไทย (ทุ่มทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท!) เรื่อง ‘โอปปาติก'  รู้สึกอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้รอดพ้นเงื้อมมือกองเซ็นเซอร์ผู้เคร่งครัดมาได้ยังไง?เพราะด้วยการทำงานของหน่วยงานเดียวกันนี้ ทำให้หนังเรื่องหนึ่งถูกห้ามฉาย เพราะมีฉากพระสงฆ์เล่นกีตาร์, และฉากนายแพทย์บอกเล่าว่าตนก็มีึความรู้สึกทางเพศ แม้แต่ฉากเด็กผู้หญิงอาบน้ำ (ซึ่งเป็นเพียงตัวการ์ตูนญี่ปุ่น) ก็ยังถูกเซ็นเซอร์มาแล้ว ด้วยข้อหา ‘ทำให้เสื่อมเสียศีลธรรมอันดี'…
Hit & Run
วิทยากร บุญเรือง ผมไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง เหตุเกิดที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งไม่ว่าจะยังไง ข่าวชิ้นนี้ผมว่ามันสามารถสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง สำหรับสังคมไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคือข่าวที่กลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรมในโรงพยาบาลศิริราช มาหากินกับพสกนิกรผู้จงรักภักดีได้ลงคอ ... (กรุณาอ่านให้จบก่อนด่า)ท่านพงศพัศ พงษ์เจริญ ตำรวจหน้าหล่อ ได้กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลศิริราช มีเรื่องซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นนั่นคือมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาก่ออาชญากรรม และที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง คือเป็นการก่อเหตุในเขตพระราชฐาน โดยขณะนี้ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานแล้วเตือนไปยังแก๊งมิจฉาชีพที่ตั้งใจมาก่ออาชญากรรมว่า…
Hit & Run
พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ 26 กันยายน 2550ย่านพระเจดีย์สุเล, กรุงย่างกุ้ง   ภาพที่เห็นคือ...ประชาชนหลายพันคนออกมายืนเต็มถนนย่านพระเจดีย์สุเล ซึ่งเป็นย่านกลางเมือง โดยไม่ไกลนักมีกองกำลังรักษาความมั่นคงพม่าตั้งแถวอยู่เบื้องหน้า ป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้พระเจดีย์แห่งนี้"เราต้องการประชาธิปไตย" ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว"รัฐบาลนี้อันตรายโคตรๆ" ชายอีกคนหนึ่งกล่าวประชาชนส่วนหนึ่ง พยายามต่อสู้กับทหาร ทหารที่มีทั้งโล่ กระบอง แก๊สน้ำตา กระทั่งปืน โดยประชาชนพยายามขว้างอิฐ ขว้างหิน เข้าใส่แถวแนวของทหารพวกนั้นก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกทุบเป็นก้อนย่อมๆก้อนแล้ว ก้อนเล่า ... ถูกขว้างสุดแรงเกิด…
Hit & Run
  อรพิณ ยิ่งยงพัฒนาดูเหมือนเรื่องน่าจะจบลงไปแล้ว กับความพยายามของ สนช.กว่า 60 คน ที่เข้าชื่อกันยื่นแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) ในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก่อนที่สุดท้าย สนช.จะตัดสินใจถอนการแก้ไขออกไปก่อนแม้เรื่องนี้มีนัยยะที่น่าสนใจหลายประเด็น แต่สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ กระแสความคิดที่เกิดขึ้น แม้ภายหลังการถอยและถอนการเสนอแก้กฎหมายแล้วก็ตามสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีจำนวน 242 คน โดย สนช. สามารถเข้าชื่อกันเพื่อเสนอหรือแก้ไขกฎหมายได้ ผ่านการเข้าชื่อเพียงจำนวนไม่น้อยกว่า 25 คน ยกเว้นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน…
Hit & Run
จิรนันท์ หาญธำรงวิทย์นอกจาก 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย และ (อดีต) วันชาติแล้ว วันสำคัญที่เงียบเหงารองลงมา (อีกวัน) ก็คงหนีไม่พ้น 6 ตุลาคม 2519 ที่รับรู้กันว่า เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่นักศึกษา ประชาชน เพราะเข้าใจว่าเป็นคอมมิวนิสต์ สำหรับปีที่แล้ว วันนี้อาจคึกคัก เพราะถึงวาระตัวเลขกลมๆ 30 ปี ซ้ำยังเพิ่งผ่านพ้นรัฐประหาร 19 กันยายน มาหมาดๆ กระแสเรื่องการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยจึงยังมีอยู่ แต่พอปีนี้กระแสกลับไปเงียบเหงาเหมือนปีก่อนๆ วันที่ 6 ตุลาในปีนี้ กลายเป็นวันเสาร์ธรรมดาๆเมื่อถามถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา กับหลายๆ คน…
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทองเป็นข่าวคราวกันพักใหญ่ในรอบสัปดาห์จนผู้หลักผู้ใหญ่ต้องรีบออกมาเต้นเร่าร้อนกันทั่ว เมื่อคุณหนูสาวๆ มีแฟชั่นเทรนใหม่เป็นการนุ่งกระโปงสั้นจุ๊บจิมโดยไม่สวมใส่ ‘กุงเกงลิง’ ความนิยมนี้เล่นเอาหลายคนหน้าแดงผ่าวๆจนพากันอุทาน ต๊ายยย ตาย อกอีแป้นจะแตก อีหนูเอ๊ยย ทำกันไปได้อย่างไร ไม่อายผีสาง เทวดาฟ้าดินกันบ้างหรืออย่างไรจ๊ะ โอ๊ย..ย สังคมเป็นอะไรไปหมดแล้ว รับแต่วัฒนธรรมตะวันตกมาจนไม่ลืมหูลืมตา วัฒนธรรมไทยอันดีงามของไทยไปไหนโม๊ดดดดเรื่องนี้มองเล่นๆ เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่มันก็ไม่เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ไปๆ มาๆ คล้ายกับว่ารอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘กุงเกงลิง’…